‘หนูไนท์มีวี่แววจะท้องบ้างหรือยัง’
นั่นเป็นคำถามจากแสงรุ้งผู้เป็นย่า บุลินได้แต่ตอบออกไปตามตรงว่าสามเดือนกว่าหลังแต่งงานมานี้ไม่มีอาการเลยสักนิด
เขาซึ่งนั่งพิงหัวเตียงละสายตาจากหนังสือในมือ เหลือบมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้เป็นช่วงวันนั้นของเดือนอยู่
“ต้นฉบับการ์ตูนของอาทิตย์นี้เสร็จแล้วเหรอครับ”
มือที่กำลังจับเมาส์ปากกานอนวาดรูปเล่นอยู่ในไอแพดของนิศากรชะงัก “ยังค่ะ”
ช่วงแรกบุลินยังมักจะไปนั่งเป็นเพื่อนเวลาหญิงสาวปั่นงานช่วงใกล้เดดไลน์จนดึกดื่นอยู่หรอก แต่เป็นแบบนี้ทุกรอบที่ต้องส่งงาน เขาก็เข้าใจธรรมชาติของอีกฝ่ายแล้ว ไฟไม่ลนก้นงานก็ไม่เสร็จ ตอนหลังก็เลยปล่อยเจ้าตัวทำงานไป ส่วนเขาก็นอน!
“เหลืออีกกี่วันฮึ”
“...ก็หลายวันอยู่ค่ะ ยังมีเวลา”
“ยายคนขี้เกียจ เพื่อนรู้ไหมเนี่ยว่าแต่ละอาทิตย์เธอปั่นงานไฟแลบแค่ไหน” บุลินอดยื่นมือไปขยี้ผมของหญิงสาวเล่นด้วยความมันเขี้ยวไม่ได้
นิศากรจับมือของชายหนุ่มออกจากศีรษะของตัวเอง บุลินคิดว่าอีกฝ่ายจะเอาไปแนบแก้มหรือไม่ก็จูบเหมือนทุกทีจึงไม่ได้ขัดขืน แต่กลับถูกงับมือแทน
“โอ๊ย กัดพี่ทำไม” บุลินชักมือหนี
“จำชุดเอี๊ยมที่ไนท์เคยใส่ไปหาพี่ที่ห้องทำงานได้ไหมคะ” นิศากรลุกขึ้นนั่งเผชิญหน้ากับสามี “วันนี้ตอนไปช่วยพี่ปอนด์อาบน้ำให้ตุ๊ต๊ะกับตุ้มตุ้ย ชุดที่พี่ปอนด์เอามาใส่ให้พวกมันเป็นชุดเอี๊ยมด้วย”
“แล้ว” บุลินเลิกคิ้ว
“ก็ถ้าคนอื่นซื้อให้ไนท์จะไม่คิดอะไรเลย แต่พี่ปอนด์บอกว่าชุดนั้นพี่บุ้งซื้อให้”
ชายหนุ่มมองดูดวงหน้าหวานที่เหมือนกำลังงอน ซึ่งเขาไม่รู้ว่าทำไมต้องงอน “อืม พี่ซื้อให้เอง ปกติพี่ก็ซื้อให้อยู่แล้ว มีอะไรหรือเปล่า หึงหมา”
“ใครเขาจะไปหึงหมากันคะ” นิศากรยกมือขึ้นกอดอก “แต่บอกมาสิคะว่าตอนที่ซื้อน่ะไม่ได้คิดถึงชุดนั้นที่ไนท์ใส่ไปให้เห็น”
หัวสมองของบุลินทำงานอย่างรวดเร็ว ก่อนจะอ้าปากหัวเราะออกมาเสียงดัง เหนื่อยจนต้องนอนราบลงบนเตียง
“รู้ได้ยังไงครับ”
“พี่เคยละเมอ เหมือนลูกหมาเลย ตัวเล็กๆ น่ารัก อะไรทำนองนั้น”
“ก็มันเหมือนนี่ครับ” บุลินนึกถึงวันนั้นที่เข้าไปซื้ออาหารกับขนมให้ตุ๊ต๊ะกับตุ้มตุ้ยในร้านขายของสำหรับสัตว์เลี้ยงกับบวร ตอนที่เห็นชุดนั้นแล้วก็อดนึกถึงชุดของนิศากรไม่ได้จริงๆ
“เฮ้อ ไนท์ต้องดีใจใช่ไหมเนี่ยที่น่ารักเหมือนลูกหมา” นิศากรทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้างหันไปทางบุลิน
บุลินดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด “เมื่อก่อนเห็นเธอแล้วนึกถึงลูกหมา แต่ตอนนี้เห็นลูกหมาแล้วคิดถึงเธอตลอดเลย”
“พี่บุ้ง...” หญิงสาวพยายามดันตัวออกจากชายหนุ่ม แต่เขากลับกอดเธอเอาไว้แน่น
“เพราะน้องไนท์ตัวเล็กๆ น่ารักมากเลยครับ เห็นแล้วก็เอ็นดู อยากลูบหัว อยากกอด อยากเอาใส่กระเป๋าไปทำงานด้วย” บุลินกดจูบลงบนลำคอเนียนนุ่ม “หิวก็จะได้เอาออกมากินได้ตลอดเวลา”
เวลาบุลินเรียกเธอว่าน้องไนท์ทีไร นิศากรก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบทุกที
“นั่นพูดถึงไนท์แน่เหรอคะ”
“ครับ”
“งั้นไนท์ซื้อพล็อตนี้ได้ไหม พระเอกเป็นพ่อมดที่เผลอสาปนางเอกให้เป็นลูกหมา ตอนหลังก็เลยทั้งรักทั้งหลง” นิศากรหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“ฟังดูน่ารักดีครับ”
“เป็นเรื่องในอนาคตที่ไนท์จะเขียนเองคนเดียวด้วย”
“อ้าวทะเลาะกับเพื่อนเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่กำลังจะพยายามโตขึ้นต่างหาก เพราะไนท์กลัวก็เลยไม่กล้าทำเองคนเดียว ตอนนี้เพื่อนก็ช่วยสนับสนุนด้วยค่ะ ให้ลองทำเองคนเดียว”
“เพื่อนน่ารักจังนะครับ”
“จริงค่ะ น่ารักมากเลย เพื่อนบอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอก จะคอยเป็นกำลังใจให้ตลอด”
บุลินกลอกตามองบนคนที่ชมผู้ชายอื่นให้เขาฟังหน้าตาเฉย แถมยังเป็นคนที่เจ้าตัวเคยชอบอีก “คืนนี้ดึกแล้วนอนกันเถอะ”
“ดึกอะไรคะ เพิ่งจะสามทุ่มเอง”
“พี่ง่วงครับ”
“เอ๊ะ”
“รบกวนปิดไฟด้วยครับ” บุลินวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะข้างเตียงนอน ก่อนจะล้มตัวลงนอน
ส่วนคนที่ทำหน้าที่ปิดไฟทุกคืนก็เดินไปปิดแบบงงๆ ให้นอนก็นอน แต่เพราะเพิ่งจะสามทุ่มเธอเลยไม่ง่วงสักนิดเดียว
“พี่บุ้งคะ พี่หลับหรือยัง”
“ถ้ามัวแต่คุยกันมันก็ไม่หลับสิครับ” เขาเอ่ยโดยไม่ลืมตา แต่ยังไม่ทันขาดคำดี สัมผัสนุ่มนิ่มอุ่นๆ ก็ประทับลงมาบนริมฝีปากของเขา “ไนท์เธอจะมายั่วพี่ในวันแบบนี้ไม่ได้นะ”
นิศากรหัวเราะเบาๆ “อย่าหึงเลยค่ะ เพราะยังไงตอนนี้หรือในอนาคตไนท์ก็จะมีแค่พี่บุ้งคนเดียวในใจ”
“ไม่ได้หึงสักหน่อยครับ”
“จริงเหรอคะ”
บุลินลืมตามองหญิงสาวที่อยู่ในความมืดสลัว “พี่โตจนป่านนี้แล้ว ไม่หึงอะไรไร้สาระหรอก”
“พี่บุ้งบอกว่าถ้าการ์ตูนเรื่องที่เขียนอยู่ตอนนี้ลงจนจบเมื่อไหร่จะพาไปฉลองที่ทะเลใช่ไหมคะ บอกว่าไนท์จะพาเดย์ไปด้วยก็ได้”
“ครับ”
“งั้นชวนช้างไปด้วยอีกคนได้ไหมคะ”
“...” บุลินนิ่งพูดไม่ออก
“อยากลองจับคู่ช้างกับเดย์ค่ะ”
“ได้ครับ” ตอบรับคำขอทันที
“ขอบคุณค่ะ” นิศากรขยับตัวเข้าไปใกล้บุลินแล้วจูบชายหนุ่มอีกทีเป็นการขอบคุณ
“เฮ้อ เธอนี่บอกว่าอย่าทำแบบนี้” บุลินครวญเสียงเบา “ใจกล้าแต่เฉพาะช่วงวันนั้นของเดือนน่ะ ไม่เก่งจริงนี่ครับ”
นิศากรขยับตัวออกห่างคนตัวโต “งั้นนอนห่างๆ กันก็ได้ค่ะ พี่บุ้งจะได้นอนอย่างสบายใจ ไม่รู้สึกร้อนรุ่ม” เธอหยิบหมอนข้างมากั้นกลางระหว่างคนทั้งสอง
“น้องไนท์ครับ” หญิงสาวระแวงทันทีเมื่ออีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าน้องไนท์ “พรุ่งนี้พี่จะคิดดอกเบี้ยแบบทบต้นทบดอกเลยนะครับ คิดให้สาสมกับที่ต้องทนนอนนิ่งๆ มาสี่ห้าวันแล้ว”
“เออ...พรุ่งนี้จะไปค้างบ้านคุณพ่อค่ะ”
ชายหนุ่มเคยตามไปค้างที่บ้านพ่อตากับหญิงสาวแค่ครั้งสองครั้งแล้วก็ไม่ไปอีก เพราะรู้สึกไม่ชอบบรรยากาศครอบครัวของนิศากรเอาเสียเลย แต่...
“งั้นพี่จะตามไปครับ”
เสียงคลื่นสาดกระทบฝั่ง กลิ่นอายทะเล ท้องฟ้าสดใสน่าจะทำให้บุลินสดชื่น แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกมืดมนอยู่ภายใต้เงาของร่มชายหาด บนหาดส่วนตัวของทางโรงแรมสาขาหนึ่งในจำนวนมากมายที่บริษัทเขามี
ชายหนุ่มมองดูนิศากรซึ่งสวมเสื้อสีขาวทับชุดว่ายน้ำกับฝาแฝดของตัวเองอย่างทิพากรกำลังเล่นน้ำอยู่กับเลอศิลป์และคเชนทร์หรือเพื่อนช้างของภรรยา แล้วเขาก็รู้สึก...
รู้สึกว่าตัวเองแก่เกินไปแล้ว
พวกนั้นยังเด็กกันจริงๆ พลังเหลือเฟือ วิ่งเล่นกันเป็นชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เหนื่อย เขาจึงถูกทิ้งอยู่ตรงนี้คนเดียวอย่างไม่เหลียวแล
เมื่อไหร่จะเลิกเล่นกันสักที บุลินได้แต่คิด
ในขณะที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยพลางดื่มเบียร์คนเดียว ร่างสูงของใครบางคนก็เดินเข้ามา บุลินมองดูชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสนิทของภรรยา เขาคิดว่าตัวเองจะต้องหึง แต่แล้วก็เปล่า เขาไม่ได้รู้สึกหึงตาแว่นนี่สักเท่าไหร่ อาจเพราะเรื่องที่นิศากรอยากจับคู่เจ้าตัวกับน้องสาวของตัวเองด้วย แต่ดูเหมือนจะถูกน้องสาวจับได้และห้ามทำแบบนั้นไปแล้ว
“ยังไม่เลิกเล่นกันอีกเหรอ ถึงพวกนายจะเด็กกว่าฉันเป็นสิบปี แต่เล่นไม่เลิกเป็นเด็กๆ ไปได้”
คเชนทร์ฟังน้ำเสียงเหมือนจะงอนๆ ของอีกฝ่าย ก็เข้าใจว่าคงงอนภรรยานั่นแหละ เพราะเล่นสนุกจนลืมสามีของตัวเองไปเลย
ชายหนุ่มอ่อนวัยกว่านั่งลงยังเก้าอี้ผ้าใบตัวหนึ่ง “ขอบคุณนะครับที่ให้ที่พักฟรีกับผม” เขามองไปทางเพื่อนสนิท “เหมือนเขาจะได้มาทะเลเป็นครั้งแรกน่ะครับ”
บุลินเลิกคิ้ว ไม่เคยรู้มาก่อน
“ตอนที่โทรมาชวนผม น้ำเสียงของเขาดีใจมากเลยละครับ บอกว่าพี่บุ้งจะพาไปทะเล พี่บุ้งใจดีอย่างนั้น ใจดีอย่างนี้อยู่ตั้งนาน” คเชนทร์หัวเราะเบาๆ “ผมไม่เคยเห็นเขามีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลย”
คนฟังนิ่งไป ในหัวใจรู้สึกทั้งหวานและก็เศร้ากับความรู้สึกของคนเป็นภรรยา ครอบครัวของเธอมีฐานะมากในระดับหนึ่งเลยด้วยซ้ำ แล้วลูกสาวอย่างนิศากรทำไมถึงไม่เคยได้มาเที่ยวทะเล
“นายพอจะรู้เรื่องครอบครัวของไนท์เขาไหม ฉันเคยลองถามแต่ก็ไม่ได้อะไรจากเจ้าตัวเลย เหมือนเลี่ยงๆ จะพูดถึงหรือไม่ก็เอาแต่บอกว่าฉันคิดมากไป มันไม่มีอะไร ทั้งๆ ที่ยังไงฉันก็คิดว่าต้องมี อย่างเรื่องนี้ที่ไม่เคยมาเที่ยวทะเลเลย เรื่องที่ห้ามวาดรูป เรื่องที่ไม่ให้ออกไปหางานทำนอกบ้านจนต้องแอบทำงานกับนาย”
บุลินห้ามความสงสัยของตัวเองไม่ได้เลย ถ้านิศากรเอาแต่ยืนยันว่าแม่เลี้ยงกับน้องเลี้ยงไม่ได้ทำอะไรไม่ดี แล้วคนที่ไม่ดีคือชัยกรหรือไง แน่นอนว่าพ่อตาของเขารักลูกสาว แต่ก็เป็นความรักที่มากเกินไปหรือเปล่า มากจนทำให้อยากหนีออกมา “ฉันอยากเห็นเขามีความสุขมากกว่านี้ สิ่งที่ทำให้เขาทุกข์ใจ ฉันก็อยากจะช่วยปลดมันออกจากใจของเจ้าตัวเขา”คเชนทร์ถอนหายใจยืดยาว นึกถึงสมัยตัวเองเป็นเด็กที่ต้องไปจ่ายเงินเข้าร้านอินเตอร์เน็ต “ผมกับไนท์รู้จักกันผ่านเว็บเว็บหนึ่งตั้งแต่ยังเรียนมัธยมครับ ตอนแรกไม่เคยเห็นหน้ากัน เป็นเพื่อนกันทางออนไลน์เฉยๆ ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเจอตัวจริงของอีกฝ่าย เพราะฉะนั้นก็เลยมีหลายเรื่องที่เล่าออกไปโดยไม่คิด เหมือนเป็นการระบาย ผมก็เลยสัญญาว่าจะเก็บมันเป็นความลับ”
บุลินแอบเหยียดปากน้อยๆ อย่างไม่ค่อยถูกใจในคำตอบของอีกฝ่าย แต่ทำยังไงได้ หากสัญญาไปแล้วจะทำตามสัญญาก็ไม่ใช่เรื่องผิด
“ไม่เป็นไร”
“แต่ผมว่าด้วยนิสัยของเขาที่มีอะไรก็เก็บเอาไว้ในใจตลอดแบบนั้น บางทีอาจจะไม่พูดไม่บอกออกมา”
“แต่ฉันเป็นสามีนะ” บุลินไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
“เข้าใจครับ แต่นั่นแหละ ยิ่งเป็นสามีอาจจะยิ่งพูดด้วยลำบากกว่าอีก” คเชนทร์ถอนหายใจ “อีกอย่างตอนนั้นผมก็เป็นแค่เพื่อนทางออนไลน์ มันง่ายกว่า”
“...”
“เพียงแต่ว่าเรื่องนั้นผมคิดว่าน่าจะบอกให้พี่รู้ไว้ ตอนนั้นที่ไนท์เขาเริ่มระบายให้ผมฟังรู้สึกว่าจะช่วง ม. 5 ได้มั้ง คุณพ่อของไนท์ไม่ยอมให้วาดรูปใช่ไหมครับ เพราะแม่ของเธอเป็นครูสอนศิลปะ พ่อของเธอก็เลยเกลียดการวาดรูป แล้วรู้ไหมครับเวลาที่พ่อจับได้เขาทำยังไงกับเธอ” น้ำเสียงของคเชนทร์หดหู่มากขึ้น “คุณพ่อของไนท์เขาตีเธอครับหรือบางครั้งก็ตบ คนทั่วไปอาจจะมองว่าแค่พ่อตีลูกเอง แต่สำหรับผมนั่นเรียกว่าทำร้ายร่างกาย เธอบอกว่าเจ็บมาก ตัวมีแต่รอยไม้หวาย”
บุลินหันไปมองนิศากรที่กำลังหัวเราะอยู่ท่ามกลางแสงแดดอย่างสดใส คิดไม่ออกเลยว่าพ่อของเธอกล้าตีเธอได้ยังไง
“ผมบอกให้เธอบอกให้คนอื่นช่วยสิ อาจารย์ก็ได้ แต่เธอบอกว่าคุณพ่อเสียใจจนร้องไห้ที่เผลอตีเธอแรง จากนั้นเขาก็จะซื้ออุปกรณ์วาดรูปมาให้เธอเป็นการขอโทษ เธอว่าพ่อของเธอน่าสงสาร เพราะฉะนั้นมันก็วนลูปเดิมไปเรื่อยๆ ตอนหลังก็ไม่เล่าถึงเรื่องพวกนั้นอีก แต่ผมเคยลองถาม เขาบอกว่าไม่ตีแล้ว พี่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือโกหก”
“...” ถ้าไม่ตีแล้วทำไมถึงยังอยากจะหนีออกมาอีก
“ก่อนหน้านั้นเธอเล่าเรื่องที่พ่อกับแม่หย่ากัน เธอว่าเพราะเธอเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อโกรธแม่จนทะเลาะกันถึงขั้นรุนแรง พ่อของเธอทำร้ายแม่จนกระทั่งแท้งลูก แล้วเธอก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย”
“แต่ที่เห็นตอนนี้คือ เขาเป็นพ่อที่ดูรักลูกสาวมาก”
“นั่นสิครับ ตอนที่บอกว่าจะแต่งงาน ผมยังแปลกใจเลยว่ายอมให้แต่งด้วย ก็เลยคิดว่าพี่ต้องเป็นคนดีมากๆ จนพ่อของไนท์วางใจ”
บุลินส่ายหน้า “นายคงไม่รู้ พ่อของไนท์กู้เงินจากคุณย่าของฉันไปจำนวนหนึ่ง เพื่อพยุงกิจการส่งออกเครื่องหนังที่เขาลงทุนเกินตัวและพยายามขยายกิจการให้ใหญ่โตอย่างไม่ค่อยประมาณกำลัง สุดท้ายก็ขาดทุนจนเกือบล้มละลาย คุณย่าของฉันก็เลยยื่นข้อเสนอเรื่องแต่งงานของฉันไป คนที่ถูกส่งมาดูตัวก็คือไนท์ คุณพ่อของเขาก็ไม่ค่อยเต็มใจหรอก” เขานึกถึงตอนเจอนิศากรครั้งแรก เพราะอย่างนั้นถึงได้อยากแต่งงานกับใครก็ได้
“แต่เพื่อนของผมโชคดีแล้วครับที่ได้แต่งงานกับพี่บุ้ง ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะครับ บางทีผมก็คิดในแง่ร้ายว่าตอนนี้ ถ้าไม่ได้แต่งงานแล้วออกมาจากบ้านหลังนั้น อาจจะยังถูกทำร้ายทั้งร่างกายแล้วก็จิตใจ ไนท์จะทนไปได้อีกนานแค่ไหน”
นิศากรเคยเล่าว่าพ่อแม่หย่ากันตั้งแต่เธออายุเจ็ดขวบ ตอนนี้อายุยี่สิบห้าแล้ว ถ้าตลอดมาต้องทนอยู่กับคุณพ่อที่ทำร้ายเธอแบบนั้น บุลินคิดขึ้นมาก็รู้สึกแน่นในอกไปหมด น้ำตาก็พานจะไหลด้วย
“ขอบใจที่ยอมเล่าให้ฟัง”
คเชนทร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีก เพียงแต่หยิบเครื่องดื่มเย็นๆ ออกมาจากถังน้ำแข็ง แล้วนั่งดื่มเงียบๆ ส่วนบุลินปล่อยให้ความคิดในหัวล่องลอยไปไกล
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก