แชร์

บทที่ 47

ผู้เขียน: Karawek House
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-29 09:59:51

เซียงหรงเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์ที่ประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกว่าน่าเคารพและเกรงขามมากกว่าอย่างอื่นของหวงโฮ่วอย่างลืมตัว หวงโฮ่วเองก็บังเอิญจ้องมองมาที่นางเช่นกัน

เซียงหรงตกใจจนทำตัวไม่ถูก สุดท้ายคนมีท่าไม้ตายเดียวอย่างการแย้มรอยยิ้มอย่างนางก็แย้มยิ้ม

เซียงหรงไม่ทันรู้ตัว ว่ารอยยิ้มนั้นทำให้หวงโฮ่วถึงกับทรงชะงักไป

รอยยิ้มเช่นนี้...ราวกับจะล่มบ้านล่มเมืองได้เลยทีเดียว...

ชั่วขณะนั้น หวงโฮ่วผู้ยังทรงมีพระสิริโฉมงดงามอ่อนเยาว์เองก็แย้มยิ้ม

“คุณหนู...เชิญ”

เสียงนางกำนัลข้างกายเรียกให้เซียงหรงได้สติ นางรีบยอบกายถวายพระพรให้หวงโฮ่ว ก่อนหันหน้ากลับมาหานางกำนัล

นางกำนัลที่คล้ายได้รับหน้าที่ให้ดูแลนาง ผายมือบอกทางอย่างรู้หน้าที่ เมื่อเซียงหรงมองตาม ก็เห็นว่าเหล่านางกำนัลที่ถูกยืมตัวมาช่วยงานในครั้งนี้ได้ตระเตรียมทั้งกระดาษ พู่กัน และ และข้าวของอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้เอาไว้ให้แล้ว

ของที่จัดเตรียมไว้ให้เหล่านี้ ก็เหมือนกับของที่คนอื่นๆ ได้รับทุกอย่าง

เซียงหรงเข้าใจได้ในทันที...

นี่คงเป็นความเป็นธรรมที่เหล่าราชบัณฑิต สำนักศึกษากลาง และวังหลวงมอบให้เหล่าสามงามที่เข้าประชันขันแข่งชิงตำแหน่งโฉมงามยอดเมธีกระมัง...

การแข่งขันอื่นๆ หลังจากนี้เองก็คงไม่แตกต่างจากในรอบนี้ ไม่ว่าจะเป็นคุณหนูตระกูลคหบดี คุณหนูจากตระกูลขุนนางใหญ่ หรือแม้แต่ท่านหญิง องค์หญิงพระองค์ใด ก็ล้วนแล้วแต่ไม่ได้รับอภิสิทธิ์ใดใดในการแข่งขันทั้งนั้น

เพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรม เมื่อผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดเข้าประจำตำแหน่งของตนเองแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการลอกคำตอบของโจทย์ในรอบนี้ระหว่างผู้เข้าแข่งขัน เหล่านางกำนัลยังยกฉากไม้ที่ทั้งกว้างและสูงออกมาตั้งคั่นกลางระหว่างผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน ทั้งสีหน้าและท่าทีของนางกำนัลเหล่านี้ล้วนเคร่งขรึมจริงจัง พาให้รู้สึกว่าการประชันขันแข่งครั้งนี้ราวกับพิธีกรรมอันสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ก็มิปาน

“เริ่มได้!”

ทันทีที่สิ้นคำประกาศอันขึงขังดังก้อง ผู้เข้าแข่งขันแทบทั้งหมดก็จับพู่กันขึ้นมาจุ่มหมึก ตวัดวาด

ยามนี้ผู้อื่นต่างเร่งมือวาดภาพของตน เซียงหรงกลับลังเล ด้วยไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองคิดนั้นสมควรวาดออกมาหรือไม่ ทว่า...เมื่อพูดถึงยอดบุปผาแล้ว ในสายตานางยามนี้ กลับไม่เห็นว่าจะมีบุปผาดอกใด ทั้งสง่างามและสูงส่งไปกว่ายอดบุปผาสีแดงเพลิงอันน่าเกรงขามดอกนั้น

เซียงหรงจ้องมองเหล่ากระถางต้นโบตั๋นที่ตั้งประดับอยู่ ณ เชิงแท่นประทับของหวงโฮ่วอย่างไม่อาจระงับสายตา ยามนี้โบตั๋นเหล่านั้นล้วนผลิดอกออกช่อใหญ่โต ดูงดงามมากจริงๆ

โบตั๋นก็คือราชินีของมวลดอกไม้...

ทว่า...หากวาดออกไปเช่นนั้นแล้ว  ผู้คนมองแล้วจะคิดเห็นอย่างไรกันบ้างก็ไม่รู้...นอกจากนี้ นางที่คิดอ่านเช่นนี้จะนับว่าคิดอ่านได้ฉาบฉวยเกินไปหน่อยหรือไม่?

การแข่งขันในรอบนี้ก็ช่างให้เวลาน้อยนัก ช่างบีบคั้นให้ผู้เข้าแข่งขันเร่งคิดเร่งวาดภาพ กล่าวได้ว่าหาใช่เพียงการประชันขันแข่งวาดภาพธรรมดาๆ แต่ยังเป็นการประลองด้านความคิดและการตัดสินใจไปในคราวเดียวกัน

สมควรวาดภาพที่วาบขึ้นในใจออกมาหรือไม่กันแน่นะ...

หัวข้อนี้นับว่าไม่ง่าย...ไม่ง่ายเลยจริงๆ

แม้ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะมองไม่เห็นซึ่งกันและกัน ทว่าเหล่าผู้ชมซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งไล่ระดับรอบๆ ลาน กลับมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในลานประชันขันแข่งด้านล่างชัดถนัดตา

“เหตุใดคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงจึงไม่หยิบพู่กันเสียที” หนึ่งในกลุ่มพ่อค้าช่างวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มเดิมกล่าวอย่างหัวเสีย “ข้าอยากรู้เต็มทีแล้วว่าคุณหนูสามผู้นี้จะตีความคำว่ายอดบุปผานี้ออกมาอย่างไร จะเป็นบุปผชาติงามตระการหรือจะเป็นสาวงามกันแน่!”

“หรือคุณหนูสามท่านนี้จะมาถึงสุดทางแล้ว เป็นผู้ไร้ความสามารถด้านศิลปะวาดภาพ จึงได้แต่ยืนจ้องมองกระดาษที่ว่างเปล่าตรงหน้าเช่นนั้น” พ่อค้าอีกผู้หนึ่งในกลุ่มเดียวกันออกความเห็นอย่างไม่ใคร่จะแน่ใจนัก

“คิดส่งกระดาษเปล่ารึ?” พ่อค้าคนแรกเริ่มคาดเดา

“เป็นไปได้” พ่อค้าผู้ออกความเห็นเมื่อครู่กล่าวเสียงขรึม “จะอย่างไร การส่งกระดาษเปล่า ก็คงไม่เสียหน้าเท่าใช้ฝีมือวาดภาพระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน วาดภาพที่ไม่ได้ความสักภาพออกมาเพื่อประจานฝีมืออันอ่อนด้อยของตนเองกระมัง...”

“พวกเจ้าผิดแล้ว...คุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงของข้า เป็นสตรีที่แตกฉานในศิลปะทุกแขนง นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ในหมู่ผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากนัก”

ประโยคนี้เรียกให้เหล่าพ่อค้าและชาวเมืองบริเวณนั้นหันไปมองทางผู้พูดเป็นตาเดียวกัน

เพียงเห็นว่าใครคือผู้เอ่ยประโยคนี้ ใครหลายคน ณ บริเวณนั้นก็แค่นหัวเราะแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน

เฮอะ! นึกแล้วไม่มีผิด ผู้กล่าวประโยคเลอะเทอะเช่นนี้จะมีใคร หากไม่ใช่คนต่างถิ่นที่โดนศรรักปักลึกลงกลางใจ จนในหัวสมองหลงเหลือก็แต่ชื่อและใบหน้าของคุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงผู้นั้น!

เพราะเจ้าชอบนาง จึงเห็นว่านางดีเลิศไปหมดทุกอย่างน่ะสิ!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 111

    ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 110

    “ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 109

    หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 108

    “หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 107

    ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 106

    หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status