ยิวเปิดโน๊คบุ๊คแล้วลองใช้งาน ซึ่งเป็นที่พอใจแกเขาอย่างมาก แต่ข้อมูลหลายอย่างนั้นได้หายไปหมดไม่มีเหลือ แต่เขาไม่ใคร่สนใจอะไรมากนัก เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา เพราะในปัจจุบันนี้เป็นยิวเท่านั้น ก่อนหน้านี้กัสจะเป็นอย่างไรเขาไม่อยากจะรับรู้
ในระหว่างที่เขากำลังท่องอินเทอร์เน็ต และกำลังจะเข้าไปดูนิยายที่เขาอ่านนั้นยังอยู่ไหม นักเขียนกำลังจะเขียนไปอย่างไร ถึงแม้เขาไม่ได้เข้าไปอยู่ในนิยายแล้วแต่ยังอยากรู้เรื่องราวต่อไปอีกว่าเป็นเช่นไร แต่แล้วต้องหยุดความคิดไว้ที่เดิม เพราะเสียงเคาะประตูดังขึ้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าเป็นพีคหรือเขื่อนกันแน่ เนื่องด้วยวันนี้ได้นัดทั้งสองมาที่ห้องเพื่อต่อบทละคร ก่อนที่จะไปซ้อมจริงในมหาวิทยาลัยอีกหลายวันข้างหน้า
คนที่มาถึงก่อนเป็นพีค ซึ่งเขามาซ้อมบทกับยิวบ่อยกว่าเขื่อน เพราะด้วยเขื่อนต้องไปทำงานพาร์ทไทม์ และอีกอย่างหนึ่งพีคเริ่มมีความรู้สึกดีๆ กับยิว ขึ้นมาทุกขณะเพราะช่วงก่อนหน้านี้เป็นกัสตัวจริงนิสัยค่อนข้างนิ่งๆ ไม่ได้มีความน่ารักร่าเริงแจ่มใสอย่างเฉกเช่นปัจจุบัน
“วันนี้เราจะมาต่อบทอะไรดีล่ะ” ยิวเอ่ยขึ้น
“วันพี่ได้นัดเขื่อนมาด้วยนะ เห็นว่าเดี๋ยวจะมาเองบอกจะไปรับก็ไม่ยอม” พีคนั่งลงบนเตียงทันทีเมื่อพูดจบ
“วันนี้ซ้อมบทสามคน” ยิวอดหวั่นใจไม่ได้เพราะเขื่อนค่อนข้างหึงพอสมควร ยิ่งตอนนี้เขามีความรู้สึกกับพีคในทางที่ดีมากขึ้น ถึงแม้จะยังไม่ได้รักสักเท่าไร แต่ความรู้สึกที่มีให้นั้นอาจมีการพัฒนาความสัมพันธ์เป็นอย่างอื่นได้ต่อไปอีก
“ใช่ ซ้อมบทสามคน พี่ก็กังวลใจอยู่เหมือนกัน ความจริงพี่อยากให้ซ้อมในมหาวิทยาลัยมากกว่า แต่เจนนี่อยากให้ต่อบทกันเองไปก่อน และอยากให้พวกเราได้เข้าใจกันมากขึ้น เรื่องที่ผ่านๆ มาอะไรคาใจกันอยากให้เคลียร์ปมนั้น เวลาแสดงจะได้ไม่มีปัญหาอะไรตามมา”
“สำหรับกัสไม่มีปัญหาหรอก มีก็แต่เขื่อนกับพี่นั่นแหละ” ยิวเอ่ยขึ้นมา
“ทำไมเกี่ยวอะไรกับพี่” พีครู้อยู่เต็มอกแต่แกล้งทำเป็นไร้เดียงสา
“พี่พีคนั่นแหละตัวดีเลย ทำให้ผู้ชายสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาแตกคอ เหมือนในละครที่เล่นกันเลย”
“ไม่น่าเกี่ยวกับพี่” พีคยังย้ำคำเดิม เพราะเขาไม่อยากจะรับความผิดนี้ ถึงแม้ลึกๆ เขาจะพยายามหักห้ามใจไม่ให้หลงรักยิว แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้แม้แต่น้อย เหมือนกับยิวในร่างของกัสมีมนต์เสน่หใครเห็นต้องหลงใหล
“ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวแต่ถ้าวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นพี่พีคต้องเคลียร์ตัวเอง และ ใจ ให้ได้ด้วยรู้ไหม”
ยิวพยายามหักห้ามใจไม่ให้รักพีคเกินไปกว่านี้ เพราะขืนปล่อยใจจะทำให้มีปัญหาตามมาอีกมากมาย ยิวจึงหยุดพูดคุยกับพีคชั่วขณะรอจนกว่าเขื่อนจะมา ซึ่งเวลาที่ยิวรอไม่นานเท่าไรนัก เขื่อนก็เคาะประตูห้องโดยมีพีคไปฝ่ายเปิดประตูออกไป
“มาได้จังหวะพอดีเลย” พีคเอ่ยขึ้น
“จังหวะอะไรเหรอ” เขื่อนถาม
“เปล่า ถ้าเขื่อนมาถึงเราก็มาซ้อมกันได้เลย”
“อืม”
ยิวก่อนที่จะลงมือซ้อมเขารีบเก็บโน๊คบุ๊คที่พึ่งไปซ่อมไว้ห่างๆ ตัว แต่ยังไม่ได้ปิดซะทีเดียว แค่เปิดทิ้งไว้เฉยๆ
“พี่ว่ามาซ้อมกันเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ เพราะเดี๋ยวเขื่อนยังต้องไปทำงานอีก”
“อืม” ยิวพยักหน้ารับคำ
นิวและพีคได้นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงนอน สองร่างนั้นเหมือนจะสิงอยู่ในคนเดียวกันก็ไม่ปาน หลังจากได้มอบความรักความสุขให้กันอย่างอิ่มเอมสุขสม
“มีน นายคิดออกหรือยังว่าจะจัดการเรื่องของเราอย่างไรดี”
“ยังคิดไม่ออก และยังไม่อยากคิด เราก็อยู่แบบนี้กันไปก่อนก็ได้” มีนลุกขึ้นนั่งใส่เสื้อยังตอนนอนที่ถอดออก
“เราไม่มีปัญหาอะไรหรอก มีแต่วินคนเดียวที่มีปัญหา ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน โทรหาต่อว่าเราตลอด จนเราไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว” นิวแกล้งทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จ
“เดี๋ยวเราจะบอกวินให้ว่าอย่ามารังควานนาย เพราะอย่างไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
“ครอบครัวสามคนผัวเมียนี่นะ” นิวพยายามตีสีหน้าให้เศร้าลงเพื่อให้มีนเห็นอย่างถนัด
“อย่าคิดอะไรมาก ในเมื่อนายตัดสินใจเช่นนี้แล้ว ก็อย่ามัวคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เราแค่มีความสุขด้วยกันแค่นั้นแหละ”
“นายไม่ได้มีความรักให้เราเลยเหรอ”
“มีสิ นายต้องแยกให้ออกระหว่างความรักกับความใคร่” มีนหยุดดิดกระดุมเสื้อหันมามองนิวพร้อมค่อยๆ ใช้ริมฝีปากประกบแก้มน้อยๆของนิว
“ปัง ปัง ปัง” เสียงเคาะประตูดังลั่น
“ใครกันขัดจังหวะ” มีนเอ่ยขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตู
“อยู่พร้อมหน้ากันเลยนะ จะเก็บมีนไว้คนเดียวหรือย่างอะไร” วินเดินเข้าไปใกล้ๆ นิวที่กำลังจะลุกขึ้นมา
“เราไม่ได้คิดหรือทำอย่างที่นายพูดเลยนะ” นิวนั่งอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“ที่เห็นอยู่นี่มันคืออะไร” วินมองรอบห้องแล้วมาประกบสายตาของนิว
“คือ นายต้องเข้าใจด้วย เราเคยพูดกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเราจะอยู่ด้วยกันแบบนี้สามคน”
“เราไม่ได้พูดนายอย่ามามั่ว และอีกอย่างเรารับไม่ได้ด้วยถ้ามีนไม่เลือกใครสักคน ก็ต้องมีคนหนึ่งต้องถอยออกไป” เสียงของวินนั้นดังลั่น
“ถ้างั้นคงต้องเป็นเราสินะ เรายอมนายแล้วในเมื่อไม่ต้องอยู่กันแบบสามคน เรายอมเป็นฝ่ายไปก็ได้” นิวพยายามบีบน้ำตาให้ไหลรินออกมา
“ใจเย็นวินๆ เรารักทั้งสองคนนั่นแหละ เราไม่สามารถเลือกใครได้ และไม่อยากให้ใครทิ้งเราไปสักคน” มีนเดินเข้าไปกอดร่างของวินไว้
ในใจของนิวนี่เคืองแค้นอย่างสาหัส เมื่อเห็นมีนโอบกอดร่างของวินไว้ แต่เขาก็ต้องอดทนเพื่อทำตัวให้เหมือนเป็นคนดี และ พยายามข่มใจความรู้สึกให้ปรีดายินดีต่อภาพตรงหน้า เพื่อจะได้ใจของมีนไว้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว
“ปล่อยนะ ตราบใดที่นายยังไม่เลือกใครสักคน นายก็อย่ามาทำอย่างนี้กับเรา มันไม่มีประโยชน์”
“วินไม่รักเราแล้วเหรอ ตั้งแต่เรื่องของเราสามคนเกิดขึ้น นายทำตัวเหินห่างเราเหมือนไม่รู้จักกันเลย” มีนตัดพ้อ
“เราทำใจไม่ได้ที่ต้องมาอยู่ด้วยกันสามคน แต่ที่มาวันนี้เพราะเราคิดถึงนายและอยากเคลียร์กันให้มันชัดๆ ไปเลย ถ้านายไม่ต้องการเราบอกมาแค่นั้น เราจะเป็นฝ่ายไปเองนายไม่ต้องกลัว ว่าเราจะมาตามตอแยนาย”
“เราไม่ต้องการอย่างนั้น เราต้องการอยู่กับสามคนทำไมนิวรับได้ นายต้องรับได้เหมือนกัน เพราะอย่างไงนายกับนิวก็เป็นเพื่อนกันมาไม่ใช่เหรอ”
“ไม่” วินย้ำหนักแน่น
“ถ้างั้นเราเป็นฝ่ายไปเองก็ได้ พวกนายสองคนออกไปจากห้องเราได้แล้ว และไปอยู่ด้วยกันเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก” นิวลุกขึ้นยืนนิ่งแต่ใจระทึกว่ามีนจะเลือกใคร
ยามมีนเผลอนิวใช้สายตาหลอกล่อ และเบ้ปากใส่วินอย่างเย้ยหยันในท่าที จนวินเกิความโกรธ โมโหทันควันเขาจึงดิ้นให้หลุดออกจากร่างของมีน แล้วผลักลำตัวของนิวอย่างแรง ด้วยความยินยอมแต่โดยดีของนิวจึงรีบเซร่างไปข้างๆ โต๊ะ จนโน๊คบุ๊ดล่วงหล่นลงมากับพื้น
“พอก่อน” พีคเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีไม่ดีเท่าไร
ยิวหยิบโน๊ตบุ๊ดมาวางไว้ที่เดิม โดยยังไม่ได้เปิดดูแต่อย่างใด แต่เขาไม่ได้โกรธเขื่อนที่รับบทวินแม้แต่น้อย เพราะเป็นอุบัติเหตุซึ่งยิวคิดว่าสามารถเกิดได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน
“โน๊คบุ๊คเป็นไงบ้าง” พีคเดินเข้ามาใกล้ๆ
“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้แค่นี้ก็ได้ พี่ต้องรีบไปส่งเขื่อนไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องมาเสียเวลาอะไรแบบนี้หรอก
“ไม่ได้เสียเวลาอะไรเลย” พีคเอ่ยขึ้น
“แต่เขื่อนเสียเวลา เพราะเขื่อนต้องไปทำงาน เมื่อต่อบทเสร็จแล้ว พี่พีคไปส่งเขื่อนด้วยก็แล้วกัน”
“มีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้นะ”
“ไม่มีอะไร ไม่ต้องห่วงกัสหรอก พี่รีบไปส่งเขื่อนเดี๋ยวจะไปทำงานสาย”
สายตาของยิวมองไปยังเขื่อนแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมายังโน๊คบุ๊คเหมือนเดิม เขาอยากจะรู้ว่าเสียหรือไม่ แต่ยังไม่กล้าเปิดออกมาดู ด้วยอยากให้ทั้งสองได้ออกไปจากห้อง เวลานั้นเขาจะได้ค่อยๆ เปิดดูว่าอาการเป็นเช่นไร
“ถ้างั้นพี่ไปแล้วนะ”
“ครับ”
ยิวได้ยินแต่เสียงของพีค แต่ไม่มีเสียงของเขื่อนอย่างใด ซึ่งเขาไม่ได้แปลกใจกับเหตุการณ์แบบนี้มากนัก เพราะเป็นปกติคนเคยทะเลาะกัน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดคุยอะไรให้มากความ
ศีรษะที่กระแทกลงบนโน๊ตบุ๊ค ทำให้ได้แรงกระเทือนสลบวูบไปชั่วครู่ เมื่อได้สติดวงตาคู่นี้จึงลืมขึ้นทันที พร้อมหันไปมองเสียงประตูที่เปิดออก ซึ่งเห็นชายหนุ่มที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก แต่แล้วเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนาน เพราะผู้ชายตรงหน้าหันมามอง และรู้ได้ทันทีว่าเป็นเป็ก“ถึงเราจะโกรธนาย แต่สิ่งที่นายให้เราทำ เราก็จะทำให้นายเป็นครั้งสุดท้าย” เมื่อเป็กพูดจบเขาก็เดินออกจากประตูไปในทันใด พร้อมปิดประตูจนเสียงดังลั่นสนั่นมือน้อยๆ กำที่ศีรษะสายตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกโพลงทันใด เพราะสิ่งที่เห็นเป็นห้องนอนอันคุ้นเคย มือนั้นรีบมาจับศีรษะและบริเวณลำคอทันใด“เรายังไม่ตาย” ยิวพูดขึ้นลอยๆ แล้วความแปลกใจและตื่นตระหนกยิวคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ตอนอยู่ลานประหาร สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือแค่รับสัมผัสจากคมดาบเพียงชั่ววินาที หลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด ยิวคิดวนมาวนไปหลายรอบพร้อมหันหน้าไปมา จนเห็นโน๊คบุ๊คเปิดอยู่เขาจึงจับเม้าท์คลิกเปิดดูทันใด และสิ่งที่เขาเห็นเป็นคลิปวีดีโอตัวเขาเองกับพีคกำลังนอนกอดกัน“อะไรกันนี่ มันไม่ใชเรานี่หน่า” ยิวปิดวีดีโอนั้นทันทีเมื่อปิดวีดีโอเสร็จเขาได้เห็นเว็บเขี
ข่าวทำสงครามของแม่ทัพวิศรุฒรบชนะดังไปทั่วแคว้นแดนดิน ทั้งสองเมืองต่างเฉลิมฉลองอึกทึกครึกโครม เพราะในช่วงเวลานี้ได้เป็นพันธมิตรกัน หลังจากงานอันเป็นมงคลได้ผ่านไป แม่ทัพวิศรุฒซึ่งในเวลานี้เป็นราชาวิศรุฒ ได้ทราบข่าวร้ายในทันใด เมื่อจอมได้รีบมาบอกข่าวนี้ทันทีเมื่อได้ยินเรื่องราวไม่ดี“พระองค์ ราชาศิลาจะประหารชีวิตองค์ชายเมธีพระเจ้าค่ะ” จอมหน้านิ่วคิ้วขมวด“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุผลใดเล่า” แม่ทัพวิศรุฒมีสีหน้าวิตกกังวลยิ่งนัก“ได้ข่าวมาองค์ชายเมธีได้ฆ่าองค์ชายศิธาตายพระเจ้าค่ะ”“ไม่น่าใช่ อ่อนแอขนาดนั้น”“กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่สายรายงานข่าวมาเช่นนี้พระเจ้าค่ะ พระองค์จะทำเช่นไรข้าอดเป็นห่วงองค์ชายเมธีไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวจริงอย่างน้อยพระองค์ท่านก็มีบุญแก่กระหม่อม”“ไม่ต้องห่วงข้าจะกลับเมืองศิลานคร แต่ข้าจะขี่ม้าไปคนเดียว เพราะจะได้ไวขึ้นกว่าไปเป็นกองทัพ”“กระหม่อมขอเสด็จตามไปด้วยนะพระเจ้าค่ะ”“ได้ ออกเดินทางวันนี้เลยเดี๋ยวไม่ทันการณ์” ราชาวิศรุฒถอนหายใจเฮือกใหญ่“พระเจ้าค่ะ กระหม่อมไปเตรียมม้าและข้าวของจำเป็นก่อนนะพระเจ้าค่ะ”“อืม”“กระหม่อมทูลลา”ราชาวิศรุฒยืนนิ่งครุ่นคิดและหวาดหวั่
กัสหยุดเขียนนิยายไปหลายวัน และเริ่มตีตัวออกห่างเป็กแล้วเข้าหาพีคในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ำคืนนี้จึงเป็นแผนเผด็จศึกและเสร็จศึกให้จบสิ้น เขาจึงรีบโทรหาพีคในทันใด“ฮัลโหลมีอะไรหรือเปล่าน้องกัส”“พี่พีค” กัสร้องสะอื้นไห้ออกมา“เป็นอะไรบอกพี่มา”“เป็กเขาทิ้งกัสไปแล้ว เขาบอกเบื่อกัสไม่อยากคบเป็นแฟนอีกต่อไป”มีแต่เสียงสะอื้นไห้ของกัสแต่ไร้เสียงใดๆ ของพีค จนกัสรู้สึกใจหายและผิดหวังในสิ่งที่ทำลงไปไม่เกิดผล“ใจเย็นๆ ในเมื่อเขาไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเหมือนอย่างพี่กับเขื่อนไง อย่าเสียใจไปเลย”“แต่ อืม กัสยังคิดอดไม่ได้ครับ” กัสกลับมาดีใจอีกครั้ง“ไม่ต้องคิดอะไรมาก เอาอย่างนี้พี่จะไปอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน ในเมื่อเป็กเลิกกับกัสกันไปแล้ว พี่ไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ถ้างั้นรอพี่อยู่ที่ห้องนะอย่าคิดอะไรมาก พี่จะรีบไปเดี่ยวนี้ ทำใจดีๆ ไว้นะน้องกัส”“ครับ ขอบใจพี่พีคมากที่คอยดูแลกัสตลอดมา”“อืม ไม่เป็นไร”เมื่อพีคได้วางหูโทรศัพท์มือถือ กัสถึงกับอมยิ้มและเตรียมแผนการต่อไว้อย่างดี หลังจากนั้นกัสนิ่งรอพีคมายังห้องอย่างใจจดใจจ่ออย่างมีความหวัง และคาดฝันในสิ่งที่วางแผนไว้ ซึ่งเวลาที่เฝ้ารอไม่ได้นานมา
เวลาที่แม่ทัพวิศรุฒรอคอยได้มาถึง เมื่อถึงเวลาเขาบุกเข้าไปในเมืองเมฆาบุรีทันที แต่ยังไปไม่ถึงป้อมปราการ ทัพเสือเข้มวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรวดเร็ว สองกองทัพต่างวิ่งถือดาบธนูเข้าหากัน เหมือนกับเคืองแค้นกันมาหลายภพหลายชาติเหล่าทหารกองทัพเมืองศิลานครนำทัพโดย แม่ทัพวิศรุฒนั้นร่างกายค่อนข้างแกร่งฝีมือดี เพราะผ่านศึกสงครามและฝึกฝนอย่างหนัก ในทางกลับกันฝีมือของกองทัพเสือเข้มร่างกายได้หาแข็งแกร่งไม่ ฝีมือใช่ว่าจะดีมากมาย แต่ที่ชนะกองทัพของราชาวิหคเพราะรบแบบกองโจร และแผนการอันแยบยล ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะมีทหารโดยแท้ปะปนมาด้วย แต่หาเทียบเหล่าทหารแม่ทัพวิศรุฒได้ โดยการครั้งนี้มีเสือเข้มนำกองทัพออกรบ แต่บรรดาทหารไม่ได้ออกมาทั้งหมดแม่ทัพวิศรุฒก็รู้ดีเช่นกัน เพราะทราบข่าวจากการสู้รบของเสือเข้มจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาจึงเตรียมการไว้อย่างดี เมื่อเขาได้นำทัพมาถึงกลางสนามรบ แต่ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ในทันที เพราะเสือเข้มออกมาสู้ประจันหน้า และพร้อมกับสองข้างฝั่งมีกองโจรดักอยู่ คอยยิ่งธนูไม่ขาดสายถึงเป็นเช่นนั้นแม่ทัพวิศรุฒหากลัวไม่ เพราะสองฝั่งเขาให้จอมและทันเดินทัพออกห่างออกไปไกล เมื่อถึงเวลารบจ
กัสยังไม่ได้เริ่มเขียนนิยายแม้แต่คำเดียว เป็กก็มาถึงยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น“เราทำให้นายทุกอย่างเลยนะ ว่าแต่นายจะทำอะไรให้เราบ้างล่ะในคืนนี้” เป็กกอดร่างของยิวไว้แน่นพร้อมบรรจงจูบทั่วใบหน้า ไม่ว่างเว้นแม้แต่ส่วนเดียว“ไปอดอยากมาจากไหน” กัสยังนิ่งเฉยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด“ใช่ อดอยาก อมให้หน่อย” เป็กหยุดสัมผัสเรือนกายของกัสและปลดอาภรณ์ทุกชิ้นออกไม่มีเหลือ พร้อมกับล้มตัวลงนอนข้างๆ กัสที่นั่งยิ้มแต่ใจนั้นแสนเบื่อหน่ายกัสไม่สามารถที่จะปฏิเสธการนี้ได้ เขาจึงจับท่อนเอ็นของเป็กที่กำลังแข็งตั้งตระหง่าชูชัน พร้อมกับก้มใบหน้า ใช้ริมฝีปากสัมผัสท่อนเอ็นส่วนปลายสีชมพูอ่อนๆ จากทีแรกรู้สึกเบื่อหน่ายแต่เมื่อเห็นท่อนเอ็น ทำให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้นกัสจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไล้เลียวนมาวนไปอย่างใคร่กระหาย“อืม อืม อืม” เป็กครางออกมาด้วยความเสียวซ่านอย่างถึงใจ“จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ” เสียงอมรูดท่อนเอ็นดังอย่างต่อเนื่องริมฝีปากอันเล็กรูดท่อนเอ็นขึ้นลงอย่างช้าๆ และใช้ปลายลิ้นตวัดเลียไปมา พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเป็กสั่นสะท้าน ความรู้สึกสยิวท่อนเอ็นอย่างต่อเนื่อง
ยิวนั่งหมดอะไรตายอยากในห้องบรรทมอย่างเงียบเหงา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อจากนี้ หมดสิ้นหนทางอย่างไร้ที่หมาย เขาถึงกับถอนหายใจถี่ก้มมองลงพื้นด้วยความกลัดกลุ้มในใจอย่างรวดร้าว แต่แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงประตูเปิดออก ความรู้สึกนั้นได้จางหายไปในทันที เมื่อร่างขององค์ชายศิธาปรากฏ“นั่งเหงาเลยนะองค์ชายเมธี”“ถ้ามาพูดแค่นี้ไม่น่าต้องเสด็จมาก็ได้”“ข้ามีเรื่องจะบอกองค์ชายถึงมานี่ เรื่องนี้ข้าเท่านั้นที่ต้องบอก จะได้สมน้ำสมเนื้อกับองค์ชาย”“เรื่องอะไร” ยิวให้ไปทั้งใบหน้ามององค์ชายศิธาที่ยืนยิ้มอย่างเย้ยหยัน“แม่ทัพวิศรุฒออกเดินทางไปยังเมืองเมฆาบุรีแล้ว”ยิวไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะเขารู้สึกใจหายหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เพราะนั่นเท่ากับเขาอยู่ที่นี่อย่างไร้ความหมาย“รู้ไหม ทำไมแม่ทัพวิศรุฒถึงไปยังเมฆาบุรี”“ข้าไม่รู้”“เพราะที่เมฆาบุรีเกิดการกบฏอีกครั้ง และคนก่อกบฏก็เป็นเสือเข้ม องครักษ์ขององค์ชายนี่ใช่ไหม”ดวงตาของยิวเบิกโตตื่นเต้นไม่คาดคิดว่าเสือเข้มจะทำได้จริงๆ และนั่นเขาก็หวั่นๆ ว่าจะเกิดร้ายไม่ดีกับแม่ทัพวิศรุฒ“เพลานี้เมืองเมฆาบุรีกำลังวุ่นวาย เสด็จพ่อของข้าจึงสั่งจัดการให้สิ้นซาก”“บอกข้าทำไม” ยิว