บทที่ 116
กลับเมืองเล่ออัน
ณ เมืองหลวง
วันรุ่งขึ้น ลู่ซินฟางกับคณะผู้ติดตาม พร้อมด้วยกงโม่หยวนออกมาดูทำเลสร้างร้าน
ทำเลที่กงโม่หยวนเลือกไว้ให้ล่วงหน้ามีอยู่ 4-5 แห่ง เป็นอาคารสองชั้นกับสามชั้นที่อยู่กลางเมืองหลวง ถนนสายนี้ผู้คนพลุกพล่าน เป็นทำเลที่ดีทั้งหมด
ลู่ซินฟางเลือกอาคาร 2 แห่ง กลางเมืองหลวง 1 แห่ง และบนถนนในเขตตะวันออกอีก 1 แห่ง อาคารทั้ง 2 แห่งมีสัญญาซื้อขายครบถ้วน นอกจากนี้นางยังซื้อบ้านไว้อีกหนึ่งหลัง
เมื่อลงนามซื้ออาคารเรียบร้อย กงโม่หยวนก็พาหัวหน้าคนงานก่อสร้างมาหา ทำสัญญาตกลงจ้างงานเสร็จ จ่ายเงินมัดจำเรียบร้อย ลู่ซินฟางก็มอบหน้าที่คุมงานให้กับผู้ติดตามทั้งสี่คน
ด้านของกงเยียนซูนั้น ทำงานอย่างขะมักเขม้น จึงไม่ได้ช่วยลู่ซินฟางเลือกทำเลร้าน
แต่เมื่อถึงมื้อค่ำ สองหนุ่มสาวร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สิ่งที่เจอมาในวันนั้น และยังคุยเรื่องสัพเหระ เรื่องทั่วๆ ไป
หนึ่งวันแรกของลู่ซินฟางที่อยู่เมืองหลวงค่อนข้างยุ่งกับงาน กงเยียนซูก็ไม่ต่างกัน
วันต่อมา ลู่ซินฟางกับหลางไป๋ออกมาสำรวจตลาดในเมืองหลวง และมาดูร้านไฉฟู่ของเถ้าแก่ซุน สาขาเมืองหลวง
สินค้าที่ร้านไฉฟู่รับจากร้านของนางมาขายต่ออย่างตะเกียงแก้ว ชุดชงชาที่ทำจากแก้ว รวมถึงสินค้าราคาแพงทั้งหลายยังเป็นที่นิยมในกลุ่มขุนนาง
“ร้านของเถ้าแก่ซุนให้บรรยากาศหรูหรา เหมือนตั้งใจใช้ของตกแต่งราคาแพงพวกนั้นจำกัดคนเข้าร้าน ให้มีเฉพาะขุนนางกับเหล่าเศรษฐีเลยขอรับ”
“อืม” ลู่ซินฟางพยักหน้าตอบ
“เห็นทีร้านพลอยของเราคงต้องเอาร้านไฉ่ฟู่เป็นแบบอย่างแล้วขอรับ”
“ถูกของเจ้า ร้านพลอยของเราจะตกแต่งธรรมดาไม่ได้” ลู่ซินฟางตอบ หลังจากคิดสักครู่ นางก็พูดเสริมว่า “เช่นนั้นก็เน้นสีขาวกับสีฟ้า ส่วนของตกแต่งเป็นแบบเรียบง่าย แต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าของทุกชิ้นราคาแพง อย่างเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้หวงฮวาหลีหรือไม้จื่อถาน ไม่ใส่เฟอร์นิเจอร์มากเกินไป ทางเดินก็ทำให้โล่งเข้าไว้เพราะจะได้มองคนเข้าออกทั่วถึง”
“ขอรับ”
ฟังจบ หลางไป๋ก็จดสิ่งเหล่านั้นลงในสมุดพก
หญิงสาวกับหมาป่าหนุ่มเดินบนถนนที่คลาคล่ำด้วยผู้คนกันต่อ เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ พร้อมกับปรึกษาหารือกันไป
วันที่สาม ลู่ซินฟางกับกงเยียนซูเดินทางมาที่กรมคลัง ยื่นเอกสารการเปิดร้าน
งานเอกสาร รวมถึงการติดต่อเจ้าหน้าที่กรมคลัง กงโม่หยวนจัดเตรียมทั้งหมดไว้ล่วงหน้า ลู่ซินฟางจึงเดินเอกสารเสร็จในเวลาไม่นาน
ด้วยเหตุนี้ สองหนุ่มสาวจึงใช้เวลาที่เหลือเดินเล่นในเมืองกันต่อ
“ลำพังข้าคนเดียว งานคงไม่เสร็จเร็วเพียงนี้ ขอบคุณท่านมาก”
ระหว่างเดินไปบนถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยความซาบซึ้ง
“ข้ายินดีช่วยเหลือเจ้าเต็มที่ อย่าได้คิดมาก”
รอยยิ้มของกงเยียนซูจริงใจอย่างยิ่ง
ลู่ซินฟางเห็นแบบนั้นก็ทั้งเขินทั้งซึ้งใจ
สักครู่ ชายหนุ่มก็ยิ้มจางๆ แล้วบอกว่า “เอาเถอะ ถึงเมื่อกี้ข้าจะพูดเพื่อให้ดูดี แต่จริงๆ แล้วข้าอยากให้เจ้าพึ่งพาข้ามากกว่า”
ลู่ซินฟางขบขันให้กับประโยคนั้น
กงเยียนซูกล่าวทีเล่นทีจริงต่อไปว่า “ว่าไปแล้ว ชักอยากเห็นร้านค้าพลอยของเจ้าเร็วๆ เสียแล้วสิ เปิดร้านพรุ่งนี้ได้หรือไม่”
“ท่านเองก็ใจร้อนเหมือนกับพระสนมเลย”
หญิงสาวพูดปนขำ ทำให้ชายหนุ่มขบขันออกมา
ภายในเวลานี้ ผู้คนที่เดินสวนไปมาต่างมองหนุ่มหล่อสาวสวยพูดคุยกันด้วยเสียงหัวเราะ มองดูพวกเขาแล้วช่างมีความชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
“ในเมื่องานของเจ้าลุล่วงไปด้วยดี คืนนี้ดื่มฉลองกันดีหรือไม่” กงเยียนซูชักชวนอย่างปุบปับ
“แล้วงานของท่านล่ะเจ้าค่ะ”
ลู่ซินฟางไม่อยากให้เรื่องของนางทำให้งานของกงเยียนซูล่าช้า ถึงได้ถามเช่นนั้น
“งานข้าเหลืออีกนิดหน่อยน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็มาดื่มฉลองกันเถิดเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ “กลับถึงโรงเตี๊ยม ข้าจะสั่งให้โม่หยวนเตรียมสุราอาหาร เจ้าก็พาคนของเจ้ามาด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ”
ระหว่างอยู่เมืองหลวง กงเยียนซูอำนวยความสะดวกให้นางหลายอย่าง ทั้งยังให้กงโม่หยวนที่เป็นญาติสนิทคอยติดตามช่วยเหลือ นับเป็นผู้ชายที่ใจกว้าง
ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำวันนั้น ทั้งสองฝ่ายกินดื่มฉลองให้กับความสำเร็จด้วยบรรยากาศรื่นเริง
ในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องเดินทางกลับเมืองเล่ออัน
หลายวันที่อยู่เมืองหลวง ลู่ซินฟางกับหลางไป๋รวบรวมข้อมูลมาได้เยอะแยะ ซ้ำยังทำงานจนลุล่วงในเวลาสั้นๆ
ทั้งหมดนี้ต้องต้องขอบคุณกงเยียนซูกับกงโม่หยวน
เมื่อยกข้าวของขึ้นรถม้าเรียบร้อย รถม้าก็เคลื่อนตัวออกจากเมืองใหญ่
ผู้ติดตามทั้งสี่ของลู่ซินฟางยังอยู่เมืองหลวงต่อ เพราะต้องคอยดูแลความเรียบร้อยและปรับปรุงร้านค้า
ขากลับใช้เวลาเดินทาง 7 วันเหมือนตอนมา
ตลอดเวลาที่ใช้ร่วมกับกงเยียนซู ชายหนุ่มไม่ได้รุกจีบนางมากเกินจนทำให้รำคาญหรือทำให้อึดอัด ซึ่งนั่นทำให้นางรู้สึกสบายใจที่อยู่กับเขา
ทันทีที่รถม้าวิ่งมาถึงหน้าประตูเมืองเล่ออัน นางกับเขาแยกกันตรงนี้
ระหว่างที่รถม้าของหญิงสาววิ่งกลับคฤหาสน์ตระกูลลู่ ลู่ซินฟางผุดรอยยิ้มบางๆ อย่างไม่รู้ตัว
“ช่วงที่อยู่เมืองหลวง คิดว่าท่านกงเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” หลางไป๋เอ่ยถาม
ลู่ซินฟางดึงสติกลับ แล้วตอบ “พอไม่ต้องเสแสร้งใส่กัน เขาก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย”
“ไม่มีเสน่ห์หรือขอรับ”
“ใช่ ไม่มีเสน่ห์ แต่…” นางเว้นช่วง หลุบตามองพื้น แก้มร้อนผ่าวขณะพูดขึ้น “พอเป็นคนธรรมดา นิสัยกลับน่าคบ”
“จริงขอรับ”
เรื่องนี้หมาป่าหนุ่มเห็นด้วย พอไม่ต้องสวมหน้ากาก ‘เถ้าแก่กง’ หรือ 'องค์ชาย' กงเยียนซูก็เป็นเพียงบุรุษธรรมดาทั่วไป
สักครู่ผ่านไป รถม้าก็วิ่งมาถึงหน้าคฤหสาน์
ลู่ซินฟางกับหลางไป๋ลงจากรถม้า เดินผ่านประตูใหญ่เข้ามา
“ท่านแม่นี่น่า!”
“ท่านแม่กลับมาแล้ว!”
เด็กทั้งสองวิ่งเข้ามากอดลู่ซินฟางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หญิงสาวยิ้มกว้าง ได้กอดเจ้าก้อนแป้งทั้งสองมีความสุขมากกว่าเป็นไหนๆ
“คิดถึงจังเลย เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์” ลู่ซินฟางพูดไปยิ้มไป
“พวกเราก็คิดถึงท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์บอก
“ใช่ๆ คิดถึงมากด้วย” เป่าเอ๋อร์พยักหน้าเออออตามพี่ชาย
“น่ารักจังน๊า แม่ซื้อของมาฝากพวกเจ้าเยอะแยะเลย ไปดูกันเลยไหม”
เจ้าแฝดทั้งสองตอบพร้อมเพรียง “อือ” จากนั้น ทั้งคู่ก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เดินจูงมือลู่ซินฟางเข้าบ้าน
ผ่านไปสักครู่ สยงจวิน หลางไป๋และชุนก็หอบกล่องของฝากมาวางไว้บนโต๊ะ กองของฝากสูงราวกับภูเขาลูกเล็กๆ
“ว้าว เยอะแยะเลย”
“เยอะแยะๆ”
เด็กๆ ร้องด้วยสีหน้าดีอกดีใจ
ลู่ซินฟางยิ้มแล้วลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกทั้งสอง ก่อนจะบอกกับทุกคนว่า “มีของฝากสำหรับทุกคนด้วยนะ”
ไม่พูดเปล่า หญิงสาวแจกของฝากให้ทุกคนทีละกล่อง
พอแจกของฝากเสร็จแล้ว ลู่ซินฟางถามเจ้าแฝดว่า “ช่วงที่แม่ไม่อยู่ เป็นเด็กดี เชื่อฟังพี่สาวชุนหรือไม่”
เด็กทั้งสองพยักหน้าแรงๆ พร้อมกัน
“พวกเจ้าทำอะไรบ้าง”
“พี่สาวเม่ยเม่ยมาเล่นด้วยละ” เป่าเอ๋อร์บอกเสียงแจ้วๆ
“อย่างนั้นหรือ”
“แล้วก็ พวกเราไปฟาร์ม แล้วก็ได้เล่นกับหลินด้วย” เฉิงเอ๋อร์ว่า
“น่าสนุกจัง เล่าให้ฟังอีกสิ พวกเจ้าทำอะไรกันบ้าง” ลู่ซินฟางพูดและถามด้วยรอยยิ้ม
เด็กทั้งสองพอเห็นบนใบหน้าของท่านแม่เต็มไปความสุข พวกเขาต่างแย่งกันเล่าที่ทำช่วงที่ท่านแม่ไม่อยู่ ด้วยท่าทีสนุกสนาน
ภายในห้องโถง ทุกคนค่อยๆ ผละออกจากประตูอย่างเงียบเฉียบ ปล่อยให้สามแม่ลูกใช้เวลาร่วมกัน
ณ เวลานี้ รอบตัวสามแม่ลูกเต็มไปด้วยบรรยากาศของความอบอุ่น
ตอนพิเศษ (5)จบบริบูรณ์ หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว จิ้งจอกสาวก็เช็ดน้ำตาบนแก้มจนแห้ง สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปขอโทษหลางไป๋ ทว่าทุกครั้งที่นางเข้าใกล้ เขากลับผละหนี แสร้งทำทีเป็นยุ่งง่วนกับงาน ท่าทางแบบนั้นราวกับจงใจหลบหน้านางไม่มีผิด เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น เจียงจวีก็น้ำตาซึม รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นับวันหัวใจของนางก็ยิ่งปวดแปลบ ท้ายที่สุด นางที่รู้สึกระอายใจเป็นทุนเดิม ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเขา หลายวันต่อมา เจียงจวีเก็บข้าวของ หนีกลับเผ่าจิ้งจอก ณ เผ่าจิ้งจอก ผู้นำเผ่าจิ้งจอกในร่างของชายวัยคนกับจิ้งจอกหนุ่มต่างยืนกอดอกหน้าตาขึงขัง ในขณะที่มองจิ้งจอกสาวกอดเข่าน้ำตาซึม “ตั้งแต่นางกลับมาก็เอาแต่นั่งอมทุกข์ทั้งวันทั้งคืน สงสัยจะเจอแย่ๆ มา หากรู้อย่างนี้ ข้าไม่น่าอนุญาตให้นางออกไปเจอโลกภายนอกเลย เป็นข้าที่ตัดสินใจผิดพลาดเอง” ผู้นำเผ่าพูดกับลูกชาย “ท่านพ่อไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาดหรอกขอรับ ให้นางออกไปเผชิญโลกภายนอก นับเป็นประสบการณ์ของนางด้วย” จิ้งจอกหนุ่มกล่าว
ตอนพิเศษ (4) หลังจากเห็นว่าเจียงจวีเหมาะกับตำแหน่งพนักงานขาย หลางไป๋ก็ให้นางทำงานในร้านซินหลินคู่กับห่จือเหมย เพียงไม่กี่อาทิตย์ เจียงจวีก็เป็นพนักงานขายอันดับต้นๆ ของร้าน ด้วยความที่เป็นจิ้งจอกใสซื่อ จึงทำให้ผู้คนชื่นชอบและเอ็นดูไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่หลางไป๋ “ทำงานแค่ไม่กี่อาทิตย์ เจ้าก็ทำกำไรให้ร้านซินหลินไม่น้อย…ทำดีมาก” หลางไป๋เอ่ยชมเจียงจวี พร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะ ตอนแรก หมาป่าหนุ่มทำไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นจิ้งจอกสาวผงะ ทั้งแก้มนวลเนียนยังขึ้นสีแดงระเรื่อ มือใหญ่ที่กำลังลูบศีรษะของนางพลันชักกลับมา จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปตรวจงานแผนกอื่น และไม่พูดไม่จาใดๆ หัวใจของเจียงจวีเต้นระส่ำระส่ายไม่หยุด แม้ยกมือขึ้นลูบหน้าอกพร้อมสูดหายลึกๆ แล้ว หากแต่หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนจะกระเด็นออกมา อย่างไรก็ตาม อาการใจเต้นแรงนี้ ทำให้จิ้งจอกสาวอดรู้สึกกังวลไม่ได้ หมิงฮวาเข้าร้านมาในจังหวะนั้นพอดี นางมองหลางไป๋สลับกับมองเจียงจวี สักครู่ ดวงตาของอสรพิษสาวก็หรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นหลางไป๋ขึ้นไปที่ชั้
ตอนพิเศษ (3) วันต่อมา จิ้งจอกสาวหอบห่อผ้ามาที่ฟาร์มอีกครั้ง แต่หนนี้นางมาพร้อมกับพี่ชาย “พวกเจ้าสองพี่น้องจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกันหรือ” หลางไป๋สอบถาม การได้คนหน่วยกร้านดีเพิ่ม มีใครบ้างไม่ชอบ ทว่าจิ้งจอกหนุ่มโบกมือแล้วตอบ “ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่มาส่งน้องสาว อีกอย่าง ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอร้องท่านให้ช่วยดูแลนางด้วย นางค่อนข้างซื่อน่ะขอรับ” หลางไป๋พยักหน้าเหมือนเข้าใจ หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกยิ้มใสซื่อ โค้งศีรษะให้กับหลางไป๋ทีหนึ่ง “จากนี้ข้าต้องขอฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ” หลางไป๋หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกพลางตอบว่า “ทางนี้ก็ต้องฝากตัวด้วยเช่นกัน” จากนั้นก็หันไปพูดกับทางพี่ชายด้วยสีหน้าเสียดาย “พูดก็พูดเถอะ เจ้าเองก็หน่วยกร้านดีไม่เบา น่าจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกัน” “ความจริงข้าก็อยากมาทำงานที่นี่นะขอรับ แต่เพราะท่านพ่อของพวกเรากำลังป่วย ข้าที่เป็นลูกชาย และยังเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไป ต้องคอยจัดการหลายๆ เรื่อง ตอนนี้ก็เลยออกจากเผ่าไม่ได้” “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” “ขอบคุณท่านผู
ตอนพิเศษ (2) สถานที่นี้เรียกว่าฟาร์ม มีทั้งสวนผัก สวนผลไม้ ทุ่งดอกไม้ โรงเรือนเพาะต้นกล้า ไหนจะโรงผลิตสารพัดที่เพิ่มขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด หนำซ้ำ ยังมีหมู่บ้านของเหล่าสัตว์อสูร ถนนที่ปูด้วยอิฐ ตรงลานกว้างของเมืองก็มีน้ำพุขนาดใหญ่ พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข…น่าอิจฉาและดูน่าสนุกกันจังเลย จิ้งจอกสาวคิด ก่อนจะถอนหายเฮือกออกมาหนึ่ง หญิงสาวชอบความตื่นตาตื่นใจของฟาร์ม ถึงได้แอบมาดูทุกวัน ในตอนที่ลำแสงสีทองสาดเข้ามาในป่ารกทึบ จากนั้นเหล่าสัตว์ก็มีวิวัฒนาการกลายร่างเป็นมนุษย์ ตอนนั้นนางตื่นเต้นมาก กระโดดโลดเต้นรอบป่า ยิ่งค้นพบว่ายังมีสัตว์เผ่าอื่นที่กลายร่างเป็นมนุษย์ นางก็ยิ่งอยากเป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะอย่างนั้นตอนที่หมาป่าเพศผู้นามว่าหลางไป๋มาเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าจิ้งจอก นางอยากให้ท่านพ่อตอบรับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับท่านภูต แต่ว่า ท่านพ่อกลับปฏิเสธ แม้ผิดหวังอย่างมาก แต่คำสั่งของผู้นำเผ่าถือเป็นเด็ดขาด เช้าตรู่ของวันนี้ จิ้งจอกสาวก็ยังแอบมาที่ฟาร์ม นางหลบหลังต้นไม้ใหญ่ แ
ตอนพิเศษ (1) ต้นฤดูหนาวของปีนั้น ชุนกับจิ่นเซี่ยได้จัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย โดยหลางไป๋เป็นญาติฝ่ายหญิง ส่วนจิ่นเซี่ยนั้น เนื่องจากองครักษ์หนุ่มผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ญาติฝ่ายชายจึงเป็นกงเยียนซู แม้เป็นงานแต่งที่เรียบง่าย แต่เพราะได้ลู่ซินฟางเป็นแม่งาน อาหารสุราจึงขึ้นเต็มโต๊ะตลอดทั้งวันทั้งคืน แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนกันเอง งานแต่งของชุนกับองครักษ์หนุ่ม จึงเหมือนกับวันรวมญาติมากกว่าเป็นงานมงคล ลู่ซินฟางอนุญาตให้ชุนหยุดได้เท่าที่ต้องการ หลังเสร็จสิ้นงานแต่ง ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม หลายวันหลังจากนั้น อุณหภูมิเริ่มลดต่ำ สายลมหนาวเย็นพัดมาเป็นระลอก ลู่ซินฟางยืนอยู่บนระเบียง มองพวกเด็กๆ วิ่งเล่นกันที่ลานกว้าง “เด็กๆ เนี่ย ไม่รู้จักความหนาวกันเลยหรือไงนะ” ลู่ซินฟางพึมพำด้วยความเอ็นดู “แอร๊…!” ตอนนั้นเอง เสียงเล็กๆ ของจินเอ๋อร์ดังมาจากในเปล ลู่ซินฟางผละสายตาออกจากพวกเฉิงเอ๋อร์ เดินกลับมาหาลูกน้อยที่นอนในเปล จินเอ๋อร์อา
บทที่ 128บทพิเศษ มิติที่สมบูรณ์ และ รักจนแก่เฒ่า (ครึ่งหลัง) จบบริบูรณ์ เมื่อกลับมาจากมิติ ซินหลินก็มาหาลู่ซินฟางที่คฤหาสน์ เจ้าแฝดพอเห็นพี่ชายมาหา ก็วิ่งเข้าไปเกาะแขน กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “พี่ชายซินหลิน เมื่อกี้พวกเราไปมิติมาด้วย” “พี่ชายซินหลิน พวกเราไปอ่านหนังสือกันเถอะ” ซินหลินส่ายหน้าพร้อมเคาะปลายจมูกน้อยๆ ของเด็กทั้งสองเบาๆ คนละที “พวกเจ้าเรี่ยวแรงเหลือเฟือจริงๆ เลยนะ เพิ่งกลับมาจากมิติไม่ใช่หรือ คิดจะเล่นกันอีกแล้ว?” “ฮะๆ” “คิๆ” เจ้าแฝดหัวเราะชอบใจ ซินหลินยิ้มให้กับน้องๆ ก่อนหันมาบอกลู่ซินฟางว่า “ข้าเพิ่งเอาผักไปให้เหนียงซิ่น นางบอกว่าอากาศน่าจะเริ่มหนาวแล้ว นางว่าจะทำหม้อไฟชุดใหญ่ เลยให้ข้ามาบอกน่ะ” “ขอบใจมาก รอเยียนซูกลับมาแล้วข้าจะพาเด็กๆ ไปที่คฤหาสน์นะ” ลู่ซินฟางตอบกลับ “อืม” “หม้อไฟ” “เย่ หม้อไฟ!” หม้อไฟฝีมือเหนียงซิ่นอร่อยมาก แถมนานๆ ครั้งจะได้สักที พวกเด็กๆ จึงชูแขนร้องด้วยความดีใจ