เป็นครั้งแรกที่ผมใช้ความรู้สึกนำทางในตอนที่พูดประโยคนั้นออกไป จะบอกว่าบรรยากาศพาไปก็อาจจะมีส่วน แต่ถ้าไม่ใช่เธอคนที่ชอบยั่วโมโหให้ผมหงุดหงิด ทำให้ผมสนุกทุกครั้งที่ได้แกล้ง เป็นเหมือนยานอนหลับที่ทำให้ผมนอนหลับสนิท ผมก็คงไม่พูดอะไรที่มันผูกมัดตัวเองออกไป แต่อันที่จริงเป็นผมเองนี่แหละที่อยากจะผูกเธอไว้กับตัว อยากจะบาปพยศเด็กดื้อสักหน่อย
"ขอฉันเป็นแฟน รับผิดชอบด้วยนะ" คนตัวโตกอดคอคนตัวเล็กเดินกลับที่พักไม่ห่าง พูดแซวเธออย่างหยอกล้อที่หลวมตัวพูดตามเขา "ฉันไม่ได้เป็นคนขอนะ ลุงนั่นแหละ" เด็กแสบเถียงแก้ต่างให้ตัวเอง ให้ผมทำความเข้าใจเสียใหม่ "ใช่หรอ..." แต่ผมเป็นคนตอบ เพราะงั้นเธอเป็นคนขอ "เดี๋ยวก็ปล่อยให้ขึ้นคานเลยนี่" "ไม่ให้ปล่อย" แขนแกร่งกระชับไหล่บางเข้าหาตัวให้แน่นขึ้นอย่างมันเขี้ยว แค่ได้ยินเธอพูดว่าจะปล่อยมือจากเขาใจที่เคยแกร่งดั่งหินผาก็กระตุกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาไม่มีทางคลายปมเชือกที่เขาเป็นคนผูกเราสองคนไว้ปล่อยให้เธอหลุดหายไปแน่ "จองตั๋วกลับวันไหน" "วันมะรืน" "ลุงอะ" "พรุ่งนี้ เดี๋ยวเลื่อน" ผมบอกคนตัวเล็กที่นอนแช่ในอ่างอาบน้ำหลับตาพริ้มอ้อนให้ผมสระผมให้ เมียเด็กมันขี้อ้อนแบบนี้เองสินะ 'หึ' ก่อนจะผลัดกันถูหลังผลัดกันฟอกสบู่ให้กันจนเสร็จ ผมก็ต้องเปลี่ยนจากตำแหน่งช่างสระผมมาทำหน้าที่ยืนเป่าผมเส้นเล็กจนแห้งสนิทพร้อมกับเทเซรั่มบำรุงเส้นผมลงฝ่ามือค่อยๆ ลูบลงผมหนานุ่มแบบที่เธอเคยทำให้ เรียกว่าบริการทุกระดับประทับใจเลยก็ว่าได้ อันที่จริงหน้าที่นี้ก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่จะเป็นเธอมากกว่าที่ถูกบังคับให้ทำอะไรแบบนี้ให้ผม "นอนให้มันดีดี" ผมบอกคนตัวเล็กที่กำลังนอนคว่ำเล่นมือถือยู่ข้างๆ ไหนจะขาเรียวขาวตีไปมาอย่างอารมณ์ดี ไหนจะก้อนภูเขาสองลูกที่โผล่พ้นออกมาจากชุดนอนนั่นอีก ทำลายสมาธิของผมไม่น้อย...มากเชียวละ "นอนยังไง แบบนี้หรอ" เด็กแสบพลิกตัวนอนตะแคงใช้มือค้ำศีรษะข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างยื่นมือทำท่าจะแกะกระดุมเสื้อนอนให้ผมพร้อมกับกัดปากนิดขยิบตาหน่อย ทำผมกัดฟันแน่น ให้มันได้อย่างนี้สิ! "ขี้ยั่วหว่ะ" เพี๊ยะ! มือแกร่งฟาดลงบนก้นกลมงอนที่พลิกตัวกลับไปนอนท่าเดิมอย่างมันเขี้ยว ได้แต่มองเธออย่างคาดโทษข้อหาที่ชอบแกล้งเขา เพราะตอนนี้เขาต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จเพื่อพรุ่งนี้จะได้มีเวลาพาเธอไปเดินเที่ยวกันก่อนกลับและเขาจะได้ดูของฝากไปฝากมามี๊กับน้องสาวด้วย แน่นอนว่าเขาไม่ลืมเลื่อนไฟล์ทบินของตัวเองแถมยังจัดการอัพเกรดที่นั่งให้เธอมานั่งที่นั่งส่วนตัวข้างเขา "ง่วงก็นอนก่อน" คนตัวเล็กพลิกตัวมาหนุนตักแกร่งปิดปากหาวมองตาปรือ ทำเขาต้องขยับไอแพดมาวางข้างๆ ให้เธอหนุนนอนสะดวก "ไม่เอารอนอนพร้อมกัน" หันมาอีกทีคนที่บอกว่าจะรอนอนพร้อมกันก็หลับตาพริ้มอ้าปากหวอไปแล้ว แต่ที่ทำให้เขายกยิ้มได้อีกครั้งก็เพราะรูปในหน้าจอมือถือที่เธอแต่งค้างไว้เป็นรูปข้อมือของเขาและเธอที่วางขนานกัน เขาเลยถือวิสาสะหยิบมือถือจากมือเล็กขึ้นมาส่งรูปนี้เข้าแชทของตัวเอง ก่อนจะนึกสนุกแอบเปิดไอจีของเธอโพสต์รูปนี้ลงสตอรี่พร้อมเลือกเพลงที่เธอเป็นนางเอกเอ็มวีและใส่ข้อความตัวเล็กจิ๋ว 'my secret' โพสต์ลงไป ส่วนมือถือของเขาจากที่เคยใช้รูปเธอตอนหลับเป็นภาพพื้นหลังก็เปลี่ยนมาเป็นรูปที่เขาบันทึกไว้เมื่อครู่แทน "ลุง วันนี้ฉันอยากไปถ่ายรูปตรงอุโมงค์ต้นไม้..." เมื่อคืนฉันลิสต์ไว้แล้วว่าวันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง "ฝัน" "หืม" ฉันมองเขาอย่างงุนงง อยู่ๆ ก็มาเรียกชื่อกัน "แทนตัวเองว่าฝัน" เป็นแฟนกันไม่กี่ชั่วโมงเอง ค่อยๆ เปลี่ยนได้มั้ยละ "..." "เร็วๆ" ใจร้อนจริงนะ "โอเคๆ แต่เรียกลุงเหมือนเดิมนะ ไม่รู้ละ จะเรียกแบบนี้" ฉันบอกอย่างเอาแต่ใจปิดบังความเขินอายที่มีถึงจะปิดไม่มิดก็เถอะ เพราะแก้มแดงเหมือนลูกสตอเบอร์รี่ไปเรียบร้อยแล้ว "..." "ฝ...ฝันอยากไปถ่ายรูปตรงอุโมงค์ต้นไม้ แล้วก็ไปกินบะหมี่" น่ารักพอมั้ยนะ? "ไม่ไป Universal?" คนเยอะเกินไป ฉันเลยตัดที่นั่นทิ้งเป็นที่แรก "ไม่อะ สงสารคนแก่" "โอ๊ย เจ็บนะ" ก็เขาเล่นบีบแก้มนุ่มๆ ของฉันอย่างแรง คิดว่าฉันเป็นตุ๊กตาหรือยังไงกัน แก้มฉันจะย้วยหมดแล้วนะ ฟอด จากที่หน้าแดงอยู่แล้ว เวลานี้น่าจะแดงมากกว่าเดิมมันรู้สึกร้อนวูบวาบเหมือนคนเป็นไข้เพราะคนข้างๆ โน้มตัวลงมาขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่ตรงที่เขาบีบเล่นเมื่อครู่นั่นแหละ ไม่มีใครขยันทำให้ใจฉันเต้นแรงได้เท่าเขาอีกแล้ว และตลอดทั้งวันเขาก็พาฉันไปเดินเที่ยว ใจดีเป็นตากล้องคอยถ่ายรูปให้โดยไม่บ่นเลยสักนิด เพราะบ่นเรื่องชุดที่ฉันใส่ชุดใหญ่ไปแล้วไงละ แค่กางเกงยีนส์ขาสั้นสีดำกับเสื้อกล้ามครอปสีขาวรองเท้าผ้าใบดูเท่จะตายไป แต่ก็นั่นแหละเพื่อความสบายใจของคนแก่ฉันก็เลยยอมใส่เสื้อแจ๊คเก็ตสีดำของเขาอย่างตามใจ จากหน้าตึงๆ คิ้วผูกเป็นปมยุ่งก็เลยยิ้มได้ตลอดทั้งวันแบบนี้ "ฝัน นั่งดีดี ไม่เอาท่านี้" "ฝันว่า ท่านี้ฝันสวย" "สวย แต่ขาสั้น" ฉันสูง 170นะ เดี๋ยวขาสั้น เดี๋ยวข้าวต้มมัด จะโมโหแล้วนะ! "อืม ไม่ถ่ายแล้ว" คนตัวเล็กพาตัวเองลุกขึ้นจากบันไดเดินขึ้นไปด้านบนโดยไม่รอตากล้องประจำตัว ก่อนจะหยุดเดินแล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายเซลฟี่คนเดียวไม่สนใจคนตัวโตที่วิ่งขึ้นบันไดตามหลังมา "มา พี่ถ่ายให้" "..." เชิญไปถ่ายต้นไม้ตรงโน่นเลยจ๊ะ วาดฝันไม่สน แม้ว่าเขาจะพยายามเดินตามพยายามเอื้อมมือมาจับ แต่คนตัวเล็กก็ทำทีเป็นหยิบลิปสติกขึ้นมาเติมบ้างเดินหนีเปลี่ยนมุมถ่ายรูปบ้าง จนเขาต้องหยิบมือถือเดินตามถ่ายรูปเธอไปเรื่อยๆ ต่อให้เธอถอดเสื้อคลุมของเขาออกอวดเอวบางๆ เผยผิวขาวๆ เขาก็ไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ "รูปนี้ฝันสวย ดูสิ" คนตัวโตวิ่งไปหยิบเสื้อแจ๊คเก็ตพร้อมกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอที่วางอยู่บนม้านั่งมาคล้องแขนตัวเองไว้ ก่อนจะเดินไปดักข้างหน้าเปิดรูปที่เขาถ่ายให้ดู หวังเรียกความสนใจจากเธอ เป็นรูปที่เธอยืนเผลอๆ ใช้มือเกี่ยวเส้นผมทัดหู "..." สวยจริงด้วย เธอชำเลืองตามองเล็กน้อยแล้วทำเป็นมองตรงนั้นตรงนี้ไม่ยอมมองหน้าเขา "รูปนี้ก็สวย เดี๋ยวพี่ส่งให้" พอเธอก้าวไปทางขวา เขาที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ก้าวไปทางซ้าย "..." "พี่หวง หวงได้มั้ย" สองมือใหญ่ประคองแก้มนุ่มที่เขาชอบฟัดให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน แววตาแบบนี้น้ำเสียงอบอุ่นติดอ้อนกันแบบนี้ทำใจดวงเล็กอ่อนยวบหลุดยิ้มออกมาอย่างง่ายดาย ที่จริงเธอก็ไม่ได้งอนเขาอะไรมากแค่อยากให้แฟนชมกันบ้างเท่านั้นเอง แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะง้อได้น่ารักขนาดนี้...เป็นครั้งแรกที่ผมใช้ความรู้สึกนำทางในตอนที่พูดประโยคนั้นออกไป จะบอกว่าบรรยากาศพาไปก็อาจจะมีส่วน แต่ถ้าไม่ใช่เธอคนที่ชอบยั่วโมโหให้ผมหงุดหงิด ทำให้ผมสนุกทุกครั้งที่ได้แกล้ง เป็นเหมือนยานอนหลับที่ทำให้ผมนอนหลับสนิท ผมก็คงไม่พูดอะไรที่มันผูกมัดตัวเองออกไป แต่อันที่จริงเป็นผมเองนี่แหละที่อยากจะผูกเธอไว้กับตัว อยากจะบาปพยศเด็กดื้อสักหน่อย"ขอฉันเป็นแฟน รับผิดชอบด้วยนะ" คนตัวโตกอดคอคนตัวเล็กเดินกลับที่พักไม่ห่าง พูดแซวเธออย่างหยอกล้อที่หลวมตัวพูดตามเขา"ฉันไม่ได้เป็นคนขอนะ ลุงนั่นแหละ" เด็กแสบเถียงแก้ต่างให้ตัวเอง ให้ผมทำความเข้าใจเสียใหม่"ใช่หรอ..." แต่ผมเป็นคนตอบ เพราะงั้นเธอเป็นคนขอ"เดี๋ยวก็ปล่อยให้ขึ้นคานเลยนี่" "ไม่ให้ปล่อย"แขนแกร่งกระชับไหล่บางเข้าหาตัวให้แน่นขึ้นอย่างมันเขี้ยว แค่ได้ยินเธอพูดว่าจะปล่อยมือจากเขาใจที่เคยแกร่งดั่งหินผาก็กระตุกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาไม่มีทางคลายปมเชือกที่เขาเป็นคนผูกเราสองคนไว้ปล่อยให้เธอหลุดหายไปแน่"จองตั๋วกลับวันไหน" "วันมะรืน""ลุงอะ" "พรุ่งนี้ เดี๋ยวเลื่อน" ผมบอกคนตัวเล็กที่นอนแช่ในอ่างอาบน้ำหลับตาพริ้มอ้อนให้ผมสระผมให้ เมียเด็กมันขี้อ้อนแบบนี้
"เธอหาคาเฟ่นั่งกัน" อยากเช็คอีเมล์สักหน่อย เพราะเลขาส่งข้อความมาให้ผมช่วยอนุมัติงานให้ด่วน เลยอยากไปหาที่นั่งอ่านเงียบๆ"คุณลุงเหนื่อยแล้วหรอ..." สองมือเล็กประคองแก้มสากบีบเล่นเบาเบาพร้อมน้ำเสียงหยอกล้อแววตาดูซุกซนเหมือนว่าผมแก่นักแก่หนา"เดี๋ยวจะโดน" จนผมต้องใช้หลังนิ้วเคาะที่จมูกเชิดรั้นไปหนึ่งทีระบายความมันเขี้ยวที่มี"งั้นไปที่นี่กันมั้ย รอดูน้ำพุด้วย" เธอเปิดรูปในมือถือให้ผมดูสถานที่ที่เธออยากไป"อืม"ผมและเธอเลือกใช้บริการรถไฟฟ้าเพื่อเดินทางไปห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลเพราะเธออยากไปขอพรที่น้ำพุแห่งความมั่งคั่งและรอดูการแสดงน้ำพุประกอบแสงเลเซอร์และเสียงเพลงอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่เธอไม่อยากพลาดกลัวจะมาไม่ถึง"ลุง รออยู่ตรงนี้นะ" หลังจากเดินขอพรครบสามรอบ เราก็พากันมาหาที่นั่งในคาเฟ่ ซึ่งผมเลือกนั่งมุมริมกระจกจะได้มองเห็นวิวด้านนอกมาก็หลายครั้งแล้ว แต่ผมยังไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด อาจเป็นเพราะครั้งนี้มีเด็กช่างพูดอยู่เป็นเพื่อน มองอะไรก็เธอก็พาผมตื่นเต้นไปด้วยทุกอย่าง ชักอยากจะพาเธอใส่กระเป๋าไปกับผมทุกที่แล้วละซิ..."แล้วเธอ?""จะไปซื้อของฝากให้พี่แพทหน่ะ""อืม เอาบัตรไป
"จะไปไหน""ห้องน้ำ"เสียงทุ้มงัวเงียถามคนในอ้อมกอดที่ค่อยๆ ขยับตัวออกจากอ้อมแขน ก่อนจะยอมปล่อยให้เธอไปทำธุระส่วนตัว ส่วนเขาก็นอนรออยู่ที่เดิมรอเธอกลับมานอนกอดกันต่อ เพราะทั้งเขาและเธอพึ่งพากันนอนเมื่อตอนแสงพระอาทิตย์ส่องผ่านผ้าม่านมาให้เห็น"ไปคุยงานกี่โมง""สิบโมง"คนตัวเล็กกลับมามุดผ้าห่มผืนเดียวกับเขาอีกครั้ง ส่วนเขาจากที่นอนคว่ำหน้าก็พลิกตัวตะแคงเลื่อนตัวลงไปซบหน้าอกนุ่มนิ่มของคนน้องแบบที่ชอบพาดแขนแกร่งกอดเอวบางไว้แน่นมีมือเล็กคอยลูบผมเขาเล่นเพลินๆ พากันเคลิ้มจนหลับสนิท"จะออกไปเดินเล่นรึป่าว" ผมหันไปถามเด็กดื้อที่นั่งมองผมแต่งตัวตาแป๋ว"อืม ว่าไปถ่ายรูปนะ" "รอสักสองชั่วโมงได้มั้ย" เพราะผมตั้งใจว่าพอประชุมเสร็จก็จะหนีกลับมาพาเธอไปเดินเที่ยว"รอทำไมอะ" มองหน้ากวนๆ แบบนี้ คงไม่พ้นจะปั่นประสาทให้ผมหัวหมุนแน่ มีเมียเด็กทำไมมันเหนื่อยจังวะ? "ก็อยากไปถ่ายรูป?" "อ่าฮะ" เด็กแสบพยักหน้าอมยิ้ม"แล้วจะให้ใครถ่ายให้" ผมยืนท้าวเอวถามมองเธอหน้านิ่ง เล่นเป็นเพื่อนซะหน่อย ดูซิ จะยั่วโมโหอะไรอีก"ก็ต้องมีหนุ่มๆ แถวนั้นถ่ายให้บ้างละ" ลอยหน้าลอยตาพูดสุดๆ ถ้าไม่ติดว่าใกล้ถึงเวลาประชุม เธอโดนเล่น
"ไปถ่ายแบบมาเป็นยังไงบ้าง" หลังจากจบคลาสฉันกับเพื่อนสนิทอย่างแองจี้ก็พากันมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวเรือหลังมหาวิทยาลัย เพราะฉันอยากกินกากหมูเจียว"สนุกมาก แต่ฉันคงต้องรับงานให้เยอะกว่านี้แล้วแหละ" "ทำไม แกไปทำรถเขาเป็นรอย?" สมกับเป็นเพื่อนรักของฉันซะจริง"บ้าหรอ ฉันอยากได้รถสวยๆ แบบนั้นบ้างต่างหาก""หาแฟนรวยง่ายกว่า" ก็จริงนะ! แต่จะหาจากไหนละ คนรวยเขาก็มีชอบนางเอกแถวหน้ากันทั้งนั้นแหละ ใครจะมามองนางแบบตัวเล็กตัวน้อยอย่างเรากัน"หรือมีแล้ว?""มะ มีอะไร ไม่มี" ไม่ดูมีพิรุธใช่มั้ยนะ"หรือจะเป็นนายแบบที่ถ่ายกับแก ได้ข่าวว่าโปรไฟล์เริ่ดไม่ใช่?" ทำไมวันนี้แองจี้พูดเยอะจังนะ"เฉยๆ นะ" ก็ไม่ได้เริ่ดอะไรมาก แค่มีซิกแพคแน่นๆ ผิวขาวใสเหมือนอาบน้ำวันละสิบรอบจมูกโด่งเป็นสัน ขนตางอนยาวเป็นแพร เป็นเจ้าของธุรกิจมากมายและขับรถหรู เท่านั้นเองคุณลุง : ได้ยินตายแล้ว! ฉันลืมไปเลยว่าค้างสายตาลุงไว้ตั้งแต่ในคลาสก็ตั้งแต่เช้านั่นแหละ เพราะเขาบินไปสิงคโปร์ด่วนตั้งแต่เมื่อวาน มาวันนี้ก็โทรมาปลุกฉันแต่เช้าและไม่ยอมวางอีกเลย จนฉันต้องเปิดบลูทูธเชื่อมต่อกับแอร์พอดแล้วเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าสะพาย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนท
"หืม ใครอะ" ตัวเล็กยืนเอนไปเอียงมาจนเขาต้องโอบเอวบางไว้แน่นจนใกล้กันมากพอให้เธอยกมือมาดึงแก้มสากให้ยืดออกเหมือนเป็นพิซซ่าขอบชีส พยายามปรือตามองหน้าอย่างสงสัย"ผัวมั้ง" ส่วนเขาก็เหล่ตามองตัวเล็กพร้อมกับตอบทีเล่นทีจริง อยากรู้ว่าเด็กขี้เมาจะโวยวายหรือจะยอมรับเขาง่ายๆ"ผัวหรอ" นิ้วสวยๆ เคาะลงบนแก้มสากของเขาเบาเบาอย่างใช้ความคิด เหมือนจะใช่คนนี้หรือว่าไม่ใช่กัน"อืม" "มั่วๆๆๆ ผัวฉันหล่อกว่านี้" จะมีใครหล่อกว่านี้อีกวะ? มือเล็กโบกตรงหน้าไปมาปฏิเสธสถานะที่เขายัดเยียดให้ แล้วผละตัวออกทำเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้า มือใหญ่เลยต้องรีบคว้าเอวบางเข้ามาใกล้จนอะไรต่อมิอะไรของเขาและเธอแนบแน่น และใช้แขนแกร่งอีกข้างล็อคสะโพกมนเอาไว้ไม่ให้เธอดิ้นจนเซล้ม"มีผัวแล้ว? " คิ้วเข้มขมวดเป็นปมกัดฟันแน่น ไม่เคยมีใครทำเขาหงุดหงิดได้เท่านี้มาก่อน"ช่ายยย" "ผัวชื่ออะไร" จะลองให้โอกาสอีกครั้ง ถ้าตอบได้ดีเขาก็จะไม่ทำโทษเธอที่ทำให้เขาโมโหมาค่อนวัน"ลุง ฟิล์ม" หน้าสวยซบลงแนบอกแกร่งตอบคำถามอย่างแผ่วเบา แต่เขาได้ยินชื่อคุ้นหูนี้ชัดเจนติ๊ง! ผมย่อตัวช้อนร่างบางขึ้นในท่าเจ้าสาวออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นบนสุดคอนโดของผม ก่อนจะ
หลังจากทีมงานเตรียมความพร้อมด้านนอกเรียบร้อยแล้ว ก็ส่งสัญญาณผ่านเลขาไอ้ติณให้ผมกับเพื่อนเดินออกไป แน่นอนว่าใครบางคนที่อยู่ห้องข้างๆ ก็กำลังเปิดประตูออกมาเหมือนกัน และที่ทำให้ผมหัวร้อนขึ้นมาจนแทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ก็เพราะชุดเดรสหนังเงาๆ สีดำที่มันรัดคนตัวเล็กซะจนผมหายใจไม่ออกสายก็เส้นเล็กไหนจะก้อนกลมๆ ที่โผล่พ้นขึ้นมาให้เห็นอีก เดินทีซิปแทบจะปริอยู่แล้ว"ร้อนหรอวะ""อืม" ไอ้ติณถามเพราะเห็นหน้าบึ้งตึงของผม จนทีมงานไม่กล้าเข้ามาใกล้"โทษทีหว่ะ กูขอสามรูปสวยๆ พอ" เพื่อนถึงกับตบไหล่ผมเบาเบาให้ผมใจเย็น และหันไปบรีฟทีมงานให้รีบถ่ายให้เสร็จ พร้อมกับให้เลขาเอาร่มมากางและพัดลมมาเป่าให้ผม"อืม"เพื่อให้งานของเพื่อนราบรื่น ผมพยายามปรับอารมณ์และสีหน้าเป็นปกติที่สุด เดินไปยืนรอที่รถสีเมทัลลิครอร่างบางที่กำลังเดินตามมาฟังบรีฟจากทีมงานอีกครั้ง"น้องฝันขา พี่ขอพริกสิบเม็ดเลยนะคะ""ได้ค่ะ"'อะไรคือพริกสิบเม็ดวะ' คำถามที่เกิดขึ้นในหัวถูกตอบเป็นท่าโพสต์โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว คนที่ทำให้ผมหงุดหงิดก็จัดแจงจัดท่าทางให้ผมยืนพิงกระโปรงรถก้าวเข้ามายืนตรงหน้า โพสต์ท่าเหมือนกำลังถอดแจ๊คเก็ตหนังของผมแล้วหันไป
"ลุงจะกลับเลยมั้ย""ไล่?" เป็นคนแก่ขี้งอนอย่างแท้ทรู"ไม่ได้ไล่ วันนี้ฉันมีถ่ายงานทั้งวัน""...""หรือจะไปส่ง" นี่ฉันง้อแล้วนะ เห็นแก่คนแก่นั่งหน้างอตาดำดำ"วันนี้ฉันมีธุระ" เขาพูดเท่านั้นก็ลุกจากที่นอนพาร่างสูงเปลือยเปล่าเดินเข้าห้องน้ำหน้าตาเฉย ทำฉันที่ยืนอยู่หน้ากระจกร้อนวูบวาบจนแก้มเปลี่ยนสีทั้งที่ยังไม่ได้ปัดบลัชออน หลังจากที่ฉันกับเขาสั่งของมากินรองท้องเบาเบาของเขาเป็นอเมริกาโน่เย็นกับครัวซองค์แฮมชีส ส่วนของฉันเป็นมัทฉะเย็นกับเบเกิ้ลแสนอร่อย เราสองคนก็ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง และนัดกลับมาเจอกันที่คอนโดทำมื้อเย็นง่ายๆ กินด้วยกัน บอกตามตรงฉันติดใจฝีมือทำอาหารของเขาเข้าอย่างจัง"น้องฝัน วันนี้เป็นงานคู่นะคะ" พี่แพทถือร่มยืนรอเตรียมบรีฟงานให้ฟังทันทีที่ฉันลงจากรถ"งานคู่? ไม่เห็นบอกกันก่อนเลยค่ะ" "ทางลูกค้าพึ่งส่งบรีฟมาให้พี่เมื่อคืนเองค่ะ""คู่กับใคร พี่แพทรู้มั้ยคะ""เหมือนจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มเพื่อนของคุณตริติณนะคะ""โห ฝันเริ่มเกร็งแล้วสิ" ลำพังถ้าเป็นคนในอาชีพเดียวกันฉันคงไม่ต้องกังวลอะไรมาก"พี่เชื่อว่า คุณน้องทำได้ค่ะ"งานในวันนี้เป็นงานถ่ายแบบคู่กับรถหรูราคาหลายสิ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก"เธอ รอแป็บนะ" ผมบอกคนในสายที่กำลังนั่งตาปรืออยู่คุยเป็นเพื่อนผม"อืม"เขาวางแมคบุ๊คลงบนที่นอน และพาร่างสูงเหมือนนายแบบเดินไปส่องตาแมวที่ประตูห้องพักด้วยความสงสัย เพราะเขาไม่ได้โทรไปสั่งอาหารหรือของแต่อย่างใด จะว่าเลขา รายนั้นก็พึ่งส่งข้อความมาบอกว่าขอออกไปช้อปปิ้งเมื่อครู่"สวัสดีค่ะ คุณฟิล์ม" คนตรงหน้าสร้างความแปลกใจให้ผมไม่น้อย เพราะเธอเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่เดินทางมางานเดียวกัน เคยพบปะพูดคุยกันตามงานโดยไม่มีอะไรเกินเลย ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามส่งสายตาอยู่หลายครั้งก็ตาม เธอสวยแต่บอกเลยว่าไม่ใช่สเปคผมรู้จักห้องผมได้ยังไงวะ? "ครับ" ร่างสูงตอบรับด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มใดๆ "เมลพักอยู่ห้องข้างๆ นี่แหละค่ะ" "อ่อ ครับ" โลกกลมเกินไปมั้ง"คือเมลอยากชวนคุณฟิล์มไปดินเนอร์ด้วยกันค่ะ" "คือ ผมติดประชุม วันนี้คงไม่สะดวก" ผมคิดว่าการตอบปฏิเสธแบบนี้ดูสุภาพมากที่สุด เพราะคงต้องเจอกันอีกหลายงาน"งั้น ไว้พรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ ห้ามปฏิเสธกันนะคะ" "อะ เอ่อ..." "จุ๊บ บายค่ะ" เธอคนนั้นกระโดดเข้ามากดจูบที่แก้มสากโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองที่อยู่ข้างกัน แต่ย
"น้องฝัน หนูได้งานนี้นะคะ" วันนี้พี่แพทขับรถมารับฉันไปทำทรีทเมนต์หน้าที่คลินิกซึ่งฉันเพิ่งเซ็นต์สัญญาไปเมื่อวันก่อนและมีคิวถ่ายรูปโปรโมทในเดือนหน้า เลยต้องมาเตรียมความพร้อมให้ผิวกันสักหน่อย"งานไหนคะพี่แพท" เพราะพี่แพทส่งโปรไฟล์ของฉันไปหลายงานมาก "ก็งานพรีเซ็นเตอร์รถหรูไงคะ" "จริงหรอคะ ดีใจจัง" เป็นอีกหนึ่งงานที่เหมือนเป็นความฝันของฉันเลยนะ ไม่คิดว่านางแบบน้องใหม่อย่างฉันจะได้งานนี้กับเขาด้วย"ดีใจ แต่หน้าหงอยมากค่ะลูกสาวแม่" หงอยหรอ? ฉันว่าปกตินะ"สรุปว่าดีใจหรือไม่ดีใจคะ" "ต้องดีใจสิคะ ดีใจม๊ากมากค่ะ" ฉันหันไปยิ้มจนตาหยีให้ผู้จัดการส่วนตัวเชื่อในคำตอบของฉันก่อนจะแยกกันไปทำทรีทเมนต์คนละห้อง เพราะพี่แพทนางอยากเติมตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น ส่วนฉันขอแค่บำรุงผิวเติมวิตามินแค่นั้นพอ เดี๋ยวใครบางคนกลับมาจะจำกันไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้นอนฝันหวานไปถึงไหน"พี่แพท ไปหาที่ถ่ายรูปกันมั้ยคะ" ไหนๆ วันนี้ก็แต่งตัวน่ารักๆ ออกมาแล้ว ขอทำคอนเทนต์นิดนึงแล้วกัน"อารมณ์ไหนคะ""อารมณ์คนเหงามั้งคะ" "ถ้าน้องฝันลองเปิดใจคุยกับหนุ่มๆ ที่ไดเรคมาหาทุกวัน ก็ไม่เหงาแล้วค่ะ""ไม่