แชร์

ตอนที่  6 เสียรู้เข้าจนได้

ผู้เขียน: ชาไทยเย็น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-27 05:18:36

 

ท่านอ๋องหุบยิ้มในทันที พระองค์ไม่คิดว่าเมิ่งหลินอิงจะกล้าตอกกลับเช่นนี้ แต่เพราะนิสัยไม่ยอมแพ้จึงได้แค่แสยะยิ้มส่งไป

“เจ้าจะบอกว่า การที่แม่ทัพหลิวยอมแต่งงาน เพื่อแลกกับความช่วยเหลือเรื่องเสบียง เป็นการเสียสละงั้นหรือ”

“เพคะ เดิมทีหน้าที่หาเสบียงเป็นของราชสำนักอยู่แล้ว ในเมื่อราชสำนักหาทางออกไม่ได้ จนต้องลดตัวลงมาขอความช่วยเหลือจากครอบครัวพ่อค้าและเศรษฐีในเมือง ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า…”

“บังอาจ!”

“ท่านอ๋องโปรดทรงอภัย แต่พระองค์ให้หม่อมฉันเป็นคนพูด”

“ท่านอ๋องพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

กงกงรีบเอ่ยห้าม เพราะที่นี่คือห้องโถงงานเลี้ยง ซึ่งมีขุนนางคนอื่น ๆ อยู่ด้วย หลิวเว่ยหยางไม่เคยคิดเลยว่า เมิ่งหลินอิงจะเป็นผู้ที่ออกหน้าแทนเขา และยังพูดต่อหน้าท่านอ๋องอีกด้วย

เมื่อครู่ยังเห็นนางนั่งสั่นเพราะความกลัวอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับกล้าที่จะพูดเรื่องนี้ออกไปอย่างกล้าหาญ สายตาที่แน่วแน่แฝงไปด้วยความโกรธนั้น เขาเดาว่าเพราะท่านอ๋อง เอ่ยถึงมารดาของนางเป็นแน่

“เมิ่งหลินอิง เจ้าพึ่งจะรับตราตั้งขั้นสี่ไป อยากจะให้ข้ายึดคืนตอนนี้เลยงั้นหรือ”

“หม่อมฉันเพียงแค่ทูลตามที่พระองค์ตรัสถาม อีกอย่างหากว่าราชสำนักยื่นมือช่วยเหลือแต่แรก เงื่อนไขการแต่งงานคงไม่เกิดขึ้น และท่านอ๋องคงไม่มอบราชโองการนี้ ให้หม่อมฉันและท่านแม่ทัพสมรสกัน”

“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะยึดตราตั้งคืนจริง ๆ สินะ คิดว่าข้าไม่กล้าหรือ!”

"ท่านอ๋องน้ำพระทัยใหญ่หลวง ดุจมหาสมุทรไม่ถือสาผู้น้อย เพียงแต่พระองค์ให้โอกาสผู้อื่นตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ครั้งนี้สกุลเมิ่งได้รับเกียรตินั้น แทนที่จะเป็นท่านอ๋อง หม่อมฉันและสกุลเมิ่งย่อมดีใจที่สุดเพคะ"

“เจ้าแน่มาก ใครบอกว่าในคลังข้าไม่มีเงินช่วยกองทัพ ต่อให้วันนี้จะให้สักสามพัน หรือห้าพันตำลึงทองข้าก็ไม่เกี่ยง”

หลินอิงยิ้มออกมา พร้อมกับความดีใจและรีบคุกเข่าก้มศีรษะลงกับพื้นในทันที พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่ดัง จนทำให้ทุกคนได้ยินไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ ทำให้ท่านอ๋องไม่สามารถปฏิเสธได้

“หม่อมฉันขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงมีพระเมตตา ห่วงใยบ้านเมืองและราษฎร ที่ประทานเงินช่วยเหลือให้กับกองทัพแม่ทัพหลิว เป็นเงินห้าพันตำลึงทองเพคะ”

“เอ่อ เดี๋ยวสิ…ข้า!!”

“ท่านอ๋องทรงมีน้ำพระทัยใหญ่หลวง ห่วงใยราษฎรและแว่นแคว้น หม่อมฉันและราษฎรซาบซึ้งใจยิ่งนักเพคะ”

“นี่เจ้า….”

เจิ้งหร่วนอวี้รู้สึกเสียรู้เข้าจนได้ เขาไม่ควรหลงไปกับรูปโฉมของนางจนต่อปากต่อคำ สุดท้ายก็ถูกเมิ่งหลินอิงล้อมและเสียเงินไปอีกห้าพันตำลึงทอง กว่าจะรู้ตัว เมิ่งหลินอิงก็เดินกลับไปนั่งที่นั่งเดิมแล้ว เขาทันได้เห็นสีหน้าของแม่ทัพหลิว ที่ตกใจกึ่งเลื่อมใสฮูหยินของตัวเอง 

“เจ็บใจนัก”

“ท่านอ๋อง ยังมีขุนนางคนอื่น ๆ อยู่ ทรงอย่าได้…”

“ข้ารู้แล้ว ไปจัดการมอบเงินให้กองทัพหลวงทันที!”

หลิวเว่ยหยางรีบเดินออกมา และคุกเข่าตรงหน้าด้วยความดีใจระคนสะใจเล็กน้อย

“ขอบพระทัยท่านอ๋อง เงินห้าพันตำลึงทองนี้ กระหม่อมจะใช้ให้คุ้มค่า สมกับน้ำพระทัยที่ท่านอ๋องทรงมอบให้กับกองทัพพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากเรื่องนี้ท่านอ๋องก็มิได้กล่าวสิ่งใดอีก พระองค์เพียงแค่นั่งดื่มสุราไปเงียบ ๆ และลอบมองมาที่แม่ทัพหลิวกับฮูหยินอยู่บ่อย ๆ ตอนนี้เมิ่งหลินอิงมิได้เกรงกลัวเขาแล้ว เพราะนางได้ลองหยั่งเชิงความสามารถของอ๋องไร้สมองคนนี้แล้วด้วยตัวเอง เมื่อหันมามองข้าง ๆ แม่ทัพหลิวกำลังหยิบขนมหวานมาวางบนจานให้นาง

“นี่คืออะไรเจ้าคะ”

“ขอบใจที่พูดเพื่อข้า”

“ข้าไม่ได้พูดเพื่อท่าน ข้าทำเพื่อส่วนรวม”

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะโกรธมากนะ”

“เหตุใดฝ่าบาทจึงยอมให้คนสมองหมูเช่นนั้น มาปกครองบ้านเมือง น่ารังเกียจ”

“ฮูหยิน ข้าคิดว่าอย่าพูดมากเกินไป บางอย่างเก็บไว้ในใจก็พอ ที่นี่มิใช่จวนแม่ทัพที่จะพูดได้ตามใจชอบ”

นี่เขาตำหนินางอีกแล้วสินะ ต่อให้ทำดีแค่ไหนก็เท่านั้นเอง แม่ทัพหลิวผู้นี้ไม่คิดจะพูดดี ๆ กับนางเลยสักครั้ง หลินอิงหยิบขนมหวานนั้นคืนให้กับเขาทันที

“นี่เจ้าทำอะไร”

“ข้าไม่ชอบกิน ท่านเอาคืนไปเถอะ”

งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง แต่ทุกคนยังกลับไม่ได้ เพราะยังต้องรอเหล่าขุนนางชายที่อยู่ในงานเลี้ยง ดังนี้หลินอิงจึงเดินออกมาด้านนอกซึ่งเป็นสวน นางเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงด้านหลังห้องโถง และได้ยินเสียงของคนสองคนคุยกัน แต่เมื่อเห็นทหารองครักษ์จึงรู้ว่าเป็นผู้ใด

“เว่ยหยางเจ้าแน่มากนะ ฮูหยินของเจ้ากล้าปล้นเงินในคลังของข้าต่อหน้าคนอื่น ไม่ทิ้งลายลูกสาวพ่อค้าหน้าเลือด นางช่างเหมาะกับเจ้าจริง ๆ”

“งั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ที่พระองค์เรียกกระหม่อมออกมาที่นี่ ก็เพื่อจะชื่นชมฮูหยินของกระหม่อมหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้า! เงินห้าพันตำลึงทองนั่น…”

“ท่านอ๋องคงไม่คิดที่จะไม่จ่ายหรอกนะ ในเมื่อลั่นวาจาไปแล้วต่อหน้าเหล่าขุนนาง อย่าได้ทำให้ความน่าเชื่อถือของตัวเองลดลงไปมากกว่านี้เลย…ญาติผู้พี่”

“นี่เป็นแผนการของเจ้าสินะ ฮูหยินลูกพ่อค้าหน้าเลือดผู้นั้น”

“ก็คือผู้ที่ท่าน ส่งมาให้เป็นฮูหยินของข้ามิใช่หรือ ท่านอ๋องลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“หลิวเว่ยหยาง… เจ้านอนกับนางแล้วงั้นหรือ เวลาเจ้ากอดนาง แน่ใจนะว่ามิได้นึกถึงผู้อื่นอยู่”

หลินอิงเบิกตากว้าง เมื่อแอบฟังในห้องเล็ก ๆ ด้านข้างพวกเขา นางรีบหลบเข้ามาก่อนที่ทหารองครักษ์จะเดินมาถึง แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะหยุดคุยกันตรงนี้

“ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“หึ ญาติผู้น้อง มิใช่ว่าเจ้ายังลืมสตรีที่หนีไปแต่งงานกับเพื่อนรักของเจ้าไม่ได้หรอกหรือ ข้าจำได้ว่าเจ้ากับนางรักกันมากมิใช่หรือ บัดนี้กลับยอมแต่งงานกับสตรีอื่น เพื่อแลกกับเสบียงให้กองทัพ ป้ายตราตั้งระดับสี่ที่เจ้าคนละโมบแซ่เมิ่งนั่นต้องการเอาไปทำการค้า และตำแหน่งพระชายารองของข้าถึงกับส่งลูกอนุให้แต่งกับเจ้าแทน รู้สึกเป็นยังไง อดสูหรือไม่”

“เจ้า!”

“เดี๋ยวก่อนไม่ต้องฉุนเฉียวขนาดนั้น คุยกันตามประสาพี่น้องเหตุใดต้องรุนแรงด้วยเล่า ปล่อยมือเจ้าลงด้วย”

แม่ทัพหลิวกำฉลองพระองค์เอาไว้แน่น และยอมปล่อยลงในที่สุด

“เพียงแค่พูดเรื่องเก่า ๆ อารมณ์ฉุนเฉียว เช่นนี้เจ้ายังกล้าบอกกับฮูหยินของเจ้าหรือไม่ว่า ยังลืมสตรีในใจผู้นั้นไม่ได้”

“หุบปากของท่านเสียมิเช่นนั้น…”

“ทำไม ห้าพันตำลึงทองข้าให้เจ้าก็ได้ แลกกับความสบายใจและทำให้เจ้าคิดว่าชนะข้าได้ครั้งหนึ่ง แต่หลิวเว่ยหยางเจ้าจำไว้ให้ดี ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นแม่ทัพที่แต่งงานเพื่อแลกเสบียงและเพื่อลืมสตรีคนรักเก่า ทุก ๆ ความอัปยศเช่นนี้เพียงแค่นึกขึ้นมา… ข้าก็อารมณ์ดีแล้ว”

"เจิ้งหร่วนอวี้! เจ้าคนต่ำช้า!"

“เอาละ การพบปะกันตามประสาญาติพี่น้องพอแค่นี้แหละ อีกสองวันข้าจะให้ราชเลขานำเงินไปให้ หวังว่าเจ้าคงจะพอใจนะ ฮ่า ๆ”

“ปึง!!”

“ฮึ้ย! ไอ้คนสารเลว!”

แม่ทัพหนุ่มชกไปที่ผนังที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งเป็นคนละฝั่งกับที่นางยืนอยู่ เมื่อรับรู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดแล้ว กลับยิ่งทำให้หลินอิงรู้สึกปวดหัวใจไปเรื่อย ๆ เขาไม่ได้รักนาง ก็ไม่เลวร้ายเท่ากับเขามีสตรีในใจอยู่แล้ว และการแต่งงานนี้เต็มไปด้วยเงื่อนไขที่นางไม่เคยรู้มาก่อน หลินอิงกำมือแน่น ตอนนี้นางเริ่มตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว

“ข้าไม่มีทางยอมเป็นเบี้ยให้ผู้ใดจับเดิน ข้าจะต้องมีชีวิตใหม่เป็นของตัวเอง…ท่านแม่รอข้าก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะช่วยท่านออกมาจากขุมนรกนั่นในเร็ววันนี้ แล้วจะได้ไปจากที่นี่ ไปจากคนชั่วร้ายเหล่านี้ทั้งหมด”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนพิเศษ 2

    เขาบอกเพียงให้นางรับรู้เท่านั้น เพราะหลังจากนี้หลินอิงก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ท่านอ๋องดุดันทุกสนามรบอยู่แล้ว แม่แต่ศึกรักก็มิได้ว่างเว้น เมื่อได้เริ่มขึ้นแล้ว เขาก็ไม่มีทางหยุดง่าย ๆ “อ๊ะ ท่านพี่เพคะ ตรงนี้ไม่ได้ อยู่ใกล้ห้องลูกเกินไป”“เช่นนั้นไปที่หน้าต่างกัน เจ้าชอบระเบียงมิใช่หรือ”“ท่านมันช่าง…อ๊าา อย่าสอดเข้ามาโดยไม่บอกเช่นนี้สิ หลิวเว่ยหยางคน…นิสัยเสีย อึ๊ยย อ๊าา ลึกไปแล้ว อ๊าาา"สะโพกของนางเบียดกับเขาจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่นานเขาก็ยกตัวนางขึ้น และตอกกระแทกเข้ามาที่เอว พระชายาเอนหงายตามแรงที่ถูกกระแทก นางอ้าปากเพื่อระบายหาอากาศหายใจ เมื่อถูกเข้ารุกเร้าเข้ามาไม่ยั้ง ตอนนี้ท่านอ๋องพานางมานั่งที่เตียง โดยให้นางนั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา“อื้อ อ๊าาา อย่าดูดแรงสิเพคะ มัน เสียว…อ๊าา”“เช่นนั้นก็กระแทกลงมาให้แรงกว่านี้สิ เจ้าจะได้รู้สึกดีกว่านี้”เขาช่วยจับที่สะโพกของนาง และขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ลิ้นหนายังคงวนอยู่ที่สองเต้างามตรงหน้า ซึ่งเปียกไปด้วยน้ำลายและเริ่มมีรอยจ้ำแดงเต็มไปหมดทั้งตัว“ไปล้างตัวกันเถิด”“แน่ใจหรือเพคะว่าแค่ล้างตัว”ห้องอาบน้ำเขาใช้อ่างไม้ขนาดใหญ่เพื่อพานางมาล้างตัว

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนพิเศษ 1

    ห้าปีถัดมา / ตำหนักพระชายา"ข้าว่าปักเลื่อมลงที่ปกเสื้ออีกหน่อย น่าจะสวยนะ"“ข้าก็คิดเช่นนั้นเพคะ”“เสด็จแม่!”“เฉินเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร มิใช่ว่าวันนี้เจ้าไปประชุมกับเสด็จพ่อมิใช่หรือ”“ข้ากลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่ไปอาบน้ำ แล้วนี่เสด็จพ่อของเจ้าเล่า”“คุยกับท่านอาจื่อรั่วอยู่ข้างนอก ข้าวิ่งมาหาท่านก่อน”“เช่นนั้นก็พอดีเลย มานี่สิแม่กำลังตัดชุดใหม่ให้เจ้า ไหนลองสวมดูหน่อยสิว่าพอดีหรือไม่”พระชายาเริ่มสวมเสื้อให้กับท่านชายน้อย “หลิวซือเฉิน" ซึ่งเป็นโอรสองค์โตของท่านอ๋อง เขามีน้องสาวอีกคนซึ่งตอนนี้อายุได้เพียงสองปี โดยมีแม่นมเลี้ยงอยู่ในตำหนัก“พอดีเลย เหลือแค่ปักลายอีกนิดหน่อย ก็จะสวมทันฤดูหนาวนี้แล้ว”“ข้าจะทันได้สวมไปล่าสัตว์ฤดูหนาว กับเสด็จพ่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเด็กน้อย อายุเท่านี้ก็อยากจะไปล่าสัตว์แล้วหรือ”“ข้าเริ่มฝึกดาบแล้ว ท่านแม่ตอนนี้ข้าเริ่มเก่งแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”“จ้า ๆ ลูกแม่เก่งที่สุดอยู่แล้ว เอาล่ะเจ้าถอดเสื้อออกมาก่อน แม่ยังตัดเย็บไม่เสร็จ”“พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องที่เสด็จเข้ามาพร้อมกับจื่อรั่ว ทันได้เห็นพระชายาที่กำลังถอดเสื้อให้กับหลิวซือเฉินพอดี เมื่อ

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนที่ 30  พิธีส่งตัว...อีกครั้ง (ตอนจบ)

    กว่าสามเดือนแล้ว ที่ทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่ในวังหลวงของต้าเฟิง ตำหนักใหม่นี้ถูกสร้างขึ้น หลังจากที่ท่านอ๋องตัดสินใจว่าจะสร้างตำหนักชั้นเดียว เพื่อมิให้พระชายาต้องเดินขึ้นลง แม้ว่าจะอำนวยความสะดวกทุกอย่างเช่นนั้น แต่พระองค์ก็ยังคงไม่ไว้วางพระทัยทุกครั้งหลังจากประชุมเช้าเสร็จ ก็ต้องรีบกลับมาดูอาการของพระชายาเสียก่อน หากรู้เพียงนิดว่าพระชายาเกิดวิงเวียนศีรษะ หรือได้รับอุบัติเหตุ ต่อให้เพียงเล็กน้อย ท่านอ๋องก็รีบเสด็จมาทันทีห้องบรรทม“พอเถิดเพคะ ไหนว่าช่วงบ่ายจะเสด็จไปที่กรมกลาโหม คุยเรื่องเสบียงกองทัพอย่างไรเล่า”“เดี๋ยวก่อนสิ ขอฟังเสียงลูกอีกหน่อย เจ้าไม่เข้าใจหรอกว่าข้ากำลังคุยกับลูกอยู่”“เฮ้อ ไม่คิดว่าท่านพี่จะอาการหนักถึงขั้นนี้ เช่นนั้นให้หม่อมฉันไปด้วยเลยดีไหมเพคะ”“ไม่ได้นะ เจ้าจะเดินมาก ๆ หาได้ไม่ อีกอย่างวันนี้เจ้าดื่มยาแล้วหรือยัง เห็นว่าตอนเช้าอาเจียนอีกแล้ว”“ผู้ใดขยันฟ้องถึงเพียงนี้กันนะ”จื่อรั่วที่ยืนอยู่นอกห้อง จามออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว นับตั้งแต่เข้าวังมาท่านอ๋องก็แทบจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย หลังจากที่ขึ้นครองบัลลังก์ก็เริ่มส่งมอบงานให้แต่ละฝ่าย แม้ว่าทุกฝ่ายเขาจะดูแลเป็นอย่

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนที่  29  พระชายาท่านอ๋อง

    หลินอิงนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ กว่าจะทำความเข้าใจกับเรื่องที่เขาพูด แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยรู้มาก่อนแล้วว่า ที่จริงผู้ที่จะขึ้นเป็นท่านอ๋องปกครองเมืองต้าเฟิง เดิมทีก็ต้องเป็นหลิวเว่ยหยางอยู่แล้ว แต่เขาไม่ยอมรับตำแหน่ง ฝ่าบาทจึงต้องให้ชิงอ๋องมาปกครองแทนก็ตาม“ท่านหมายความว่า”“จากฮูหยินตราตั้ง เจ้าก็จะกลายเป็นพระชายาหลิวอ๋องแห่งต้าเฟิงแทนอย่างไรเล่าเด็กโง่”“ขะ ข้าหรือเจ้าคะ”“ถูกต้องแล้ว อีกอย่างบุตรที่กำลังจะเกิดมา ก็จะเป็นท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อยด้วย”“นี่มัน…เรื่องอันใดกัน”“เอาล่ะตอนนี้อย่าพึ่งคิดมากเลยนะ ทุกอย่างก็จบลงไปแล้ว จริงสิข้าลืมบอกเจ้าอีกอย่างหนึ่ง วันก่อนข้าสั่งให้คนนำป้ายวิญญาณของท่านแม่เจ้า ไปไว้ที่เรือนหลังเล็ก กำลังจะถามเจ้าว่า จะทำที่นั่นเป็นที่เก็บป้ายวิญญาณของท่านแม่เจ้าเลยดีหรือไม่”“แต่ว่าท่านแม่มิใช่คนสกุลหลิวนะเจ้าคะ”“แม่ภรรยาไม่ต่างกับแม่ตัวเอง หรือเจ้ามีที่ที่เหมาะกว่านั้นเล่า”“ข้าไม่ขัดข้องเจ้าค่ะ ตามใจท่าน”“อีกอย่างเราเองก็คงต้องย้ายเข้าไปในวังหลวงเร็ว ๆ นี้แล้ว จวนนี้คงจะมาได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น”“เช่นนั้นหรือเจ้าคะ”“ตอนนี้เจ้านอนพักเสียก่อน รอให้ร่า

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนที่  28 โหดเหี้ยมยิ่งนัก

    หลินอิงก้มหน้าลง แต่เขากลับใช้นิ้วจับคางนางขึ้นมา“เจ้ายอมรับโทษเสียแต่โดยดีเสียเถิด โทษหนักจะได้เป็นเบา”“ข้ามิได้ทำผิดอะไรนี่เจ้าคะ อีกอย่างข้าบอกท่านแล้วว่าจะไปหาท่านแม่ ข้ารู้ว่า…”นางเริ่มน้ำตารื้นอีกครั้ง เขาดึงนางเข้ามากอด ครั้งนี้นางยอมให้เขากอดแต่โดยดี และยังกอดตอบอีกด้วย “ข้ารู้ดีที่สุด แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องในวังขึ้นพร้อมกันเช่นนี้ ตั้งแต่วันที่แปลงผักของเจ้าถูกทำลาย ข้าก็รู้ตัวแล้วว่าทำไม่ถูก และกำลังทำร้ายเจ้าทางอ้อมมากขึ้น จึงรีบตัดสินใจที่จะไม่หาจวนให้พวกนาง และติดต่อไปที่ผู้เฒ่าสกุลว่านทันที”“นางคงอยากให้ท่านเป็นบิดาของเฟิงหลานจริง ๆ”“ไม่ใช่หรอก นางเพียงแค่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น ข้ารู้ดีว่านางมีจุดประสงค์ใด แต่ก็ยังใจอ่อนยอมให้นางพักอยู่ที่จวน เพราะทนเห็นหลานชายตัวเล็กซึ่งเป็นลูกของสหาย ออกไปลำบากข้างนอกไม่ได้ จนเผลอทำร้ายจิตใจเจ้า เกือบจะสายเกินไปเสียแล้ว อิงเอ๋อร์ข้าขอร้องเจ้าอย่างหนึ่งได้หรือไม่”“อะไรหรือเจ้าคะ”นางค่อย ๆ คลายอ้อมกอดมามองเขาอีกครั้ง สายตาอ้อนวอนของเขา ทำให้หัวใจนางอ่อนยวบลงมาในที่สุด“จากนี้ไปต่อให้จะทะเลาะกันเช่นไร ข้ายอมให้เจ้าโกรธ ตบตีข้า

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนที่ 27  ไม่อยากอยู่ที่นี่

    จวนแม่ทัพหลินอิงกะพริบตาตื่นขึ้นมา ก็มองเห็นเพดานในห้องที่คุ้นเคย ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นจวนแม่ทัพ และเป็นห้องนอนของนางและเขาบนเรือนใหญ่ นางได้ยินเสียงคนที่คุยกันอยู่ใกล ๆ แต่ก็แทบจะขยับตัวไม่ได้“นะ น้ำ”“อิงเอ๋อร์! ท่านหมอนางฟื้นแล้ว”ไม่นานเสียงฝีเท้าของคนไม่ต่ำกว่าสามคน ก็พากันเดินเข้ามา นางรู้สึกได้ว่าพื้นเรือนสั่น และมือหนาที่อบอุ่นก็หันมาจับนางเอาไว้“อิงเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หิวน้ำหรือ”“อือ…”นางพูดได้เพียงเท่านั้น เสียงรินน้ำและส่งให้และค่อย ๆ ยกป้อนนางนั้นช่างอ่อนโยนยิ่งนัก“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ท่านหมอบอกว่าเจ้ามีไข้ และอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนน้อย”“ข้าอยากกลับเรือนหลัง”“ไม่ได้ ที่นั่นไม่ปลอดภัย อีกอย่างที่นี่ก็เป็นห้องของเรา จะย้ายไปที่อื่นอีกทำไม”“ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่”"ท่านหมอ อาการของนางเป็นอย่างไรบ้าง รีบตรวจเถอะเร็วเข้า"“ขอรับท่านแม่ทัพ”เมื่อท่านหมอเอาผ้ามารองที่แขนของนาง ก็เริ่มจับชีพจรโดยมีเขาที่พยุงนางอยู่ข้าง ๆ ก่อนหน้านั้นมัวแต่ยุ่งเรื่องทำแผล และคุยกับท่านแม่ทัพ เขาเลยยังมิได้มาตรวจนางอย่างละเอียด เมื่อหันมามองหน้านางสลับกับท่านแม่ทัพก็เริ่มหันมายิ้ม“ฮ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status