Share

ตอนที่ 18

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-05-14 12:13:13

วันนี้จะเป็นวันที่สองสามีภรรยาเข้าไปในเมือง เพื่อเสนอขายผักดองให้กับหลงจู๊ในเมือง เดิมทีจะขายที่ตลาดก็ทำได้แต่เซี่ยซูมี่ไม่อยากจะเสียเวลา เพราะเป็นแม่ค้าคนกลางจึงอยากจะระบายสินค้าจำนวนมาก ๆ ทีเดียวไปเลยดีกว่า ต้นทุนผักดองไม่มีอะไรมาก ซื้อไหมาในราคา 5 อีแปะ ส่วนเครื่องปรุงเซี่ยซูมี่เอาออกมาจากในมิติ ซึ่งทำให้มั่นใจในเรื่องของรสชาติมากยิ่งขึ้น ว่าไม่มีใครทำได้เหมือนอย่างแน่นอน และสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกโชคดีคือ ของที่เอาออกมาจากในมิติเมื่อเวลาผ่านไป 1 วันของเหล่านั้นก็จะกลับมาเท่าเดิม

          “มีสิ่งใดที่ต้องเอาไปอีกหรือไม่” ซ่งเวยหลงเอ่ยถามภรรยา เขาขนไหผักดองขึ้นเกวียนไปทั้งหมด 20 ไห นอกจากนั้นยังมีขาหมูป่าอีก 4 ขา รวมไปถึงเนื้อสามชั้นอีกราวๆ 50 ชั่ง ซึ่งสีสันของมันดูน่ากินมาก

          “ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ ของที่เหลือพวกนั้นข้าจะเก็บเอาไว้กินช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้” เซี่ยซูมี่แบ่งอาหารสำหรับเก็บไว้กินในช่วงฤดูหนาวเรียบร้อย ที่ขนของไปขายในวันนี้ก็เพื่อที่จะเตรียมซื้อข้าวสาร รวมถึงแป้ง กักตุนไว้กินหน้าหนาว จะได้ไม่ต้องลำบากฝ่าหิมะเข้าเมือง ช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงจำศีล หากไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยมีใครออกจากบ้าน

          “ถ้าเช่นนั้นก็ออกเดินทางกันเถอะ” ซ่งเวยหลงช่วยภรรยาขึ้นไปนั่งบนเกวียน จากนั้นก็มุ่งหน้าเข้าไปในเมือง

“พี่เวยหลงรอด้วยเจ้าค่ะ รอพวกข้าด้วย” ซ่งเวยหลงที่กำลังบังคับเกวียนให้เดินตามทางได้ยินเสียงคนเรียกจึงหยุดเกวียนแล้วหันไปมองตามเสียง

          “มีเรื่องอันใดหรือ?” ซ่งเวยหลงเอ่ยถามหญิงที่กำลังยืนหอบอยู่ข้างๆ เกวียน

          “พวกท่านกำลังจะเข้าไปในเมืองใช่หรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากจะขอติดเกวียนท่านไปลงในเมืองหน่อยเจ้าค่ะ” คนที่ตะโกนและวิ่งตามเกวียนก็คือเจียงรั่วซีนั่นเอง นางกำลังจะเข้าเมือง เพื่อเตรียมซื้อข้าวของสำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง เพราะหากว่าซื้อช้ากว่านี้เถ้าแก่ตามร้านต่าง ๆ น่าจะขึ้นราคาเหมือนทุกๆ ปี

“อาจื่อเล่าไม่ได้ไปด้วยกันหรอกหรือ” ซ่งเวยหลงแปลกใจ เพราะหากจะเข้าไปในเมืองอาจื่อไม่น่าจะปล่อยให้ภรรยาไปคนเดียว เป็นหญิงไม่มีใครเดินเข้าเมืองเพียงลำพังเป็นแน่

          “อะเอ่อ ถ้าเช่นนั้นท่านรอข้าสักเดี๋ยวได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าจะไปตามอาจื่อก่อน พอดีว่าเขากำลังไปขอยืมเกวียนของท่านผู้นำ” เจียงรั่วซีลืมสามีของตนไปเสียสนิท คิดเพียงว่าต้องวิ่งตามเกวียนของซ่งเวยหลงให้ทัน

          “ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปเถอะ” ซ่งเวยหลงถอนหายใจปนหงุดหงิดนิดหน่อย เนื่องจากว่าเสียเวลาคุยกับภรรยาของสหายแต่กลับไม่ได้เรื่องอะไรเลย อีกอย่างก็เกรงว่าหากเดินทางสายกว่านี้ภรรยาตัวน้อยของตนจะร้อนเอาได้

          “พิลึกคน” เซี่ยซูมี่ได้แต่บ่นพึมพำคนเดียว พร้อมทั้งคิดในใจว่านางคงไม่เห็นสามีคนอื่นแล้ววิ่งมาจนลืมสามีตัวเองหรอกนะ เพราะหากว่าเป็นเช่นนั้นก็รู้สึกสงสารอาจื่อจับใจที่มีคนรักเช่นนี้

รอเพียงไม่นานเจียงรั่วซีก็ลากแขนอาจื่อมาทางเกวียนที่ซ่งเวยหลงหยุดรออยู่ สีหน้าอาจื่อบ่งบอกได้ชัดเจนว่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ เพราะเขาเดินเกือบจะถึงบ้านของท่านผู้นำแล้ว แต่ภรรยากลับรีบดึงแขนกลับมาทางเดิม บอกว่าไม่ต้องไปเช่าเกวียนแล้ว เพราะพรานซ่งกำลังจะเข้าในเมืองพอดี

          “ข้าต้องขอโทษด้วยที่ทำให้พวกท่านเสียเวลา” เจียงรั่วซีพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ ด้วยนางกลัวว่าซ่งเวยหลงจะไม่รอจึงต้องรีบวิ่งไปตามสามี อีกทั้งยังใช้แรงลากสามีให้รีบเดิน

          “ขึ้นมาเถอะ” ซ่งเวยหลงไม่ได้พูดอะไรมาก บอกเพียงให้สองผัวเมียขึ้นมานั่ง แม้ว่าของจะมีมากแต่เพราะวัวของพวกเขาตัวใหญ่แรงเยอะจึงไม่เป็นปัญหาอะไร อีกทั้งนี่ยังเป็นงานแรกที่พวกมันได้แสดงฝีมือให้กับเจ้านายได้เห็นว่าคิดถูกแล้วที่เลือกพวกมันทั้งสองตัว

          “สวัสดีขอรับอาซ้อ ข้าไม่รู้มาก่อนว่าพวกท่านจะเข้าไปในเมือง” อาจื่อพูดทักทายหลังจากที่ขึ้นมาบนเกวียน และนั่งข้างๆ คนบังคับเกวียนอย่างซ่งเวยหลง

          “จะเอาผักดองไปขายให้หลงจู๊น่ะ” ซ่งเวยหลงพูดขึ้น

          “ผักดองเนี่ยน่ะหรือเจ้าคะ บ้านไหนก็ทำผักดองกินเองทั้งนั้นแหละเจ้าค่ะ ถ้าให้ข้าเดาคงเป็นความคิดของน้องซูมี่อีกตามเคยสินะเจ้าคะ” เจียงรั่วซีนึกขำกับความคิดแปลกประหลาดของหญิงผู้นี้ วันก่อนนางไม่ทันได้สังเกตหน้าตาสักเท่าไหร่ แต่วันนี้ได้มานั่งบนเกวียนเดียวกันทำให้มองเห็นใบหน้าได้ชัดขึ้น

          เจียงรั่วซีรู้สึกว่าเซี่ยซูมี่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนพอสมควร ผิวพรรณดูผ่องใสขึ้น ใบหน้าอิ่มเอมไม่ซูบผอมเหมือนเมื่อก่อน ที่ผิวแห้งกร้านใบหน้าตอบราวคนป่วย วันนี้นางมีใบหน้าขาวใสเรียบเนียนคล้ายคนสุขภาพดี อีกทั้งรูปร่างก็ยังสมส่วนไม่ได้ซูบผอมอีกต่อไป โดยรวมแล้วคือเป็นหญิงงามคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

กล่าวถึงเซี่ยซือมั่นพี่สาวของเซี่ยซูมี่เองก็หน้าตาดี จะเรียกว่างามล่มเมืองก็คงจะไม่ผิด แต่ติดตรงที่นางมีจิตใจที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว รักสวยรักงาม เดิมทีเซี่ยซือมั่นก็จะตกลงปลงใจแต่งงานกับซ่งเวยหลง แต่เป็นเพราะฟังคำยุแยงของเจียงรั่วซีมากเกินไป ทำให้นางเปลี่ยนใจ ยอมถูกขายเพื่อไปเป็นทาสรับใช้ให้กับบ้านเศรษฐี ด้วยหวังว่าสักวันหนึ่งอาจจะถูกแต่งเข้าไปเป็นอนุของท่านเศรษฐี

          “ท่านพี่รั่วซีเข้าใจถูกแล้วล่ะเจ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่เห็นว่าทำผักดองขายมันจะน่าขันตรงไหนเลยนี่เจ้าคะ” เซี่ยซูมี่มองหน้าเจียงรั่วซีอย่างไร้เดียงสา

          “ก็จะไม่ให้ขันได้อย่างไรเล่าจ๊ะ โรงเตี๊ยมของหลงจู๊ที่พี่เว่ยหลงทำการค้าเป็นประจำ เป็นโรงเตี๊ยมชื่อดังของเมืองนี้ เขาคงไม่เอาผักดองจากสาวบ้านป่าเช่นเจ้ามาทำให้โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งเสียชื่อเสียงหรอกจ้ะ” เจียงรั่วซีเผลอพูดความคิดของตัวเองออกไป แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงก็สมควรที่จะเตือนสติซ่งเวยหลง ไม่ให้เขาตามใจภรรยามากจนเกินไป อาจจะทำให้ซ่งเวยหลงเสียชื่อเสียงตามไปด้วย

          “ถ้าเช่นนั้นก็มาดูกันเจ้าค่ะ ว่าผักดองของสาวบ้านป่าเช่นข้าจะขายได้หรือไม่” เซี่ยซูมี่ไม่คิดที่จะอวดฝีมือหรือความอร่อยของผักดองตัวเอง สู้เก็บแรงไว้ไปเสนอขายหลงจู๊คนที่มีกำลังซื้อเสียดีกว่า พูดกับคนที่อยู่ในกะลาพูดเช่นไรก็คงจะไม่รู้เรื่อง

สองสาวต่างไม่มีใครยอมใคร ใช้สายตาฟาดฟันกัน มีเพียงชายหนุ่มสองคนที่บังคับเกวียนเท่านั้น ที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซ่งเวยหลงตั้งหน้าตั้งตาบังคับเกวียนเพื่อให้ถึงที่หมายโดยเร็ว เพราะเวลาเช้าหลงจู๊มักจะลงมาเลือกวัตถุดิบด้วยตัวเอง

          เมื่อถึงทางเข้าอาจื่อรับอาสาเป็นคนไปจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าไปยังตัวเมือง ซึ่งต้องบอกว่าเหล่าทหารเองก็คุ้นหน้าคุ้นตาอาจื่อเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จึงทำให้การผ่านเข้าไปในเมืองนั้นทำได้โดยง่าย

          “ข้ากับฮูหยินขอลงตรงนี้แล้วกัน ขอบใจพวกท่านมากที่มีน้ำใจให้นั่งเกวียนมาด้วย” เมื่อเข้ามาภายในตัวเมือง อาจื่อจึงขอลงกลางทางแยก เพราะตนและภรรยาจำเป็นต้องเดินซื้อของอีกหลายอย่างเพื่อเตรียมตัวสำหรับฤดูหนาว

          “ได้อย่างไรกันล่ะเจ้าคะท่านพี่ ข้าบอกกับน้องซูมี่แล้วว่าจะไปเป็นเพื่อนนางเพื่อขายผักดอง” เจียงรั่วซีไม่ทางพลาดที่จะเห็นเซี่ยซูมี่ถูกหลงจู๊ด่าเด็ดขาด

          “ใช่เจ้าค่ะ พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะไปดูข้าขายผัดดองบ้านป่า” เซี่ยซูมี่เองก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ ต้องการทำให้หญิงบ้านป่าตรงหน้าได้เห็นว่าความสามารถของตนนั้นมีมากเพียงใด

          “ขึ้นมาเถอะ” เมื่อได้รับคำยืนยันจากภรรยา ซ่งเวยหลงก็เรียกสหายให้ขึ้นมายังเกวียนดังเดิม จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมขึ้นชื่อของเมืองในทันที

เมื่อไปถึงโรงเตี๊ยมก็พบเข้ากับชาวบ้านจำนวนมากที่มายืนต่อคิวรอขายของให้กับหลงจู๊ บางคนก็ขายได้ยิ้มหน้าบานเดินจากไป แต่บางคนก็ก้มหน้าเศร้าเพราะของที่เตรียมมาเสนอขายนั้นทางโรงเตี๊ยมไม่ต้องการ หากต้องการก็มีเจ้าประจำอยู่แล้ว ไม่รับขาจร

          “อ้าว อาหลง อาจื่อ วันนี้มีของดีอันใดมาหรือ?” หลงจู๊ทันทีที่เห็นพรานป่าทั้งสองก็ตรงเข้ามาทักทาย พร้อมทั้งทำมือให้ลูกน้องจัดการส่วนที่เหลือต่อไป

          “มิได้ขอรับ ข้าเพียงแค่ติดเกวียนท่านพี่ซ่งเข้ามาในเมืองเท่านั้น” อาจื่อปฏิเสธทันควันเพราะเขาไม่ได้นำของอะไรมาขาย

          “ข้านำของดีมาเสนอท่านหลงจู๊เจ้าค่ะ” เป็นเสียงใสๆ เล็กๆ ของเซี่ยซูมี่ที่ตอบกลับหลงจู๊ออกไป จากนั้นนางก็มุดออกมาจากเกวียนโดยมีซ่งเวยหลงช่วยอำนวยความสะดวก

          “ไอหยา…ฮูหยินน้อยนี่เอง ถ้าเช่นนั้นเข้าไปคุยข้างในกันเถอะ” หลงจู๊ชื่นชมในความฉลาดของฮูหยินซ่ง จึงทำการต้อนรับเป็นอย่างดี

ทางด้านเซี่ยซูมี่ไม่ลืมที่จะบอกสามีให้ยกไห พร้อมทั้งเนื้อตัวอย่างเอาออกมาให้ท่านหลงจู๊ได้ลิ้มลอง ก่อนที่จะทำการซื้อขายแน่นอนว่าจะต้องให้คนซื้อได้ทดลองสินค้าก่อน ซึ่งเรื่องนี้เซี่ยซูมี่จัดเตรียมมาเรียบร้อยแล้ว

          “เชิญนั่ง เด็กๆ เอาน้ำชามาต้อนรับแขกหน่อยเร็ว” หลงจู๊เรียกใช้เด็กๆ ที่อยู่บริเวณใกล้

          “ขอบคุณท่านหลงจู๊ขอรับ/เจ้าค่ะ” ทั้งสี่คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน

“ไหนเจ้ามีสิ่งใดที่จะมาให้ข้าดูหรือฮูหยินน้อย” หลงจู๊มองตรงไปยังเซี่ยซูมี่ด้วยความคาดหวัง คิดว่าจะต้องมีเนื้อที่หายากมาเสนอขายเหมือนครั้งก่อนอย่างแน่นอน

          “มิได้เจ้าค่ะ เป็นเพียงผักดองบ้านป่า และเนื้อรมควันเท่านั้น แต่ก่อนอื่นข้าอยากจะให้ท่านหลงจู๊เปิดใจลองก่อนเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ไม่รีบร้อน อยากจะให้หลงจู๊เปิดใจกับสินค้าของตัวเองก่อน

          “รีบเอามาให้ข้าดู” หลงจู๊มีน้ำเสียงเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย ด้วยเดิมทีคาดหวังว่าจะเป็นเนื้อชั้นดีแต่กลับเป็นเพียงผักดองอย่างนั้นหรือ?

ทางด้านเจียงรั่วซีได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ ฟังจากน้ำเสียงหลงจู๊แล้วก็พอจะเดาได้ว่าผิดหวังมากเพียงใด มีเพียงแค่ผักดองกับขาหมูป่ารมควันอย่านั้นหรือ อาหารพื้นบ้านเช่นนี้ชาวบ้านธรรมดาๆ เช่นตนยังทำได้เลย

          “เจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่รีบจัดจาน นอกจากผักดองและเนื้อชั้นดีรมควันแล้ว นางยังเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ใส่กระบอกไว้ไผ่มาด้วย

          “เชิญท่านหลงจู๊ลองชิมดูเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ไม่แสดงสีหน้าตื่นตระหนกตกใจออกมา เพราะในโลกที่จากมาก็มักจะเดินทางไปเสนอขายสินค้าด้วยตัวเองอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ที่นี่ไม่ซื้อก็ใช้ว่าจะไม่มีที่อื่นซื้อ ต้องมีที่ไหนสักที่แหละที่มองเห็นถึงรสชาติที่แท้จริงของอาหาร

          “ฮูหยินน้อย ข้าคิดว่าท่านต้องล้อข้าเล่นอยู่เป็นแน่ อาหารพื้นบ้านเช่นนี้ทางโรงเตี๊ยมเราไม่มีทางที่จะจัดขึ้นโต๊ะให้กับแขกได้ ข้าเกรงว่าวันนี้พวกท่านจะมาเสียเที่ยว” หลงจู๊ไม่เพียงแต่ไม่ปรายตามอง แต่ต้องการที่จะลุกออกจากโต๊ะนี้ให้เร็วที่สุด เสียเวลาของเขามากจริงๆ

          “เรียนท่านหลงจู๊ ถ้าเช่นนั้นก็ถือเสียว่าอาหารที่ข้านำมาวันนี้ยังไม่มีวาสนาที่จะได้ขึ้นโต๊ะของทางโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของท่านก็แล้วกัน ข้าต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านเสียเวลา”

คงต้องบอกว่าเหนือความคาดหมายของซ่งเวยหลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาคิดว่าภรรยาจะต้องตื๊อให้หลงจู๊เปลี่ยนใจได้อย่างแน่นอน จึงไม่คิดที่จะพูดสิ่งใดออกมา แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ภรรยาพูดแล้วกลับทำให้เขาเองต้องขมวดคิ้ว

          ไม่เว้นแม้กระทั่งเจียงรั่วซีที่กลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ เผลอหลุดเสียงหัวเราะออกมา ยังดีที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากเอาไว้ได้ทัน ไม่มีผู้ใดได้เห็นรอยยิ้มสะใจภายใต้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น

          “นี่เจ้า” เดิมทีหลงจู๊คิดว่าฮูหยินซ่งจะต้องขอร้องตนสักหน่อย และเพื่อเห็นแก่หน้าของพรานซ่งตนก็จะยอมชิมดู เพื่อเป็นการไม่ให้เสียมารยาทมากจนเกินไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 63

    “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าเจ็บท้องเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่ปลุกสามีในช่วงกลางดึกของคืนฝนตกหนักคืนหนึ่ง วันนี้กลับไม่โชคดีเหมือนครั้งที่คลอดซ่งอี้เทียน เพราะยังไม่ถึงกำหนดคลอดทุกคนจึงยังไม่มีการเตรียมการใดๆ “เจ็บอย่างไร ทนได้หรือไม่” ซ่งเวยหลงรีบลุกขึ้นเพื่อดูอาการของภรรยา ไม่หลงเหลือความง่วงเลยสักนิด “ไม่ไหวเจ้าค่ะ ให้คนไปตามหมอตำแยให้น้องทีเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่เค้นเสียงออกมา แม้ว่าภายในใจจะไม่อยากพูดคุยอะไรไปมากกว่านี้เลยก็ตามทันทีที่ฟังภรรยาพูดจบ ซ่งเวยหลงก็ออกไปสั่งการสาวใช้ที่คอยรับใช้หน้าห้อง ให้ไปตามหมอตำแยมาโดยด่วน ฮูหยินซ่งกำลังจะคลอดลูกแล้ว สาวใช้ในเรือนรีบลุกเพื่อไปทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่มีอิดออด แม้จะสงสัยอยู่บ้างว่ายังไม่ครบกำหนดจะคลอดได้อย่างไร แต่ก็มีเสียงแตกหลายเสียง เนื่องจากว่าครรภ์ของฮูหยินนั้นใหญ่ผิดปกติหลังจากนั้นราวๆ 2 ชั่วยาม เซี่ยซูมี่ก็ได้ให้กำเนิดทายาทสกุลซ่ง แต่ที่น่ายินดีไปมากกว่านั้นคือเป็นแฝดชาย แม้ว่าจะคลอดก่อนกำหนด แต่แฝดทั้งสองก็สมบูรณ์แข็งแรงดี เมื่อแฝดทั้งสองคลอดฟ้าฝนกลับหยุดลง จากนั้นก็มีแสงใหม่ของอีกวันโผล่ขึ้น คล้ายจะบอกเป็น

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 62

    3 ปีผ่านไป ซ่งอี้เทียนเริ่มโตขึ้นมาก อีกทั้งยังเป็นเด็กที่รู้มากอีกด้วย เซี่ยซูมี่สอนลูกชายอ่านเขียนตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยหวังว่าโตขึ้นไปในภายภาคหน้าเขาจะสามารถดูแลตัวเองได้ ส่วนกิจการของบ้านซ่งต้องบอกว่าขยายใหญ่โตมาก อีกทั้งยังสร้างโรงเตี๊ยมขึ้นมา เพื่อแข่งกับโรงเตี๊ยมเหอฟู่อีกด้วย โดยให้ชื่อโรงเตี๊ยมว่า หลงโถว เช่นเดียวกับร้านค้า ผู้คนในเมืองรวมไปถึงลูกค้าต่างเมือง ต่างรู้จักร้านหลงโถวนี้เป็นอย่างดีทางด้านคุณชายเหอได้ถูกทางการจับตัว เนื่องจากว่ามีคนมาร้องเรียนเรื่องที่ลูกสาวหายตัวไป หลังจากที่แต่งเข้าไปเป็นอนุ เมื่อมีคนมาร้องเรียนกับทางการ อีกหลายๆคนที่ได้ข่าวก็เริ่มมาร้องเรียนบ้าง เนื่องจากว่าเมื่อก่อนชาวบ้านต่างเกรงกลัวอำนาจและบารมีของสกุลเหอ อีกทั้งยังมีท่านเจ้าเมืองหนุนหลัง ทำให้ไม่มีใครแจ้งความเอาผิด แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อมีท่านรองแม่ทัพหยางเข้ามาประจำการในเมืองนี้ ทำให้ชาวบ้านสามารถเข้าถึงทางการได้ง่ายขึ้น“มีชาวบ้านเข้ามารองเรียนเรื่องคนหายไม่เว้นวัน” ท่านเจ้าเมืองถอนหายใจ ไม่คิดเลยว่าสหายที่เติบโตด้วยกันมาจะเป็นคนเช่นนี้ เดิมทีเหอฟู่ผู้นี้เป็นคนจิตใจดีมีเมตตา

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 61

    หลังจากที่ให้ลูกชายกินนม เซี่ยซูมี่จึงพาลูกชายออกมายังห้องโถง ซึ่งแม่บ้านเห่ยนำเตาขนาดเล็กมาวางไว้รอบๆ ห้อง เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับภายในบ้าน ทำให้บ้านไม่หนาวเย็นอย่างที่ควรจะเป็น “มาแล้วหรือหลานชายของป้า มาให้ป้าอุ้มให้หายคิดหน่อยหน่อยเถิด” เซี่ยซือมั่นเงยหน้าจากผ้าที่กำลังปักอยู่ จากนั้นก็ยื่นงานปักให้สาวใช้คนสนิททำต่อ ส่วนนางนั้นเอื้อมมือเพื่อที่จะไปอุ้มหลายชายเข้าสู่อ้อมกอดซ่งอี้เทียนเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความรักความเอ็นดูที่ท่านป้าหมาดๆของเขามีให้ ทารกน้อยอายุเพียง 1 เดือน จากตอนแรกที่อยู่ในอ้อมกอดมารดา จึงยอมให้ท่านป้าของเขาอุ้มเข้าไปกอดอย่างง่ายดายส่วนทางด้านท่านป้าที่เมื่อได้อุ้มหลานชายแล้วนั้น ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าหลานชายไม่ได้ผอมแห้งดังเช่นที่ตนนั้นกังวล แต่เขากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ทารกน้อยมีน้ำหนักหากจะพูดแล้วนั้น น่าจะหนักกว่าเด็กทั่วๆ ไปเสียด้วยซ้ำ คิดไม่ถึงว่าทารกที่กินเพียงน้ำนมของผู้เป็นแม่เพียงอย่างเดียวจะอุดมสมบูรณ์ได้ “เป็นไรไปหรือเจ้าคะ?” เซี่ยซูมี่สังเกตเห็นสีหน้าฉงนของพี่สาวจึงอดที่จะเอ่ยถามออกไปไม่ได้ “เสี่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 60

    1 เดือนผ่านไปเซี่ยซูมี่ออกจากการอยู่ไฟแล้วเรียบร้อย อีกทั้งวันนี้ยังมีแขกมาเยี่ยม ซ่งอี้เทียน นั่นก็คือท่านป้าและท่านลุงหยางหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือท่านรองแม่ทัพหยางนั่นเองกล่าวถึงเซี่ยซือมั่นเมื่อเข้าไปทำงานยังจวนของท่านรองแม่ทัพ ก็ได้มีโอกาสศึกษาดูใจกับรองแม่ทัพหนุ่มมากขึ้น ทำให้ทั้งสองคนมีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน อีกทั้งหญิงสาวยังรับหน้าที่ในการทำอาหารขึ้นโต๊ะให้แก่เขาเองอีกด้วย คุณสมบัติเพียบพร้อมเช่นนั้นจะหนีจากฮูหยินใหญ่ของเขาไปได้อย่างไรกัน“หลานชายของป้า น่าตีท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้ายิ่งนัก หลานชายคลอดทั้งที กลับไม่ส่งข่าวคราวให้ป้าบ้างเลย” เซี่ยซือมั่นทำทีเป็นบ่นกับหลานชาย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วพ่อกับแม่ของเจ้าก้อนกลมนั้นก็นั่งอยู่ด้วย “หิมะตกหนัก อีกทั้งข้าเองก็เพิ่งจะออกจากการอยู่ไฟ ป้าเห่ยไม่ยอมให้ข้าเห็นเดือนเห็นตะวันเลยล่ะเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่อดที่จะบ่นแม่บ้านของตัวเองไม่ได้ เพราะนางไม่ยอมให้ออกไปไหนเลยแม้ว่าจะอ้อนวอนมากเพียงใดก็ตาม เซี่ยซูมี่เป็นคนสะอาด จะยอมให้ผมตัวเองมันเยิ้มได้อย่างไรกัน นอกจากมันแล้วก็ยังรู้สึกคันหนังหัวแต่ไม่อยากสอดนิ้วมือเข้าไปเพราะหนังหัวช่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 59

    เซี่ยซูมี่ลืมตาตื่นในเช้าของอีกวัน คิดว่าตัวเองฝันไปหรือเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อใช้มือคลำสัมผัสที่หน้าท้องกลับพบว่ามันยุบลง ไม่ป่องเหมือนเมื่อวาน นอกจากนั้นแล้วในยามที่ขยับตัวก็รู้สึกเจ็บ อีกทั้งยังเหมือนได้ยินเสียงร้องงอแงของเด็กอีกด้วย “อือ” คุณแม่มือใหม่ส่งเสียงในลำคอ “ลูกพ่อ แม่ของลูกตื่นแล้ว” ซ่งเวยหลงตอนนี้กำลังอุ้มลูกชายอยู่สืบเนื่องจากเมื่อคืนที่ได้บอกกับหมอตำแยเอาไว้ว่าจะให้ลูกกินนมของภรรยาเป็นคนแรกนั้นต้องหยุดลง เนื่องจากว่าลูกชายร้องไห้งอแงในยามเช้าแต่ภรรยาเขากลับยังไม่ได้สติ ตนจึงจำเป็นต้องให้แม่นมที่เตรียมไว้สำหรับลูกชายทำหน้าที่แทนทารกน้อยราวกับว่ารับรู้และเข้าใจในสิ่งที่บิดาพูด ทันทีที่พูดถึงมารดาเขากลับเงียบเสียงลง คล้ายกำลังฟังเสียงการเคลื่อนไหวของมารดา แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเหมือนตอนที่อยู่ในท้อง เขากลับเริ่มเบะปากเตรียมที่จะร้องไห้อีกครั้ง “ท่านพี่ นะ น้ำเจ้าค่ะ น้องขอน้ำ” เซี่ยซูมี่รู้สึกลำคอแห้งผาก แม้ว่าอยากจะลุกขึ้นไปอุ้มลูกชายมากเพียงใด แต่ตอนนี้ตนต้องได้กินน้ำเพื่อให้ร่างกายมีแรงขึ้นมาก่อน “ฮูหยิน น้ำเจ้าค่ะ”

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 58

    หลังจากที่ไปส่งพี่สาวที่จวนของท่านรองแม่ทัพ เรียกได้ว่าหายห่วงไปได้มากทีเดียว เดิมทีเซี่ยซูมี่ตั้งใจจะพาพี่สาวไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ให้สมกับตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ของจวนท่านรองแม่ทัพ แต่กลับถูกเจ้าของจวนขัดขึ้นเสียก่อน เนื่องจากว่าเขาได้ให้คนงานจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อไปถึงจวนก็ไปดูที่พักของพี่สาว คงต้องบอกว่าไม่เหมือนกับที่พักพิงของคนงานเลยสักนิด แม้จะบอกว่าไม่ได้ให้เข้าทำงานมาเป็นทาส หรือแม้กระทั่งยกตำแหน่งแม่บ้านใหญ่ให้ ก็ยังดูไม่ใช่ที่พักของคนงานอยู่ดี แต่คล้ายว่าเป็นห้องนอนของแขกคนสำคัญมากกว่าเซี่ยซือมั่นได้แต่มองหน้าน้องสาวเพื่อขอความคิดเห็น แต่เซี่ยซูมี่กับเดินตัวติดกับสามี ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสายตาที่พี่สาวพยายามจะส่งมาให้ ได้เห็นการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นนี้แล้วเซี่ยซูมี่เองก็เบาใจ “ท่านว่าพี่ชายของท่านจะจริงจังกับพี่สาวของข้ามากน้อยเพียงใดเจ้าคะ?” ระหว่างที่กลับบ้านป่า เซี่ยซูมี่ก็ชวนสามีพูดคุยเพื่อให้ไม่เหงาปากมากจนเกินไป “ชู่ว หยุดพูดจาส่งเดช มีคนตามมาส่งเราด้วย” ซ่งเวยหลงทำเสียงเป็นเชิงบอกให้ภรรยาหยุดพากพิงถึงบุคคลอื่น เนื่องจากว่าพี่ชายได้

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 57

    “คารวะท่ารองแม่ทัพเจ้าค่ะ” เซี่ยซูมี่และพี่สาวทำความเคารพรองแม่ทัพหนุ่มอีกครั้ง “ตามสบายเถิดน้องสะใภ้ ไม่ต้องมากพิธี” รองแม่ทัพกล่าวทักทายภรรยาของสหายอย่างเป็นกันเอง ทั้งๆที่ความเป็นจริงคือเขาเป็นคนที่ค่อนข้างระวังตัว ด้วยมีหน้าที่ที่ต้องถวายอารักขาความปลอดภัยให้แก่องค์ชายห้ามาตั้งแต่เด็กๆ “ท่านมาก็ดีแล้วขอรับ ข้าขอขอบคุณสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วย” ซ่งเวยหลงเอ่ยขึ้น ช่วงที่ไปล่าสัตว์ด้วยกันเขาได้เรียนรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับวิชาป้องกันตัว รองแม่ทัพหนุ่มเองก็ได้เรียนรู้วิชาเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในป่าเช่นกัน ทำให้ทั้งสองคนสนิทกันมาก “ไม่เป็นไร เรื่องของเจ้าก็เหมือนเรื่องขอข้า ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะมาทำเรื่องที่พูดเอาไว้ให้สำเร็จลุล่วง ซ่งเวยหลง เจ้าต้องการที่จะเป็นพี่น้องสาบานร่วมกับข้าหรือไม่?” รองแม่ทัพเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งจ้องมองหน้าสหายที่ตนเอ็นดูเหมือนน้องชายแท้ๆ “ไมตรีที่ท่านมอบให้ ข้าซ่งเวยหลงไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ อีกทั้งยังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นพี่น้องกับท่าน” ซ่งเวยหลงไม่คิดปฏิเสธ เพราะเขาเองก็รับรู้ได้ถึงความเมตตาที่รองแม่

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 56

    ทุกคนถูกจับตัวไปที่ศาลของท่านเจ้าเมืองเพื่อช่วยตัดสิน โดยท่านลุงไท่ร้องทุกข์แก่ท่านเจ้าเมืองทันทีที่ไปถึง รวมไปถึงเซี่ยซูมี่และซ่งเวยหลงเองก็ถูกควบคุมตัวมาในที่นี้ด้วย “จับตัวข้ามาด้วยเรื่องอันใดกัน ข้าจะกลับหมู่บ้านป่า” นางเซี่ยโวยวายในขณะที่ถูกจับกุมตัวมีเพียงซ่งเวยหลงและภรรยาเท่านั้นที่ไม่ถูกควบคุมตัวโดยทหาร หากจะบอกว่าทหารเหล่านั้นเกรงกลัวสายตาของซ่งเวยหลงที่จ้องมองในตอนที่กำลังจะไปคุมตัวคนท้องก็คงจะไปผิด ทหารผู้น้อยจึงทำได้เพียงผายมือเชิญทั้งสองคนไปยังศาล ซึ่งเซี่ยซูมี่ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด “หุบปาก ต่อหน้าท่านเจ้าเมืองห้ามเสียมารยาท” ลูกน้องคนสนิทของท่านเจ้าเมืองเอ่ยขึ้นน้ำเสียงน่าเกรงขาม ทำให้ชาวบ้านที่ตามมาดูคำตัดสินต่างเงียบไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใดออกมา หลังจากที่ท่านเจ้าเมืองเข้ามานั่งประจำตำแหน่งก็เริ่มทำการสอบสวน ซึ่งเปิดโอกาสให้กับผู้ร้องทุกข์นั่นก็คือท่านลุงไท่เป็นคนพูดก่อน “เซี่ยซือมั่น สิ่งที่ไท่หานพูดเป็นความจริงหรือไม่” ท่านเจ้าเมืองเริ่มทำการสอบสวน “ข้าน้อยเซี่ยซือมั่นคารวะท่านเจ้าเมือง สิ่งที่ท่านลุงไท่พูดเป็นความจริ

  • สามีข้าคือพรานป่า   ตอนที่ 55

    เซี่ยซือมั่นถูกบิดาจับข้อมือเอาไว้ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาตะโกนออกมาจนสุดเสียง ท่านลุงไท่เองก็ตกใจเมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าคดโกง สมัยนี้เรื่องโกงต่างๆ ไม่ค่อยมีเกิดขึ้น ทุกคนอยู่ด้วยกันด้วยความซื่อสัตย์ รักเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองเป็นอย่างมาก “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” ท่านลุงไท่มองตาเขียวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนในเมืองรู้จักตนอยู่ไม่น้อย เพราะมีอาชีพรับของป่าจากหมู่บ้านต่างๆ มาขาย หากเรื่องนี้ถูกผู้คนเข้าใจผิด แล้วตนจะทำงานต่อไปอย่างไร “หมายความว่าที่ผ่านมาเจ้าคดโกงข้า วันนี้หากข้าไม่มารับเงินกับลูกสาวด้วยมือของข้าเอง ก็หารู้ไม่ว่าเจ้าโกงเงินข้าทุกเดือน เร่เข้ามา… มาดูคนหน้าด้านโกงได้แม้กระทั่งเงินอีแปะ” นางเซี่ยแผดเสียงออกไปเพื่อต้องการให้ทุกคนมามุงและสนใจ “นี่เจ้า….” ท่านลุงไท่ชี้หน้านางเซี่ยด้วยความโมโห จากนั้นก็หันไปสบตากับเซี่ยซือมั่น เพื่อต้องการให้นางพูดและอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น ตนไม่เคยคิดที่จะเปิดดูถุงผ้านั้นว่ามีเงินอยู่จำนวนเท่าใด เพราะความสงสารหญิงสาวที่จากบ้านมาทำงานไกลถึงในเมือง อยู่กินตัวคนเดียวเป็นสาวเป

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status