สีหน้าของเสิ่นอวี้เจาเคร่งขรึม นางเงยหน้าขึ้นมองรอบตัวทันที แต่พบว่าโต๊ะที่อยู่ข้างๆ ล้วนเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังดื่มกินและหัวเราะสนุกสนาน ไม่มีใครดูเหมือนจะเป็นคนลอบโจมตี
"มีมือสังหารอยู่ที่นี่หรือ?"
"ข้าว่าคงมีคนจงใจล้อเล่นเสียมากกว่า" ฉู่หยุนชิงไม่ได้แสดงความไม่พอใจแม้แต่น้อย เขาหยิบถ้วยใหม่มาแทนถ้วยเดิม และรินเหล้าลงไปใหม่ "อย่าใส่ใจเลย หากอีกฝ่ายมีจุดประสงค์ซ่อนเร้น เดี๋ยวก็ต้องสร้างปัญหาอีก เราค่อยรอดูตามสถานการณ์ก็พอ"
เสิ่นอวี้เจาพยักหน้าเห็นด้วย แต่จู่ๆ นางกลับรู้สึกไม่สบายใจ ความรู้สึกวูบไหวบางอย่างเกิดขึ้น แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ ไม่นานนักคำตอบก็ปรากฏ เพราะนางยังไม่ได้ดื่มเหล้าจากถ้วยให้หมดดี ก็ได้ยินเสียงดังโครมครามขึ้นมาทันที และในสายตาของเสิ่นอวี้เจาก็ปรากฏร่างของสตรีสองคนที่แต่งหน้างดงาม พวกนางเดินตรงมาที่โต๊ะและนั่งลงข้างๆ ฉู่หยุนชิง
"คุณชาย เป็นท่านใช่หรือไม่ ที่จ่ายเงินจำนวนมาก เพื่อเชิญพวกเราให้มาขับร้องเพลง?"
"..." สีหน้าของฉู่หยุนชิงดูอึดอัดเล็กน้อย เขาขยับถอยห่างจากสตรีทั้งสอง "แม่นางทั้งสองอาจเข้าใจผิด ข้าคงไม่ใช่คนที่พวกเจ้าตามหา"
หญิงคนซ้ายทำท่าประหลาดใจ "คุณชายในชุดขาวที่นั่งอยู่ใกล้หน้าต่าง ไม่ผิดแน่นอน"
"อย่าบอกนะว่าคุณชายเปลี่ยนใจ เงินมัดจำก็จ่ายมาแล้ว ยังจะอายอะไรอีกเล่า" สตรีทางขวาพูดพร้อมใช้มือลูบมือฉู่หยุนชิงอย่างสนิทสนม ท่าทางเย้ายวนเผยออกมาชัดเจนในแววตา "ไม่ต้องห่วง พวกเรามาจาก ฉิงลั่วหว่าน เชี่ยวชาญนัก รู้กฎเป็นอย่างดี วันนี้รับรองว่าจะทำให้คุณชายพึงพอใจอย่างที่สุด"
ฉิงลั่วหว่าน...ไม่ใช่โรงสุราที่อยู่ข้างๆ หอเทพเซียนเมามายหรือ? นี่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งเริงรมย์!
โชคดีที่ฉู่หยุนชิงมีอารมณ์อ่อนโยน ไม่ได้โกรธเคืองในทันที แต่เสิ่นอวี้เจากลับไม่ได้อดทนเช่นนั้น นางคว้าตะเกียบขึ้นมา แล้วฟาดลงไปบนหลังมือของสตรีทั้งสอวอย่างแรง
"พวกเจ้าไม่มีตาหรือ? มองไม่เห็นหรือว่าที่นี่มีคนอยู่? คุณชายท่านนี้ไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะมาล่วงเกินได้"
สตรีสองนางนั้นสะดุ้งร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด รีบดึงมือกลับไปทันที หลังมือของพวกนางปรากฏรอยแดงสองเส้นชัดเจน โกรธจนหน้าแดง "เจ้าเป็นใครกัน? มาจากที่ใดถึงได้มาแย่งที่ทำกินพวกข้า!"
เสิ่นอวี้เจาตอบด้วยใบหน้านิ่งสงบ "ข้าน่ะ เป็นที่แม่สื่อของคุณชายท่านนี้ ถ้าคุณชายบอกว่าพวกเจ้ามาหาผิดคน ก็คือผิดคน ถ้ายังพูดจาเหลวไหลอีก อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!"
แม้แต่คนในใจของนาง ยังมีคนกล้ามาล้อเล่นกันแบบนี้ คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง!
แววตาของเสิ่นอวี้เจาเต็มไปด้วยความข่มขู่ จนสตรีทั้งสองหวาดกลัว รีบลุกขึ้นจากที่นั่ง แต่ก่อนจะไปพวกนางยังชี้ไปยังจุดหนึ่งอย่างลังเล
"เอ่อ...ที่จริงแล้วเป็นแขกท่านนั้นที่บอกให้พวกเรามา บอกว่าคุณชายเป็นคนเลือกพวกเรา ให้มาขับร้องเพลงเพื่อสร้างความรื่นรมย์..."
ฉู่หยุนชิงหันไปมองตามที่พวกนางชี้ และทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป "พี่สาม?"
ตามที่คาดไว้ ที่ริมราวระเบียงบนชั้นสอง มีบุรุษผู้หนึ่งในชุดสีน้ำเงิน เส้นผมถูกมัดไว้ด้วยปิ่นหยก ใบหน้างดงามผสานความเจ้าเล่ห์ในรอยยิ้ม จะเป็นใครไปได้เล่าหากไม่ใช่ ฉู่มู่ฉือ!
ในที่สุดเสิ่นอวี้เจาก็เข้าใจ ว่าความรู้สึกวูบไหวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มาจากอะไร นางอยากจะพลิกโต๊ะ แล้วลุกขึ้นไปจัดการใครบางคนให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอนึกถึงการรักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าชายในฝัน ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้
เจ้าคนสารเลวนี่ วันๆ ไม่มีอะไรทำหรือไร? สนุกนักหรือที่คอยป่วนข้าเล่น! มื้ออาหารสุดประทับใจของข้าถูกทำลายยับเยิน!
ฉู่มู่ฉือเดินลงมาอย่างไม่รีบร้อน โบกมือส่งสัญญาณให้หญิงสาวจากฉิงลั่วหว่านกลับไป จากนั้นทำท่าเคร่งขรึมเหมือนจริงจัง พร้อมเอ่ยกับฉู่หยุนชิง "สตรีที่นั่นงดงามทุกคน หากน้องห้าสนใจ สามารถไปเยี่ยมเยียนได้บ่อยๆ ข้ารู้จักกับเถ้าแก่เนี้ยของที่นั่น รับรองว่าน้องห้าจะได้ส่วนลดแน่นอน"
"พี่สาม ข้าไม่จำเป็น..."
"ถ้าเจ้าไม่ชอบ ก็เก็บไว้เป็นตัวเลือกในภายหน้าก็แล้วกัน" ฉู่มู่ฉือรีบตอบปัดทันที แล้วนั่งลงข้างเสิ่นอวี้เจาอย่างเป็นธรรมชาติราวกับได้รับเกียรติ ไม่มีท่าทีใดที่สำนึกว่าตนเองเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ "พวกเราสามคนไม่ได้เจอกันมานาน วันนี้ได้พบกันก็นับว่าเป็นวาสนา ดื่มด้วยกันสักหน่อยดีหรือไม่?"
เสิ่นอวี้เจาควรจะตบโต๊ะแล้วชมว่าหน้าด้านจริงๆ!
"ฝ่าบาท อาหารมื้อนี้หม่อมฉันเชิญองค์ชายห้า หากพระองค์อยากเสวย ต้องจ่ายส่วนของพระองค์เอง"
"เจ้าลำเอียงนัก ทำเอาข้ารู้สึกเสียใจยิ่ง" เขายกถ้วยขึ้นบังใบหน้า ทำท่าจะร้องไห้ "เจ้าบอกว่าจะช่วยเป็นแม่สื่อให้ข้า แต่กลับมานั่งสนุกสนาน ดื่มเหล้ากับผู้อื่น เจ้ามีความสุขมากหรือ?"
"หม่อมฉันไม่เข้าใจเรื่องที่ฝ่าบาทตรัส ส่วนเรื่องเป็นแม่สื่อ หม่อมฉันว่าพระองค์เองก็ไม่ได้ร้อนรนอะไรนักมิใช่หรือ? เมื่อครู่ยังเห็นกอดสตรีตัวน้อยอย่างรื่นรมย์อยู่เลย"
ฉู่มู่ฉือเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "นั่นข้าทำเพื่อช่วยน้องห้า ข้ารู้ว่านิสัยน้องห้านั้นอ่อนโยนเกินไป ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสตรีบ้างถึงจะเติบโต"
"ขอบคุณพี่สาม" ฉู่หยุนชิงไม่สามารถดื่มเหล้าถ้วยนี้ได้ แต่อีกใจก็ปฏิเสธไม่ได้ จึงได้แต่วางมือลังเลอยู่กลางอากาศ คิดอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่า เขาควรอธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อย "พี่สาม ข้ากับท่านหญิงเสิ่น บังเอิญพบกันระหว่างทาง เลยแวะที่หอเทพเซียนเมามาย เพื่อนั่งพูดคุยกันเท่านั้น"
ฉู่มู่ฉือยกคิ้วขึ้น "พูดคุยกัน? ถึงขั้นไหนหรือ?"
"ที่จริงเรายังไม่ได้คุยอะไรกันมาก พอเจอพี่สามก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน"
"ฟังจากที่เจ้าพูด ดูเหมือนเจ้าโทษข้าว่ามาผิดเวลาใช่หรือไม่?"
ฉู่หยุนชิงเข้าใจนิสัยพี่สามของเขาดี รู้ว่าหากอีกฝ่ายตั้งใจจะหาเรื่องจริงๆ ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร ก็ไม่มีทางทำให้เลิกหาเรื่องได้ ดังนั้นจึงยิ้มอย่างอ่อนโยน ยกถ้วยเหล้าขึ้น เพื่อเปลี่ยนหัวข้อ "ข้าย่อมดีใจที่ได้พบพี่สาม เช่นนั้นเอาตามที่พี่สามบอกก็ดี พวกเราดื่มและพูดคุยกันพร้อมหน้าก็ไม่เลว"
"..." เสิ่นอวี้เจาที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกอึดอัดไปทั้งกาย นางจ้องมองฉู่มู่ฉือด้วยสายตาเคืองแค้น อยากจะกดหัวเขาลงไปในชามน้ำแกงผักแล้วจุ่มขึ้นลงหลายๆ ครั้งเพื่อระบายความโกรธ
เดิมทีควรเป็นการพบปะสองต่อสองระหว่างข้ากับองค์ชายห้า แต่มาถึงกลางทานกลับมีอุกกาบาตเข้ามาขัด ทุกอย่างเลยพังหมด!
"ท่านหญิงเสิ่นเหม่ออะไรอยู่? มีของกินแต่ไม่กิน แบบนี้มิใช่นิสัยของเจ้าเลย" ฉู่มู่ฉือกล่าวพลางคีบขิงและกระเทียมออกจากจานปลานึ่งอย่างใส่ใจ ก่อนจะหยิบสองสิ่งนั้นใส่ลงในชามของนาง "กินขิงกับกระเทียมเยอะๆ สมองจะได้ดีขึ้น"
เสิ่นอวี้เจาจ้องเขาด้วยสายตาคม แล้วหยิบไก่ต้มชาในจานขึ้นมาคีบใส่ถ้วยของเขาแทน "นี่ดีต่อไตฝ่าบาท เหมาะกับพระองค์มาก"
ฉู่มู่ฉือหัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้น "ดูเหมือนว่าท่านหญิงเสิ่นจะไม่ชอบอาหารพวกนี้ เช่นนั้นลองอย่างอื่นดีกว่า น้ำแกงถ้วยนี้ดูน่าอร่อยมาก..." พูดจบเขาหยิบช้อนตักน้ำแกงขึ้นมาดื่มเองครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็นำส่วนที่เหลือยื่นไปที่ปากของนางด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ใครบางคนทันทีที่เห็นภาพนั้น ก็พลันนึกถึงเหตุการณ์ อันน่าสะพรึงกลัวในคืนนั้น นางรีบหลบสายตาเขา แล้วเริ่มหยิบอาหารใส่จานให้ฉู่หยุนชิงด้วยสีหน้าจริงจัง พยายามหลีกเลี่ยงการป่วนอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าฉู่มู่ฉือเองก็ไม่ได้คิดจะปล่อยนางไปง่ายๆ
"ท่านหญิงเสิ่นนี่ลำเอียงนัก รู้จักแต่ดูแลน้องห้า ทั้งที่คืนนั้นเรายังดื่มโจ๊กจากช้อนเดียวกัน นับว่าใกล้ชิดยิ่งนัก"
"..."
เสิ่นอวี้เจาเผชิญหน้ากับสายตาตกตะลึงของฉู่หยุนชิง ก่อนจะตบโต๊ะอาหารดัง ปัง! ด้วยฝ่ามือ นางหันไปมองด้วยท่าทีสงบ และยกมือขึ้นส่งสัญญาณ ให้เจ้าของร้านที่รีบวิ่งมาดูสถานการณ์
"โต๊ะของร้านเจ้านี่คุณภาพแย่มาก ทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัดยิ่งนัก"
เถ้าแก่เบิกตากว้างและอ้าปากค้าง "..." นี่ข้าผิดด้วยหรือ?!
ไท่จื่อองค์นี้ เกิดมาเพื่อป่วนโดยแท้!!!
แม่สื่อข้าใครอย่าแตะ จะตามเป็นราวีเหมือนผีเกาะไหล่!!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาหารมื้อนี้นั้น จบลงด้วยการที่เสิ่นอวี้เจาจงใจทำลายบรรยากาศ นางโยนตั๋วเงินให้เถ้าแก่เพื่อชดเชยความเสียหาย จากนั้นก็หันหลังออกจากหอสุราอย่างไม่รีรอแน่นอนว่าทันทีที่ลุกขึ้นเดิน ไม่ลืมที่จะรักษามาดสง่างาม ด้วยการประสานมือคำนับอำลาฉู่หยุนชิงที่พยายามห้ามนางเอาไว้ เสิ่นอวี้เจาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจากนี้ไป หากที่ไหนมีรัชทายาทฉู่มู่ฉือปรากฏตัว นางจะไม่อยู่ที่นั่นเกินครึ่งก้านธูปเด็ดขาด แม้แต่องค์ชายห้าจะอยู่ด้วยก็ตาม!แต่ความคิดก็คือความคิด ความจริงนั้นกลับห่างไกลออกไปมาก เพราะสุดท้ายนางก็ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้ชายคาเดียวกับไท่จื่อ การนัดหมายล่ม อาหารก็กินไม่อิ่มท้อง พอกลับถึงตำหนัก ยังต้องฟังคำเทศนาจากองค์รัชทายาทที่หาเรื่องมาอบรมอีก"เจ้าสาบานต่อฮ่องเต้แล้วว่าจะช่วยเรื่องหาพระชายาให้ข้าอย่างเต็มใจ แต่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน เจ้ากลับอยากจับมือร่วมรบกับน้องห้า แล้วถอดใจไปเช่นนั้นหรือ?""ฝ่าบาทโปรดแก้ไขให้ถูกต้อง หม่อมฉันบอกเพียงว่าจะลองดูเท่านั้น
สีหน้าของเสิ่นอวี้เจาเคร่งขรึม นางเงยหน้าขึ้นมองรอบตัวทันที แต่พบว่าโต๊ะที่อยู่ข้างๆ ล้วนเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังดื่มกินและหัวเราะสนุกสนาน ไม่มีใครดูเหมือนจะเป็นคนลอบโจมตี"มีมือสังหารอยู่ที่นี่หรือ?""ข้าว่าคงมีคนจงใจล้อเล่นเสียมากกว่า" ฉู่หยุนชิงไม่ได้แสดงความไม่พอใจแม้แต่น้อย เขาหยิบถ้วยใหม่มาแทนถ้วยเดิม และรินเหล้าลงไปใหม่ "อย่าใส่ใจเลย หากอีกฝ่ายมีจุดประสงค์ซ่อนเร้น เดี๋ยวก็ต้องสร้างปัญหาอีก เราค่อยรอดูตามสถานการณ์ก็พอ"เสิ่นอวี้เจาพยักหน้าเห็นด้วย แต่จู่ๆ นางกลับรู้สึกไม่สบายใจ ความรู้สึกวูบไหวบางอย่างเกิดขึ้น แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ ไม่นานนักคำตอบก็ปรากฏ เพราะนางยังไม่ได้ดื่มเหล้าจากถ้วยให้หมดดี ก็ได้ยินเสียงดังโครมครามขึ้นมาทันที และในสายตาของเสิ่นอวี้เจาก็ปรากฏร่างของสตรีสองคนที่แต่งหน้างดงาม พวกนางเดินตรงมาที่โต๊ะและนั่งลงข้างๆ ฉู่หยุนชิง"คุณชาย เป็นท่านใช่หรือไม่ ที่จ่ายเงินจำนวนมาก เพื่อเชิญพวกเราให้มาขับร้องเพลง?"
เสิ่นอวี้เจาคิดว่าหากยังอยู่ตรงนี้ต่อ คงต้องถูกทรมานจนเจียนตาย หรือไม่นางอาจถึงขั้นจุดไฟเผาตำหนักรัชทายาทก็เป็นได้ จึงรีบออกไปข้างนอกเพื่อระบายความเครียดนางเดินออกไปด้วยท่าทีไม่แยแส ทิ้งคำพูดไว้ว่า“ขอตัวไปตรวจสอบหญิงสาวในราชสำนักก่อน” พร้อมห้ามเจียงเฉินติดตาม จากนั้นก็หายลับไปจากประตูสีแดงทองถนนในเมืองหลวงยังคงคึกคักเต็มไปด้วยผู้คน พ่อค้าแม่ค้าเร่ต่างร้องเรียกขายของ กลิ่นหอมจากร้านค้าสองฝั่งถนนลอยมาเป็นระยะ เพียงเดินเล่นช้าๆ ไปตามถนนนี้ ก็ทำให้จิตใจสดชื่นขึ้น เสิ่นอวี้เจาเดินไปพลางกินไป ตั้งแต่ขนมเปี๊ยะเม็ดบัว ตีนไก่ต้ม จนถึงในที่สุด นางถือฮวาเหมยเคลือบน้ำตาลก่อนจะเดินเข้าร้านหยกร้านแห่งนี้เป็นร้านชื่อดังในเมืองหลวง นางอยากเลือกต่างหู ที่เหมาะสมสักคู่ให้ตนเอง เพื่อสนองความต้องการเล็กๆ แก้ความเบื่อหน่าย แม้ว่าตอนนี้นางจะดูไม่มีความเป็นหญิงเลยก็ตาม“เถ้าแก่ ต่างหูคู่นี้ราคาเท่าไหร่?&rd
ใครจะไปคาดคิดว่าคำพูดต่อมาของนาง จะทำให้เขากลับสู่ความจริงอย่างโหดร้าย "ถ้าฝ่าบาทเป็นอะไรไป ทรัพย์สินที่เหลืออยู่ก็ต้องขายให้ข้ามิใช่หรือ? เช่นนั้นคงต้องเจรจากับฮ่องเต้เสียหน่อย""ท่านหญิง ช่วยจริงจังหน่อยได้หรือไม่ขอรับ!""อ่า รู้แล้ว ข้าจะไปดูสักหน่อยแล้วกัน?" เสิ่นอวี้เจามองเขาด้วยแววตาดูถูก "ดูเจ้าเถอะ ไม่มีอนาคตเลยจริงๆ ทั้งวันเอาแต่ทำให้ข้าขายหน้า แล้วข้าจะหาใครมาเป็นคู่ให้เจ้าในเบื้องหน้าได้อย่างไร?""..." นี่มันความผิดเขาหรือ?!เจียงเฉินอยากจะอธิบายให้กระจ่างนัก อยากบอกว่านับว่ายังโชคดี ที่เขายอมใช้หัวใจและจิตวิญญาณ ทำหน้าที่องครักษ์ที่ดีให้นาง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครทนกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของนางได้ แต่เมื่อสัมผัสตั๋วเงินหอมหวาน ในที่สุดเขาก็กล้ำกลืนอดทนต่อไปยังมีเวลาอีกยาวนานที่เขาต้องทนรับความอัปยศนี้เสิ่นอวี้เจาเดินไปที่หน้าห้องของฉู่มู่
เสิ่นอวี้เจากล่าวอย่างสงบนิ่ง "อ้อ เช่นนั้นรึ หม่อมฉันคงใจแคบไปเอง แต่ขอแก้เสียหน่อย มิใช่เรื่องแปลกเลยที่ฝ่าบาทจะถูกคนตำหนิ เพราะนั่นดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติตั้งแต่ฝ่าบาทยังเยาว์วัย”ฉู่มู่ฉือยิ้มรับอย่างจริงใจ "ที่เจ้ากล่าวไม่ผิดแม้แต่น้อย แต่เจ้าจะยังนอนแช่น้ำแล้วคุยกับข้าแบบนี้ต่อไปหรือไม่?""ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาทมีข้อเสนออะไรที่ดีกว่าหรือ?""ตัวอย่างเช่น ข้าผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา จะช่วยอาบน้ำเป็นคู่กับเจ้า"เสิ่นอวี้เจากล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง "ไม่จำเป็น หากอาบน้ำร่วมกับฝ่าบาท หม่อมฉันเกรงว่าจะจมน้ำตายเสียก่อน"พูดจบ นางก็ตวัดมือน้ำในอ่างสาดใส่ใบหน้าของฉู่มู่ฉือ ก่อนจะกระโดดพรวดออกจากอ่างน้ำ มือขวาคว้าอาภรณ์ด้านหลังมาสวมคลุมตัวอย่างรวดเร็ว พลิกตัวลงยืนบนพื้นอย่างมั่นคง ท่วงท่าของนางนั้นลื่นไหลและสง่างาม เมื่อฉู่มู่ฉือเช็ดน้ำออกจากหน้าและลืมตาขึ้น นางก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว"ท่านหญิงเสิ่นช่
การกระทำของเจียงเฉินย่อมไม่อาจสำเร็จแท้จริงแล้ว ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาแอบย่องเข้าไปในห้องของฉู่มู่ฉืออย่างเงียบเชียบ ก็ถูกจับได้เสียแล้ว ตอนที่ก้าวออกมา สิ่งที่เห็นคือองค์รัชทายาทยืนพิงประตูอยู่ หาวออกมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย ทันใดนั้นเจียงเฉินก็ตัวแข็งทื่อยืนจังงังอยู่กับที่"ฝะ...ฝ่าบาท..."" ถึงกับรบกวนองครักษ์เจียง มาช่วยทำความสะอาดห้องให้ข้า ช่างรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก"หัวใจของเจียงเฉินแทบจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ มีลางสังหรณ์ว่าเพราะตั๋วเงินสองใบนี้ ตนเองอาจต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างมหาศาล "กระหม่อม…คือ กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จนปัญญาจะพูดอะไรออกมาปลายหางตาของฉู่มู่ฉือยกขึ้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้า "หากข้ามองไม่ผิด เมื่อครู่สิ่งที่เจ้านำเข้าไปในห้องคือ'ตะปูเหล็ก' ใช่หรือไม่? หรือเจ้าตั้งใจจะทำ'กระบองหนามพกพา' ให้ข้าไว้ป้องกันตัวกันแน่?""กระหม่อมเพีย