บุลินเคยรู้สึกภูมิใจกับความสมบูรณ์แบบของตัวจนถึงขั้นหลงตัวเอง เนื่องจากหน้าตาดี ฐานะดี ทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยมีสิ่งที่อยากได้แล้วไม่ได้ และเพราะแบบนี้นี่แหละพอล้มลงเขาถึงต้องใช้เวลานานกว่าจะลุกขึ้นมายอมรับกับสภาพของตัวเองในปัจจุบัน
ถึงจะยอมรับได้ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะกลับมายืนหยัดอย่างสง่างามจนสามารถทนต่อสายตาของคนที่มองมาแล้วบอกว่าเสียดายที่เกิดเรื่องแบบนี้กับเขา หากไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นบางทีเขาอาจจะเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่สมบูรณ์แบบอย่างที่สุด
แต่ในวันนี้ วันที่มีนิศากรเคียงข้างเขาก็ไม่รู้สึกว่าต้องแคร์สายตาของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว
“เมื่อยไหมครับ” ชายหนุ่มหันไปถามหญิงสาวที่ยืนต้อนรับแขกร่วมกัน
นิศากรอยู่ในชุดเจ้าสาวทรงหน้าสั้นหลังยาว อวดเรียวขาสวยซึ่งทำให้เจ้าตัวดูสูงเพรียวขึ้นเล็กน้อย แต่บุลินก็มองว่ายังเล็กน่ารักอยู่ดี
“เมื่อยสิคะ”
คนถามหัวเราะ “งั้นนั่งบนตักพี่ก็ได้นะ”
“พูดเป็นเล่นไปได้” นิศากรมองตักของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เพราะบุลินยืนนานเกินไปจะทำให้ปวดขา จึงจำเป็นต้องนั่งรับแขก “ว่าแต่แฟนเก่าพี่บุ้งมาร่วมงานกันหลายคนเลยนะคะ”
เพราะแขกใกล้จะมาร่วมงานกันครบหมดแล้ว ตอนนี้ทั้งสองจึงมีเวลาพูดคุยโต้ตอบกันอย่างเป็นส่วนตัวเล็กน้อย
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “รู้ได้ยังไง”
“แสดงว่าที่พูดไปไม่ผิดสินะคะ”
“ครับ” บุลินไม่ปฏิเสธ เพราะผู้หญิงพวกนั้นที่เคยคบกัน บางส่วนก็อยู่ในวงสังคมซึ่งพวกผู้ใหญ่คบหากัน จึงมักจะถูกแนะนำให้ลองทำความรู้จักกันเพราะเห็นว่าเหมาะสม แต่แล้วก็ไม่เคยคบกันรอด ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขาไม่ได้จริงจังกับความสัมพันธ์พวกนั้นสักเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็เช่นกัน ถึงจะมีบ้างที่จริงจัง แต่สุดท้ายก็ยอมถอยไปเพราะนิสัยและไลฟ์สไตล์มันเข้ากันไม่ได้จริงๆ และเขาก็มักจะไม่ลังเลเลยที่จะบอกเลิก
“ว่าแต่รู้ได้ยังไงครับ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไป ยังไม่ตอบข้อสงสัยของเขาสักที ชายหนุ่มจึงถามย้ำ
“พอแฟนเก่าใกล้เดินมาถึงพี่บุ้งจะมองเขา แล้วก็หันมามองไนท์ทีหนึ่ง มันจะเป็นเฉพาะกับผู้หญิงบางคน เป็นจังหวะแบบเดียวกัน ไม่ใช่แบบที่ว่าพี่หันมามองไนท์เฉยๆ”
“ช่างสังเกต” ชายหนุ่มหรี่ตา “หึง?”
นิศากรย่อตัวลง เธอเกาะแขนของชายหนุ่มที่วางพาดอยู่กับพนักเก้าอี้พลางพยักหน้าเบาๆ “ถ้าพี่บุ้งเปิดโอกาสให้กับพวกเขาสักคน คิดไม่ออกเลยว่าพี่จะโสดมาจนเจอไนท์ได้ยังไง เพราะบางคนก็ยังมองพี่แบบที่ดูก็รู้ว่ายังมีเยื่อใย”
บุลินยกมือขึ้นสัมผัสศีรษะของเจ้าสาว “เพราะมันกำหนดมาแล้วว่าพี่ต้องเป็นของเธอมั้ง”
“อย่างนั้นเหรอคะ” หญิงสาวจับมือใหญ่มาแนบแก้มของตัวเอง “ไนท์โชคดีจัง”
“พี่ก็ว่าอย่างนั้น”
“ไม่คิดจะถ่อมตัวสักหน่อยเหรอคะ” นิศากรหัวเราะเบาๆ ก่อนลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับแขกซึ่งกำลังเดินเข้ามา บุลินเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาวเอาไว้แน่นในขณะที่เธอยืนชิดเขาเพื่อถ่ายรูปกับแขกที่มาร่วมงาน
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสผ่านพ้นไปด้วยดี พอเข้ามายังห้องพักที่ทางโรงแรมจัดไว้เป็นห้องหอ นิศากรก็อยากจะโกยเอากลีบกุหลาบทิ้งไปแล้วล้มตัวลงนอนทันทีเพราะความเหนื่อย
เสียงเคาะประตูทำให้ทั้งนิศากรและบุลินที่กำลังถอดสูทเจ้าบ่าวสีขาวออกชะงัก ชายหนุ่มหันไปหาหญิงสาวที่ทำท่าเหมือนจะหลับแล้วพลางยิ้ม
“มานี่ก่อน” เขาดึงเจ้าสาวลุกออกจากเตียงนอน
“จะพาไนท์ไปไหนคะ”
“ไม่ได้จะพาไปไหน แต่มีคนอยากให้เจอ”
นิศากรปล่อยให้เจ้าบ่าวของเธอจับจูงไปที่หน้าประตู พอประตูเปิดออกเธอก็ต้องขมวดคิ้วจนยุ่ง เพราะชายหนุ่มตรงหน้า
“จะให้ไนท์เจอหน้าพี่ศิลป์ไปทำไมคะ”
เลอศิลป์ที่กำลังยืนยิ้มแฉ่งหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบ ทำให้ได้เห็นใครอีกคนซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของชายหนุ่ม นิศากรนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะโผเข้ากอดน้องสาวฝาแฝดที่ส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน
“เดี๋ยวพี่กับศิลป์จะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย คุยกันตามสบายเลยนะครับ” บุลินว่าก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง
“พี่บุ้งคะ” แต่นิศากรกลับเรียกเขาเอาไว้ก่อน เธอกลั้นเสียงสะอื้น “ขอบคุณนะคะ”
บุลินพยักหน้าแล้วปิดประตูห้องพักลงเบาๆ แต่ก่อนจะปิดสนิทลงก็แว่วเสียงของเลอศิลป์ “พวกพี่บีกับพี่ปอนด์รออยู่ที่รูฟท็อปบาร์ครับ”
เมื่อประตูปิดลงแล้วนิศากรก็พาน้องสาวอย่างทิพากรมานั่งคุยกันยังโซฟาภายในห้องหอ
“พี่ไนท์สวยจัง” ทิพากรมองดูพี่สาวที่ถูกจับแต่งหน้าจนสวยหวานน่าหลงใหล
“ถ้าเดย์ได้แต่งบ้างก็ต้องสวยไม่แพ้พี่แน่ๆ เลย”
“ไม่เอาหรอก เดย์ไม่อยากแต่งงานกับใครทั้งนั้น เดย์จะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต” ทิพากรเบ้ปาก
นิศากรเอื้อมมือไปกุมมือน้องสาว “พี่รู้ว่าบางครั้งการแต่งงานมันก็ไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่เดย์ก็อย่าถึงขั้นปิดกั้นตัวเองเลยนะ เพราะบางทีเดย์อาจจะได้เจอใครสักคนที่พิเศษมากๆ ซึ่งเกิดมาเพื่อเดย์”
“แบบที่พี่บุ้งเกิดมาเพื่อพี่น่ะเหรอ” ทิพากรยิ้มเจ้าเล่ห์ “ยากไปเปล่า หาแบบนี้ได้ที่ไหนอีก”
คนเป็นพี่สาวหัวเราะ “แบบพี่บุ้งก็ต้องมีคนเดียวสิ แต่ก็ต้องมีใครอีกคนที่พิเศษสำหรับเดย์”
“ไม่พูดเรื่องนี้กันแล้ว ก็บอกว่าจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตเลย” ทิพากรค้อนใส่พี่สาว ก่อนจะหยิบเอาของออกมาจากกระเป๋าผ้าที่เธอหิ้วมาด้วย “อันนี้ก็ไม่เชิงว่าเป็นของขวัญแต่งงานหรอกนะ เพราะพี่บุ้งคงไม่ได้มาใช้ด้วยกัน”
ทิพากรส่งกล่องเหล็กทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งผูกโบเอาไว้อย่างน่ารักให้กับพี่สาวฝาแฝด เธอแกะมันออกอย่างช้าๆ เมื่อเปิดฝากล่องก็พบว่าด้านในเป็นแพนสีน้ำหลากหลายสี
“สีน้ำทำมือน่ะ เดย์ทำเองเลยนะ อาจจะไม่สวยสักเท่าไหร่ แต่ก็พยายามจะลองทำให้พี่เป็นของขวัญ”
“ขอบใจนะ ขอบใจจริงๆ” นิศากรขอบตาร้อนผ่าว “สีสวยมากเลย”
“เดย์รู้ว่าพี่ชอบใช้สีน้ำที่สุดเลย” เธอยกแขนขึ้นโอบกอดพี่สาวพลางลูบหลังอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรแล้วนะ จะไม่มีใครเอามันไปโยนทิ้งอีกแล้ว” นิศากรสะอื้นเสียงแผ่วกับบ่าของน้องสาว “ต่อจากนี้ไปขอให้พี่ไนท์มีความสุขมากๆ นะคะ”
นิศากรพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ได้แต่ร้องไห้เงียบๆ และโอบกอดน้องสาวของตัวเองเอาไว้แน่น
บุลินซึ่งกลับเข้าห้องหลังจากที่ออกไปดื่มนิดหน่อยกับพวกบวร ปภาดาและเลอศิลป์ พบว่าเจ้าสาวของเขาอาบน้ำและนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงไม่คิดจะรบกวนอีกฝ่าย
ชายหนุ่มเข้าไปอาบน้ำด้วยตัวเองอย่างเงียบๆ แต่ตอนที่เปิดประตูออกมาไม้ค้ำยันก็สะดุดเข้ากับขอบประตูห้องน้ำล้มลง เขาเพียงส่งเสียงร้องเบาๆ แต่ใครอีกคนกลับร้องเสียงดังกว่า
“ว้าย! พี่บุ้ง” ร่างเล็กๆ ถลาเข้ามาพยุงให้เขาลุกขึ้น ก่อนจะพากันไปที่เตียง
“ขอโทษครับที่ทำให้ตื่น”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไนท์ตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงอาบน้ำแล้ว” หญิงสาวทำหน้ายุ่ง “ทำไมไม่เรียกให้ไนท์ช่วยล่ะคะ”
“ก็เห็นว่าหลับอยู่นี่ครับ ท่าทางหลับอย่างมีความสุขด้วย พี่เลยไม่กล้าปลุก” ชายหนุ่มพูดขณะยื่นหน้าเข้าใกล้หญิงสาวมากขึ้นเรื่อยๆ
หญิงสาวที่ปกติก็รู้สึกว่าบุลินตัวหอมมากอยู่แล้ว ยิ่งหลังอาบน้ำเธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามันหอมมาก
จริงๆ เมื่อครั้งที่ไปเที่ยวด้วยกัน ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำตามข้อเสนอของเขาหรอกนะที่ว่าจะให้นอนกอดหลังอาบน้ำ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้แต่งงานกัน เธอก็เลยไม่กล้ารับข้อเสนอหรอก
“หอม พี่บุ้งตัวหอมจังเลยค่ะ” นิศากรไม่ได้ถอยหนีตอนที่ริมฝีปากของบุลินประทับลงมาบนปากของเธออย่างนุ่มนวล
ชายหนุ่มผละออกก่อนจะเอ่ย “งั้นก็มาดมใกล้ๆ สิครับ”
นิศากรยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนทำตามคำเชิญอย่างไม่ลังเล หญิงสาวซบหน้าลงกับอกของชายหนุ่มที่ตอนนี้เปิดเปลือยออกจนเห็นแผงอกกว้าง เธอไม่รู้ว่าเขาแอบปลดสายรัดเอวชุดคลุมออกไปตอนไหน
บุลินกระซิบ “เธอเองก็ตัวหอมมาก...”
‘มึงเบาๆ ล่ะ รู้ว่าอัดอั้นมาสิบปี แต่น้องยังใสๆ ไม่ใช่คืนแรกก็จัดหนักจนน้องกลัว’ ปภาดาว่าก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังจนคนเป็นสามีที่นั่งข้างกันต้องหันไปดุด้วยสายตา
ชายหนุ่มนึกถึงคำล้อเลียนของเพื่อนสนิทอย่างปภาดาขึ้นมาก็ได้แต่บอกตัวเองว่า มันคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ตาแป๋วๆ ของลูกหมาน้อยที่เหมือนกำลังอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาต้องบอกกับตัวเองว่า คืนแรกจะต้องเป็นคืนที่ประทับใจที่สุด เขาจะเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้เด็ดขาดเลย
หญิงสาวปล่อยให้เขาปลดกระดุมชุดนอนออกอย่างเต็มใจ จากที่มองดวงหน้าของชายหนุ่มอยู่ ตอนนี้ก็ต้องเสมองไปทางอื่นและเพราะปกติเธอไม่เคยใส่ชุดชั้นในนอนอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อปลดชุดนอนออกภายใต้เนื้อผ้านุ่มลื่นนั้นจึงมีเพียงเรือนร่างเล็กบอบบางเปลือยเปล่า
“น่ารัก” ชายหนุ่มเอ่ยขณะพรมจูบลงบนลาดไหล่เล็ก “มากที่สุดเลยครับ”
นิศากรรู้สึกว่าเธอเขินจนแทบละลายแล้ว ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงบ้างจึงได้แต่นิ่งเป็นตุ๊กตาที่ถูกกดให้นอนราบไปกับเตียงนุ่ม
หญิงสาวสะดุ้งตอนถูกบุลินครอบครองยอดอก คลื่นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยได้พบมาก่อนกำลังทำให้ร่างกายของเธอบิดเกร็ง
“อื้อ...พี่บุ้ง” ในที่สุดนิศากรก็กลั้นเสียงครางเอาไว้ไม่ได้ ชายหนุ่มลากริมฝีปากผ่านลงมายังหน้าท้อง กลั่นแกล้งเธอด้วยการงับเบาๆ ที่ต้นขาด้านใน ฝากรอยรักสีแดงเอาไว้ด้วยความมันเขี้ยว
นิศากรยันตัวขึ้นมองชายหนุ่มซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างเรียวขาของเธอ เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตา ดวงตานั้นส่องประกายแวววาววาบหวามชวนรัญจวนใจ
หัวใจของเธอสั่นระริก
เธอรู้ว่าเขาจะทำอะไร เธอรู้...
หญิงสาวหายใจหอบแรงขึ้นในขณะที่มองเรือนผมสีน้ำตาลธรรมชาติพลางยื่นมือออกไปขยุ้มดึงทึ้งอย่างเผลอไผล ภายในหัวของเธอตอนนี้มีแต่ความรู้สึกขาวโพลน เธอคิดอะไรไม่ออกเลยได้แต่ส่งเสียงครวญคราง ก่อนที่ตัวเธอจะสั่นสะท้านอย่างรุนแรงและแตะถึงขอบฝั่งของความสุขสมเพราะพี่บุ้งของเธอ
เขาขยับกายขึ้นมาแนบชิด จูบเธอ สัมผัสเธอด้วยความรู้สึกที่เร่าร้อนกว่าคราแรก หญิงสาวตอบสนองเขามากกว่าเดิม กอดเขา จูบตอบและสัมผัสเขาตามใจปรารถนา
นิศากรรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เธอเตรียมใจว่าจะต้องพานพบ แต่มันก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คิด ความเจ็บนั้นหายไปไวราวกับโกหก อาจเพราะถูกบุลินหลอกล่อด้วยจูบที่ชวนหวามไหวและร้อนแรงกว่าทุกที ตอนที่คลื่นความรู้สึกเสียวซ่านรัญจวนโถมเข้าใส่เธออีกครั้งนั้น เธอได้ยินเสียงครางของตัวเองและเสียงจากชายหนุ่มที่อยู่เหนือร่างกายเธอ เขาทาบทับลงมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนทิ้งตัวลงใส่ แต่เธอไม่รู้สึกว่าหนักเลยสักนิด กลับรู้ดีและอบอุ่นอย่างประหลาด
เสียงหายใจเร็วแรงของบุลินค่อยๆ คืนกลับเป็นปกติ เขาขยับตัวออกจากเธออย่างช้าๆ และทิ้งตัวลงข้างกัน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้เธอ
เธอกับเขาสบตากัน นิศากรเม้มริมฝีปากเข้าหากันเบาๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ส่วนเขาได้แต่จูบเธอที่หน้าผากและไม่พูดอะไรออกมาเช่นกัน
ภาพสุดท้ายก่อนที่หญิงสาวจะหลับไปก็คือบุลินกำลังขยับริมฝีปากพูดอะไรสักอย่าง แต่เธอก็ง่วงเกินกว่าจะจับใจความได้ อีกอย่างเหมือนเขาบ่นกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับเธอด้วย
ข้างฝ่ายชายหนุ่มนั้น ถอนหายใจหนักๆ ออกมา “มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งเยอะ คืนนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน”
แต่ว่า...
ความจริงเขาก็เหนื่อยจนจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ถึงจะอยาก แต่ร่างกายก็สั่งให้พักก่อน ดังนั้นก็เลยหลับตามคนที่หลับไปก่อนในเวลาอันรวดเร็ว
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก