Share

บทที่ 109: ศาลาสุดท้าย

Penulis: mafath9
last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-04 22:18:14

ศาลาสุดท้าย

– ศาสนจักรประกาศปิดทุกศาลาที่ไม่ยอมรับตำรา**

ในรุ่งอรุณที่ลมหายใจยังติดกลิ่นธูปจากคืนก่อน

ธงของศาสนจักรถูกชักขึ้นพร้อมเสียงกลองคำสั่ง

ประกาศฉบับใหม่แผ่กระจายไปยังทุกแคว้น

“นับแต่วันนี้ ศาลาใดที่ไม่ยึดตามตำราศักดิ์สิทธิ์แห่งบทสวดที่ 47

จะถือเป็นศาลากบฏ

และจะถูกยุบ ถอนสถานะศรัทธา และห้ามมิให้มีการชุมนุมในรูปแบบพิธีกรรมใด ๆ”

ข่าวนี้มาถึงหมู่บ้านจิไร ลูกหลานแห่งเสียงเงา

ศาลาไม้เก่ากลางทุ่งนา

ที่เด็กใช้เป่าขลุ่ยแทนสวด

และคนเฒ่าร่ายชื่อผู้ตายแทนบทสรรเสริญ

วันนั้น พระ 3 รูปถูกเรียกกลับ

สมุดเงา 6 เล่มถูกยึด

แผ่นไม้สลักชื่อที่แขวนเรียงรายถูกสั่งให้เผาทิ้ง

แต่ในคืนก่อนวันเผา

เด็กน้อยนาม ยูอิ

ปีนขึ้นบนหลังคาศาลา

วางสมุดเงาไว้กลางหลังคา

และเขียนไว้บรรทัดสุดท้ายว่า

“หากข้าต้องเลือก… ข้าเลือกชื่อของคนมากกว่าคำจากเทพ”

วันรุ่งขึ้น

ศาลาถูกเผา

แต่หลังคา...ถล่มลงช้าเกินไป

ไฟไม่ทันกินสมุดทั้งหมด

และชื่อเหล่านั้น

กระจายไปกับลมในเช้าวันใหม่

สิ่งที่ศาสนจักรไม่ได้รู้

คือศาลานี้...ไม่ใช่ศาลาสุดท้าย

เพราะชื่อ

ไม่มีฝา ไม่มีกำแพง

และเมื่อไม่มีศาลา

ชื่อ...ก็ออกเดิน

ในแคว้นคุเสะ

ที่ศาลาใต้ต้นสน

พระหญิงนาม ไคเซ็น กลับขึ้นธรรมาสน์

แต่แทนที่จะสวดบทที่ 47

นางกล่าวเพียงว่า:

“ข้าขอพูดถึงชื่อคนที่ไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว”

ฝูงชนลุกขึ้นพร้อมกัน

มิใช่สวด

แต่พูดชื่อของพ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน และคนรัก

เสียงนั้น

ดังกว่าบทสวดใดในรอบหลายปี

นับแต่วันนั้น

คำว่า “ศาลาสุดท้าย”

กลายเป็นคำเย้ยหยัน

เพราะแม้ศาลาจะสิ้น

แต่ความทรงจำยังมี

และเงาที่เผาไม่ไหม้

เริ่มเดินไปทั่วแผ่นดิน

คืนที่ไม่มีที่รวมตัว

– เมื่อศรัทธาแตกกระจายกลายเป็นเงาที่เดินเอง**

หลังคำประกาศ “ศาลาสุดท้าย”

คืนวันศุกร์ถัดมาคือคืนแรก

ที่ไม่มีเสียงขลุ่ย ไม่มีแสงเทียน ไม่มีการรวมตัวใต้หลังคาไม้

แต่ไม่มีผู้ใดหลับตาได้สนิท

ในหมู่บ้านฮานาโมริ

เด็กหญิงตัวเล็กชื่อโทโกะ

นั่งหน้าประตูบ้านพร้อมสมุดเปล่า

เธอไม่รู้จะเขียนไปเพื่อใคร

แต่ก็เขียน

“ทาเคชิ – พี่ชายที่เคยร้องเพลงให้ฉันตอนแม่ไม่อยู่”

เพื่อนบ้านเปิดหน้าต่างเงียบ ๆ

คนเฒ่าข้างบ้านกระแอมเบา ๆ แล้วพูด

“เรียว... คนที่ตายไปในปีที่ฝนแล้งที่สุด”

ภายในหนึ่งชั่วโมง

ผู้คนสิบหลังคาเรือนเริ่มออกมายืนหน้าประตูของตน

ไม่มีศาลา ไม่มีผู้นำ

แต่ชื่อ...ถูกพูดพร้อมกัน

ในแคว้นตะวันออก

ซาโยะมองออกไปจากหน้าต่างที่เคยเป็นห้องประชุมใต้ดิน

ไม่มีเสียงกลอง ไม่มีประกาศ

มีแต่เสียงเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังพูดชื่อเรียงกัน

โดยไม่มีใครนำ

ไม่มีใครรู้ชื่อใครล่วงหน้า

แต่ทุกเสียง...ฟังดูเหมือนคำเดียวกัน

ฮากุโร่ยืนข้างนาง เงียบ

“ไม่มีศาลา แต่พวกเขาไม่เงียบ”

ซาโยะพูดเบา ๆ

“ศรัทธาที่เดินเอง...น่ากลัวกว่ากองทัพใด”

ฮากุโร่ตอบ ดวงตาใต้เงาหมวกไม่กะพริบ

ณ ศาสนจักรส่วนกลาง

พระรูปหนึ่งรีบร่างรายงานใส่กระดาษสีแดง

“ไม่มีการรวมตัว แต่การจดจำเพิ่มขึ้น

ไม่มีศาลา แต่ทุกบ้านกลายเป็นศาลาลับ

ไม่มีเสียงสวด แต่ชื่อถูกท่องโดยเด็กและคนชรา”

ท่านเจ้าคณะแค่เงียบ และขยี้กระดาษแผ่นนั้น

“ถึงเวลาส่งเสียงใหม่ที่ควบคุมได้”

เขากล่าวในเงามืด

ในคืนนั้น

ไม่มีใครรวมตัว

แต่ทุกหมู่บ้าน... สว่างด้วยเทียนเล่มเล็ก

และชื่อที่ถูกจาร

ด้วยมือเปื้อนดิน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 129: พระที่ล้มแท่น

    “พระที่ล้มแท่น” พระบางคนเผาตำราเก่า และฟังเสียงเด็กแทน “เมื่อศรัทธาถูกใช้เพื่อปิดหู บางคนจึงเลือกปิดตำรา...เพื่อเปิดใจ” วัดโฮเซ็นจิในหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือของโยะริมิยะ เสียงระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่ง เคยดังก้องทุกเช้าค่ำ เรียกชาวบ้านให้สวดตาม สั่นเตือนให้พระผู้ถือบาตรเดินตามระเบียบ ก้องเตือนให้คนในศาสนจักรจำได้ว่า “คำข้างในตำรา...ศักดิ์สิทธิ์กว่าเสียงใด” แต่วันหนึ่ง เสียงระฆังเงียบ ไม่มีใครตี ไม่มีเสียงสวด มีเพียงกลิ่นควันจากกระดาษที่ถูกเผา พระที่เคยเทศน์จนเลือดเปื้อนหมึก ชื่อของเขาคือ “คันริว” ในวัยหนุ่ม เขาเคยจารึกบทสวดด้วยเลือดตนเอง เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ต้องบูชา ไม่ใช่ตั้งคำถาม เขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิด เคยตราหน้าเด็กที่ถามว่า “ทำไมบทสวดไม่พูดชื่อพ่อแม่ข้าเลย” แต่เขาก็เป็นคนเดียวในวัด ที่ทุกคืน…จะออกไปนั่งใต้ต้นสน เขียนสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา “เสียงที่แม่ร้องไห้” “ชื่อของคนที่ถูกฝังโดยไม่มีใครพูดถึง” “เสียงหัวเราะของเด็กที่ตายโดยไม่มีพิธี” เขาไม่เคยเผยสิ่งที่เขียน จนกระทั่งคืนหนึ่ง...ฝนตก เด็กที่เดินฝ่าฝนเข้า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำราเมื่อพื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึง เริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนา“เมื่อบทสวดไม่อาจเข้าถึงผู้คนก็เริ่มฟังกันเองโดยไม่ต้องอ้างคำใดในตำรา”กลางทุ่งอาเคะฮะ แคว้นที่ไม่มีชื่อบนแผนที่แผ่นดินแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า "เขตต้องสาป" โดยศาสนจักร เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยสร้างศาลา ไม่เคยมีแท่นสวด และไม่มีพระรูปใดตั้งรกรากยาวนานพอจะจารึกบทบูชาให้ถาวรแต่ในปีแห่งเงาเดินกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status