Home / รักโบราณ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / 8 แผนการชั่วร้าย (รีไรท์)

Share

8 แผนการชั่วร้าย (รีไรท์)

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-06-11 00:45:31

บทที่ 8: แผนการชั่วร้าย

หลังจากการฝึกฝนอย่างหนักในหมู่บ้านของตระกูลไร้เงา อากิระรู้สึกถึงพลังที่แข็งแกร่งขึ้นในตัวเธอ มันไม่ใช่แค่พลังของเธอเอง แต่เป็นพลังที่ถูกหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณของคาเงะ และพลังจาก คาเงะ โนะ จิน ที่เธอได้สัมผัส

“เจ้าพร้อมแล้ว” ยามาโมโตะกล่าวในวันหนึ่งขณะที่อากิระกำลังฝึกฝน “ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความจริง”

“เราจะไปที่ไหน?” อากิระถาม

“เราจะกลับไปที่เมืองหลวง” คาเงะตอบ “เราต้องหยุดทาเคชิให้ได้ ก่อนที่เขาจะใช้พลังนั้นเพื่อทำลายทุกสิ่ง”

การเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงแตกต่างจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง อากิระไม่ได้เดินทางในฐานะเจ้าสาวที่ถูกบังคับมา แต่ในฐานะนักรบที่พร้อมจะต่อสู้เพื่อความจริงและความยุติธรรม เธอและคาเงะเดินกลับเข้าไปในเมืองหลวงด้วยความระมัดระวัง ทุกก้าวย่างของพวกเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด

เมืองหลวงที่เคยสง่างามกลับถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว ผู้คนเดินกันอย่างเงียบสงบและหวาดระแวง มีทหารของทาเคชิเดินตรวจตราอยู่ทุกมุมถนน และมีเสียงกระซิบถึงกลุ่มกบฏที่อ้างตนว่าเป็น “กองทัพผู้กอบกู้”

อากิระและคาเงะเดินทางไปที่ปราสาทของทาเคชิเพื่อสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม พวกเขาได้พบกับกลุ่มคนที่แต่งกายคล้ายชาวบ้านแต่กลับมีอาวุธซ่อนอยู่

“พวกท่านคือใคร?” อากิระถามอย่างระมัดระวัง

“เราคือผู้ที่ต้องการจะล้มล้างอำนาจของทาเคชิ” ชายคนหนึ่งตอบ “เราคือกลุ่มกบฏผู้กอบกู้”

อากิระและคาเงะมองหน้ากัน พวกเขารู้ดีว่ากลุ่มกบฏนี้อาจจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการชั่วร้ายของทาเคชิ

“เราสามารถช่วยพวกท่านได้” คาเงะเสนอ “เราจะลอบเข้าไปในปราสาทของทาเคชิเพื่อหยุดยั้งเขา”

“พวกเราจะไปกับพวกท่าน” ชายคนนั้นพูด

อากิระและคาเงะแสร้งทำเป็นเห็นด้วย แต่ในใจของพวกเขากลับวางแผนที่จะเข้าไปในปราสาทเพียงลำพัง เพราะพวกเขารู้ดีว่าหากกลุ่มกบฏนี้เป็นคนของทาเคชิจริงๆ พวกเขาก็จะตกเป็นเป้าหมายทันที

ในคืนเดียวกันนั้น อากิระและคาเงะแอบลอบเข้าไปในปราสาทของทาเคชิ ปราสาทดูมืดมิดและน่าขนลุกกว่าที่เคยเป็น พวกเขาเดินไปตามโถงทางเดินที่ว่างเปล่าจนกระทั่งได้ยินเสียงบางอย่างมาจากห้องโถงใหญ่

เมื่อพวกเขาแอบมองเข้าไปในห้องโถง พวกเขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น…

ทาเคชิกำลังยืนอยู่ตรงกลางห้องโถงที่มืดมิด และรอบตัวเขามีเงาที่ลอยอยู่เต็มไปหมด เงาเหล่านั้นไม่ใช่เพียงแค่เงาธรรมดา แต่มันคือ วิญญาณ ของทหารที่ตายในสนามรบ

“อำนาจที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่การควบคุมผู้คน” ทาเคชิพูดกับตัวเองเสียงแผ่ว “แต่อำนาจที่แท้จริงคือการควบคุมชีวิตและความตาย”

เขาหันไปมองกลุ่มกบฏที่ยืนอยู่ในมุมห้อง “และพวกเจ้า… ก็คือหมากตัวแรกที่ข้าจะใช้เพื่อทำลายทุกสิ่ง”

ทันใดนั้น เงาของทาเคชิก็พุ่งเข้าไปในตัวของกลุ่มกบฏเหล่านั้น ทำให้พวกเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่พวกเขาจะล้มลงไปบนพื้นอย่างไร้ชีวิต

อากิระและคาเงะมองดูเหตุการณ์นั้นด้วยความตกใจและสยดสยอง พวกเขารู้แล้วว่าทาเคชิไม่ได้ต้องการแค่พลังของอากิระ แต่เขาต้องการจะใช้พลังของเขาเพื่อควบคุมกองทัพวิญญาณ

“เราต้องหยุดเขาให้ได้” อากิระพูดเสียงสั่น

“แต่เรายังไม่พร้อมที่จะสู้กับเขา” คาเงะตอบ “เราต้องหนีไปก่อน”

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะหนีไป จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง

“สายไปแล้ว… คู่รัก” ทาเคชิพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “ข้าจะใช้พลังของเจ้าเพื่อสร้างโลกใบใหม่”

เงาของทาเคชิพุ่งเข้าใส่ทั้งสองอย่างรวดเร็ว อากิระและคาเงะต้องหนีตายอีกครั้ง และตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงแค่สงครามระหว่างแคว้น แต่เป็น สงครามแห่งเงา ที่เดิมพันด้วยชีวิตของทุกๆ คน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 129: พระที่ล้มแท่น

    “พระที่ล้มแท่น” พระบางคนเผาตำราเก่า และฟังเสียงเด็กแทน “เมื่อศรัทธาถูกใช้เพื่อปิดหู บางคนจึงเลือกปิดตำรา...เพื่อเปิดใจ” วัดโฮเซ็นจิในหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือของโยะริมิยะ เสียงระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่ง เคยดังก้องทุกเช้าค่ำ เรียกชาวบ้านให้สวดตาม สั่นเตือนให้พระผู้ถือบาตรเดินตามระเบียบ ก้องเตือนให้คนในศาสนจักรจำได้ว่า “คำข้างในตำรา...ศักดิ์สิทธิ์กว่าเสียงใด” แต่วันหนึ่ง เสียงระฆังเงียบ ไม่มีใครตี ไม่มีเสียงสวด มีเพียงกลิ่นควันจากกระดาษที่ถูกเผา พระที่เคยเทศน์จนเลือดเปื้อนหมึก ชื่อของเขาคือ “คันริว” ในวัยหนุ่ม เขาเคยจารึกบทสวดด้วยเลือดตนเอง เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ต้องบูชา ไม่ใช่ตั้งคำถาม เขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิด เคยตราหน้าเด็กที่ถามว่า “ทำไมบทสวดไม่พูดชื่อพ่อแม่ข้าเลย” แต่เขาก็เป็นคนเดียวในวัด ที่ทุกคืน…จะออกไปนั่งใต้ต้นสน เขียนสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา “เสียงที่แม่ร้องไห้” “ชื่อของคนที่ถูกฝังโดยไม่มีใครพูดถึง” “เสียงหัวเราะของเด็กที่ตายโดยไม่มีพิธี” เขาไม่เคยเผยสิ่งที่เขียน จนกระทั่งคืนหนึ่ง...ฝนตก เด็กที่เดินฝ่าฝนเข้า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำราเมื่อพื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึง เริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนา“เมื่อบทสวดไม่อาจเข้าถึงผู้คนก็เริ่มฟังกันเองโดยไม่ต้องอ้างคำใดในตำรา”กลางทุ่งอาเคะฮะ แคว้นที่ไม่มีชื่อบนแผนที่แผ่นดินแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า "เขตต้องสาป" โดยศาสนจักร เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยสร้างศาลา ไม่เคยมีแท่นสวด และไม่มีพระรูปใดตั้งรกรากยาวนานพอจะจารึกบทบูชาให้ถาวรแต่ในปีแห่งเงาเดินกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status