“กงเหรินซิน นี่เจ้ากล้าปฏิเสธข้างั้นหรือ”
เหรินซินมิได้ตอบเพียงแค่เบี่ยงหน้าหันไปทางอื่น จมูกงอนเชิดที่แสนดื้อดึงนั้นเหตุใดจึงได้สะดุดสายตาเขานัก เดิมทีหมิงเว่ยเซียวไม่เคยคิดจะมองสตรีตรงหน้าอย่างใคร่ครวญโดยละเอียดเลยสักครั้ง เพราะนางค่อนข้างจะน่ารำคาญทุกครั้งที่ได้พบเจอและเกือบทุกครั้งที่พบ นางก็มักจะก่อเรื่องขึ้น
“เจ้าอยากจะรับหรือปฏิเสธก็มิใช่เรื่องของข้า ส่วนยานี้ข้าแค่นำมามอบให้ จะใช้หรือไม่ก็เรื่องของเจ้า”
กงเหรินซินหันมามองพักตร์ที่เต็มไปด้วยความโกรธ ท่านอ๋องเสด็จกลับออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงสองครั้งที่พบกันไม่เคยมีครั้งใดที่ทั้งคู่จะคุยกันดี ๆ เหรินซินหันไปมองยาที่วางอยู่บนโต๊ะ อาเจิงเดินเข้ามาพร้อมกับถามนางอีกครั้ง
“คุณหนูเหตุใดท่านจึงได้ใช้คำพูดเช่นนั้นกับท่านอ๋องเจ้าคะ”
“คำพูดข้าทำไมหรือ”
“เมื่อก่อนนี้ท่านจะใช้คำเป็นทางการกับพระองค์ทุกครั้ง แต่ทำไมตอนนี้พูดราวกับ…ข้าคิดว่าท่านพูดเหมือนกับคนที่อยู่ในยุทธภพ ไม่สนกฎเกณฑ์และธรรมเนียม...”
แม้แต่สาวใช้ข้างกายก็เริ่มสงสัยในความเปลี่ยนแปลงนี้ ตอนนี้นางคงต้องเริ่มปรับตัวแล้วจริง ๆ
“อาเจิง”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
“เจ้าพอจะรู้จักอาจารย์สอนมารยาทบ้างหรือไม่”
“หา!”
อาเจิงถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เดิมทีบุตรีขุนนางใหญ่ก็จะมีอาจารย์ที่มาสอนมารยาทให้กับสตรีในจวนอยู่แล้ว แต่กงเหรินซินนั้นไม่แม้แต่จะไถ่ถามในเรื่องนี้ อีกอย่างก่อนหน้านี้นางก็นับว่าค่อนข้างรู้จักมารยาทขั้นพื้นฐานแต่ก็นั่นแหละ แค่พื้นฐานเท่านั้น
“คุณหนู”
“ช่างเถอะข้าแค่อยากจะร่ำเรียนมารยาทเกี่ยวกับคำพูดทางการที่จำเป็นต้องใช้ อีกอย่าง… ก็อย่างที่เจ้ารู้ ข้าหลง ๆ ลืม ๆ ไปบางเรื่องคงจะต้องทบทวนใหม่ทั้งหมด เรื่องนี้ฝากเจ้าด้วยก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ”
ไม่นานสิ่งที่ไม่เคยปรากฏในจวนสกุลกงมาก่อนก็ทำให้คุณชายรองอย่างกงอวี้หานถึงกับไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นว่าน้องสาวเพียงคนเดียวขอให้เขารับอาจารย์จากในวังมาสอนมารยาทให้นาง ใช้เวลาเพียงเดือนเดียวนางก็สามารถเรียนรู้ได้จนหมด
‘คงเพราะยังมีความทรงจำของกงเหรินซินคนเดิมอยู่สินะ บางเรื่องแม้นไม่สอนข้าก็ยังทำได้ดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องเหนื่อยจดจำละนะ’
“คุณหนูกง ไม่คิดเลยว่าท่านจะใช้เวลาไม่นานก็สามารถเรียนรู้มารยาททุกอย่างได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้”
“ของคุณเถาหมัวมัวที่กรุณาเสียสละเวลามาสั่งสอนข้าเจ้าค่ะ”
“มิได้ ๆ วันนี้เป็นบทเรียนสุดท้ายแล้ว ข้าหวังอย่างยิ่งว่าจะทำให้ท่านออกงานสังคมและเข้าวังหลวงได้อย่างมั่นใจ”
“รบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ”
จวนท่านอ๋อง
“ข้าฟังผิดไปหรือไม่ เจ้าบอกว่ากงเหรินซินทำอะไรนะ”
“ฟังไม่ผิดพ่ะย่ะค่ะ นางเชิญเถาหมัวมัวไปสอนมารยาทให้ที่จวนสกุลกงพ่ะย่ะค่ะ”
“ตันฉินเจ้าว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลก ๆ หรือไม่ ก่อนหน้านี้และหลังจากที่นางตกน้ำพร้อมกับจินหรู เหตุใดจึงเปลี่ยนไปขนาดนี้”
“กระหม่อมก็บอกไม่ถูก แต่สิ่งที่แปลกแท้แน่นอนก็คือนางไม่ตามตอแยพระองค์มาร่วมสองเดือนแล้ว นี่คือสิ่งเดียวที่กระหม่อมคิดว่านางแปลกไป หรือเป็นเพราะว่านางกลัวว่าพระองค์จะจับได้ว่านาง เอ่อ…”
“เดิมทีข้าก็คิดเหมือนเจ้า ครั้งนี้นางทำผิดใหญ่หลวงถึงขั้นพยายามจะฆ่าจินหรู ข้าคิดว่าเรื่องนี้คงทำให้นางเกิดนึกกลัวจึงรีบเปลี่ยนท่าทีเพื่อมิให้ผู้อื่นสงสัยนาง แต่ว่าข้าลองมากับตัวเองหลายครั้ง ท่าทีที่หนักแน่นเวลาพูดของนางก็ดูน่าเชื่อถือไม่น้อย แต่เรื่องก่อนหน้านั้นที่นางเคยกระทำมา หลายครั้งก็เกือบทำให้จินหรูเกือบตาย จึงทำให้ข้ายังตัดนางออกจากผู้ต้องสงสัยไม่ได้”
“พระองค์มิได้ทรงเชื่อที่นางพูด”
“ตราบใดที่ยังสืบไม่แน่ชัดข้าไม่มีทางเชื่อสตรีเช่นนาง คำพูดที่ออกมาจากปากล้วนร้ายกาจเต็มไปด้วยคำโป้ปดเชื่อถือไม่ได้ ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องชาดทาปากพิษ หนอนพิษ และยังเรื่องร้ายกาจอื่น ๆ ที่นางทำ แม้ว่าจะไม่ได้เอาผิดแต่ครั้งนี้เกี่ยวกับชีวิตคน หากนางไม่ได้ทำจริง ๆ .... ช่างเถอะอีกสองวันจะมีงานเลี้ยงที่สกุลจางเจ้าเตรียมตัวให้ดี”
“พ่ะย่ะค่ะ”
"กงเหรินซิน หากก่อนหน้านี้ไม่เกิดเรื่องมากมายเช่นนั้น คำพูดเจ้าในตอนนี้ก็คงจะทำให้ข้าเชื่อได้อย่างสนิทใจ"
แม้ในพระทัยของท่านอ๋องจะแอบหวังลึก ๆ ว่านางจะไม่ใช่คนร้ายตามที่เหรินซินยืนยันหนักแน่น แต่เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากนาง ทั้งยอมรับ และไม่ยอมรับทำให้ท่านอ๋องรู้สึกไม่เชื่อถือในตัวนาง รวมถึงครั้งนี้ด้วย....
"ทุกเรื่องล้วนเกิดจากนาง หรือว่า...."
จวนสกุลกง
“งานเลี้ยงสกุลจางงั้นหรือ ข้าไม่ไปได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ไปด้วยกันเถอะ ไหน ๆ เจ้าก็อุตส่าห์ร่ำเรียนมารยาทมาแล้ว อีกอย่างจะได้ไปดูหน้าพ่อลูกสกุลจางนั่นด้วย”
“เขายังทยอยจ่ายค่าเสียหายให้เราไม่ครบอีกหรือเจ้าคะ”
“เฮ้อ ตระกูลขุนนางเก่าแก่แม้ว่าจะมีเกียรติยศแต่หากพูดถึงเรื่องทรัพย์สินแล้วล่ะก็คงจะมิได้มั่งมีมากนัก อีกอย่างครั้งก่อนบุตรสาวยังก่อเรื่องทำร้ายเจ้าจนทำให้ฝ่าบาทสั่งจ่ายค่าทำขวัญ แม้ว่าข้าไม่อยากเอาเรื่องแต่เห็นบาดแผลเจ้าในวันนั้นก็อดไม่ได้ที่จะต้องสั่งสอน แต่หากครั้งนี้เจ้าไม่ไปงานเลี้ยงนั่นก็ไม่เท่ากับว่าจะถูกคนพูดลับหลังอีกหรือว่าเจ้าน่าสงสัย”
“แวดวงสังคมของพวกขุนนางนี่น่าเบื่อเสียจริง”
“เจ้าพูดอย่างกับว่าตัวเองมิใช่บุตรขุนนางอย่างนั้นแหละ ถือว่าได้ออกไปงานเลี้ยงนอกจวนหลังจากเจอเรื่องร้าย ๆ มาก็แล้วกัน อีกอย่างสกุลจางคงไม่กล้าก่อเรื่องกับเจ้าอีกแล้วหลังจากโดนลงโทษไปครั้งก่อน การที่พวกเขาจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ขึ้นมา ก็เหมือนกับพยายามจะบอกทุกคนว่าเรื่องก่อนหน้านี้เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น”
“เช่นนั้นข้าคงเลี่ยงไม่ได้สินะ”
“แล้วนี่เจ้าจะไปไหน”
“จะออกไปเดินเล่นสักหน่อยเจ้าค่ะ อยู่ในจวนมาร่วมเดือนข้าอยากออกไปสูดอากาศบ้าง”
“เช่นนั้นก็อย่ากลับค่ำนักเล่า เย็นนี้พี่จะรอกินข้าวด้วย”
“เจ้าค่ะ”
ตลาดในเมือง
ที่จริงแล้วเหรินซินมีเป้าหมายที่จะออกมานอกจวน นางพึ่งได้รับจดหมายจากหอหลัวต๋าว่าสิ่งที่นางต้องการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นวันนี้นางจึงรีบมารับ
“คุณหนูกงกระบี่นี้เป็นอย่างไรบ้าง ถูกใจท่านหรือไม่”
“ยอดเยี่ยมมาก ตรงตามที่ข้าต้องการ”
กระบี่อ่อนในมือของกงเหรินซินที่พับม้วนเข้าออกได้ดุจใจปรารถนาถูกใจนางยิ่งนัก แม้ว่าจะรอนานกว่ากำหนดสักหน่อยแต่ก็นับว่าคุ้มค่า
“อ่อนไหวดุจสายน้ำ พลิ้วไหวดุจลม คมกริบดุจไฟ ทำจากวัสดุชั้นเยี่ยมตามที่ท่านสั่งไม่มีผิด”
“ขอบคุณท่านมาก ข้าชอบมากว่าแต่อีกเรื่องที่ข้าขอให้ท่านทำเล่า”
“อ้อ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาข้าหามาให้ท่านเลือกสี่คน แต่ละคนข้าสืบประวัติมาอย่างดีแล้วเชิญทางนี้ขอรับ”
เหรินซินเดินตามผู้ดูแลหอหลัวต๋าออกไปด้านนอก ที่นั่นมีสตรีอีกสี่คนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นคนที่กงเหรินซินรู้สึกคุ้นเคยแม้ว่าจะยังไม่เห็นชัด ๆ แต่ใบหน้านี้นางไม่มีทางจำผิด
‘ศิษย์น้องอันเมี่ยน เหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่ได้’
“อันเมี่ยน” ศิษย์น้องที่สำนักไป๋ซาน นางเป็นบุตรสาวคนกลางของขุนนางในเมืองฉีอันและเคยร่ำเรียนมาพร้อมกับเยว่ชิงชิง ก่อนหน้านั้นนางได้สูญเสียมารดาไปจึงได้ร่ำลาอาจารย์และลงเขาไป จากนั้นก็ไม่ได้ข่าวของนางอีกเลย เมื่อมาพบกันอีกครั้งอันเมี่ยนดูเหมือนว่าจะไม่เหมือนบุตรสาวขุนนางอีกต่อไปแล้ว
“คุณหนูกง นี่คือสตรีที่ข้าเลือกมาให้ท่าน ลองเลือกดูก่อนว่าตรงตามความต้องการท่านหรือไม่ พวกนางดูสะอาดเรียบร้อย ท่านลองดูขอรับ”
กงเหรินซินเดินไปมองหน้าสตรีสี่คนที่ยืนเรียงอยู่ตรงหน้า มีเพียงอันเมี่ยนคนเดียวที่ไม่หลบสายตานาง อาจเป็นเพราะนางฝึกยุทธ์มาก่อนเหมือนเยว่ชิงชิง อีกทั้งยังเคยเป็นบุตรสาวขุนนางเหมือนกับกงเหรินซิน ดังนั้นความเย่อหยิ่งในตัวก็ยังคงมีอยู่ เรื่องนี้ทำให้เหรินซินรู้สึกประทับใจ ผู้ดูแลส่งข้อมูลของทั้งสี่คนให้นางเลือกแต่เหรินซินแค่รับมาดูเท่านั้น
“ผู้ดูแลข้าเลือกได้แล้ว ข้าต้องการให้เจ้ามาอยู่ข้างกายข้าเจ้าจะยินดีหรือไม่…เจ้าชื่ออันเมี่ยนสินะ”
“แต่ว่า… ใคร ๆ ต่างก็คิดว่านางเป็นคนทำ จะมีผู้ใดที่เลวร้ายและมีนิสัยแย่แบบนางอีก ท่านพี่เองก็ทราบว่านางไม่ชอบหม่อมฉันเพราะว่าอยู่เคียงข้างท่านพี่ นางจึงอยากกำจัด”"แต่เจ้าจะเอาเรื่องนี้มาใส่ร้ายนางโดยไร้หลักฐานไม่ได้ ข้าสอบสวนนางมาแล้วหลายครั้ง ทุกครั้งกงเหรินซินยืนยันหนักแน่น อีกอย่างนางเองก็ตกน้ำไปกับเจ้าหากว่านางอยากจะเอาชีวิตเจ้าจริง ๆ เหตุใดต้องทำให้ตัวเองเกือบตายไปด้วยเล่า""แต่ว่านางมักจะกลั่นแกล้งข้าอยู่ตลอดท่านก็ทราบ ท่านจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนางอย่างนั้นหรือเพคะ"“เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามาหน่อยว่าเหตุใด เรื่องที่เจ้าถูกขังไว้ที่ห้องเก็บฟืนในคืนไหว้พระจันทร์จึงใส่ความนาง ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พระสนมลี่ที่คิดจะแกล้งเจ้า”“หม่อมฉัน! … นี่พระองค์”“ข้ารู้มาว่าเจ้ากับพระสนมลี่เคยมีปัญหากันเพราะเรื่องการดีดพิณหน้าพระที่นั่ง ก่อนที่จะถูกกงเหรินซินกลั่นแกล้งวางกบย่างในจานอาหารในงานคล้ายวันเกิดของสนมลี่จนทำให้นางโกรธและคิดเอาคืนเจ้า แต่เหตุใดจึงไปโทษว่ากงเหรินซินเป็นผู้ขังเจ้าในห้องฟืนเพียงเพราะนางอยู่ในงานวันนั้นด้วย”“ระ เรื่องนี้ พระสนมอยู่ในวัง อีกทั้งมีพรรคพวกมากมายด
“ท่านอ๋อง! แต่ว่าก่อนหน้านั้นพระองค์เองก็ปักพระทัยเชื่อว่าเป็นนาง อีกอย่างคุณหนูซ่งก็บอกว่า...”“ข้าเฝ้าใคร่ครวญคิดแล้วคิดอีกจนกระทั่งได้ไปพบนางหลังจากเกิดเรื่องขึ้น ทุกครั้งจะปฏิเสธเสียงแข็ง สายตานั่นบอกข้าว่านางไม่ได้โกหก อีกอย่างครั้งก่อนนำยาต้านชวนไปให้ นางก็ปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่งเห็นทีครั้งนี้… เป็นข้าที่เข้าใจนางผิดไปจริง ๆ”“หากว่าไม่ใช่นาง เช่นนั้น...”“กำชับให้คนของเราเร่งกระจายการค้นหา และเรื่องนี้จะให้ผู้ใดล่วงรู้ไม่ได้เด็ดขาด”"ท่านอ๋องในเมื่อพระองค์มิได้สงสัยนางแล้ว ทำไมยังส่งของขวัญไปให้นางอีกเล่าพ่ะย่ะค่ะ""แกล้งโง่แล้วหลังจากนี้ก็ต้องหลอกล่อ หากอีกฝ่ายรู้ว่าข้าส่งของขวัญมากมายไปที่จวนสกุลกงย่อมไม่อยุ่เฉย ๆ แน่ สั่งให้คนของเราเร่งมือค้นหาให้ทั่วข้าไม่เชื่อว่าคนร้ายจะไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้"“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ”ตันฉินเดินออกไปแล้วท่านอ๋องจึงได้คิดทบทวนหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา ทั้งคำพูด การกระทำและกงเหรินซินที่หลังจากหายดีนางก็ไม่ได้มาวุ่นวายและตามติดเขาเช่นเดิมเหมือนครั้งก่อนแม้ว่าจะเคยสงสัยว่าที่นางหายไปเป็นเพราะไม่อยากเป็นผู้ต้องสงสัย แต่จากที่ดูพฤติกรรมของกงเหรินซินในตอนนี
“คุณหนู นี่ท่านจำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ หรือเจ้าคะ”อาเจิงถึงกับตกใจ เมื่ออีกฝ่ายหันมามองนางราวกับพึ่งเคยรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรก“อาเจิง เจ้าบอกว่าข้า…”“ใช่เจ้าค่ะคุณหนู ไม่ว่าจะเป็นคุณชายใหญ่ คุณชายรองและท่าน ทุกคนต่างก็เคยไปศึกษาที่สำนักไป๋ซานมาทุกคน แม้แต่ท่านอ๋องและองค์ชายคนอื่น ๆ ก็เคยไปที่นั่นมาหมดแล้วเช่นกัน”“อะไรนะ แม้แต่ท่านอ๋องหรือ… อาเจิงเจ้าช่วยเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ข้าฟังอีกทีสิ”“คุณหนู เหตุใดท่านจึงได้อยากฟังเรื่องนี้ขึ้นมาเจ้าคะ เมื่อก่อนเพียงแค่พูดคำว่าสำนักไป๋ซานท่านก็กรีดร้องออกมาและห้ามมิให้ข้าพูด”“ตอนนี้ข้าโตแล้ว อีกอย่างเจ้าก็เห็นแล้วนะว่าตกน้ำครั้งนี้ข้าก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ดังนั้นควรจะต้องฝึกยุทธ์สักหน่อยแล้ว หากว่าไม่มีวิชายุทธ์ข้าก็แทบจะช่วยตัวเองไม่ได้เลย เราจะเอาแต่พึ่งอันเมี่ยนไม่ได้เข้าใจหรือไม่”“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ตอนนั้นคุณชายใหญ่เดินทางไปสำนักไป๋ซานพร้อมกับองค์ชาย…”เรื่องนี้ค่อนข้างทำให้เหรินซินรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่ากงเหรินซินและคุณชายสกุงกงทั้งหมดจะเคยไปศึกษาที่ไป๋ซาน แต่เมื่อฟังจากที่อาเจิงเล่าให้ฟังนางก็เริ่มจดจำพวกเขาแต่
เหรินซินแค่คิดว่าเจ้าของร่างคงจะเป็นนางร้ายที่ดูงี่เง่า แต่เท่าที่ฟังจากที่อาเจิงเล่า... มันมากกว่านั้นมากนัก จากนั้นอาเจิงจึงได้เล่าว่านางทำทุกทางให้ท่านอ๋องหันมาสนใจทั้งแอบเข้าไปในจวนอ๋องกลางดึก แอบวางยาในน้ำชาแต่ท่านอ๋องรู้ทันและออกคำสั่งห้ามนางเข้าไปในจวนอ๋องอีกแต่นางก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงเฝ้าติดตามและใช้อำนาจของบุตรสาวแม่ทัพ ข่มขู่สตรีทุกคนที่คิดจะเข้าใกล้ท่านอ๋องมีเพียงคนเดียวที่เหรินซินทำอะไรไม่ได้ก็คือซ่งจินหรูที่เป็นน้องสาวของเขา นางจึงได้เกลียดและคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งซ่งจินหรูอยู่เสมอเมื่อมีโอกาสแต่ก็ไม่เคยคิดจะเอาชีวิตนางเลยสักครั้ง“ก่อนหน้านี้ท่านก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะรักมั่นคงเอามาก ๆ เลยนะเจ้าคะ เหตุใดจู่ ๆ ท่านก็ไม่ชอบท่านอ๋องแล้วเล่าเจ้าคะ”อันเมี่ยนเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางที่นั่งฟังเรื่องราวที่อาเจิงเล่า มีท่าทางละเหี่ยใจอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ฟังเรื่องก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้น“นี่ข้าเคยบ้าผู้ชายถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่ มิน่าเล่าถึงได้… เกือบตายเพียงเพราะบุรุษเพียงคนเดียว”“คุณหนูเจ้าคะ คุณชายรองมาแล้ว”“พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ”""เจ้าค่ะ""เมื่อเห็นหน้าคุณชายรองสกุลจาง
“กงเหรินซินเหตุใดเจ้าจึงถามเช่นนี้ ตัวเจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจ”“ใช่! ตัวข้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าข้ามิได้ทำ แต่เจ้าเล่ากล้ายอมรับความจริงได้หรือไม่ซ่งจินหรู ว่าเรื่องในวันนั้นเกิดอะไรขึ้น!!”“เฮือก!” “น้องหญิง! กงเหรินซินเจ้าหยุดหยาบคายได้แล้ว”ซ่งจินหรูเพียงแค่เห็นสายตาดุของเหรินซินก็ทรุดตัวล้มลงทันที จางลี่เหมยรีบวิ่งมาพยุงตัวซ่งจินหรูทันทีพร้อมกับหันมาตวาดกงเหรินซิน ตอนนี้แขกในงานเริ่มเข้ามาดูในห้องโถง ท่านอ๋องเมื่อเห็นว่าซ่งจินหรูล้มลงก็รีบวิ่งเข้ามาทันที“จินหรู! เกิดอะไรขึ้น…กงเหรินซิน”เหรินซินหันไปมองพักตร์ท่านอ๋องที่หันมาถามนางอีกครั้ง นางจึงหันไปหัวเราะขำในโชคชะตาของตัวเอง ไม่ว่าชาติใดแม้แต่นางเพียงแค่ยืนหายใจก็ผิดแล้ว“ข้าอีกแล้วงั้นหรือ ดูเหมือนว่าพระองค์จะทรงตัดสินเพียงแค่ตาเห็นสินะ ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่จะหูเบาถึงเพียงนี้”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้ายังไม่ทันได้พูดอันใดเลย”ท่านอ๋องหันมาจับแขนของนางอย่างแรง แต่กงเหรินซินที่เชิดหน้าขึ้นพร้อมกับสะบัดแขนออกมาทันที ใบหน้านี้ทำให้เว่ยเซียวรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้เห็น“ปล่อย! ท่านไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องข้า”“เจ้าจะทำสิ่งใด…”“ข้
แม้ว่าจะไม่อยากทักทาย แต่ผู้ที่กำลังเข้ามาก็จงใจจะเดินมายังที่นั่งของกงเหรินซินอย่างตั้งใจ ดังนั้นนางจึงจำเป็นจะต้องวางจอกชาและลุกขึ้นมาถวายความเคารพ“ถวายบังคมหมิงชินอ๋องเพคะ”“กงเหรินซิน ดูเหมือนว่าเจ้าจะหายดีแล้ว”“ขอบพระทัยที่ทรงถามไถ่ หม่อมฉันหายดีแล้วเพคะ”“ข้ามิได้ถามไถ่ เพียงแค่พูดตามสิ่งที่เห็นเท่านั้น”กงเหรินซินเงยหน้าขึ้นมามองพักตร์ที่ถือดีตรงหน้า อีกทั้งสตรีที่เกาะแขนของชินอ๋องเอาไว้แน่นอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าตื่นกลัวจนเกินพอดี“เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะคิดว่า เป็นเพียงการสนทนาที่ไร้ซึ่งแก่นสารเท่านั้น”“คุณหนูกง เหตุใดเจ้าจึงกล้าหยาบคายกับท่านพี่เช่นนี้ มิใช่ว่าเจ้า...”“ช่างเถอะจินหรู เจ้าก็น่าจะรู้ดีถึงนิสัยของนางมิใช่หรือ”กงเหรินซินเชิดจมูกขึ้นมองท่านอ๋อง แม้ว่าคุณชายรองจะรีบเดินเข้ามาห้ามแต่ก็ดูเหมือนว่าจะทัดทานศึกนี้มิได้เสียแล้ว“นั่นสิเพคะหม่อมฉันเองก็ยังไม่มีทางลืม “มารยาท” ของคนจวนอ๋องที่เคยเชิญหม่อมฉันไปที่จวนเช่นกัน”ท่านอ๋องพักตร์แดงถึงใบหูเพราะความโกรธ แต่สีหน้าของพระองค์กลับนิ่งพร้อมกับรอยยิ้มประหลาดที่สุดเท่าที่ซ่งจินหรูเคยเห็น นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่