หน้าหลัก / โรแมนติก / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 14 — คำสารภาพของผู้เฝ้าศาลว่าง

แชร์

บทที่ 14 — คำสารภาพของผู้เฝ้าศาลว่าง

ผู้เขียน: mafath9
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-11 14:56:02

บทที่ 14 — คำสารภาพของผู้เฝ้าศาลว่าง

“ข้าไม่ได้ศรัทธาในท่านอีกแล้ว

แต่ข้าศรัทธาในความทรงจำของท่าน ที่เคยเป็น”

— อากิระ


บทที่หนึ่ง: ศาลาว่าง…ที่ไม่ว่างอีกต่อไป

หลังเหตุการณ์ที่ทูตถูกสังหาร

อินาริถอนตัวเข้าสู่ “ศาลาว่าง” ไม่ออกพบผู้ใดเป็นเวลาหลายวัน

อากิระตัดสินใจฝ่าเข้าไปอย่างไร้มารยาท

อินาริ: “เจ้ารู้หรือไม่ว่าศาลานี้มีไว้ให้ผู้ที่หมดคำตอบมาเงียบฟังตนเอง?”

อากิระ: “แต่คำตอบของท่านกำลังฆ่าผู้คนด้วยความเงียบ ท่านเงียบพอแล้ว”

การปะทะคำครั้งแรกระหว่าง “ลูกศิษย์ผู้ไม่เข้าใจ” กับ “ครูผู้ไม่อธิบาย”

จุดชนวนให้ทุกอย่างเริ่มสั่นสะเทือน


บทที่สอง: แผนลับของโชคิ

ในเมืองโคะริว

โชคิเดินเกมรุกแบบไร้ดาบ

เขาเผยแพร่ “คำเทศนาทางเลือก” ผ่านนักพรตเถื่อนนามว่า “โคฮินะ”

ผู้ซึ่งตีความศรัทธาว่า “ผู้ศรัทธาต้องยืนขึ้นเพื่อจัดการศัตรูของตน ไม่รอพระมาทำแทน”

โคฮินะ: “ถ้าพระอินาริไม่ลงมือ

ก็แปลว่าพระอินาริไม่รักพวกเจ้าแล้ว!”

ประชาชนเริ่มทำลายศาลเจ้าเล็กของอินาริในหมู่บ้าน

และตั้งศาลใหม่ภายใต้คำสั่ง “พลังแห่งศรัทธากลายเป็นพลังแห่งการลุกฮือ”


บทที่สาม: ชิราโนะ…ผู้ที่ยังเชื่อ

ในขณะที่อากิระโกรธ ชิราโนะกลับนิ่ง

เขาเฝ้าไฟในศาลาว่างอย่างไม่ขาดสาย

แต่ในใจเริ่มลังเลว่าสิ่งที่เขาศรัทธาคือ “คำสอน” หรือ “ตัวบุคคล”

ชิราโนะ: “ข้ากลัวว่าวันหนึ่งเราจะกลายเป็นเพียงผู้เฝ้าเถ้าธูป

แทนที่จะเป็นผู้จุดมันขึ้นใหม่”

เขาจึงตัดสินใจออกเดินทางไปยังหมู่บ้านที่ทำลายศาล

ไม่ใช่เพื่อต่อสู้ แต่เพื่อ “ถาม” ว่าทำไมพวกเขาจึงเลิกศรัทธา

เขาต้องการฟัง “เสียงของผู้ละทิ้ง” เพื่อเข้าใจศรัทธาในมิติที่ตนเองไม่เคยมอง


บทที่สี่: คำสารภาพในคืนไร้จันทร์

ในคืนที่ลมพัดรุนแรง

อินาริเรียกอากิระเข้าไปเพียงลำพัง

ไม่ใช่เพื่อสั่งการ แต่เพื่อ “ฟัง” คำสารภาพ

อากิระ: “ข้าไม่ได้ศรัทธาท่านแล้ว…

ข้าแค่ยังรักคนที่เคยเป็นท่าน

ตอนที่ท่านยืนอยู่หน้าหมู่บ้านคนตาย น้ำตาไหล แล้วพูดว่า ‘ข้าผิดเอง’…”

อินารินิ่งงัน

ก่อนจะตอบเพียงคำสั้น ๆ

อินาริ: “ข้าไม่ได้เปลี่ยน

เพียงแต่เจ้าโตพอจะเห็นเงาเบื้องหลังข้าแล้ว”


บทที่ห้า: ตะเกียงสุดท้าย

ศาลาว่างที่เคยมีเพียงไฟ

คืนนี้อินาริจุด “ตะเกียงเพิ่ม” เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี

แสงจากตะเกียงนั้นไม่ใช่เพื่อส่องทางตนเอง

แต่เพื่อส่องใบหน้าของผู้คนที่ยังอยู่เคียงข้าง

อินาริ: “เราจะไม่เงียบอีกต่อไป

แต่สิ่งที่เราพูด…อาจไม่ใช่สิ่งที่โลกอยากได้ยิน”

เมื่อเขาก้าวออกจากศาลา

ประชาชนเงียบงัน

ดั่งรับรู้ว่า…ศรัทธาเก่ากำลังจะเปลี่ยนร่าง

แต่ยังไม่แน่ว่ามันจะ “ฟื้นคืน” หรือ “แตกสลาย”


บทที่ 14 จบ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 33 — กลิ่นดินปนกลิ่นเลือด

    บทที่ 33 — กลิ่นดินปนกลิ่นเลือดฟ้าก่อนรุ่งบนเนินเขานอกอิคุซะโนะโมริ หนาวจัดราวมีบางสิ่งกำลังรั้งไม่ให้แสงตะวันขึ้นซาโยะยืนอยู่ริมลานฝึกดาบเก่า สายตานางทอดผ่านหมอกที่ยังคลุมแผ่นดินราวอาภรณ์ของศพกลิ่นดินหลังฝนใหม่… ปนกลิ่นเลือดสดที่ยังไม่แห้งดีมีร่างหนึ่งนอนนิ่งอยู่ใต้มะพลับกลางลาน คือ “ยูนากะ” หนึ่งในคนสนิทของฮากุโร่—ผู้เชี่ยวชาญการลอบสังหาร และเคยปกป้องซาโยะไว้ในศึกเพลิงเงา“เขาถูกวางยาและแทงซ้ำ” แพทย์หลวงกล่าวโดยไม่มองนาง “ผู้ลงมือ...รู้จุดตายของคนที่ถูกฝึกให้ฆ่าโดยไม่หายใจ”เสียงของแพทย์แฝงแววหวาดหวั่นฮากุโร่มาถึงโดยไร้เสียงฝีเท้า เขาก้มลงข้างศพ ใช

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 35 — สนธิสัญญาเงา

    บทที่ 35 — สนธิสัญญาเงาภายในหอประชุมไม้เก่าแก่ กลางป่ามิสุโนะยามค่ำคืน โคมเทียนเพียงเจ็ดดวงส่องไหวราวลมหายใจของเหล่าขุนศึกผืนเสื่อกลางห้องว่างเปล่า ไม่มีใครกล้านั่งตรงกลาง ไม่มีใครกล้าเป็น “แกนกลาง” แห่งพันธมิตรนี้ซาโยะนั่งอยู่หลังฮากุโร่ มองผ่านม่านเส้นผมของตนเอง—ทุกถ้อยคำที่กำลังจะเอ่ย คือเชือกที่ร้อยผู้นำสามตระกูลเข้าหากัน หรือผูกพวกเขาให้ตายไปด้วยกัน“เราจะทำข้อตกลงใต้แสงเทียน โดยไม่มีใบหน้า ไม่มีชื่อ และไม่มีความแค้น” ฮากุโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงไร้แววอารมณ์อาโอบะยกพัดขึ้นปิดริมฝีปาก “การไม่เอ่ยนาม เป็นธรรมเนียมของพวกเงา... หรือของพวกทรยศ?”อิซึมิหัวเ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 32 — โลหิตที่ร้องไห้ในแสงเทียน

    บทที่ 32 — โลหิตที่ร้องไห้ในแสงเทียนห้องหนึ่งในคฤหาสน์อิคุซะโนะโมริถูกแสงเทียนไหววูบสะท้อนเงาร่างสองร่างบนฉากญี่ปุ่นเก่าซาโยะนั่งเงียบอยู่ข้างหน้าต่าง ร่างของเธอสวมเสื้อคลุมบาง ขอบผ้าสีเข้มเปรอะไปด้วยฝุ่นเขม่าจากสนามรบเธอไม่ได้ร้องไห้ ไม่แม้แต่หลั่งน้ำตาแต่โลหิตในอกกลับกรีดเสียงเจ็บปวดดั่งมีใครร้องเรียกจากอดีตเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นในห้อง ฮากุโร่ปรากฏตัวโดยไร้ชุดเกราะ มีเพียงผ้าคลุมดำที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและเถ้าถ่าน“เจ้ารอดมาได้...” เสียงของเขาราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยความหมายที่ซ่อนอยู่“ทุกคนตายหมด ยกเว้นข้า” ซาโยะพูดช้า ๆ ไม่ใช่คำสารภาพ แต่เหมือนบันทึกของผู้รอดชีวิตเขาไม่ตอบ กลับเดินมาวางดาบของตัวเองลงบนเสื่ออย่างนุ่มนวล แล้วนั่งเคียงข้างเธอ"เจ้ารู้ไหม..." ซาโยะเอ่ยโดยไม่หันมา “ตอนเปลวไฟล้อมข้า ข้าไม่กลัวตายเลยสักนิด”“แต่ข้ากลัวว่า หากข้ารอด... ข้าจะต้องเห็นหน้าเจ้าอีก”คำพูดนั้นเฉือนผ่านห้วงความเงียบอย่างรุนแรงฮากุโร่ไม่ตอบในทันทีเขาหยิบเทียนเล่มหนึ่งขึ้นมาจุดใหม่ ไฟเล็ก ๆ ส่องสว่างเงาสะท้อนของซาโยะในม่านตาของเขา“แล้วเมื่อเจ้ารอดจริง ๆ เจ้ารู้สึกอย่างไร”ซาโยะนิ่ง เงีย

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   ย้อนอดีตของกลยุทธ์ “เพลิงเงา”

    ย้อนอดีตของกลยุทธ์ “เพลิงเงา”🧭 เบื้องหลังกลยุทธ์ “เพลิงเงา”จุดมุ่งหมายหลัก:ดึงกองกำลังศัตรูเข้ามาสู่ กับดักซุ่มโจมตีใช้ “เปลวไฟ” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและสายตาใช้ “เงาคน” ทำลายระบบข่าวกรองและสัญญาณสื่อสารศัตรูขั้นตอนการเตรียมตัว:สำรวจพื้นที่เลือกเนินสูง 2 จุดทางตะวันตกเฉียงใต้ของ อิคุซะโนะโมริ เพื่อเป็นฐานตั้งกองกำลังหลัก (A และ B)ระหว่างเนินมีลำธารและพุ่มไม้หนาทึบเป็นทางเดินสำหรับการลอบซุ่มจัดเตรียมเพลิงลวงจุดกองไฟพร้อมเปลาะฟางและกิ่งไม้ลุกไวใน 3 จุด (X, Y, Z) ใกล้ทางเข้าจุดไฟพร้อมกันเพื่อสร้าง “วงเพลิงวงแรก” ระหว่างทางเดินเข้าป่าวางทหาร “เงาซุ่ม”กระจายหมวดลอบโจมตีตามแนวธาร และตามช่องว่างของพุ่มไม้สั่งให้เลี่ยงใช้ธงหรือโซนหมายเหตุระบุตัวแผนยกกองปลอมส่งกองทัพปลอม (ธงปลอม) มุ่งตรงไปยังทางทิศเหนือเพื่อเบี่ยงกำลังศัตรูเมื่อศัตรูเคลื่อนพลตาม มาเจอแต่เงาดับหายไร้เป้าหมาย และถูกล่อลวงเข้าสู่วงเพลิงขณะที่เงาซุ่มอยู่📐 แผนผังสนามรบ (มุมมองจากเบื้องบน) ┌───────────────────────────────────┐ │ ทางทิศเหนือ (กองปลอม) │ │

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 31 — เพลิงเงาในอิคุซะโนะโมริ

    บทที่ 31 — เพลิงเงาในอิคุซะโนะโมริลึกเข้าไปในป่าภูเขาทางตะวันตกของซาคาเอะ ดินแดนที่เคยเงียบสงบกลายเป็นสนามซุ่มกลแห่งยุทธศาสตร์ — อิคุซะโนะโมริ ป่าที่ชื่อแปลว่า "ไพรสงคราม"เสียงฝีเท้าทหารของสองแคว้นดังสะท้อนผ่านแนวไผ่ ฮากุโร่สวมผ้าคลุมสีเทาเช่นเคย ใบหน้าถูกบดบังด้วยหน้ากากครึ่งซีก แต่ดวงตาของเขาว่างเปล่าราวคนตายที่ข้างกาย เขามี ทาคุมะ — รองแม่ทัพผู้รู้เพียงเศษเสี้ยวของอดีต และ อาซึกะ หญิงนักสอดแนมที่เคยล่วงรู้ความลับของซาโยะตั้งแต่ต้น“เรากำลังล่อศัตรูให้ตามแสงเทียน... แต่ไฟที่เผาเราอาจเป็นของจริง” อาซึกะเอ่ยเบา ๆ“แผนนี้มีชื่อว่าอะไร?” ทาคุมะถาม“เพลิงเงา” ฮากุโร่ตอบเรียบเย็น “จุดไฟจากในเงา... เผาใจศัตรูให้กลายเป็นควันก่อนจะฟาดดาบใส่”ขณะเดียวกัน ซาโยะถูกทิ้งไว้ที่คฤหาสน์มิสุโนะพร้อมกับกล่องไม้เล็ก ๆ ที่ฮากุโร่ทิ้งไว้ให้ก่อนออกเดินทางนางลังเล ก่อนจะเปิดมันภายในคือ สายสร้อยจากเปลือกหอยโบราณ ที่บิดาของนางเคยสวมใส่ และจดหมายเพียงไม่กี่บรรทัด:“แม้ข้าจะเป็นเงา แต่ข้าขอให้เจ้าจำข้าในยามที่แสงอาทิตย์สิ้นสุด”มือของซาโยะสั่น ดวงตาหนักด้วยหยาดน้ำ และภายในใจ... มีบางอย่างที่เริ่มแตกออก —

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 30 — ดินแดนที่ไม่มีผู้ชนะ

    บทที่ 30 — ดินแดนที่ไม่มีผู้ชนะรุ่งสางปกคลุมคฤหาสน์มิสุโนะด้วยหมอกหนา แสงแรกของวันไม่อาจส่องทะลุม่านสีเทา เหมือนชะตาของแผ่นดินที่ยังไม่รู้ปลายทางซาโยะนั่งอยู่หน้าชานเรือน ใต้ต้นสนโบราณ สวมกิโมโนสีม่วงหม่น ปลายผมยังเปียกจากการล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเช้า นางจ้องมองดาบของบิดา — ที่บัดนี้รู้แล้วว่าผู้ปลิดชีพท่าน ไม่ใช่ชายที่นางเกลียดมาเกือบครึ่งชีวิตแล้วจะโทษใคร? จะรักใคร? จะต่อสู้เพื่อใคร?เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากหลังม่านไม้ไผ่ ฮากุโร่ก้าวเข้ามาอย่างไร้เสียง เงาของเขาทาบลงบนแผ่นพื้นไม้เหมือนเงาของสงครามที่ไม่เคยหายไป“เจ้ายังไม่หลับอีกหรือ” เขาถามเสียงแผ่ว“ข้าไม่เคยนอนดีเลยตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้” ซาโยะตอบโดยไม่หันไปเขาเงียบ ไม่ตอบโต้ ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ โดยรักษาระยะห่างพอประมาณ — เหมือนทั้งสองยังเป็นศัตรูในสนามใจ“ข้ารู้ความจริงแล้ว” ซาโยะเอ่ยในที่สุด “เจ้าปิดปากมือสังหาร ไม่ใช่เพราะความยุติธรรม... แต่เพราะเจ้าต้องการอำนาจของตำแหน่งว่าง”ฮากุโร่พยักหน้า“ใช่ — ข้าไม่ได้บริสุทธิ์ แต่ข้าก็ไม่ได้ฆ่าพ่อเจ้าด้วยมือข้า ข้าแค่เดินเข้าไปในช่องว่างที่สงครามเปิดไว้”“นั่นต่างจากฆ่าเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status