“แม่หนูจะรับแลกเหรอ แต่ของพวกนี้มันไม่มีค่าอะไรมากนัก ป้าขอแค่อาหารพอประทังชีวิตและยาลดไข้ให้ลูกชายก็พอ”
“ถ้าอย่างนั้นป้ารอฉันตรงนี้ก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวฉันมา ห้ามไปไหนนะ และเก็บของพวกนี้ไว้ก่อน อย่าให้ใครเห็นเดี๋ยวจะเป็นอันตราย ฉันไปไม่นาน”
“จริงเหรอแม่หนู แม่หนูยอมรับแลกใช่ไหม”
“ค่ะป้า รอก่อนนะ”
โจวเพ่ยชิงยิ้มให้ป้าและพยักหน้ายืนยัน ก่อนจะขี่จักรยานออกมาและหามุมลับตาเพื่อเอาของออกมาให้ย่าหลานคู่นี้
“อาหารแห้ง เนื้อสัตว์ ยารักษาโรค ป้าคนนั้นต้องการอะไรอีกหรือเปล่านะ” โจวเพ่ยชิงเลือกของใส่ตะกร้าให้ป้าคนนั้น พร้อมกับทบทวนข้าวของที่จะมอบให้กับป้าคนนั้น
“ผ้าห่ม เสื้อผ้า” เธอยังคงเลือกของไม่หยุด สุดท้ายก็เต็มสองตะกร้า “ตายละ เยอะแบบนี้สองคนนั้นจะเอากลับยังไง”
โจวเพ่ยชิงได้ของถึงสองตะกร้าใหญ่ ข้าวของพวกนี้เธอไม่ได้เสียเงินซื้อจึงไม่รู้สึกเสียดายสักนิด เธอต้องการส่งต่อให้กับคนที่ยากลำบากเช่นกัน
เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการโจวเพ่ยชิงจึงออกมาจากมิติ และเอาตะกร้าทั้งสองผูกไว้กับจักรยาน ก่อนจะขี่กลับไปหาย่าหลานคู่นั้น
“มาแล้วค่ะป้า” โจวเพ่ยชิงพอมาถึงก็จอดรถจักรยานและเรียกหาทั้งสองคนด้วยความดีใจ
“พี่สาวมาแล้วครับย่า มีของมาเต็มเลย”
เด็กน้อยร้องเรียกย่าของตนอย่างดีใจ เมื่อเห็นโจวเพ่ยชิงลงจากจักรยานพร้อมปลดตะกร้าที่ผูกไว้ออกมา ป้าคนนั้นเห็นดังนั้นก็ดีใจจนน้ำตาซึม และรู้ว่าครอบครัวเธอคงรอดตายได้อีกเป็นเดือน
“นี่คือของทั้งหมดค่ะ มีผ้าห่มและเสื้อผ้าด้วยนะคะ ว่าแต่ป้าอ่านหนังสือได้ไหม หน้ากระปุกยามีเขียนไว้หมดแล้วว่า รักษาอะไรและกินอย่างไร”
“ป้าอ่านไม่ออกหรอกแม่หนู แต่ลูกชายป้าอ่านออก ว่าแต่ทำไมของถึงได้มากมายอย่างนี้ล่ะ ของที่ป้านำมาแลกมันไม่ได้มีราคาค่างวดขนาดนั้นนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่วย ๆ กัน” เธอไม่พูดอะไรมาก ก่อนจะยื่นตะกร้าทั้งสองให้กับย่าหลานคู่นี้
“นี่จ้ะแม่หนู ของแลกเปลี่ยน หากไม่พอป้าจะเอามาให้อีก”
หญิงวัยกลางคนไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร เธอรู้ดีว่าทรัพย์สินพวกนี้ไม่มีค่าอะไรเลย แต่ข้าวของที่แม่หนูคนนี้ให้มา กลับทำให้เธอและครอบครัวอยู่ได้อีกหลายเดือน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แล้วนี่ป้ามีเงินติดตัวไหม ขอโทษค่ะ ฉันไม่น่าถามเลย นี่ค่ะ เงินสิบหยวนเก็บไว้กับตัวนะ ฉันเองก็ไม่ใช่เศรษฐี แต่เวลานี้ลูกชายป้าป่วยไม่ใช่เหรอ เกิดกินยาแล้วไม่หายก็พาเขาไปโรงพยาบาลเถอะนะคะ อย่าฝืน วันนี้ฉันไปก่อนนะ ถ้าหากมีวาสนาต่อกัน คงได้พบกันอีก จริงสิ หากขาดเหลืออะไร ฉันจะวนเวียนอยู่ในตลาดมืดเพื่อขายของ ป้าสามารถไปหาฉันได้ที่นั่น ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ลาก่อนค่ะ”
โจวเพ่ยชิงกล่าวส่งท้ายก่อนจะขอตัวจากไป แม้วันนี้จะเสียเงินเก็บไปสิบหยวน ทว่าหญิงสาวกลับไม่เสียดายแม้แต่น้อย หากเทียบกับการที่เธอได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เธอมองว่าเธอเสียเงินอันน้อยนิดเท่านั้น และถ้าเธอนำของเข้าไปขายในตลาดมืด เธอคงได้เงินมาอีกไม่น้อย
แม้ว่านี่คือการทำความดีครั้งแรกของเธอ แต่เธอไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่นอน ไม่ใช่เพราะอยากให้บาดแผลบนใบหน้าหายไปอย่างที่ตาท่านนั้นบอก แต่เพราะเธออยากชดใช้กรรมในสิ่งที่เธอได้กระทำมาทั้งสองชาติต่างหากล่ะ
‘การทำความดีทำให้ใจสงบอย่างนี้นี่เองสินะเพ่ยชิง’
จากนั้นโจวเพ่ยชิงจึงมุ่งหน้าไปยังตลาดมืดอย่างที่เธอตั้งใจไว้
ตอนพิเศษ 7 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงหนึ่งเดือนต่อมางานมงคลสีแดงถูกจัดขึ้นอย่างประณีต ในบ้านเกิดของ โจวเม่ยเม่ยและตานเต๋อคง แม้บ้านเจ้าสาวจะไม่ได้ใช้ทำพิธีสำคัญแต่คนตระกูลโจวมีเงินทองมากมาย พวกเขาไม่ได้ประดับตกแต่งของสวยงาม หรือจัดงานใหญ่โตเพื่อโอ้อวด แต่ที่ทำเช่นนี้ ก็เพื่อน้องสาวคนเล็กสุดที่รักดอกไม้สดสีแดงถูกสั่งมาจากทั่วทุกสารทิศ มีทั้งที่ตัดออกมาจากต้น และปลูกไว้เป็นต้น ประดับไปตามเส้นทางจากบ้านเจ้าสาวไปบ้านเจ้าบ่าวในส่วนของถนนสาธารณะ ก็ได้มีการติดต่อกับทางการเพื่อบริจาคพืชเหล่านี้หลังใช้งาน แล้วยังมีงบการดูแลพืชให้ทุกปีต่อเนื่องไปอีกสิบปี นั่นทำให้ทางการยินดีให้บ้านโจวจัดงานได้เต็มที่พืชพรรณที่ออกดอกสีแดงสด ถูกซื้อและถอนมาจากทั่วประเทศ เพื่อปลูกไว้ประดับตกแต่งในวันงานแต่งงานของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวคนสุดท้าย ตลอดทั้งเส้นทางที่ต้องส่งตัวเจ้าสาวส่วนบ้านเจ้าบ่าวนั้นก็ไม่ได้น้อยหน้า แม้จะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลโจว แต่นายหญิงเพ่ยเพ่ยก็ไม่ได้เอาเปรียบพวกเขาพี่น้อง ตานเต๋อคงยังมีหุ้นส่วนในหลาย ๆ ร้านค้าที่ให้กำไรดี แล้วยังทำการเก็งกำไรร้านค้าในพื้นที่หลากหลาย ตามนายหญิงกล่าวได้ว่าเขาเอ
ตอนพิเศษ 6 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกิจการร้านทั้งสามของโจวเม่ยเม่ย เมื่อมีตานเต๋อคงช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง ก็ทำให้เธอสามารถพัฒนาไปในลู่ทางของตัวเองได้มากขึ้น แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้แผนการค้าเดิม เช่นเดียวกับร้านค้าอื่น ๆ ของนายหญิงเพ่ยเพ่ยความสามารถในการบริหารของหญิงสาว ทำให้ตานเต๋อคงรู้สึกทึ่งและภาคภูมิใจ ที่คนรักของเขามีความสามารถไม่เป็นรองนายหญิงเพ่ยเพ่ยผู้เป็นพี่สาวเลยสถานการณ์ด้านโรงงานของโจวเพ่ยชิงที่ขยายสาขามาในเมืองปักกิ่งกลับไม่ได้ดีนัก แต่ไม่ได้เป็นเพราะฝีมือการจัดการของตานเต๋อคงแย่ลง เพียงแต่เป็นเพราะมังกรต่างถิ่น ไม่อาจสู้งูดินเจ้าถิ่นได้ ทำให้เขาต้องทุ่มแรงอย่างหนัก เพื่อเอาชนะเจ้าถิ่นที่ครองตลาดเอาไว้หากเป็นการเปิดโรงงาน เปิดร้านค้าธรรมดา ก็แล้วไปเถอะ แต่ในช่วงสามเดือนระหว่างที่ตานเต๋อคงก่อตั้งร้านค้าในเครือเพ่ยเพ่ยในเมืองหลวง ทางโจวเพ่ยชิงเองก็พัฒนาขึ้น จนสามารถสร้างห้างสรรพสินค้าในเมืองหลักใกล้เคียงกับบ้านเกิดได้สำเร็จนั่นทำให้หญิงสาวตัดสินใจสร้างห้างสรรพสินค้าใหม่ในปักกิ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันจะเป็นการขัดผลประโยชน์กับเจ้าถิ่นอย่างไม่สามารถห
ตอนพิเศษ 5 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“เม่ยเม่ย ไปไหน”เสียงเข้มเอ่ยถามน้องชายทันที เมื่อพบว่ามีเพียงตานโมว่ เดินเข้ามาในบ้าน วันนี้เป็นวันปิดภาคเรียน นักศึกษาเข้าไปส่งงานหรือไม่ก็สอบเป็นวันสุดท้าย ซึ่งโจวเม่ยเม่ยก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการไปมหาวิทยาลัยในวันนี้ได้“วันนี้ปิดภาคเรียน เด็ก ๆ ปีหนึ่งต้องไปกินดื่มกับพวกรุ่นพี่ในคณะสิครับ” ตานโมว่บอกกับพี่ชายถึงธรรมเนียมปฏิบัติ“แล้วนายไม่ได้ไป?”“ผมทำงาน อีกอย่างก็ไม่ได้มีสหายเยอะเหมือนเม่ยเม่ย รายนั้นเรียกได้ว่าเจ้ใหญ่ของสาขาวิชาก็ว่าได้”“...” ตานเต๋อคงไม่ประหลาดใจ เมื่อได้ยินอย่างนั้น จากความถี่ในการออกเที่ยวของโจวเม่ยเม่ย สามารถรู้ได้ว่าหญิงสาวมีสหายเยอะ หรือบางทีอาจจำกัดความได้ว่า ‘มีสหายกินดื่มเยอะ’ จะถูกกว่า“แต่เม่ยเม่ยดื่มไม่เก่ง” ตานเต๋อคงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง“หวงนักก็ตามไปเฝ้าสิครับ งานเลี้ยงวันนี้ไม่ได้เคร่งเหมือนในมหาวิทยาลัย คนนอกไปกันเยอะแยะ”“ห่วง ไม่ได้หวง” ในความเป็นจริงคือไม่มีสิทธิ์อะไรไปหวงมากกว่า“อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย เอาเถอะ ผมก็จนปัญญากับ พวกพี่แล้ว วันนี้พี่ก็ไปรับเม่ยเม่ยเองแล้วกัน ให้ผมไปสืบเรื่องงานมาให้จนเกือบตาย ผ
ตอนพิเศษ 4 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงทิวทัศน์ของปักกิ่งนั้นช่างแปลกตา แตกต่างจากบ้านเกิดของตนเองอย่างชัดเจน ทำให้สองหนุ่มผู้เพิ่งเข้ากรุงตื่นเต้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อรถพาแล่นมาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านแบบใหม่หลายหลัง พวกเขาก็เปลี่ยนความตื่นเต้นเป็นกังวลใจทันทีที่รถจอดและพบหน้ากัน โจวเม่ยเม่ยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ท่าทางของเธอเฉยชาอย่างประหลาด นั่นทำให้ตานเต๋อคงประหม่าจนพูดไม่ออกคงมีแค่ตานโมว่ ที่คุยกับสหายอย่างกระตือรือร้น“นี่เป็นของฝากจากนายหญิงและทุกคน ลองดูสิเม่ยเม่ย”“ขอบใจนะ อาโมว่”โจวเม่ยเม่ยเหลือบมองของขวัญ แต่บังคับสายตาไม่ให้หันไปมองคนใจร้าย หลังรับของ เธอก็หันไปพาทั้งสองคนไปด้านใน“พี่และอาโมว่เลือกห้องได้เลยนะ ที่นี่หลังใหญ่จนเกินที่ฉันจะอยู่คนเดียว นายนั่นแหละอาโมว่ ที่ไม่ยอมมากับฉันตั้งแต่แรก”โจวเม่ยเม่ยเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันมาบ่นสหายของตนเอง“จะดีเหรอ พวกเราออกไปเช่าห้องอยู่ หรือไปอยู่ที่หลังร้านก็ได้”ตานเต๋อคงเอ่ยแทรกขึ้น อย่างที่เขาได้ตัดสินใจก่อนจะมาที่นี่แต่… โอกาสของเขาดูเหมือนถูกตัดขาดอย่างรวดเร็ว เมื่อโจวเม่ยเม่ยตอบกลับและหันไปพูดกับตานโมว่สหา
ตอนพิเศษ 3 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคง“นี่มัน…” ตานโมว่รู้สึกพูดไม่ออก หลังจากได้ฟังคำถามของเจ้านาย ไม่ใช่ว่าตอบไม่ได้เพราะปัญหาความซื่อสัตย์ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดออกไปหรือไม่“นายอย่าปิดบังฉันเลย นายคงเห็นแล้ว ว่าพี่เต๋อคงแปลกไปจริง ๆ เขาชอบเหม่อเวลาทำงาน ตอนอยู่ที่บ้านด้วยกัน ก็คงจะเหม่อยิ่งกว่านี้อีกใช่ไหม”เมื่อคิดตามคำพูดของพี่สาวเพ่ยเพ่ยแล้ว ตานโมว่ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล แต่ปัญหาก็ คือแม้เขาจะรู้ความจริงว่าทำไมพี่ชายถึงเป็นอย่างในตอนนี้ ก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี“ฉันแค่เป็นห่วง และสงสัยว่าพี่เต๋อคงเป็นอะไรเท่านั้น ถ้ารู้ต้นเหตุ ไม่แน่ว่าเราอาจหาทางทำอะไรแก้ไขได้ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง”“นี่… มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” ตานโมว่มองเจ้านายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยิ่งทำให้เจ้าตัวสงสัยมากขึ้น แต่ไม่ใช่ความสงสัยที่ว่าตานเต๋อคงมีปัญหา แต่อาจเป็นผลมาจากเรื่องของโจวเม่ยเม่ย น้องสาวของเธอเอง“หรือเป็นเพราะเม่ยเม่ยไปปักกิ่ง” โจวเพ่ยชิงพูดออกไป“นายหญิงรู้ได้ยังไง!”ไม่ต้องรอให้เขาตอบ เพียงท่าทีของตานโมว่ ก็บอกได้ทุกอย่าง โจวเพ่ยชิงได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ใช่เรื่องอื่น“ก็ไม่เชิงรู
ตอนพิเศษ 2 โจวเม่ยเม่ย - ตานเต๋อคงกลับมาทางด้านตานเต๋อคงเวลานี้ชายหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ใจหนึ่งก็อยากติดตามไปดูแลใครบางคนที่อยู่ในเมืองหลวง หรือไม่ ก็ติดต่อเธอไปสักเล็กน้อยแต่ทุกวันนี้เขามักจะมองเหม่อไปทางโทรศัพท์ เมื่อมันดังขึ้นก็เฝ้าหวังว่าจะเป็นสายจากคนที่คิดถึง กระนั้นชายหนุ่มกลับต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะแม้ว่าโจวเม่ยเม่ยจะติดต่อกลับมาก็เพื่อพูดคุยกับครอบครัว หรือไม่ก็สหายอย่างตานโมว่เท่านั้น ไม่ได้สนใจพี่ชายของสหายที่พ่วงด้วยฐานะผู้ช่วยคนสนิทของนายหญิงเพ่ยเพ่ยอย่างเขา ตานเต๋อคงเองก็ไม่มีหน้าพอที่จะไปขอคุยโทรศัพท์กับหญิงสาวทั้งที่ไม่มีธุระอะไรจนกระทั่งนายหญิงเพ่ยเพ่ยเรียกให้เขาเข้าพบ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ พร้อมกับบอกว่ามีคนจะปรึกษาเรื่องงาน“สวัสดีครับ”เขารับโทรศัพท์มา และกลอกเสียงที่ถูกทำให้นุ่มทุ้มลดระดับหนึ่งลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ“พี่เต๋อคง ช่วยสอนงานเล็กน้อยให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ พอดีฉันกำลังจัดการปัญหาที่เจอในสาขาหนึ่งของร้านค้าในเมืองปักกิ่งอยู่ ถ้าได้ผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่มาช่วยคงจะดีมาก”ตานเต๋อคงหัวใจกระตุกวูบ รู้ส