เรื่องราวความรักของคู่รักแสนหวานแต่ละคู่ แต่ละเรื่องสั้นลงตัวโดยผ่านประสบการณ์ทั้งทุกข์สุขคลุกเคล้าน้ำตา ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ติดตามเรื่องราวโรแมนติกต่างกรรมต่างวาระได้ในแนว รวมเรื่องสั้นเสกรักแสนหวาน
View More1 บันทึกซ่อนรัก
คำโปรย
อันใดเลยไหนร่วงโรยรา
อันใดนั้นหนาคือวันเวลาพ้นผ่าน
อย่ากระนั้นเลยหากใจอยากไขว่คว้า
สรรค์สร้าง...ปั้นสิ่งที่ฝันให้เป็นจริง
.... .... .... ....
‘อยากให้ชีวิตที่ผ่านพ้นเหมือนฝัน’ รุ่งทิวามองปฏิทินบนโต๊ะ นับวันเวลาที่ผ่านมาอยู่ในห้วงคำนึงแห่งความคิดซึ่งก็ล่วงเลยมานานเกือบสามปีแล้ว
บทกวีของชายหนุ่มคนหนึ่งยังลอยหมุนวนกลับมาอยู่ในภาพจำแห่งอดีต เขาเป็นคนช่างฝันช่างเขียนและยังช่างคุย
“รุ่ง...ผมส่งกำลังใจมากับบทกวีที่เพิ่งร้อยเรียง อย่าหาว่าเพื่อนคนนี้เพ้อเลย แค่อยากบอกอะไรนิดนึง เผื่อว่า...” เขมราฐยื่นสมุดเล่มเล็กขนาดเท่าฝ่ามือส่งให้หญิงสาว
“เอากลับไปอ่านที่บ้านก่อนนะ แล้วอีกสองวันจะเขียนอีเมล์ไปบอกว่า...เป็นยังไง” รุ่งทิวามองหน้าชายหนุ่มอมยิ้มอย่างเข้าใจความหมาย
“เห็นใจหน่อยนะ...ผมไม่รู้จะพูดยังไง มันเขินๆ บอกตรงๆ ว่าจีบผู้หญิงไม่เป็น”
“เอ้า...อย่างนั้น!!!” เธอขำกับท่าทีของชายหนุ่ม เขาหน้าแดงทันทีเมื่อเธอประสานตาจ้องแววตากลมดำขลับคู่นั้น
หญิงสาวอ่านบทกวีของเขาทีไร เป็นได้หัวเราะเสียงดัง เขาพยายามสื่อความในใจ แต่คำที่ร้อยเรียงนั้นแสนยืดยาด อ้อมไปอ้อมมา น้ำท่วมทุ่ง ออกทะเลอีกในบางครั้ง เธอได้แต่นึกขอบใจที่เขามีใจให้เธอ แต่ไม่กล้าบอกมัวแต่เหนียมอาย จนสาวแก่นอย่างรุ่งทิวาอดไม่ได้ที่จะคอยเหน็บแนมเขาอยู่ในใจบ่อยๆ
“คนอะไรหนอ...เขียนกลอนได้ยาวเหยียด เต็มหน้าเต็มเล่ม แต่พอจะพูดกันจริงๆ กลับปากค้าง...โอ๊ย เธอเกิดผิดยุคไหมนี่”
“ผมอยากป้องปากบอก...จริงๆ นะ พ่อกับแม่ผมเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูด รู้แต่ว่าท่านไม่เคยบอกรักกันเลย แค่มองตาก็รู้ถึงใจกัน”
ไม่นานเขมราฐเกิดสอบชิงทุนไปเรียนต่อได้ เขาต้องจากหญิงสาวไปไกลถึงประเทศออสเตรเลีย ผนวกด้วยจำนวนเวลานานถึงหกปีจนเขาจบปริญญาเอก
ก่อนออกเดินทางเขามารับรุ่งทิวาไปกินข้าวเย็นเพื่อเลี้ยงส่งตัวเขาเองและไม่ยอมให้เธอช่วยแชร์ค่าอาหาร
“อยากบอกรุ่งว่า...รอผมกลับมานะ จะนานไปไหม แต่ผมสัญญากับใจตัวเองว่าจะต้องกลับมาเก็บหัวใจที่อยู่ตรงนี้” คำร้อยเรียงดูสวยหรู แต่กลับย้อนแย้งเมื่อวันหนึ่ง...อีกสองปีต่อมา
รุ่งทิวาได้รับอีเมล์จากใครคนหนึ่ง ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
... ... ... ...
ซิดนีย์
ถึงเธอ...ที่ฉันเพิ่งรู้จัก
ตอนนี้เขมเป็นแฟนฉัน อยากบอกให้เธอรู้ว่า เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะเขียนกลอนอะไรมาให้เธออีก
หากเธอจะถามว่า...ทำไมน่ะรึ เขามีความสุขมากแทบจะทุกนาทีที่อยู่กับฉัน เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่อยู่ในบทกวีของเขาเท่านั้น
จาก...ผู้หญิงของเขม
... ... ... ...
รุ่งทิวาได้ตอบกลับไปอย่างสุภาพและยอมรับกับโชคชะตาของชายหนุ่ม
... ... ... ...
ถึงเธอ...ที่ทำฉันตกใจเล็กๆ
อยากให้เธอเข้าใจ...เขมเป็นแค่เพื่อนของฉัน ไม่ใช่คนรัก!!! เขาบอกเธอหรือ ถ้างั้นช่วยกรุณาไปบอกเขาว่า…อย่ากังวล ตั้งใจเรียนให้จบ ปั้นฝันให้เป็นจริง ฉันห่วงเขาอยู่เรื่องหนึ่ง...
อย่าให้ฝันสลายกลางคัน เขาเคยบอกฉันให้ไขว่คว้าสรรค์สร้าง...ปั้นฝันให้เป็นจริง ฉันเลยไม่อยากให้เขาไขว้เขวเพราะใครก็ไม่รู้ จำไว้ว่าหากฝันของเขาเกิดไม่เป็นจริง คนที่มีส่วนคนนั้นคือ...เธอ!!! ไม่ใช่ ฉัน...แน่นอน
ขอบใจมากที่อุตส่าห์เขียนมาให้...รับรู้
จาก ฉัน ที่ไม่เคยอยากรู้จัก...คนอย่าง เธอ
... ... ... ...
วันนี้รุ่งทิวาหยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมาเปิดอ่านอีกครั้ง หญิงสาวไม่เคยได้รับข่าวคราวจากเขาอีกเลย หลังจากได้รับอีเมล์ของผู้หญิงคนนั้น ซึ่งไม่เคยลงชื่อ และเธอได้แต่เป็นห่วงเขมราฐ ชายหนุ่มที่อยากจะด่าแรงๆ ว่า โง่เขลาหรือว่าอยากอวดที่มีคนรัก คงอยากมีคนเดินควงไปไหนมาไหนเพื่อคลายเหงา
เธอแอบคิดเล็กๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คงแซ่บมากมาย ขนาดเขียนมาแหย่ให้ผู้หญิงอย่างรุ่งทิวาเลิกฝันลมๆ แล้งๆ รอชายหนุ่ม ซึ่งเธอคงคิดว่าจับเขาขังไว้ให้เป็นทาสใจไป ได้ตลอดกาล
5 หลงรักในวัยเด็กเหม่ยหลินท่องเที่ยวต่อไปกับ Bölgee จนถึงมอสโคว์ซึ่งเป็นเมืองบ้านเกิดของชายหนุ่ม เขาพาเธอไปแนะนำกับครอบครัวของเขาที่มีแม่และน้องชายที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ นอกตัวเมืองของมอสโคว์ อุณหภูมิต้นเดือนกันยายนประมาณ 8 องศาเมื่อเธอไปถึง สาวน้อยจากคุนหมิงเมืองที่ค่อนข้างอบอุ่นกว่าที่นี่มากแทบจะไม่อยากเดินออกนอกตัวอาคารไปไหน แต่ด้วยความที่อยากเก็บภาพจึงทำให้ชายหนุ่มแซวขึ้น“ไม่อยากออกไปไหนก็ได้...พักแต่ในโรงแรม ดมกลิ่นอายเมืองล่ะกัน” เสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอทำให้เธอจ้องตาเขาแบบเอาเรื่อง“อย่ามาเยาะเย้ยกันน่ะ Don’t put me down, please. ขอร้องอย่าทำให้ฉันรู้สึกแย่” น้ำเสียงเหม่ยหลินกระชากแรงจนชายหนุ่มเข้ามาโอบไหล่และจับคางเธอหันไปมองเขา“เธอนี่ไม่เปลี่ยนจริงๆ...รู้ไหม ผมเจอเธอคนนั้นบนตู้รถไฟวันนั้น ทำให้ย้อนถึงอดีต” เสียงนิ่มๆ ขณะจับคางเธออยู่ แววตาคู่นี้ทำให้เหม่ยหลินนึกถึงเด็กชายผอมขี้ก้างคนนั้นจากมโนภาพขึ้นมาทันที ภาพลางเลือนที่เธอถูกดึงหางเปียและจดจำอย่างไม่มีวันลืมคือเธอหน้าคะมำลงไปกองกับพื้นห้องเรียน เมื่อผ้าพันคอสีเขียวถูกกระชากออกไปมือเธออย่างแรง“ฉันงง งงกับคำพูดของนาย..
4 ผ้าพันคอ (แห่งความทรงจำ)เหม่ยหลินนั่งรถไฟออกจากกุ้ยหลินหลังจากลาชายหนุ่มนามว่าบูลกีไปที่จงซานคนเดียว ส่วนเขาได้แอดเธอไว้ที่ WhatsApp เผื่อว่าเธออาจเปลี่ยนแผนเดินทางต่อไปถึงรัสเซีย เขายินดีที่จะเป็นผู้นำทางท่องเที่ยวที่บ้านของเขาเอง เธอได้ยินเขาพูดรับคำซึ่งไม่คิดว่ามันจะจริงจังอะไรนักบนยอดเขาเหมยฮัวที่จงซาน เธอมองเห็นท้องทะเลกว้างตรงอ่าวเป็นสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล หรือภาษาจีน “จูเจียง” เหม่ยหลินถ่ายภาพดอกเหมยบนเทือกเขาจงซานแห่งนี้ที่กำลังเบ่งบานต้อนรับต้นฤดูหนาวเธอหลับตาแล้วอธิษฐานขอสารภาพบาปอยู่ในใจที่เธอทำให้แม่เล็กต้องเป็นห่วง ขอฟ้าดินจงยกโทษให้กับสาวน้อยไร้เดียงสาที่อาจหาญเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอจากบ้านไกลหลายหมื่นลี้ขนาดนี้ได้เธอนึกย้อนถึงตำนานนกกระเรียนสีขาวที่แม่เล็กเคยเล่าให้ฟังเพื่อกล่อมเธอก่อนนอนทุกคืนตั้งแต่เล็กจนเติบโตเป็นสาว ฟังซ้ำๆ ทุกวันจนเธอเห็นภาพนกกระเรียนโบยบินเรียงตัวกันสร้างสะพานรักเพื่อให้เทพธิดาทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวได้สมปรารถนาในวันชีซี วันขึ้น 7 ค่ำเดือน 7 ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันนี้ดอกเหมยกำลังชูช่อประดับประดาบนยอดเขาเหมือนต้
3 Roommate (ที่กุ้ยหลิน)โลกภายนอกเป็นอะไรที่เหม่ยหลินแทบไม่เคยได้รับรู้และไม่ได้สัมผัสเลยด้วยซ้ำ จึงเป็นอีกหนึ่งข้อที่แม่เล็กมักจะกังวลใจและหนักใจกับเธอเมื่อรู้ว่าเธอจะต้องเดินทางแบบอินดี้ท่องเที่ยวไปไกลคนเดียว ถึงแม้ว่าเหม่ยหลินดูเป็นคนมองโลกในแง่ดีแต่ก็ไม่ละเลยที่จะระมัดระวังตัวเองอย่างสูง เธอรอบคอบทุกด้านไม่ว่าจะเรื่องภัยเงียบหรือแบบปะทะตัว เธอเรียนศิลปะการต่อสู้ ‘กังฟู’ มาตั้งแต่สิบสองขวบซึ่งรับรองว่าเธอเอาตัวรอดได้แน่นอน ในกระเป๋าแบบเป้สะพายข้างใบน้อยมีสเปร์พริกไทยไว้พ่นใส่ตาของคนร้าย รวมทั้งเข็มมีด้ามจับไว้โจมตีบริเวณที่ลับในขณะจู่โจม แม่เล็กพอรู้ว่าเธอมีอาวุธไว้ป้องกันตัวหลากหลายชนิดถึงกับหัวเราะอย่างเอ็นดู แต่เธอก็ยังอดห่วงเหม่ยหลินไม่ได้ว่าถ้าคนร้ายมีอาวุธร้ายแรงจะป้องกันตนเองลำบาก ข้อนั้นเหม่ยหลินได้รับปากและปลอบแม่เล็กให้วางใจอย่ากังวลไปเลยเพราะเธอจะใช้ไหวพริบแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วยตนเองให้จงได้ระหว่างที่เหม่ยหลินค้นหากระดาษเปียกที่พกมาไว้เช็ดทำความสะอาด เธอดันทำกระเป๋าเป้ตกลงไปที่พื้นต่อหน้าชายหนุ่มที่กำลังมองเธออย่างขำๆ อีกครั้ง และแล้ว“What’s that little bottle? ข
2 หนุ่มจาก Rossiyaเธอแอบมองแม่เล็กเดินหันหลังแล้วยังหันกลับมามองเธออีกจนรถไฟขบวนที่เธอนั่งอยู่เคลื่อนออกไปจนลับสายตา และแล้วความทรงจำเก่าๆ ก็พรั่งพรูออกมาจากสมอง วันนั้นที่เธอจากบ้านนาของแม่และพ่อเพื่อมาอยู่กับแม่เล็ก บุพการีทั้งสองหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเดินทางไปเยี่ยมเยียนปู่กับย่าที่ตอนใต้สุดเขตเกาฉุนของนานกิง แม่เล็กทราบข่าวจึงมารับพี่ชายกับเธอมาเลี้ยงดูในฐานะญาติที่ใกล้ชิดแม่เล็กเป็นน้าสาวคนเล็กของตระกูลที่ไม่มีครอบครัว เธอมีอาชีพเป็นครูที่โรงเรียนอนุบาลเล็กๆ ในตัวเมืองคุนหมิง ซึ่งมีฐานะพอที่จะอุปถัมภ์เธอและพี่ชายได้ เธอระลึกถึงบุญคุณของแม่เล็กอยู่เสมอและคิดไว้ว่าหากวันใดเธอสามารถมีทุนทรัพย์มากเพียงพอสิ่งแรกที่อยากทำที่สุด คือจะซื้อบ้านหลังใหม่เพื่อให้แม่เล็กได้อยู่อย่างสุขสบายครั้งนี้เธอรู้สึกผิดมากๆ แต่ก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว จะให้หวนคืนคงไม่ใช่วิสัยอย่างเธอแน่นอน เธอจะไปประกาศความรู้สึกบาปที่ทำผิดต่อแม่เล็กบนยอดเขาของเมืองจงซาน เป็นคำประกาศิตที่ต้องเดินทางไปให้ถึงตามความตั้งใจดั่งกับว่าเหมือนอะไรดลใจให้ต้องทำเช่นนั้นตามแผนที่วางไว้เหม่ยหลินจะไปเที่ยวที่กุ้ยหลินก่อน เธอ
คำโปรยฤดูวสันต์แห่งยอดเขาเหมยฮัว...ส่งเสียงให้หัวใจไปหาฝันไกลถึง...มอสโคว์-------------------1 เป้าหมายที่จงซานZhongshan จงซานเป็นเป้าหมายของเหม่ยหลินมานานมากแล้ว เธอได้แต่เก็บไว้ในความใฝ่ฝันเสมอมาว่าสักวันหนึ่งต้องเดินทางจากคุนหมิงไปเที่ยวที่นี่ให้ได้ ใครต่อใครทั้งขำและกระเซ้าเธอว่าทำไมต้องไปไกลถึงมณฑลกว่างตง“ต้องมีอะไรอยู่ที่นั่นแน่ๆ เลย ใช่ปะ เหม่ยหลิน...” เสียงแหย่นิดๆ ของเพื่อนซี้อย่างลี่เจิน ไม่เพียงแต่ทำให้เหม่ยหลินต้องหันมาจ้องหน้าเธอเท่านั้น แต่สาวเซอๆ คนนี้ยังยักไหล่อย่างคนไม่แยแสเลย“Mei Hua Mei Hua Man Tian Xia ...เหม่ย ฮัว...เหมย...ฮัว มาน เทียน เซี้ย” เหม่ยหลินฮัมทำนองเพลง ‘เหมยฮัว’ ขึ้นมาต่อหน้าลี่เจิน จนเธอร้องตามคลอไปด้วย แถมหัวเราะทั้งยังจับไหล่ของเหม่ยหลินโยกไปมาขณะร้องเพลงไป“Wo Mei Wang Ji Ni, Ni Wang Ji Wo, Lian Ming Zi Ni Du Shuo Cuo…หวอ เมย วาน จี หนี่ หนี่ วาน จี ว่อ เหลี่ยน หมิง ฉือ หนี่ โตว ชัว ชวอ” ลี่เจินยังร้องเพลง ‘Ni Zen Me Shuo หนี่ เจิน เมอ ชัว’ ขึ้นมาเหมือนแซวเพื่อนสาวที่พลอยร้องตามไปด้วยอีก...“สงสัยไปตามเอารักทิ้งๆ ขว้างๆ คืนมาแหงๆ เลย” ลี่เจิ
5 ตัวตนที่แท้จริงครึ่งปีถัดมาเซซิลได้ย้ายมาอยู่ที่เวนิสอย่างถาวร เพราะเธอถูกว่าจ้างให้มาทำงานที่โรงแรมที่เธอเคยมาพักครานั้น ตอนที่เธออยากหนีตามหัวใจ มาตามล่าหาฝันกับหนุ่มเวนิส แต่แล้วต้องผิดหวังอย่างแรง“จากครั้งนั้น...จนมาถึงวันนี้เรามาอยู่ตรงนี้เหมือนฝัน” เซซิลพูดเงยหน้าขึ้นจ้องแววตาสีเขียวอ่อนที่แฝงเสน่ห์ลึกลับนั้นไว้“โกรธผม...มากไหมที่ไม่ไปรับที่สนามบิน แถมหายหัวไปจนถึงเย็น” มาร์คพูดเบาๆ กระซิบที่ใบหูเธออย่างรู้สึกผิด“โกรธ...จนหน้าแดงเลยล่ะ” เซซิลหัวเราะคิกคักหยอกกลับไป“ไม่จริงล่ะมั๊ง...ก็นั่งเรือกอนโดล่าไปกับผมเฉยเลยในวันแรก” มาร์คเล่นสายตามองเซซิลอย่างบอกไม่ถูกว่า เขาเองอยากเล่นซ่อนหากับเธอตอนนั้น“ผมได้อีเมล์จากป้าผม ท่านเคยไปปารีสและเจอคุณที่ทำงานพาร์ทไทม์เป็น Front Reception อยู่ที่โรงแรม Hôtel Montmartre เลยเป็น matchmaker จับคู่ให้ผมเลย” มาร์คพูดขึ้นลอยๆ แต่จริงจังมาก“แล้วกลัวเหรอว่าเจอหน้าแล้ว ฉันจะหนีคุณ” เซซิลถามได้ get to the point แทงใจดำ เขาคงกลัวว่าแก่เกินไปสำหรับสาวน้อยอย่างเธอ“ตอน chat คุยกันส่งรูปมาให้ตอนสมัยหนุ่มๆ ซิท่า...” เซซิลขยิบตาหัวเราะกลับไปพร้อมห
Comments