“ไปโรงเรียนแล้วนะคะ คุณพ่อ!” กานดา เป็นเด็กสาววัยสดใสกำลังเรียนเอกชน อยู่มัธยมต้นกำลังจะเข้าม.ปลาย เธอกล่าวลาบิดาหนุ่มหล่อยามเช้า เพื่อเข้าโรงเรียนตามปกติ หลังจากพ่อขับรถยนต์มาส่งถึงหน้าโรงเรียน
“อืม... เย็นนี้เจอกันที่บ้านนะ” ธีรสิทธิ์ เป็นพ่อบุญธรรมของเธอ นั้นก็หลายปีมาแล้ว... เขาไปรับกานดาจากบ้านเด็กกำพร้า ตอนนั้นเธอยังเล็กมาก
เขาไปพบกับกานดาได้ เพราะไปเลี้ยงข้าวบ้านเด็กกำพร้าพร้อมๆ กับแฟนที่คบกันอยู่ แฟนสาวเขาเกิดถูกชะตากานดา จึงทำเรื่องขอรับเลี้ยงมาเป็นลูกบุญธรรม
ธีรสิทธิ์พึ่งจะคบกับแฟนสาวกันได้แค่สองปี... แต่หลังจากกานดามาอยู่บ้านด้วยกันได้ไม่กี่ปี... แฟนสาวก็จากไปด้วยโรคร้าย ทำให้ธีรสิทธิ์ต้องเลี้ยงดูกานดาเพียงลำพัง มาก็แปดปีที่แล้ว
ด้วยวัยสามสิบต้นๆ ของธีรสิทธิ์ เขายิ้มแย้มให้ลูกสาวที่น่ารัก โบกมือลาให้กานดาอีกครั้ง และเริ่มออกรถเดินทางเพื่อไปทำงานที่บริษัทเกี่ยวกับงานโฆษณาต่อ
******
โดยปกติแล้วเขาทำงานเหมือนกับทุกๆ วันโดยไม่มีปัญหา ติดอยู่เพียงว่า เขายังเป็นหนุ่มหล่อ และก็โสด แต่หลายๆ คนคงมองว่าเขาเป็นพ่อหม้าย ชายหนุ่มไม่กล้ามีแฟนใหม่ กลัวจะเข้ากับกานดาไม่ได้
มีเพื่อนสาวในที่ทำงาน ต่างพยายามตีสนิทเพื่อจะเริ่มต้นคบหากับธีรสิทธิ์มากมาย เขาปฏิเสธเสมอ เพราะกลัวกานดาจะมีปัญหากับคนที่เขาคบ ยิ่งไปกว่านั้น อาจจะทำให้ผลการเรียนแย่ลงด้วย ธีรสิทธิ์จึงยิ้มแย้มกับเพื่อนทุกๆ คน พาตัวเองออกจากที่ทำงานเร็วกว่าทุกวัน เพื่อกลับมารับกานดา กลับบ้านทานข้าวเย็นอยู่เสมอ
“คุณพ่อที่แสนดี...” เพื่อนร่วมงานต่างพากันแซว แต่นั้นก็ทำให้เพื่อนร่วมงาน ปลาบปลื้มใจว่าธีรสิทธิ์เป็นผู้ชายที่น่านับถือคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่แฟนสาวเสียชีวิตจากไป เขาตั้งใจเลี้ยงกานดาสุดความสามารถ
“เออ ขอบใจ” ธีรสิทธิ์ยิ้มส่ง และโบกมือ เขาไม่กลัวคำครหาใดๆ เพราะเขาคิดกับกานดาว่าเป็นแค่ลูกเลี้ยงเท่านั้น หากวันหนึ่งเธอมีแฟนสักคน หรือแต่งงานออกจากบ้านไป เขาคงจะเริ่มมองหาภรรยาคนใหม่ แต่งเข้าบ้านได้เสียที
วัยเด็กของกานดา เริ่มแปรเปลี่ยน ความเป็นสาวกำลังเติบโต ตามอายุของดรุณี ความเปลี่ยนแปลงที่กานดาได้พบ คือนมเริ่มขึ้น อวบอิ่มกลมกลึง เต่งตึงงดงาม และมีเลือดประจำเดือน วันนี้เธอไม่สบายที่โรงเรียน ทำให้อาจารย์โทรศัพท์ติดต่อ ธีรสิทธิ์ให้มารับที่โรงเรียนช่วงบ่าย
“ขอบคุณครับ คุณครู ผมจะรีบไปรับนะครับ” ธีรสิทธิ์เป็นห่วงลูกสาวมาก เพราะวันนี้เธอมีเลือดออก เขาเห็นว่าครูที่โรงเรียนกำลังช่วยเหลือ และกำลังนอนพักผ่อนในห้องพยาบาล ธีรสิทธิ์คิดว่าขอลางาน เพื่อไปรับลูกสาวกลับมาพักฟื้นที่บ้าน หลังจากทราบว่า กานดาเพิ่งจะมีประจำเดือนครั้งแรก
เมื่อคุณพ่อเดินทางมาถึง เขามารับลูกสาวกลับบ้านเพื่อขอลาเรียนช่วงบ่าย และอาจจะหยุดเรียนสักระยะ เพื่อพักฟื้นหวังว่ากานดาจะปรับตัว และรับมือกับการมีรอบเดือนครั้งแรกนี้
******
เมื่อนำรถยนต์เข้าบ้าน ปิดบ้านเรียบร้อยแล้ว ธีรสิทธิ์พยายามปลุกลูกสาวซึ่งกำลังหลับอยู่ ไม่ยอมตื่น เห็นทีจะต้องอุ้มเธอลงจากรถ ให้ไปนอนในบ้านเสียก่อน เขาไม่ยอมปล่อยให้กานดาหลับในรถหรอก
ชายหนุ่มอุ้มเด็กสาวออกจากรถ พลางสัมผัสกับเรือนกายนุ่มนิ่ม และกลิ่นเลือดลอยออกมาจางๆ หน้าอกกลมประชิดกับชายหนุ่ม ธีรสิทธิ์เกิดรู้สึกใจเต้นแรง เมื่อได้กอดเด็กสาวยามนี้ เธอไม่ใช่เด็กน้อยของเขาอีกต่อไป...
แววตาของธีรสิทธิ์เหลือบมองต่ำลง พบกับเนินหน้าอกกลมโผล่ออกมานอกคอเสื้อคอซอง เขาพยายามเบนสายตาออก ไม่ควรรู้สึกหรือคิดอะไรกับลูกเลี้ยงแบบนี้ ตอนนี้เธอไม่สบาย น่าจะพยายามปลุกกานดา และถามว่าเธอหิวมั๊ย
จะว่าไปแล้วนี่ก็ใกล้สี่โมงเย็น เด็กสาวหลับลึกราวกับไม่รู้สึกตัว ธีรสิทธิ์พยายามเขย่าเรือนร่างเธอแรงขึ้น กานดาค่อยๆ ปรือตาตื่น พบว่าตัวเองมานอนอยู่บ้านแล้ว
“หนูกลับมาบ้านแล้วหรอคะ? จำได้ว่าเป็นลมอยู่ที่โรงเรียน”
“กานดา... หนูเป็นประจำเดือน เสียเลือดมาก เลยหมดสติน่ะ ยังดีครูที่โรงเรียนเขาช่วยกันปฐมพยาบาล โทรหาเรียกพ่อไปรับมาพักฟื้น”
“ชุดเปื้อนเลือดหมดเลย” เด็กสาวบ่นอย่างน่าเสียดาย
“ไม่เป็นไรหรอก เอาไปซักรีด ใส่น้ำยาล้างคราบเลือดก็หมดแล้ว อย่าห่วงไปเลยนะ ลูกพ่อ” ธีรสิทธิ์ลูบหัวยิ้มแย้ม มองดูเด็กสาวค่อยๆ ใช้แขนเล็กบอบบางพยุงกายนั่ง ธีรสิทธิ์เกิดไปเห็นร่างบางน่าสวมกอด ภายใต้เสื้อคอซอง
ใจพ่อเลี้ยงเต้นรัว หม้ายหนุ่มพยายามปลีกตัวออกจากลูกสาวให้ไกลดีกว่า ทำไมเขารู้สึกคิดไม่ซื่อกับกานดาเช่นนี้
“คุณพ่อคะ... กอดหนูหน่อยได้มั๊ยคะ หนูหนาวจังเลย” กานดาบอกพลางกอดตัวเอง ตัวสั่นร่างกายเย็นเยือก ธีรสิทธิ์ชะงักเท้า เมื่อได้ยินลูกสาวบอกเช่นนั้น เขากัดฟันข่มใจ ก่อนจะก้าวเท้ากลับมาหาลูกสาว ซึ่งนั่งอยู่กับที่
“ได้สิ พ่อขอกอดลูกหน่อย ตอนครูบอกว่ากานดาเป็นลม พ่อเป็นห่วงมากๆ เลยนะ” ธีรสิทธิ์โอบร่างบางเด็กสาวไว้ในอ้อมกอด เรือนร่างเธอเปลี่ยนไป จากเด็กสาวกลายเป็นสาวเต็มตัวแล้ว เขายิ่งใจเต้นแรงไปอีก เพราะดันเกิดอารมณ์อย่างอื่นแทนที่เข้ามา
“กอดหนูนานๆ นะคะ รู้สึกดีจังเลยค่ะ ตอนคุณพ่อกอดหนูใกล้ชิดแบบนี้” กานดาบอกเสียงโหยหา แนบแก้มนวลเข้าหาเรือนอกหม้ายหนุ่ม สูดลูมหายใจราบรื่นเพราะไว้ใจเขา พลางได้ยินเสียงเต้นแรงของหัวใจเขาดังกว่าปกติ
“หัวใจคุณพ่อเต้นแรง วันนี้คุณพ่อเหนื่อยมากหรือเปล่าคะ?” กานดาถามอย่างสงสัย เรือนกายเด็กสาวยามนี้ ทำให้ธีรสิทธิ์เกิดคิดอกุศลแทน ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้กับเขาได้นะ
“เอ่อ... ก็พ่อเป็นห่วงกานดาไง รู้สึกดีขึ้นหรือยังล่ะ? หิวหรือยัง?” ธีรสิทธิ์พยายามเปลี่ยนเรื่อง
“ก็หิวน้ำมากค่ะ” ยิ่งคำพูดของกานดา ทำให้ธีรสิทธิ์ใจสั่น พลางนึกถึงตอนสำเร็จความใคร่ หลั่งน้ำขุ่นใส่เรือนร่างกานดาในจินตนาการ
“ไปทานข้าวเย็นเถอะนะ พ่อจะทำกับข้าวให้ทาน” ธีรสิทธิ์พยายามสลัดภาพ จินตนาการเปลือยกายของกานดา และตัวเขาเปลือยเปล่าเช่นกัน กำลังจะร่วมรักเพื่อสนองความต้องการของเขา ซึ่งมีต่อกานดา และอาจจะมากกว่าความเป็นพ่อลูก
“ก็ดีค่ะ” เด็กสาวยิ้มแย้ม ดีใจเหลือลน รู้สึกดีมากมายยามเมื่อ คุณพ่อวัยหนุ่มโอบกอดเมื่อสักครู่แล้ว เธออยากจะเข้าไปนอนกอดกับเขาทั้งคืน เหมือนเมื่อสมัยก่อนเป็นเด็กเสียจริงๆ
******
หลังจากกานดาหมดประจำเดือน เด็กสาวรู้สึกกับร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป ยามเมื่อกานดาเข้าใกล้พ่อ เธอกลับมีความรู้สึกแปลกๆ อยากให้เขากอดมาก แต่พ่อกลับพยายามเดินหนีเธอ และไม่ยอมให้กอด
กานดารู้สึกว่า เพราะเธอเป็นตัวปัญหาสำหรับเขาหรือเปล่า เด็กสาวเริ่มร้องไห้ เพราะเห็นพ่อทำตัวห่างเหินกับเธอมากขึ้นทุกวัน
ธีรสิทธิ์รู้ตัวอยู่ว่ากานดาหายป่วยแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น เด็กสาวพยายามเข้าใกล้ เพื่อสวมแนบกายตลอดเวลา แต่ความเป็นชายกลับตื่นตัว และใจเขาเต้นแรง คิดกับกานดาไม่ซื่อ ต้องกัดฟันข่มใจแค่ไหน เมื่อต้องคลายวงแขนเล็กๆ ออกจากรอบเอว ความจริงเขาไม่รังเกียจกานดาเลย
“คุณพ่อเกลียดกานดาเพราะอะไรหรอคะ?” เด็กสาวเริ่มร้องไห้น้อยใจ ทำไมพ่อที่แสนรักของเธอ ทำตัวห่างเหิน
“พ่อเปล่าเกลียดนะ กานดา... ตอนนี้ลูกโตแล้ว จะกอดพ่อเหมือนสมัยก่อนไม่ได้นะ”
“แต่หนูรักพ่อ!!! อย่าจากหนูไปไหนเลยนะคะ” กานดาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เธอเหงา และโหยหาความรัก และความเมตตา ต้องการเพียงอ้อมกอดอบอุ่น เธอรักพ่อมากจนไม่อยากให้เขาทำตัวห่างไกลเพียงนี้
“กาน...ดา...” ธีรสิทธิ์ตกใจ เมื่อเด็กสาววิ่งเข้าหา เข้ามาสวมกอดแนบหน้า เข้าหาเรือนหน้าท้องแบนราบ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนหน้าอก กายสาวแรกแย้มประชิดเขาด้วยหน้าอกกลมกลึง และกลิ่นฟีโรโมนจากกานดา โชยออกมา ทำให้ความเป็นชายของเขากำลังตื่นตัวขึ้นทุกที...
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้