เวลาผ่านไปไม่นาน จอมใจกับจารวีก็มาถึงอพาร์ตเมนต์อย่างรวดเร็ว จอมใจพามารดาของตัวเองมายังห้องพักของเธอสไตล์มินิมอลของตัวเอง
จารวีเข้ามาภายในห้องของจอมใจด้วยความคุ้นชินกับที่นี่เป็นอย่างดีเพราะเธอค่อนข้างจะมาอาศัยกับลูกสาวบ่อยๆ ทุกครั้งที่สามีของเธอเมาจนขาดสติและจะทำร้ายเธอ เธอก็จะโทรหาจอมใจทุกครั้งเหมือนดั่งเช่นครั้งนี้
“แม่เจ็บตรงไหนไหม” จอมใจปิดประตูห้องพักลงพร้อมกับเอ่ยถามมารดา
“แม่ไม่เจ็บตรงเลยลูก” จารวียกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาพลางตอบกลับลูกสาว
“แม่กินข้าวมาหรือยัง หนูทำอะไรให้กินไหม”
“แม่ขอโทษนะจอมใจ” จารวีมองหน้าลูกสาวด้วยความรู้สึกผิดที่มีอยู่เต็มอก
“ไม่เป็นไรเลยจ้ะแม่” จอมใจตอบกลับมารดาไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“หนูไปอาบน้ำเถอะลูกทำงานมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวแม่ทำอะไรให้กินนะ”
“งั้นก็ได้จ้ะ”
สิ้นเสียงของจอมใจ หญิงสาวเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่บนราวและชุดนอนแขนยาวขายาวในตู้เสื้อผ้ามาถือไว้ จากนั้นเธอก็ก้าวเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที
จารวีเดินไปเปิดดูตู้เย็นดูวัตถุดิบที่มีอยู่ในตู้เย็นก่อนที่เธอจะเดินออกมาตรงระเบียงห้องเพื่อล้างหน้าล้างตาที่อ่างล้างมือและทำอาหารให้ตัวเองกับลูกสาวได้รับประทานด้วยกัน
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง จารวีทำอาหารจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินถือถ้วยจานเข้ามาตั้งโต๊ะอาหารรอลูกสาวของเธออาบน้ำเสร็จ
จอมใจสวมชุดนอนแขนยาวขายาวสีน้ำตาลเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำด้วยเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กเพื่อรองรับหยดน้ำที่จะหยดลงมาเปียกเสื้อผ้าของเธอ
“ไปเป่าผมให้แห้งก่อนนะลูก จะได้มากินข้าวด้วยกัน” จารวีหันมาเอ่ยกับจอมใจในขณะที่มือของเธอกำลังจัดโต๊ะอาการขนาดเล็กอยู่
จอมใจพยักหน้าให้มารดาหนึ่งครั้งก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องสำอาง มือบางเอื้อมไปดึงรั้งผ้าขนหนูผืนเล็กออกจากเรือนผมของตัวเอง จากนั้นจอมใจก็หยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาเป่าผมของตัวเอง
เวลาผ่านไปไม่นานเรือนผมสีน้ำตาลเข้มของจอมใจก็แห้งสนิท หญิงสาววางไดร์เป่าผมลงไว้ตรงหน้าของเธอและลุกขึ้นยืนเดินมาตรงโต๊ะทานข้าวขนาดเล็กกะทัดรัด
จารวีจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อยเธอก็เดินไปล้างมือตรงระเบียงก่อนที่เธอจะกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับย่อตัวนั่งลงพร้อมลูกสาว จารวีทำเมนูง่ายๆ มาสามอย่างมีพัดผักรวมมิตร ไข่เจียวและต้มข่าไก่
จอมใจนั่งมองหน้ามารดาอยู่ตรงข้ามกัน เธอรู้สึกสงสารคนเป็นแม่จับใจแต่เธอก็ทำได้เพียงเท่านี้ เธออยากจะให้แม่มาอยู่กับเธอแต่จอมใจก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
“กินเยอะๆ นะลูก” จารวีตักข้าวใส่จานยื่นให้ลูกสาวพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“แม่ด้วยนะ” จอมใจส่งยิ้มบางๆ ไปให้มารดา
หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็ใช้เวลาทานอาหารด้วยกันโดยที่ไม่ได้มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักคำเพราะจอมใจไม่อยากให้มารดาคิดมากไปมากกว่านี้
พวกเธอใช้เวลามื้อค่ำด้วยกันไปอย่างช้าๆ จอมใจพยายามส่งยิ้มให้มารดาตลอดเวลาถึงแม้เธอจะมีเรื่องหนักใจมากมายแค่ไหนแต่เธอก็ต้องพยายามเก็บซ่อนมันไว้ในใจ จนกระทั่งมื้อค่ำของสองแม่ลูกผ่านพ้นไป
เมื่อทานอาหารเสร็จจอมใจก็ช่วยมารดาเก็บโต๊ะและถ้วยจานไปไว้ที่อ่างล้างจานตรงระเบียง จารวีตั้งท่าจะล้างจานแต่ก็โดนจอมใจเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
“แม่ไปอาบน้ำเลยจ้า เดี๋ยวหนูล้างเองนะ”
“งั้นก็ได้จ้ะ” จารวีตอบกลับลูกสาวก่อนที่เธอจะเดินกลับเข้าไปในห้อง
จอมใจจัดการล้างถ้วยจานและแก้วอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ร่างอรชรจัดการห้องครัวตรงระเบียงของเธอจนเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวก็เดินกลับเข้ามาในห้องพักของตัวเอง
ร่างแบบบางของจอมใจก้าวเดินไปนั่งตรงโต๊ะไม้มินิมอลข้างๆ เตียงนอนพร้อมกับเปิดแล็ปท็อปของตัวเองขึ้นมา มือบางเริ่มกดแป้นพิมพ์เพื่อที่จะทำงานที่ค้างคาต่อไว้ให้เสร็จสิ้น หญิงสาวนั่งทำงานได้สักพักจารวีก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา จอมใจหันไปยิ้มให้มารดาหนึ่งครั้งพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เดี๋ยวหนูนั่งทำงานสักพักก่อนนะ แม่นอนก่อนได้เลย”
“จ้ะ” จารวีตอบกลับสั้นๆ ทำให้จอมใจหันมาตรงหน้าจอแล็ปท็อปเพื่อที่จะทำงานต่อ
จารวีมองไปที่ลูกสาวด้วยความรู้สึกที่หน่วงในใจ เธอไม่อยากให้ลูกสาวของตัวเองต้องมาลำบากแบบนี้เลย แค่ที่เธอไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆ ให้ลูกเธอก็ละอายใจมากพออยู่แล้ว มิหนำซ้ำทุกวันนี้จอมใจยังต้องแบกรับปัญหาทุกอย่างเพียงคนเดียวอีก เธอควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีนะ
เช้าวันใหม่
บริษัทศิริโชติจำกัด
ร่างอรชรของจอมใจสวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกระโปรงทรงเอสั้นสีกรมเข้มกำลังนั่งจัดการกับเอกสารกองโต๊ะบนโต๊ะอยู่หน้าห้องทำงานของท่านประธาน ผมยาวสลวยถูกมัดรวบตึงไว้ตรงกลางศีรษะทำให้ใบหน้าของเธอยิ่งดูเฉียบคมน่าค้นหายิ่งนัก หญิงสาวนั่งรถมาทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ส่วนจารวีก็แยกกับจอมใจไปคนละทาง จารวีไปอีกทางหนึ่งเพราะเธอทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งซึ่งอยู่คนละทางกับบริษัทของลูกสาว
นักรบเดินออกมาจากลิฟต์หรูด้วยท่าทางน่าเกรงขามกับใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งเรียบไร้อารมณ์ตามสไตล์ของชายหนุ่ม ชายหนุ่มปรายตามองจอมใจที่กำลังก้มหน้าก้มตากับแฟ้มเอกสารอยู่เล็กน้อย เสียงทักทายดังขึ้นตลอดทางพร้อมกับพนักงานยืนขึ้นทำความเคารพประธานบริษัทแบบนี้เป็นประจำแต่นักรบก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรไป
จอมใจเงยหน้าขึ้นมามองตรงหน้าก็พบว่านักรบกำลังเดินมา หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยทักทายเจ้านายด้วยน้ำเสียงสดใส
“สวัสดีค่ะท่านประธาน”
“อือ” เสียงทุ้มขานรับในลำคอและเปิดประตูเดินเข้าห้องไปทันที
จอมใจนั่งลงทำงานของตัวเองตามเดิมเพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับท่าทีเย็นชาของเจ้านายที่เป็นปกติแบบนี้มาตั้งนานแล้ว
หลังจากนั้นจอมใจก็เดินไปที่ห้องทานอาหารของชั้นนี้เพื่อชงกาแฟให้กับเจ้านาย หลังจากที่จอมใจชงกาแฟเสร็จเรียบร้อย เธอก็รีบยกถาดแก้วกาแฟดำเดินไปในห้องทำงานของนักรบทันที
“ขออนุญาตค่ะท่านประธาน..กาแฟค่ะ” จอมใจเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับยกถาดวางไว้บนโต๊ะทำงาน
มือบางยกแก้วกาแฟออกจากถาดและวางไว้ให้ชายหนุ่มบนโต๊ะทำงานก่อนที่เธอจะหยิบถาดขึ้นมาถือเอาไว้ จอมใจหันหลังกลับเพื่อที่จะเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มแต่ทว่าเสียงทุ้มทรงพลังก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
“ค่ะท่านประธาน” จอมใจหันหลังกลับมาหาชายหนุ่ม
“วันนั้น…ฉันไม่ได้ป้องกัน” นักรบเอ่ยออกไปพร้อมกับมองจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตด้วยแววตานิ่งเรียบจึงทำให้จอมใจชะงักไปเล็กน้อยแต่หญิงสาวก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ปกติราวกับว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไร
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ ท่านประธานไม่ต้องกังวลใจไปเลยนะคะ จะไม่มีปัญหาตามมาอย่างแน่นอนค่ะ”
“…” นักรบไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขายังคงจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของจอมใจ
“ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะท่านประธาน” จอมใจก้มหัวให้เจ้านายหนึ่งครั้ง
จากนั้นหญิงสาวก็รีบหันหลังกลับและย่างกรายเดินออกมาจากห้องทำงานของนักรบอย่างช้าๆ ด้วยใจดวงน้อยที่เต้นดังโครมครามขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาแต่พอโดนชายหนุ่มพูดขึ้นมาแบบนี้มันก็ทำให้เธอหน้าชาคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะเลยเหมือนกัน
นักรบมองตามแผ่นหลังแบบบางที่กำลังเดินออกจากห้องทำงานไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เขาคิดว่าผู้หญิงที่เสียครั้งแรกให้กับผู้ชายควรจะเรียกร้องอะไรมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมจอมใจถึงเลือกที่จะทำตัวและพูดแบบนี้กลับมากันแน่นะ
ชายหนุ่มนั่งจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอยู่สักพักใหญ่ๆ ในขณะนั่นเองเสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของนักรบก็ดังสั่นขึ้นมา ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์
จากนั้นมือหนาก็เคลื่อนไปล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาดู ชายหนุ่มมองจ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์
ภูผา
เมื่อเขารู้ว่าปลายสายที่ติดต่อมาคือมือขวาของตัวเอง นักรบก็กดรับสายพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาทันที
“ว่าไง”
‘นายครับที่คฤหาสน์เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อยครับ’ ปลายสายตอบกลับมา
“เดี๋ยวกูรีบไป”
ริมฝีปากหนาของนักรบฉกจูบลงบนเรียวปากสีชมพูระเรื่ออย่างจาบจ้วง ลิ้นสากร้อนส่งเข้าไปทักทายกับลิ้นเรียวเล็กพร้อมกับขบเม้มริมฝีปากล่างของหญิงสาวเบาๆ มือหนาเลื่อนต่ำลงมาโอบรอบเอวคอดกิ่งพลางดึงรั้งหญิงสาวให้แนบชิดกับแผงอกแกร่งเปลือยเปล่า มือบางยกขึ้นมาลูบไล้หน้าอกกำยำอย่างแผ่วเบาด้วยความเสน่หา นิ้วเรียวเล็กซุกซนสะกิดยอดจุกของชายหนุ่มพลางจูบตอบสามีจนเสียงทุ้มครางต่ำในลำคอด้วยความพึงพอใจชายหนุ่มเคลื่อนมือสากล้วงเข้าไปในเสื้อสีขาวสะอาดตาของจอมใจก่อนที่มือหนาจะหยุดลงตรงเต้าอวบอิ่ม เขาบีบเคล้นก้อนเนื้อนุ่มนิ่มอย่างเมามัน ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังคงจูบกันเกี่ยวพันลิ้นร้อนอย่างดูดดื่มนักรบคว้ามือบางให้ล้วงเข้าไปในกางเกงผ้าเบาสบายของเขา จอมใจรู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี มือเล็กล้วงเข้าไปสัมผัสหยอกล้อกับแก่นกายใหญ่ที่มีเส้นเลือดปูดโปนกำลังแข็งขันชูชันสู้มือ หญิงสาวถลกหนังหุ้มปลายหัวหยักแดงก่ำลงพลางใช้นิ้วเล็กลูบวนบนปลายหัวจนเริ่มมีน้ำใสๆ ไหลปริ่มออกมาจากรูเล็กตรงกลางหัวมันเงาชายหนุ่มไม่รอช้า มือหนาเริ่มปลดกระดุมชุดนอนสีขาวสะอาดตาของหญิงสาวออกอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากหนาค่อยๆ เคลื่อนไปตรงซอกคอขาวเนี
หนึ่งปีผ่านไปร่างอรชรของจอมใจนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่กำลังพูดคุยกับณิชาไปเรื่อยเปื่อยบนโซฟากลางห้อง ตรงพื้นห้องมีเหล่าบรรดาสาวใช้ประมาณสองคนที่กำลังเก็บข้าวของที่เกลื่อนกลาดตรงพื้นห้องอยู่ ถัดไปก็มีแม่บ้านที่อาวุโสที่สุดในคฤหาสน์กำลังนั่งมองเด็กทารกวัยหนึ่งขวบหลับอยู่ในเปลนอนสีน้ำตาลสุดหรูด้วยสายตาเอ็นดูและหลงใหลในความน่ารักน่าชังของเด็กน้อยตั้งแต่มีเด็กชายตัวน้อยๆ เข้ามาในคฤหาสน์ ทุกคนในบ้านก็ดูจะมีชีวิตชีวาขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งทุกคนยังเลี้ยงดูเด็กชายช่วยกันเป็นอย่างดีจนแทบจะเรียกได้ว่าแย่งกันเลี้ยงเลยทีเดียวเหนือสมุทรเดินเข้ามาในห้องโถงพลางกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ในห้อง เมื่อชายแก่เห็นว่าเด็กชายหลับอยู่เขาจึงค่อยๆ เดินย่องให้เบาที่สุด ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วเด็กน้อยจะตื่นยากแต่เหนือสมุทรก็ไม่อยากรบกวนการนอนหลับของเด็กชายตัวน้อยสักเท่าไหร่“สวัสดีค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะคุณปู่” ณิชากับจอมใจกล่าวทักทายชายแก่พร้อมกัน “นักรบละ” เหนือสมุทรเอ่ยถาม“อยู่ในห้องทำงานค่ะ” จอมใจตอบกลับพลางส่งยิ้มหวานไปให้“ฉันซื้อเสื้อผ้ากับของเล่นมาให้เหลนฉัน”“จอมทัพเพิ่งหลับไปสักพักเองค่ะ” จอมใจบอกกล่าวเหนือสมุท
สี่เดือนต่อมาเสียงเอ๊ะอ๊ะโวยวายภายในคฤหาสน์ของตระกูลเทวาศิริโชติดังขึ้นมา ร่างกำยำของนักรบกำลังอุ้มจอมใจที่ท้องโตในท่าเจ้าสาวกำลังก้าวตรงมายังลานจอดรถด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจและวิตกกังวล เพราะเมื่อสักครู่นี้จอมใจเดินลงบันไดมาอยู่ดีๆ เธอก็บอกกับเขาว่าเธอเจ็บท้องมากๆ ซึ่งในเวลาต่อมาน้ำคร่ำของเธอก็แตกไหลเปียกลงมาระหว่างเรียวขาสวย นักรบรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวจะคลอดลูกชายตัวน้อย เขาจึงรีบช้อนร่างอวบอิ่มอุ้มตรงมาที่รถอย่างรวดเร็ว เหล่าสาวใช้รีบวิ่งไปตามมารดาของนักรบทันที“จอมใจ! อดทนหน่อยนะ!” เสียงทุ้มทรงพลังเอ่ยกับร่างเล็กในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงสั่นเทา“ฮึก! คะ..ค่ะ อืออ” จอมใจหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเจ็บปวดที่ท้องและอาการมดลูกหดเกร็งที่บีบรัดอยู่เป็นระยะ“ไหวไหม” นักรบเอ่ยถามหญิงสาวไม่หยุดปาก“วะ..ไหวค่ะ ฉันไหวค่ะ” หญิงสาวพยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้“ไอ้ภูผา! ไอ้ภูผา! ไปไหนของมันวะ” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังลั่นเมื่อเขาอุ้มภรรยามาถึงลานจอดรถของคฤหาสน์ ทว่าเขากลับไม่เห็นคนสนิทของเขา“นักรบ ใจเย็นๆ นะลูก ให้คนอื่นขับพาไปก็ได้นะลูก” ณิชาที่รีบวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกกล่าวกับลูกชายทันที“ไม่ได้แม่…ต้องให้มัน
สองเดือนผ่านไปหญิงสาวร่างอวบอิ่มหน้าท้องนูนเด่นขึ้นมาเล็กน้อยกำลังนอนอยู่บนเตียงตรวจโดยมีคุณหมอคนสวยสวมเสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่ข้างเตียงกับชายหนุ่มร่างกำยำที่นั่งอยู่ใกล้ชิดกับจอมใจด้วยใบหน้าที่ดูตื่นเต้นเล็กน้อย นักรบกับจอมใจมาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายของจอมใจและเพื่อตรวจเพศของทารกในครรภ์“ตอนนี้เรากำลังจะมาดูเพศน้องกันนะคะ” เสียงเครื่องอัลตราซาวน์ดังขึ้นเป็นระยะในขณะที่คุณหมอคนสวยดูท่าทางใจดีและอบอุ่นกำลังใช้หัวตรวจวนไปวนมาอยู่ตรงเจลที่ทาไว้ก่อนหน้านี้ตรงหน้าท้องของจอมใจ“เดี๋ยวรอน้องอยู่ในท่าที่เห็นได้ชัดก่อน หมอจะแจ้งให้ทราบนะคะ” หมอสาวค่อยๆ ขยับหัวตรวจอย่างแผ่วเบาอยู่สักพัก นักรบมองท้องของหญิงสาวสลับกับหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างใจจดใจจ่อ“เห็นชัดแล้วค่ะ..น้องเป็นผู้ชายนะคะ” สิ้นเสียงคุณหมอคนสวย จอมใจหันหน้าไปมองชายหนุ่มพลางฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีอกดีใจให้เขาทันที แน่นอนว่านักรบเองก็ดีใจมากๆ เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเพศไหนเขาก็รักลูกของเขาอยู่ดีทว่าได้ลูกชายก็ดีเลยเพราะเขาก็อยากจะสอนถ่ายทอดวิชาและการใช้ชีวิตต่างๆ ให้กับลูกชายของเขา“ดีใจด้วยนะคะคุณพ่อคุณแม่”“ขอบคุณนะคะคุณหมอ” เสียงหวา
หลังจากที่นักรบพาภรรยาคนสวยไปทานมื้อค่ำกันจนเสร็จเรียบร้อย คู่สามีภรรยาก็พากันกลับมายังคฤหาสน์ในช่วงพลบค่ำของวัน ชายหนุ่มร่างกำยำโอบไหล่แบบบางของภรรยาเดินตรงเข้ามาในคฤหาสน์ ในขณะเดียวกันสาวใช้ก็เดินตรงมาหาพวกเขาพอดี“นายท่านคะ..ท่านปู่มาค่ะ” สาวใช้ชุดดำเอ่ยขึ้นทันที“อือ” นักรบพยักหน้าให้เธอ สาวใช้ก้มหัวให้เจ้านายหนึ่งครั้งก่อนที่เธอจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์“มีอะไรหรือเปล่าคะ” จอมใจเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย วันแต่งงานพวกเธอก็ไม่ได้คุยอะไรกับปู่ของนักรบเลยสักนิดเพราะยุ่งกับงานแต่งอยู่ ซึ่งท่านเองก็เงียบขรึมไม่พูดไม่จาอะไร เธอจึงไม่รู้ว่าชายแก่คิดอะไรอยู่“ไม่มีอะไรหรอก เข้าไปในบ้านกันเถอะ” พูดจบ ชายหนุ่มก็พาหญิงสาวเดินเข้ามาในคฤหาสน์และตรงไปยังห้องรับแขกทันทีชายแก่ที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นดูดุดันน่าเกรงขามนั่งอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขกด้วยใบหน้านิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา นักรบเดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับจอมใจที่เดินเคียงข้างชายหนุ่มเข้ามา“มาทำไม” เสียงทุ้มของนักรบเอ่ยถามชายแก่ทันที “สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือขึ้นมาพนมกลางอกพลางกล่าวทักทายชายแก่อย่างนอบน้อม“ฉันซื้อผลไม้
คู่รักข้าวใหม่ปลามันลงมาจากชั้นสองของคฤหาสน์พร้อมกัน จอมใจสวมชุดเดรสสั้นทรงตรงสีขาวแขนกุดมีใบหน้าที่อิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ชายหญิงตื่นมาทานอาหารเช้ากับมารดาทั้งสองคน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่หนุ่มสาวก็ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ต้องมานั่งรอพวกเขาเพื่อทานอาหารเช้า“ตื่นเช้ากันจังเลยละลูก” เสียงของณิชาเอ่ยทักทายคู่สามีภรรยาที่เดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมกัน“หนูกลัวว่าคนอื่นจะรอกินข้าวค่ะ” จอมใจตอบกลับไปอย่างนอบน้อม“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย พวกแม่เข้าใจดี” ณิชาหันไปยิ้มกรุ้มกริ่มกับจารวีที่นั่งอยู่ข้างเธอ“มาๆ กินข้าวกันลูก” จารวีพูดขึ้นมา นักรบกับจอมใจจึงเดินไปนั่งลงประจำที่ของตัวเอง ชายหนุ่มนั่งลงตรงหัวโต๊ะและจอมใจเดินไปย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านขวามือของนักรบ พวกเขาทั้งสี่คนลงมือทานอาหารเช้าด้วยกันอย่างช้าๆ บรรยากาศภายในบ้านดูอบอุ่นแตกต่างจากเมื่อก่อนไปเยอะมาก“จ๋า เธอก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเลยสิ” มารดาของนักรบเอ่ยขึ้นมาในขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารกันอยู่“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเกรงใจ” จารวีตอบกลับ แค่นี้เธอก็เกรงใจครอบครัวของณิชามากๆ แล้ว“จะเกรงใจทำไม คนกันเองทั้งนั้น อีกอย่างเราก