แชร์

เดินทางครั้งแรก

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-06 19:36:49

เจ็ดวันต่อมา

“เร็วเข้าพวกมันจะตามมาแล้ว” จินเซียงมองย้อนกลับไปด้านหลังขณะควบม้าด้วยความเร็ว

“จินเซียงพวกข้าพึ่งหายจากอาการบาดเจ็บน่ะ” ถังอี้หลันตะโกนแข่งกับเสียงลมที่ปะทะหน้า

“อย่าบ่นพวกเราขี่ม้าไม่ได้วิ่ง”

“ย่ะ!” ม้าทั้งสองตัวเร่งความเร็วเพื่อหวังที่จะสลัดพวกคนที่ตามล่าให้หลุด ทว่าพวกมันก็ควบม้าตามจนฝุ่นกระจาย พื้นสะเทือน

“ทำไมพวกมันจมูกไวแบบนี้” ถิงถิงหันไปมองพวกนักฆ่าที่ไล่ตามมา

“พวกนั้นเผาบ้านหลังน้อยของข้า!! อ้ากกกก!! โมโหโว้ยยย!! ข้าไม่ไหวแล้วขอหน่อยเถอะ!!” จินเซียงหยุดม้าแล้วหันหลังกลับไปประเชิญหน้า

“จินเซียง! เดี๋ยว! เจ้าจะไปไหนกลับมาก่อน!” เสียงของถังอี้หลันตะโกนดังลั่น นางพยายามจะคว้าบังเหียนม้าแต่สายเกินไป จินเซียงกระชากเชือก เร่งความเร็วม้าพุ่งทะยานเข้าใส่กลุ่มนักฆ่าที่ตามมา

“จินเซียง!”

เสียงร้องเรียกเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น แต่หญิงสาวกลับตอบเพียงชักดาบยาวเล่มใหญ่ เงาโลหะวาววับ

“ตาย!!”

เสียงตะโกนก้องผสานกับเสียงกีบม้าที่กระทบพื้นแข็งดังก้อง ตึก! ตึก! ตึก! ความเร็วและแรงปะทะทำให้ศัตรูตั้งตัวไม่ทัน

“ไม่กลัวตายก็เข้ามา!”

จินเซียงคำราม แววตาเย็นเฉียบราวคมดาบ

“ไอพวกลูกหมา!”

เคร้ง! ปัง! ฉึก! ฉึก!

ดาบในมือของนางกวาดเป็นวงกว้าง โลหะกระแทกโลหะจนเกิดประกายไฟ นักฆ่าที่อยู่แนวหน้าถูกแรงกระแทกสังหารร่วงลงจนไปกองกับพื้น เลือดสาดกระเซ็นติดกีบม้า

‘เลือด!’

มันปลุกสัญชาตญาณนักล่าของนางให้เดือดพล่าน

“วิชาลับ!! เงามายา!!”

เงาร่างของจินเซียงแตกซ้อนนับสิบสาย สายตาของพวกนักฆ่าเห็นเพียงเงาหญิงสาวพาดผ่านไปมาอย่างรวดเร็ว แทบไม่รู้ว่าตัวจริงอยู่ตรงไหนจนสับสนเสียกระบวน

ฉึก! ฉึก! ฟัง!

เลือดสาดเป็นสายน้ำพุสีแดงฉาด ร่างศัตรูทรุดลงทีละคน…ทีละคน เสียงกีบม้าและเสียงดาบที่สะบัดดังเป็นจังหวะเหมือนเสียงกลองแห่งความตาย

ไม่นานนัก กลิ่นคาวเลือดก็คละคลุ้งทั่วบริเวณ ร่างนักฆ่ากว่า 30 คน กองเรียงรายอยู่บนพื้น ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่ชวนขนลุก

จินเซียงยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า ลมหายใจหนักหน่วง ดวงตาแข็งกร้าวไร้ร่องรอยสั่นไหว ราวกับหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนที่ถังอี้หลันรู้จัก แต่เป็น “ยมทูต” ที่เพิ่งก้าวออกจากนรก รอบตัวเต็มไปด้วยไอแห่งความตาย

“เฮ้อ~ ถุ้ย! ไอพวกชั่ว! ไอพวกเลว! บังอาจเผาบ้านคนอื่นฝีมือ ถุ้ย! แค่ขี้เล็บ ถุ้ย!” จินเซียงด่าใส่ร่างพวกนักฆ่า แล้วรีบกลับขึ้นม้าเพื่อเดินทางต่อ

“ทำไมไม่สู้แต่แรก แล้วจะหนีทำไม” อี้หลันถาม

“คนนอนอยู่แล้วบ้านไฟไหม้แล้วใครก็ไม่รู้ยิงธนูใส่ เป็นเจ้าจะอยู่ให้พวกมันเชือดรึไง”

“ก็จริง เรารีบไปต่อเถอะอีกไกลกว่าจะถึงเมือง”

“อืม พวกเรารีบไปกันเถอะ”

ม้าทั้งสองตัวเร่งฝีเท้า เสียงกีบม้าที่กระทบพื้นแข็งดังก้อง ตึก! ตึก! ตึก! บ่งบอกได้ว่ามีความรีบเร่งเพียงใด

ตะวันบ่ายคล้อยทั้งสามก็มาถึงเมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของแม่น้ำสายใหญ่แต่ทั้งชื่อเมืองและแม่น้ำนั้นดันจำไม่ได้เพราะเจ้าของร่างไม่เคยออกจากหมู่บ้านกลางป่าเลย แม้แต่ภาษาก็ยังพูดไม่คล่อง อ่านเขียนพอได้

“จินเซียงข้าถามจริงเหอะ”

“ว่าไงคุณหนูอี้หลัน”

“เจ้าอ่านกับเขียนไม่ได้รึ”

“พอได้..แต่ว่าไม่ดีมาก ข้ามาจากเปอร์เซียพูดได้บ้างก็บุญแล้ว”

ถังอี้หลันยิ้มเยาะกับคำตอบ อย่างน้อยก็ยังมีบางอย่างที่เหนือกว่า

ทว่า “แล้วบัตรประจำตัวเจ้าอยู่ไหน” จินเซียงถามกลับ ถังอี้หลันจึงหันไปมองถิงถิง

“มะ...มันหายไปกับกองไฟแล้ว” ถังอี้หลันยิ้มค้างเมื่อได้ยินคำตอบ

“เอ่อ คือว่าพวกเราเหลือแค่ 20 ตำลึง” ถิงถิงเขย่าถุงเงินให้ทั้งคู่ดู

“ตำลึงทองใช่ไหม” จินเซียงถาม เมื่อเห็นถังอี้หลันนับเงินในกระเป๋า

“ฮึ...ตำลึงเงิน” อี้หลันตอบแบบไม่เต็มเสียง

“.....” จินเซียงแทบหมดคำพูด

พอเอาเงินที่พอมีมานับรวมกัน ผลที่ออกมาก็ได้แค่โรงเตี๊ยมธรรมดากับจ่ายค่าอาหารอีกเล็กน้อย ค่าที่พักนั้นไม่ถูกเลย

“นี่เถ้าแก่! พวกเราสามคนจองห้องพักหนึ่งห้องพร้อมอาหารทำไมถึงแพงแบบนี้ ตั้ง 15 ตำลึง ท่านจะเก็บไปสร้างตึกรึไง”

“ฮัยย้า ลื้อจายเย็งก่อง อั้วไม่ล่ายโกงน่า พวกลื้อดูให้ดี เห็นไหมตอนนี้บ้านเมืองไม่สงบข้าวยากหมากแพง ทุกอย่างก็แพงขึ้น ราคานี้ถูกสุดเลี้ยว”

“เถ้าแก่ มันถูกตรงไหน!” จินเซียงเริ่มกดดันอีกครั้งเพื่อที่นอนในค่ำคคืนนี้ ร่างกายต้องการพักผ่อน

“ลื้อจะเสียงดังเรียกเตี่ยหรอ ฮั้วให้ทั้งอาหารเย็ง ที่พักม้า ห้องนองใหญ่สำหรับ 3 ถึง 4 คน และไหนจะอาหารเช้าอีก ราคานี้ดีสุดเลี้ยว” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมปาดเหงื่อ

“ก็ได้! ข้าตกลง!” สรุปได้บริการเพิ่มเติมมาอีก 2 อย่าง นั่นคือน้ำสำหรับอาบและขนมว่างพร้อมน้ำชา เถ้าแก่โรงเตี๊ยมจำใจยอมและสาบส่งตามหลังอีกหลายคำ

“จินเซียงไหนว่าเจ้าพูดไม่เก่งไงทำไมถึงต่อรองได้ดีขนาดนี้”

“อี้หลัน อย่าถามเยอะข้าอยากอาบน้ำแล้ว ง่วงด้วย”

“อาเซียงเจ้านี่มัน”

“พวกเจ้ากินก่อนเลยข้าอาบน้ำก่อน”

“อ่าวนางเดินไปอาบน้ำจริงหรอเนี่ย”

“คุณหนูทานอาหารเถอะเจ้าค่ะ”

“อืม”

เช้าวันต่อมาหลังจากทานอาหารแล้ว ทั้งสามก็พากันออกเดินทางต่อทันที โดยมีเจ้าของโรงเตี๊ยมยืนสาบส่งอย่าได้เจอกันอีกเลย จุดหมายปลายทางคือเมืองเซียโจวที่อยู่ปากแม่น้ำ รอยต่อระหว่างทะเลและแม่น้ำ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของแคว้น

“อีกนานไหมกว่าจะถึงบ้านเจ้า”

“บ้านตระกูลถังของข้าใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในเมืองเซียโจว ข้าคิดว่าคงจะอีกประมาณ 2-3 วัน แต่หลังจากนี้อาจต้องนอนป่า”

“คุณหนูท่านว่า บิดาท่านจะส่งคนตามหาพวกเราไหมเจ้าค่ะ”

“ถ้าท่านอาจารย์รู้อาจจะส่งข่าวให้บิดาข้า”

“อืม ข้าหวังว่าบ้านเจ้าจะไม่ส่งนักฆ่ามาเพิ่มน่ะ” จินซียงถามกลับเพราะคนที่รู้ว่าเดินทางตอนไหนกลับตอนไหน มีเพียงคนในเท่านั้น

“รีบไปกันเถอะถึงบ้านแล้วจะรู้เอง”

“อาเซียงแล้วเจ้าจะไปทำอะไรต่อ”

“ข้าคงเกาะเจ้ากินไปก่อน”

“ข้าเลี้ยงเจ้าได้สบายอยู่แล้ว” ถังอี้หลันตบอกตัวเองอย่างภูมิใจ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถิงถิงนายเจ้ารับปากข้าแล้วน่ะ”

“ไป ไป เดี๋ยวจะหาที่พักคืนนี้ไม่ได้อีก”

“ได้ ได้”

ทั้งสามมาถึงจุดพักม้าตอนหัวค่ำ และได้เข้าพักที่โรงเตี๊ยมด้วยทุนทรัพย์ที่พวกนักฆ่าเอามาให้ เช้าวันต่อมาหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จทั้งสามก็ขึ้นม้าและออกเดินทางต่อ

วิวธรรมชาติที่ไม่สามารถหาได้ในโลกก่อนทำให้จินเซียงที่ไม่ค่อยอยากที่จะเดินทางอย่างรีบเร่งนัก แต่ด้วยเกรงว่าจะมีพวกนักฆ่าตามมาอีกจึงรีบเดินทางต่อไม่อาจช้าได้

“เห็นเมืองแล้ว!” อี้หลันชี้ไปที่เมืองที่อยู่ไม่ไกล

“ว้าว มีท่าเรือด้วยแบบนี้ก็ต้องมีพวกโพ้นทะเลด้วยซิ” จินเซียงถาม

“ก็มีน่ะ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใกล้ท่าเรือเพราะพูดภาษาไม่ได้”

จินเซียงที่ได้ฟังก็หันมองคุณหนูบนหลังม้าเหมือนเยาะเย้ย

“พูดจริงดิ”

“อย่ามองข้าแบบนั้น”

“คุณหนูนั่นใช่ธงของตระกูลรึเปล่าเจ้าค่ะ” ถังอี้หลันมองไปด้านหน้าก็เห็นกลุ่มฝุ่นลอยมาแต่ไกล

เสียงกีบม้าที่กระทบพื้นแข็ง ตึก! ตึก! ตึก! พร้อมกับฝุ่นจำนวนมากที่ลอยดำอยู่ด้านหลัง จนมาหยุดตรงหน้าทั้งสาม

“นายกองหลี่!!”

ทันทีที่เห็นคุณหนูของตนปลอดภัย นายกองหลี่ก็รีบลงจากม้าวิ่งตรงมาอย่างไว้

“คุณหนู! ขอบคุณสวรรค์ที่ท่านยังปลอดภัย”

“พวกท่านกำลังไปไหนกัน”

“พวกเราพึ่งได้รับจดหมายจากอาจารย์ของท่าน ว่าท่านได้หายตัวไปหลังจากเดินทางกลับจากสำนักศึกษาขอรับ”

“10 วันเนี่ยน่ะ 10 เลยน่ะ! พวกเจ้า...เอาเถอะรีบกลับจวนกันก่อน สหายข้าคงหิวแย่แล้ว” ถังอี้หลันถอนหายใจอย่างหมดแรง

“ข้าน้อยนามว่าจินเซียง คารวะผู้อาวุโสเจ้าค่ะ”

“ดี ดีมาก รู้จักเคารพผู้ใหญ่ ต่อไปตามคุณหนูเจ้าจะโชคดีเอง”

“เจ้าค่ะ” การประสานมือคารวะทำให้นายกองหลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ ที่คนตรงหน้าเป็นคนรู้จักมารยาทเช่นนี้ แม้ว่าจะแต่งตัวแปลกไปหน่อย

“คุณหนู พวกเราจะคุ้มกันท่านกลับจวนขอรับ”

“ขอบคุณท่านมาก”

ก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้าทั้งหมดก็มาถึงหน้าเมือง ทหารหน้าประตูเมืองสังเกตเห็นป้ายหยกของกองทหารม้าก็รีบเปิดทางให้ทันที เมืองเซียโจวเป็นเมืองที่มีกำแพงสูงและแข็งแกร่ง ภายในเมืองมีหลากหลายวัฒนธรรมปะปนกันดูแปลกตาสำหรับคนที่ดูหนังจีนบ่อยอย่างจินเซียง

“ดูนั่น มีหนุ่มมารอรับด้วย”

“เจ้าอย่ามาเยอะจินเซียง นั่นคู่หมั้นข้า...แต่ข้าไม่ค่อยชอบเลยข้ายกให้เจ้าดีไหม”

“อะ ฮึม คุณหนูถ้าคนอื่นได้ยินจะไม่ดีน่ะขอรับ”

“เหอะ! ข้าเกือบตายมาหลายรอบเพราะชายคนนั้น ท่านจะให้ข้าชอบได้เช่นไร” อี้หลันเถียงกลับ

“หยุดเลย อย่ามาทำให้เสียบรรยากาศ รีบเข้าจวนเถอะข้าอยากอาบน้ำแล้ว” จินเซียงบ่นออกมาอย่างเบื่อหน่ายหลังจากเดินทางมาทั้งวัน

“แม่นางเพียงเลี้ยวหัวมุมถนนก็ถึงแล้ว ป่านนี้บ่าวคงจะรายงานให้นายท่านทราบแล้ว”

“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”

แต่เมื่อมาถึงหน้าจวนชายคนนั้นก็รีบเดินเข้ามาถังอี้หลันพร้อมทั้งพูดจาต่างๆ นาๆ มีทั้งคำหวานและของขวัญมันจึงง่ายที่จะทำให้ถังอี้หลันยอมใจอ่อน

“อย่าเกะกะทาง ถ้าไม่เข้าก็หลบไปคุยกันตรงนู้น”

“จินเซียงเบาหน่อยเดี๋ยวจะเดือดร้อนน่ะ”

“ถิงถิง นี่ก็เย็นแล้วน่ะ ข้าหิวแล้ว” จินเซียงพูดด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณหนูขอรับดูท่าท่านคงต้องรีบแล้ว ก่อนที่สหายของท่านจะเชือดคู่หมั้นท่านทิ้ง” พูดไม่ผิดหรอกข้าสัมผัสได้ ดูจากหน้านางก็รู้เชื่อข้าซิ นายกองหลี่ยิ้มด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ

ถังอี้หลันทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ “ห่ะ อ้อๆ มาๆ เข้าจวนกันเถอะป่านนี้ท่านพ่อคงรอแล้ว”

“อะไรกันหลันเอ้อ เจ้าเห็นนางสำคัญกว่าขอข้ารึ” คนที่ฟังได้แต่กรอกตาไปมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย

“พี่จางหมิง นางเป็นสหายข้า นางช่วยข้ามาเยอะเหตุใดจะให้ความสำคัญมิได้เล่า”

“หึ ดูการแต่งตัวแล้วคงเป็นพวกนอกด่านกระมั้ง กล้าดีอย่างไรมาตีสนิทกับคู่หมั้นข้า”

“น่าเบื่อ”

“เจ้า เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร”

“ถ้าเจ้าไม่เลอะเลือนถึงขนาดจำไม่ได้ข้าคงช่วยไม่ได้แล้ว ถิงถิงมาเถอะปล่อยนายเจ้าไว้กับคนบ้าแล้วเรารีบไปพักกันเถอะ” จินเซียงดึงเชือกม้าบังคับผ่านจางหมิงที่ยืนค้างเป็นรูปปั้นเข้าไปในจวน

“รอข้าด้วยอาเซียง!” ถังอี้หลันรีบจูงม้าตามเข้าจวน ทิ้งชายคนนั้นไว้ที่นอกจวนอย่างไม่ไยดีหรือบางทีอาจแค่ลืม...

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่นางไก่ทอด   เรือนทะเลหยก

    แม้ว่าภายนอกจะวุ่นวายเพียงไรแต่ก็ไม่กระทบกับการกินอาหารแม้แต่น้อย บนโต๊ะมีอาหารมากมายพอๆ กับคนที่มีเยอะ ดีที่หวังซุนเทียนได้จองไว้ทั้งชั้นทำให้ไม่มีใครรบกวน“ท่านเอ่อ~” “เรียกข้าซียงก็พอ ไม่ว่าจินเต้องมาก็พิธี” “เจ้าค่ะ พี่จินเซียง จริงซิพวกท่านจะไปงานชุมนุมชาวยุทธ์ใช่รึไม่” “ใช่แล้ว คนเยอะน่าจะขายดี” ตอบตามที่คิด เพราะนางคิดจะหาเงินจากงานนี้โดยเฉพาะ พอกินข้าวแล้วตีกัน เมื่อโรงเตี้ยมพัง คนก็จะมากินที่ร้านนาง “พวกท่านจะว่าอะไรรึ ไม่ถ้าพวกเราขอตามขบวนท่านไป” จินเซียงเหลือบมองกุ้ยเฟยเล็กน้อย กุ้ยเฟยก็พยักหน้า “ตกลง พวกเราเป็นสตรีเหมือนๆ กัน การที่จะเดินทางด้วยกันก็ไม่ใช่แปลกอันใด มาเถอะเดี๋ยวอาหารจะเย็นก่อน”“ขอบคุณท่านมาก เช่นนั้นข้าในนามตัวแทนศิษย์สำนักดอกเหมยขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” “ดี! มาทุกคนดื่ม” “ดื่ม!” ทุกคนร่วมกินอาหารกันอย่างสนุกสนาน ทางเจ้าของโรงเตี๊ยมได้เชิญนักดนตรีมาแสดงให้ชมเพื่อความเพลิดเพลินและต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีไว้กับสตรีที่อยู่ในห้อง ไม่บ่อยครั้งที่ผู้นำตระกูลหวังจะออกหน้าเพื่อเหมาชั้น สั่งเตรียมอาหารที่ดีที่สุดในเหล่าอาหารไว้เช่นกัน “ไม่ทราบว่าพี่สา

  • แม่นางไก่ทอด   ระหว่างเดินทาง

    เช้าวันต่อมาหลังทานอาหารแล้ว จินเซียงกับเผยอิงก็เข้าไปคุยกับหยางจินเทาเรื่องที่ทางโซซอนส่งคนมาขอความช่วยเหลือ นางรู้ดีว่าโซซอนเป็นปราการด่านแรกที่ป้องกันการรุกรานของพวกญี่ปุ่นถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงพวกโจรสลัดก็ตาม ถึงแม้ในความฝันคนที่คิดว่าเป็นเทพพระเจ้าจะบอกไว้ว่าทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่ใช่แบบเดียวกับโลกเดิมของนางก็ตาม แต่ก็ประมาทไม่ได้ เมื่อพูดคุยกันแล้วทางหยางจินเทาก็มีความกังวลเรื่องปืนใหญ่ เพราะว่าตอนนี้ปืนใหญ่แบบที่ต้าซ่งมีในครอบครองนั้น ที่อื่นยังไม่มีใช้ประกอบกับทหารของต้าซ่งเองก็ใช่ว่าเข้มแข็งเช่นยุคของต้าถัง “ปู่คงต้องไปปรึกษากับพระองค์ดูก่อนว่าจะทำเช่นไร เพราะทางโกโจเองก็ปฏิเสธเรื่องนี้เพราะคนล่ะกลุ่มกัน” “เจ้าค่ะ อย่างไรก็ต้องจัดการให้เสร็จก่อนที่จะเดินทางไปงานชุมนุมชาวยุทธ์ที่หลานต้องไปคุ้มกับกุ้ยเฟย” “งานนี้ได้ข่าวว่าจัดที่ภาคกลาง เอ่~ อ้อ ปู่นึกออกแล้วว่าจัดที่ไหน” “ที่ไหนรึเจ้าค่ะ” เผยอิงถาม “ก็ที่ทำการหลักของพรรคฝ่ายธรรมมะที่เหวย์ฟาง เขตซานตง” “หลานเคยได้ยินมาบ้างว่า-” “ใช่แล้ว!” สองปู่หลานถึงกับสะดุ้งเพราะอยู่ๆ อีกคนก็ตะโกนขึ้นมา “ใช่อะไรท่านพี่” เผยอิงหันไป

  • แม่นางไก่ทอด   พักผ่อน

    เช้าวันต่อมา จินเซียงพาเผยอิงและสองสาวไปเล่นน้ำที่น้ำตกใกล้บ้าน แต่ทว่ากลับไม่มีใครยอมลงเพราะการเปลืองผ้าเล่นน้ำนั้นถือว่าผิดหลักสอนหญิง แต่บางทีพวกนางอาจลืมไปว่าทีนี่มีแต่สตรีเท่านั้น จินเซียงโดดลงน้ำโดยมีเพียงบังทรงกับกางเกงสั้นเท่านั้น ซู่มม~ “สดชื่นจริงๆ อ้าวพวกเจ้าไม่ลงมาล่ะ ฮูหยินข้า เจ้าไม่ลงมาหรอ” “พวกข้าว่ายน้ำไม่เป็นเจ้าค่ะ” เผยอิงตอบตามตรง “อะไรกัน เช่นนั้นก็นั่งเล่นกันดีๆ น่ะ” “เจ้าค่ะ” วันเวลาอันสงบสุขก็ดำเนินต่อไปจนวันสุดท้ายของการพักผ่อนมาถึง ทั้งสี่ช่วยกันเก็บข้างของขึ้นรถม้าเพื่อเตรียมตัวกลับไปที่จวน “เสี่ยวจูเจ้าเก็บของมาครบรึยัง” “เจ้าค่ะฮูหยิน” เสียวจูตอบ “ฮวาฮวาปิดรั้วให้ดีด้วยน่ะ จะได้ไม่มีใครเข้าไปได้” “แน่ใจรึเจ้าค่ะ” จินเซียงย้ำอีกรอบ “เชื่อข้า” ฮวาฮวาพยักหน้าแล้วปิดรั้วให้สนิท แล้วเดินมาขึ้นรถม้า รถม้าค่อยๆ เคลื่อนออกห่างจากบ้านช้าๆ ไม่มีใครสังเกตเลยแม้แต่น้อยว่าบ้านหลังดังกล่าวได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยนอกจากจินเซียงเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด กุบกับ กุบกับ เสียงรถม้าค่อยๆ เคลื่อนไปตามทางขรุขระมุ่งหน้าสู่เมืองใหญ่เซี่ยโจว “ทำไมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย”

  • แม่นางไก่ทอด   อดีต

    จินเซียงมองคนรักนั่งเงียบมาซักพักตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่เอมิลเล่า เรื่องของคนรักเก่าที่ตายจากไปไม่หวนกลับ ทั้งคู่มีหลายอย่างที่เหมือนกันอย่างแยกไม่ออกแตกต่างกันก็แค่สีผม “เจ้าก็คือเจ้า ข้ารักเจ้าด้วยใจจริง”“ท่านคงไม่คิดว่าข้าเป็นตัวแทนนางใช่รึไม่” “อดีตก็คืออดีตไม่อาจย้อนกลับได้อีก ความผิดพลาดครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้ข้าว่าข้าจะต้องไม่ผิดพลาดอีกซ้ำสอง” “ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย” “นั่นซิน่ะ มาเถอะไปดูคนอื่นๆ ทำงานกัน” “เจ้าค่ะ” ทั้งคู่เดินออกนอกห้องทำงานตรงไปที่ท้ายจวนติดท่าเรือ โรงหลอมนั้นกำลังถูกสร้างอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ส่วนพื้นที่ด้านข้างและจวนหลังนั้นก็กำลังมีการปรับปรุงโดยใช้แผ่นไม้มาล้อมส่วนติดถนนไว้เพื่อไม่ให้คนเห็นว่าทำอะไรก่อนที่กำแพงจะสร้างเสร็จแต่เรื่องการเตรียมตัวสำหรับวัตถุดิบนั้นก็ได้คนจากตระกูลหวังที่ครอบครองการค้าเหล็กและแร่หลายชนิดมาช่วยในการจัดหา ทำให้เรื่องวัตถุดิบง่ายขึ้นมามาก เจ็ดวันต่อมาโรงหลอมก็สร้างเสร็จ ฮ่องเต้ทรงมาดูงานด้วยตัวเองเพราะอยากรู้ว่าการหล่อปืนใหญ่จะเหมือนตีดาบรึไม่ หลังจากที่โหรหลวงมาถึงก็เริ่มทำพิธีบูชาดินฟ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล ฮ่

  • แม่นางไก่ทอด   ประมูลทาส

    หลายวันต่อมาจินเซียงเข้าวังพร้อมโจวกุ้ยเฟยและตรงไปที่ตำหนักใหญ่ของฮองเฮาเพื่อส่งอาหารตามที่พระองค์เคยขอ “ถวายบังคมฝ่าบาท” “ตามสบายเถอะหลานข้า ว่าแต่ลมอะไรหอบเจ้ามาพร้อมนางกัน” พระนางมองไปที่โจวกุ้ยเฟย เมื่อเห็นไม่สะดวกพูดจึงไล่คนอื่นๆ ออกไปก่อน“เอาล่ะตอบมา” “เมื่อคืนกุ้ยเฟยไปที่จวนเพค่ะ เลยมาพร้อมกัน” “เรื่องนั้นซิน่ะ” “เพค่ะพี่หญิง” “เฮ้อ...พี่บอกแล้วว่าอย่าไปตามใจเยอะ ไม่เช่นนั้นจะเสียคนแล้วเป็นไงล่ะ” “ถ้าไม่ติดว่าการทำร้ายองค์ชายเท่ากับทำร้านสายเลือดมังกรน่ะ น้องจะตบแม่งหัวทิ่มไปเลย” โจวกุ้ยเฟยพูดพร้อมแสดงท่าทาง จินเซียงได้แต่ยืนยิ้ม“พอเลย...ข้าคนว่าเจ้าเข้าวังแล้วจะสงบลงแต่ที่ไหนได้” “พวกท่านใจเย็นก่อนแล้วรีบมาทานอาหารก่อนที่จะ...อ่าว!...หายไปไหน!” จินเซียงมองหากล่องอาหารที่เอามาด้วย “ง่ำๆ อาย่อยมากน้องรอง” “ชู่~ เงียบๆ หน่อย นางหูดีมาก” “เอ่ออ~ พี่รอง น้องว่า~” “อะฮึม!...แม่ว่า…แม่สอนพวกเจ้ามาดีน่ะ สอนทั้งอบรมมารยาทสตรีหรือว่าต้องให้แม่นมทบทวนความจำให้!” ฮองเฮายืนท้าวเอวมองลูกสาวของตน“ถะ...ถวายพระพรเสด็จแม่เพค่ะ” ฉางหรูยิ้มแล้วรีบเอากล่องอาหารซ่อนไว้หลังม่านอย่าง

  • แม่นางไก่ทอด   เผยอิงกลับมาแล้ว

    หลายวันต่อมาที่จวนใหญ่แห่งหนึ่ง มีใครบางคนกำลังนั่งกลุ้มใจเพราะไม่สามารถทำตามแผ่นได้สำเร็จแต่คนที่ส่งไปนั้นกลับหายสาบสูญไปทุกรายอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ให้มันได้แบบนี้ซิ ทำงานกันภาษาอะไรถึงได้หายหัวกันไปหมด” “นายท่านขอรับ พวกเราไปพบร่องรอยบางอย่างขอรับ” ชายชุดดำส่งกระดาษให้ผู้เป็นนาย “ตายหมด! เป็นไปได้ไง” “ขอรับ ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยหนุนหลังอยู่” “ท่านพ่อ แบบนี้เหล่าอาหารของเราจะไม่แย่รึขอรับ” “พ่อไม่กลัวเรื่องนั้นแต่ห่วงเรื่องว่ามันจะกระทบงานใหญ่มากกว่า แล้วเรื่องสองตระกูลนั้นเป็นเช่นไรและเรื่องที่ให้ไปสืบได้ความเช่นไร” “ขอรับนายท่าน สองตระกูลนั้นพากันปิดปากเงียบหลังจากที่ตระกูลที่เคยหมั้นหมายต่างพากันขอถอนหมั้น ทำให้หญิงสาวในตระกูลนั้นต่างพากันเก็บตัวขอรับ ส่วนเรื่องที่ให้ไปสืบนั้นได้ความมาว่าแม่ทัพหยางยังนอนไม่ได้สติขอรับ แต่การจะเข้าใกล้เรือนนั้นถือเป็นเรื่องยากมากเพราะมีการคุ้มกันที่แน่นหนาและไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมจนกว่าท่านขุนพลจะกลับมาขอรับ” “หึหึหึ ดีแบบนั้นแหละดี ไปตามนักพรตนั่นมาเราจะใช้นางเป็นตัวประกันให้เจ้านั้นยอมทำตามเงื่อนไขของเรา” “แต่ท่านพ่อ ถ้านางไม่ยอมล่ะขอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status