เมื่อต้องสวมรอยเป็นแฝดพี่ ไปดูแลว่าที่พี่เขยที่พิการ พลอยพัดชาเลยต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองกลายเป็น เพชรน้ำหนึ่ง เพื่อตบตาทุกคน โดยเฉพาะว่าที่พี่เขยอารมณ์รุนแรง ปากร้าย และเอาแต่ใจตัวเองอย่างภารัน "ที่เธอตอบไม่ได้เพราะเธอไม่รู้ว่า แผลที่แขนเพชรน้ำหนึ่งไปโดนอะไรมาใช่ไหม"ขนอ่อนพากันเรียงตัว เมื่อเขาเอ่ยชื่อเพชรน้ำหนึ่งออกมาเต็มปาก เหมือนเขารู้ว่าเธอไม่ใช่เพชรน้ำหนึ่ง "ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแขนฉันไปโดนอะไรมา ฉันว่าคุณเมามากแล้ว เราแยกกันตรงนี้นะคะ"พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนเพื่อจะหนีไปตั้งหลัก "เมื่อสองคืนก่อนมีคนเห็นเธอในผับแถวๆทองหล่อ"พูดพร้อมกับมองหน้าหญิงสาวอย่างจับผิด "ค่ะ ฉันหนีคุณไปตอนคุณหลับ"พูดเพราะไม่อยากให้เขาถามเธออีก "อือ...ปกติเธอก็เที่ยวเก่งจนฉันชิน" "ก็ไม่แปลกนี่คะ ของมันเคยๆ"พลอยพัดชายังแถไม่หยุด เธอจะไม่ยอมจนมุม ต่อให้เขาต้อนจนไม่มีทางหนีก็ตาม ภารันยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะมองนิ่งมาที่หน้าเธอ
ดูเพิ่มเติมกลิ่นน้ำหอมฉุนจัดที่ลอยมาเข้าจมูก ส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือแกร่งหยิบแว่นดำขึ้นมาสวมใส่เพื่อปิดบังดวงตาคู่คมเอาไว้ ก่อนจะหันกลับมาช้าๆ เมื่อคนมาใหม่เดินมายังจุดที่เขานั่งอยู่ ตาคมเข้มมองร่างแบบบางในชุดเดรสรัดรูปสีแดงสด ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปมองใบหน้าสวย ที่บรรจงแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงอย่างสวยงาม มองปากกระจับคู่งามที่เคลือบลิปสติกสีเดียวกันกับชุด ก่อนจะไปหยุดที่ผมยาวสีประกายทองที่ดัดเป็นลอนใหญ่ นึกขัดใจกับสีผมของเธอ เขาชอบสีผมที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
ใบหน้าสวยร้อนผ่าว เมื่อถูกมองอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจดเท้า ตากลมโตกะพริบถี่ๆ เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเขา ขนาดมีแว่นดำปกปิดเอาไว้ เธอยังรู้สึกถึงอำนาจของดวงตาคู่นั้น มือบางยกขึ้นไปเก็บผมที่ร่วงลงมาข้างแก้มขึ้นไปทัดหู รู้สึกประหม่ากับการมองของเขา
"คุณเพชรมาแล้วค่ะ"เสียงแม่บ้านที่ดังขึ้น เรียกสติหญิงสาวให้กลับมาอยู่กับตัว ตอนนี้เธอคือเพชรน้ำหนึ่งคู่หมั้นของเขา พลอยพัดชาคิดในใจ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีจริต ท่องไว้เธอคือเพชรน้ำหนึ่ง คือนางพญาที่สวยโดดเด่น ไม่ใช่นางซินก้นครัวคนเดิมอีกต่อไป
"กว่าจะเสด็จมาได้"น้ำเสียงทรงอำนาจที่เปล่งออกมาอย่างเย้ยหยัน ทำให้คนฟังใจไม่อยู่กับตัว กลัวเขาจับได้ว่าเธอคือตัวปลอม
"งานยุ่งน่ะค่ะ เลยมาช้า"พูดพร้อมกับเดินไปทิ้งสะโพกลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับเขา นาทีนี้ไม่มีอะไรให้กลัวอีกแล้ว เมื่อกล้าเข้ามาเหยียบที่นี่ เธอก็ต้องเล่นไปตามบท หญิงสาวตกตะลึง เมื่อมือแกร่งยื่นมาจับแขนเธอ แล้วออกแรงกระชาก จนร่างบางเกยขึ้นไปบนตักของเขา อกอวบเบียดชิดไปกับอกแกร่ง มือข้างที่ว่างจับคางมนแล้วออกแรงบีบ ให้ริมฝีปากบางเผยอรับปากร้อน ที่จงใจประกบลงมาอย่างแรง แล้วบดขยี้หนักๆลงบนริมฝีปากของเธอ เพราะจับจังหวะไม่ถูก ผิวเนื้ออ่อนจึงกระทบกับฟันของเขาจนได้รับรสเลือด มือแกร่งบีบขยำลงบนสะโพกงามงอน ไอร้อนแผ่ไปทั่วผิวเนื้อที่ถูกสัมผัส ภารันเป็นคนเอาแต่ใจ เธอไม่รู้เลยว่าระหว่างเขากับเพชรน้ำหนึ่งลึกซึ้งกันแค่ไหน ดูจากการทักทายของเขา ก็พอจะเดาได้ว่า ระหว่างที่อยู่ที่นี่เธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง มือหนาปล่อยเอวบาง เมื่อเธอเริ่มขัดขืนเพราะขาดอากาศหายใจ คิ้วหนากระตุกเมื่อเห็นอาการตื่นตกใจที่คนในอ้อมแขนแสดงออก ไหนจะดวงตากลมโตนั่นอีก ที่มองมาที่เขาด้วยสายตารังเกียจที่เจ้าตัวไม่คิดจะปิดบัง
"ทำแบบนี้ฉันอายนะคะ"พูดพร้อมกับขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง เพราะเสียรูปทรงจากการกระทำของเขา
"เธอหน้าบางตั้งแต่เมื่อไหร่"คำพูดของเขาทำให้เธอหน้าชา เธอรู้แค่ว่าเขาเป็นคู่หมั้นพี่สาว นอกจากนั้น เธอก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกเลย
"ฉันเป็นผู้หญิงนะคะ"ตอบอย่างมีจริต เมื่อลุกออกจากตักกว้าง มานั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม
"ผู้หญิงที่กินผู้ชายเก่งอย่างเธอ ยังจะมียางอายอีกหรือ"
"คุณรัน!"ตวาดแหวออกไปอย่างลืมตัวเมื่อโดนดูถูก สาบานว่าคำพูดที่เธอได้ยิน คือคำพูดของคนที่รักกัน
"ฉันพูดอะไรผิด" ตอบด้วยท่าทางยียวน จนคนฟังนึกโมโห พยายามรวบรวมสติ นั่นสินะเขาพูดอะไรผิด เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าพี่สาวเธอทำตัวยังไง เวลาที่อยู่กับเขา
"เอาเป็นว่าที่ผ่านมาฉันจะลืมมัน ต่อจากนี้ฉันจะทำตัวใหม่ ฉันมาที่นี่เพื่อมาดูแลคุณ ตามที่เราตกลงกันไว้"หญิงสาวยื่นข้อเสนอให้เขา เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ขืนแสดงนิสัยของตัวเองออกมา เขาคงจับได้ว่าเธอคือตัวปลอม
ภารันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขาหักทั้งสองข้าง หลังจากผ่าตัดเขาก็ยังเดินไม่สะดวก จึงสั่งให้คู่หมั้นมาดูแล พี่สาวเธอปฏิเสธเพราะไม่อยากมาดูแลคนพิการ พลอยพัดชาจึงถูกเรียกตัวกลับมาจากต่างจังหวัด เพื่อมาสวมรอยเป็นพี่สาว หญิงสาวปฏิเสธคำขอร้องในตอนแรก แต่เมื่อฟังเหตุผลของพ่อกับแม่ เธอจึงต้องจำใจตอบตกลง เพราะไม่อยากให้มีปัญหาเกิดกับครอบครัว การหมั้นของพี่สาว มีเรื่องของธุรกิจกับหนี้สินรวมอยู่ในนั้น เธอจึงปฏิเสธไม่ได้ พลอยพัดชากับเพชรน้ำหนึ่งเป็นฝาแฝดกันก็จริง แต่ไม่เคยได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนกับฝาแฝดคู่อื่นๆ พลอยพัดชาอยู่กับตายายที่ต่างจังหวัดมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว สิ่งที่เธอรับรู้และต้องทำตามก็คือ ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นเพชรน้ำหนึ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุด แม้กระทั่งแผลเป็นที่แขนข้างซ้าย เธอก็ต้องมีให้เหมือนกับพี่สาว
ตาคู่คมจ้องคนตรงหน้าตาไม่กะพริบ ไม่เจอกันแค่ไม่เท่าไหร่ เพชรน้ำหนึ่งเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรือ โดยเฉพาะสายตา ผู้หญิงคนนี้มักจะมองเขาด้วยสายตายั่วยวน เชิญชวนและท้าทาย แต่วันนี้เธอกลับมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า และที่ทำให้เขาแปลกใจมากที่สุดก็คือ เธอนั่งห่างจากเขาเกินหนึ่งไม้บรรทัด
ก่อเกียรติเดินเข้าไปข้างใน ชานนท์ค้อมหัวให้อย่างสุภาพ ชายหนุ่มพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างในสุด ต้องรักมองหน้าเขา ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อเห็นเหงื่อตามไรผมของเขา ก่อเกียรติไปทำอะไรมาใบหน้าถึงชื้นไปด้วยเหงื่อ ความสงสัยของเธอต้องถูกพับเอาไว้ เมื่อร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ จับมือของเธอ แล้วสอดนิ้วเข้ามาประสานกับนิ้วมือของเธอ ตากลมโตมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ดึงมือกลับ จับและสอดประสานนิ้วเข้ากับนิ้วมือของเขา “ทำไมไม่บอกว่าจะมา จะได้ให้คนไปรับ” ก่อเกียรติถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปรกติ แม้มันจะยากลำบากก็ตาม ลงวิ่งบันไดมาเกือบยี่สิบชั้น เพื่อมาดักรอเธอชั้นนี้ ไม่เหนื่อยก็ไม่ใช่คนแล้ว อีกอย่างอายุเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ ไม่ช็อคตายก็ถือว่าบุญ ต้องรักงงกับคำถามของเขา แต่เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก็เข้าใจเรื่องราวมากขึ้น ก่อเกียรติต้องการให้ชานนท์เข้าใจแบบไหน เธอก็จะเล่นไปแบบนั้น เขาคบซ้อนได้ทำไมเธอจะคบซ้อนไม่ได้ แม้คนที่กำลังแสดงละครว่าคบกัน จะไม่น่าคบก็ตาม “อยากให้คุณเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ” ตอบเสียงหวานพร้อมกับซบลงที่อกของเขา
ก่อเกียรติมองคนที่เดินเข้ามาในอาคาร ตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดที่เธอใส่เป็นชุดนักศึกษาก็จริง แต่วันนี้ดูดีขึ้นมาหน่อย กระโปรงรัดรูปยาวมาถึงเข่า ใส่เสื้อคลุมทับเสื้อนักศึกษาอีกตัว รวม ๆ ก็พอไปวัดไปวาได้ จะติดก็ตรงที่รองเท้าที่ใส่มาเท่านั้น ต้องรักชอบใส่รองเท้าผ้าใบ ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนเธอก็จะใส่แต่ผ้าใบเท่านั้น แปลกในความคิดเขา แต่ก็น่ารักเพราะมันเป็นตัวตนของเธอ วันก่อนเขาติงเรื่องชุด แต่ลืมเรื่องรองเท้า ฝึกงานใส่ชุดสุภาพรองเท้าก็ควรสุภาพด้วย ส้นสูงหรือรองเท้าคัทชูน่าจะเหมาะสมกว่าร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเปิดประตูออกไปอย่างรีบร้อน เมื่อกล้องวงจรปิดที่กำลังดูอยู่ จับภาพว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน “เกิดอะไรขึ้นคะท่าน!” พิศมัยถามเมื่อเห็นรองประธานบริษัทวิ่งออกมาจากห้อง ไม่มีเสียงตอบมีเมื่อก่อเกียรติวิ่งผ่านหน้าเธอไป “ท่านคะ! ท่าน!” เลขาวัยกลางคนยืนค้างอยู่กับที่ หัวใจร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ทำไมก่อเกียรติถึงรีบร้อนออกไปขนาดนั้น ต้องรักยืนรออยู่หน้าลิฟต์ พร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะขึ้นไปอีกชั้น เพราะคู่หมั้นรออยู่บนนั้น ชา
ก่อเกียรติอยู่คุยกับคุณอมรต่อ ในขณะที่ต้องรักแยกตัวไปเตรียมตัวมหาวิทยาลัย อมรถามถึงเหตุผลที่ก่อเกียรติมาเสียเวลากับลูกสาวเขา ก่อนจะต้องหัวเราะออกมา เมื่อได้รับคำตอบที่โดนใจ ก่อเกียรติหัวเราะในลำคอ เมื่อเอ่ยปากกับคุณอมรตามตรง ที่เหลือก็แค่รอเวลา ถ้ามันจะใช่ยังไงมันก็ใช่ ชุดนักศึกษาที่ต้องรักใส่สั้นและรัดรูปก็จริง แต่วันนี้เธอใส่เสื้อคลุมทับไปอีกตัว ชิดจันทร์เข้ามาหาลูกสาวเพราะเป็นห่วงสภาพจิตใจ อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมต้องรักไม่โวยวาย และไม่แสดงอาการอะไรออกมา “ต้อง มีอะไรจะคุยกับแม่ไหมลูก” ชิดจันทร์เดินเข้ามาหา พร้อมกับลูบมือลงบนศีรษะของลูกด้วยความรักและห่วงใย “ต้องไม่เป็นอะไรค่ะแม่” “ถ้าเจ็บปวด ก็อย่าฝืนนะลูก” “ต้องไม่เจ็บแล้วค่ะแม่ ต้องทำใจได้แล้ว” ถึงจะปฏิเสธ แต่น้ำตาก็รื้นหัวตา “แม่ดีใจนะที่เห็นต้องเข้มแข็ง ต้องโตขึ้นเยอะเลยรู้ไหม” “ต้องมาคิดดูแล้ว เรื่องหมั้นที่เกิดขึ้น มันคือความต้องการของต้องเพียงคนเดียว คุณนนท์เขาไม่ได้รักต้องเลยสักนิด ต้องบ้าไปเองคนเดียว ต้องก็ต้องทำใจค่ะแม่” “ต้องรัก หนูเ
บทสนทนาของเขาและเธอต้องจบลง เมื่อเด็กรับใช้ยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟ ก่อเกียรติไม่พูดอะไร นั่งมองเธอตักข้าวต้มเข้าปากเงียบ ๆ โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของเขา ทำให้ต้องรักประหม่าไปกันใหญ่ เธอไม่ชอบให้ใครมองเวลาเธอกินอาหาร โดยเฉพาะเขา “คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ” ถามเมื่อเห็นเขายังไม่ยอมลุกไปไหน “รอไปพร้อมคุณ” “ไปพร้อมฉัน ไปไหนคะ!” “ไปส่งคุณที่บ้าน แล้วเลยไปส่งที่มหาวิทยาลัย แล้วเข้าบริษัทตอนบ่าย” “คนละทางกันเลยนะคะ คุณให้คนขับรถไปส่งฉันที่บ้านก็พอ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ทำให้ฉันนะคะ ถ้าไม่มีคุณฉันคงทำเรื่องที่ไร้สติไปแล้ว” “รีบ ๆ กินเข้าเถอะ ช้าเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” ก่อเกียรติตัดบท ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูอะไรไปเรื่อย ฆ่าเวลารอคนตรงหน้า เขาตั้งใจไปบ้านเธอเพราะต้องคุยบางอย่างกับพ่อแม่ของเธอ ชานนท์เป็นคนมีความสามารถ พ่อแม่เธอจึงไว้ใจให้หมอนั่นดูแลลูกสาว ท่านทั้งสองอาจจะมองว่าเรื่องที่ชานนท์มีคนอื่น เป็นเรื่องปรกติ เพราะทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่อยากให้ต้องรักต้องทนอยู่ในสภาพนั้น วันนี้ทำได้ วันหน้าก
“ฝันดียายดื้อ” ก่อเกียรติพูดชิดหน้าผากมน มองดวงหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ต้องรักก็ลืมตาขึ้นแล้วเบิกค้างอยู่อย่างนั้น หัวใจเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมานอกอก จิกเล็บลงบนเนื้อตัวเอง เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ก่อเกียรติเข้ามาในนี้ บ่นให้เธอสองสามประโยค ก่อนจะจูบหน้าผากเธอแล้วเดินออกไป “บ้าไปแล้ว คุณก่อต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ” พูดพร้อมกับตบมือลงบนหน้าผากตัวเอง ไอร้อนและกลิ่นมิ้นท์ยังติดอยู่บนนั้น เป็นไปได้ยังไง ก่อเกียรติไม่ชอบขี้หน้าเธอ สายตาที่เขามองมาแต่ละครั้ง ไม่ต่างจากมองขยะเปียก เขาเกลียดเธอมากไม่ใช่เหรอ แล้วเขาจูบเธอทำไม “โอ๊ย! ทำไงดีต้องรัก คิดสิคิดสิ” คนเมาสร่างเป็นปลิดทิ้ง เมื่อถูกขโมยจูบหน้าผาก คิดไม่ออกเลยว่าเวลาเจอกันต้องทำหน้ายังไง ก่อเกียรติอาจจะเมาค้าง เขาคงไม่ได้ตั้งใจจูบเธอ หรือไม่เธอก็คงคิดไปเอง ร่างบางกระโดนลงจากเตียงนอน หอบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำ เธอต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา ก่อเกียรติยกแก้วกาแฟค้างกลางอากาศ เมื่อเห็นคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากบ้าน เสื้อที่เธอใส่เป็นเสื้
เช้านี้กรวิกามีเรียนแต่เช้า จึงรีบออกจากบ้าน ระหว่างนั้นเธอเห็นก่อเกียรติออกกำลังกายอยู่หน้าบ้าน จึงเข้าไปทักทายและเอ่ยปากฝากเพื่อนกับเขา ก่อเกียรติปฏิเสธ แต่กลับถูกน้องต่อว่า สาเหตุที่ต้องรักเมาจนขาดสติ เพราะเขาเป็นต้นเหตุ ถ้าเขาไม่พาไปดื่ม ต้องรักก็คงไม่เมามากขนาดนี้ “ทำเหมือนเพื่อนไม่เคยเมา” ก่อเกียรติย้อนเมื่อถูกน้องกล่าวหา “ก็เมาค่ะ แต่ไม่มากเท่านี้ ไม่รู้ล่ะพี่ก่อเป็นคนพาไป พี่ก่อต้องรับผิดชอบ เกลไปก่อนนะคะ มีเรียนเช้า ช้าเดี๋ยวรถติด” พูดจบก็เดินออกไป แต่ถูกพี่ชายเรียกเอาไว้ “เดี๋ยวเกล” “คะ” “พี่บอกเรื่องที่เกลจะไปเรียนต่อให้ต้องรักรู้แล้วนะ” “พี่ก่อ! เกลบอกแล้วไงคะว่าเกลจะบอกเรื่องนี้กับต้องเอง พี่ก่อพูดทำไมคะ!” กรวิการ้องออกมาอย่างตกใจ ตัดพ้อพี่ชายที่ถือวิสาสะบอกเรื่องของเธอให้ต้องรักรับรู้ “ช้าหรือเร็วก็ต้องบอก พี่เลยบอกให้” ก่อเกียรติยักไหล่ ก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่ม ตาคู่คมมองใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของน้อง ที่แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน “รีบไม่ใช่เหรอ ไปสิเดี๋ยวรถติด” ไล่น้อง
ความคิดเห็น