ชัยชนะเหนือเงาปีศาจ “ลูกสมุน” ตัวแรก แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่ก็จุดประกายความหวังและ ความมั่นใจให้กับฟูมิโกะ เธอคลายความกังวลลงได้มาก โล่งใจที่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอเกินไป และมีหนทางที่จะต่อกรกับภัยคุกคามเหล่านี้ได้
“นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม เก็น?” ฟูมิโกะเอ่ยขึ้นพลางมองขวดอาคมในมือ ซึ่งตอนนี้มีเงาสีดำจางๆ ขยับตัวอยู่ภายใน “เราจัดการมันได้จริงๆ ด้วย” เก็นพยักหน้า สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงกว่าเมื่อครู่มาก “แน่นอนสิ ฟูมิโกะ เธอก็มีฝีมือไม่เบาเหมือนกันนะ” เขาเอ่ยแซวพร้อมรอยยิ้มจางๆ ดวงตาของเขาอ่อนลงเมื่อมองมาที่เธอ “ตอนนี้เราต้องเดินหน้าต่อ อย่าเพิ่งชะล่าใจ” ฟูมิโกะพยักหน้ารับ เธอก้มมองนาฬิกาข้อมืออาคมอีกครั้ง ค่าพลังวิญญาณลดลงไปมากหลังจากจัดการเงาปีศาจตัวนั้นได้ แต่ก็ยังคงมีค่าพลังงานที่สูงกว่าปกติปรากฏอยู่ แสดงว่ายังมีสิ่งชั่วร้ายซ่อนอยู่ภายในโรงพยาบาลแห่งนี้อีกมาก “แล้วเราจะไปทางไหนดีล่ะ เก็น?” ฟูมิโกะถามเมื่อทั้งคู่เริ่มออกเดินอีกครั้ง พวกเขาก้าวผ่านประตูคู่บานใหญ่เข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของโรงพยาบาล ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามา ความรู้สึกที่แตกต่างจากโถงทางเดินด้านนอกก็พุ่งเข้าปะทะ ที่นี่เงียบสงัดราวกับสุสาน ไม่ได้มีลมกระโชกแรงเหมือนตอนที่เปิดประตูเข้ามา แต่กลับเป็นความเงียบที่หนักอึ้ง กดดันจนรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวถูกสูบออกไป กลิ่นอับชื้นผสมกับกลิ่นคาวสนิมคละคลุ้งจนแสบจมูก แสงสลัวๆ ที่ส่องเข้ามาจากภายนอกไม่สามารถส่องเข้ามาถึงส่วนนี้ได้เลย ทำให้ภายในอาคารมืดมิดจนแทบมองไม่เห็นอะไร นอกจากเงาตะคุ่มๆ ของสิ่งของต่างๆ “ทำไมมันเงียบจัง…” ฟูมิโกะเอ่ยถามออกมาเบาๆ เสียงของเธอฟังดูหวาดหวั่นอีกครั้ง เธอสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของบรรยากาศนี้ “ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัดเลยด้วยซ้ำ” เก็นใช้มือข้างหนึ่งจับด้ามมีดอาคมแน่น มืออีกข้างเตรียมพร้อมที่จะคว้าไฟฉายที่ติดตัวมา “นั่นสิ ฉันก็ว่ามันแปลกๆ” เขาตอบ เสียงของเขาเองก็แผ่วลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เสียงสะท้อนไปมาในความเงียบสงัดนั้น “ปกติแล้วสถานที่ร้างแบบนี้ควรจะมีเสียงลมหวีดหวิว หรือเสียงฝุ่นที่ปลิวตามลมบ้าง แต่นี่… เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งไปหมด” พวกเขาหยุดยืนอยู่กลางโถงทางเดินที่กว้างขวาง มีห้องต่างๆ เรียงรายอยู่สองข้างทาง บางห้องมีเตียงคนไข้เก่าๆ พลิกคว่ำอยู่ บางห้องมีอุปกรณ์การแพทย์ขึ้นสนิมวางทิ้งเกลื่อนกลาด แต่ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ ราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดแตะต้องมานานนับร้อยปี “หรือเราจะลองตามหา ผ้ายันต์ลงอาคม กันก่อนดีไหม?” ฟูมิโกะเอ่ยเสนอขึ้น เธอจำได้ถึงคำกำชับจากผู้ให้ภารกิจ ไม่ใช่แค่การจัดการกับเหล่าปีศาจที่หลุดออกมาเท่านั้น แต่พวกเขายังต้อง หาผ้ายันต์ลงอาคมทั้ง 7 ผืน ที่กระจายอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ เพื่อนำกลับไปทำพิธีผนึกพลังงานที่เล็ดลอดออกมาจากหีบปริศนาให้สมบูรณ์ เก็นพยักหน้าช้าๆ “ก็ดีเหมือนกัน” เขาเห็นด้วยกับความคิดของฟูมิโกะ “มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะหาผ้ายันต์ในที่แบบนี้” ทั้งคู่เริ่มมองหาผ้ายันต์ เก็นใช้ไฟฉายส่องไปตามผนัง ห้องต่างๆ และตามซอกหลืบ ฟูมิโกะใช้ความสามารถในการรับรู้ถึงพลังงานวิญญาณของเธอ เพื่อสัมผัสถึงร่องรอยของผ้ายันต์ที่น่าจะมีพลังอาคมแฝงอยู่ “ฉันไม่เห็นอะไรเลย เก็น” ฟูมิโกะพึมพำหลังจากส่องไปตามผนังห้องพักผู้ป่วยที่ดูว่างเปล่า “ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของพลังอาคมเลยสักนิด” เก็นกวาดไฟฉายไปรอบๆ ห้องที่พวกเขาอยู่ แสงไฟส่องกระทบกับเงาตะคุ่มๆ ของเตียงคนไข้และตู้เก็บของเก่าๆ “ฉันก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอสักที” เขาพึมพำด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย นี่ไม่ใช่การตามหาสมบัติ แต่เป็นการตามหาบางสิ่งที่ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน “หรือว่ามันจะไม่ได้อยู่บนพื้นดิน?” ฟูมิโกะชะงัก เธอหลับตาลง พยายามใช้สัมผัสที่ละเอียดอ่อนที่สุดของเธอในการรับรู้ถึงพลังงาน เธอลองขยายขอบเขตการรับรู้ให้กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่ภายในห้องที่ยืนอยู่ แต่รวมถึงพื้นที่โดยรอบ “ฉัน… ฉันรู้สึกได้ถึงบางอย่าง…” ฟูมิโกะเอ่ยขึ้น ดวงตาของเธอยังคงหลับอยู่ “มันเป็นพลังงานที่ละเอียดอ่อนมาก มันไม่ได้อยู่ในห้องนี้ แต่มันอยู่… ข้างบน” เธอเงยหน้าขึ้นไปมองเพดานห้อง “ฉันรู้สึกเหมือนมันแขวนอยู่… สูงมาก” เก็นเงยหน้ามองตาม “ข้างบนเหรอ?” เขาส่องไฟฉายขึ้นไปบนเพดาน แต่ก็เห็นเพียงแค่ฝุ่นหยากไย่และคราบดำๆ เท่านั้น “ฉันไม่เห็นอะไรเลยนะ ฟูมิโกะ” “มันเป็นพลังงานที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า” ฟูมิโกะอธิบาย พลางเดินไปที่กลางห้อง เงยหน้ามองขึ้นไปบนเพดานอย่างตั้งใจ “เหมือนมันถูกแขวนไว้… ในที่ที่ไม่มีใครสังเกตเห็น” ทันใดนั้นเอง! เสียงแผ่วๆ คล้ายเสียงกระซิบก็ดังขึ้นจากมุมห้อง เสียงนั้นไม่ได้ดังออกมาจากลำคอ แต่เป็นเสียงที่ดังขึ้นในหัวของฟูมิโกะโดยตรง มันเป็นภาษาที่เธอไม่เข้าใจ แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงความเศร้าและความเจ็บปวดที่แฝงอยู่ในเสียงนั้น “เก็น… นายได้ยินอะไรไหม?” ฟูมิโกะเอ่ยถาม สีหน้าของเธอซีดเผือด เก็นหันขวับมามองฟูมิโกะ “ได้ยินอะไร?” เขาไม่เคยได้ยินเสียงกระซิบแบบที่ฟูมิโกะได้ยิน “มัน… มันเป็นเสียงกระซิบ” ฟูมิโกะตอบเสียงสั่น “เสียงที่อยู่ในหัวของฉัน… มันมาจากตรงนั้น!” เธอชี้ไปยังมุมห้องที่มืดมิดและเต็มไปด้วยเงา เก็นหรี่ตา เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ มุมนั้นมากขึ้น พลางส่องไฟฉายเข้าไปสำรวจอย่างละเอียด พลางมองหาต้นตอของเสียงที่ฟูมิโกะได้ยิน แม้เขาจะไม่ได้ยิน แต่เขาก็เชื่อในความสามารถของเธอ “ฉันไม่เห็นอะไรเลยนะฟูมิโกะ” เก็นเอ่ย “แน่ใจนะว่ามันมาจากตรงนั้น?” ฟูมิโกะยังคงจ้องไปที่มุมห้อง “ฉันรู้สึกได้… พลังงานมันรุนแรงขึ้นเมื่อฉันเข้าใกล้ มันเหมือนกับว่า… มีบางสิ่งกำลังจะปรากฏตัว” ทันใดนั้น เงาดำคล้ายร่างมนุษย์ที่ยืนนิ่งอยู่มุมห้อง ก็เริ่มขยับตัวช้าๆ ราวกับถูกลมกระโชก ทั้งที่ในห้องไม่มีลมพัดแม้แต่น้อย ฟูมิโกะตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นสิ่งนั้น ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจและหวาดกลัว “เก็น… ข้างหลังนาย…” ฟูมิโกะเอ่ยเสียงแผ่ว เก็นหันขวับกลับไปทันทีที่ฟูมิโกะเตือน ร่างของเขาสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็น เงาร่างมนุษย์ ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในระยะประชิด มันเป็นเงาที่บิดเบี้ยว ร่างกายผอมเกร็ง แขนขายาวผิดปกติ ดวงตาสีแดงฉานสองคู่จ้องมองมาที่เขาอย่างว่างเปล่า “แก… เป็นใคร?” เก็นเอ่ยถามเสียงแข็ง มือของเขากำมีดอาคมแน่น พร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ เงาร่างมนุษย์ไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่มันเงยหน้าขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวและน่าขนลุก เสียงกระซิบที่ฟูมิโกะได้ยินในหัวก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันดังขึ้นและรุนแรงขึ้น ราวกับเสียงหัวเราะที่ไร้เสียง “ระวังนะเก็น! มันไม่ใช่แค่เงา มันกำลังจะโจมตี!” ฟูมิโกะตะโกนเตือน แต่ยังไม่ทันที่เก็นจะได้เตรียมตัวตอบโต้ เงาร่างมนุษย์ก็พุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว ราวกับพายุหมุน เก็นยกมีดอาคมขึ้นป้องกันตัวได้ทันท่วงที เสียงโลหะปะทะกับบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นดังขึ้น เปรี๊ยะ! สะเก็ดไฟสีเงินพุ่งกระจายในความมืด “ฟูมิโกะ! ไปหาผ้ายันต์ซะ! ฉันจะถ่วงเวลาเจ้านี่ไว้เอง!” เก็นตะโกนบอก พลางออกแรงดันเงาร่างมนุษย์ออกไป เขาเริ่มรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่ซ่านเข้ามาในตัว มันกำลังพยายามดูดพลังงานของเขาไป ฟูมิโกะรู้ว่าเธอต้องทำอะไร เธอพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองบนเพดานอีกครั้ง พยายามจับสัมผัสของพลังงานจากผ้ายันต์ที่เธอรู้สึกได้ ความจริงแล้วมันไม่ได้อยู่บนเพดานโดยตรง แต่เหมือนมันถูกซ่อนอยู่ใน โคมไฟเพดานเก่าๆ ที่ห้อยต่องแต่งอยู่กลางห้อง แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟนั้นส่องลงมาที่พื้น สร้างเงาบิดเบี้ยวที่ดูน่าขนลุก “ผ้ายันต์… มันอยู่ตรงนั้น!” ฟูมิโกะพึมพำ เธอพยายามจะปีนขึ้นไป แต่โคมไฟนั้นอยู่สูงเกินเอื้อม และมันดูบอบบางเกินกว่าจะรับน้ำหนักเธอได้แสงแรกของรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าต่างที่พังทลายของห้องผ่าตัด สาดไล่ความมืดมิดที่เคยปกคลุมโรงพยาบาลแห่งนี้มานานหลายทศวรรษให้จางหายไป ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ฟูมิโกะและเก็นอย่างหนัก ทั้งคู่ล้มตัวลงนอนแผ่กับพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ หอบหายใจอย่างหนักหน่วง ราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมาราธอนอันยาวนาน แต่ในดวงตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโล่งอกและความสุขที่ไม่สามารถบรรยายได้ฟูมิโกะหันไปมองเก็น ใบหน้าของเธอเปื้อนฝุ่นและมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนริมฝีปากกลับเปล่งประกายสดใส เก็นเองก็ยิ้มตอบ ดวงตาของเขายังคงฉายแววอ่อนเพลีย แต่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จ“เราทำได้จริงๆ ด้วยนะเก็น…” ฟูมิโกะพึมพำ เสียงของเธอแหบพร่าด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็เต็มไปด้วยความตื้นตันใจ“ใช่ฟูมิโกะ… เราทำได้แล้ว” เก็นตอบ เสียงของเขาเองก็หอบไม่แพ้กัน “มันเป็นการต่อสู้ที่หนักหนาสาหัสที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย”ฟูมิโกะค่อยๆ หยิบ ขวดกักเก็บวิญญาณ ที่มีแสงสีเหลืองอำพันเรืองรองอยู่ภายในขึ้นมาดูด้วยรอยยิ้ม แสงนั้นอบอุ่นและบริสุทธิ์ ไม่ใช่แสงสีดำที่น่าขนลุกเหมือนตอนแรกอีกต่อไป“ในที่สุด… เหล่าวิญญาณก็ไ
เสียงทุบประตูห้องผ่าตัดยังคงดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน ผนังห้องสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ เก็นและฟูมิโกะนั่งพิงกำแพง หอบหายใจอย่างหนัก ร่างกายของพวกเขาเหนื่อยล้าเต็มทีจากบาดแผลและจากการต่อสู้ที่ไม่รู้จบกับ "นายใหญ่" ที่ยังคงกราดเกรี้ยวอยู่ภายนอก“เราจะทำยังไงดีเก็น?” ฟูมิโกะถาม เสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวล เธอพลิกหน้าหนังสืออาคมอย่างรวดเร็ว ดวงตากวาดไปตามตัวอักษรโบราณพยายามหาวิธีที่จะเอาชนะนายใหญ่ได้เสียทีเก็นมองไปที่ประตูห้องผ่าตัด ผ้ายันต์ผืนที่สองที่แปะอยู่เริ่มเรืองแสงริบหรี่ลงแล้ว แสดงว่าพลังป้องกันของมันกำลังจะหมดลงในไม่ช้า “เราต้องหาทางหยุดมันให้ได้ก่อนที่มันจะบุกเข้ามา ฟูมิโกะ!”ตูม!ประตูห้องผ่าตัดถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนบานประตูเริ่มปริแตกออก เศษไม้กระเด็นเข้ามาในห้อง“มันใกล้จะพังแล้ว!” ฟูมิโกะอุทาน เธอกัดฟันแน่น พยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดที่มี เพื่ออ่านหนังสืออาคมให้เร็วที่สุดทันใดนั้น!ดวงตาของฟูมิโกะก็หยุดอยู่ที่หน้ากระดาษหน้าหนึ่ง! เธอจำได้ว่าเคยเห็นคาถานี้มาก่อน! มันเป็นคาถาที่ดูเหมือนจะไม่รุนแรงมาก แต่กลับมีคุณสมบัติที่น่าสนใจ!“เก็น! ฉันเจอแล้ว!” ฟูมิโกะตะ
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่ผสมปนเปกับความชื้นและกลิ่นคาวเลือดจางๆ ยังคงคละคลุ้งอยู่ในห้องแล็บที่มืดมิด ฟูมิโกะกับเก็นนั่งอยู่บนพื้นคอนกรีตเย็นเฉียบ หอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับ "นายใหญ่" บนดาดฟ้า ผ้ายันต์ผืนที่สองที่แปะอยู่บนประตูกำลังเรืองแสงจางๆ เป็นเกราะป้องกันที่เปราะบาง แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยได้ในตอนนี้“เราต้องหาผ้ายันต์อีกสองผืนให้เจอ” ฟูมิโกะบอก เสียงของเธอแหบพร่าเล็กน้อย เธอเปิดหนังสืออาคมเล่มหนาออกอีกครั้ง พยายามกวาดสายตาหาเบาะแสเก็นพยักหน้า เขายังคงกุมแขนที่บาดเจ็บจากกรงเล็บของนายใหญ่ “ใช่… ยิ่งเราได้ผ้ายันต์ครบเร็วเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีโอกาสโค่นมันได้มากเท่านั้น”“แต่ผ้ายันต์ผืนสุดท้ายที่ฉันสัมผัสบนดาดฟ้า… มันหายไป” ฟูมิโกะพึมพำ “ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือว่ามันทำงานยังไง”“อย่าเพิ่งคิดมากเรื่องนั้นเลยฟูมิโกะ” เก็นบอก “ตอนนี้เราต้องหาอีกสองผืนที่เหลือให้เจอ” เขามองไปที่นาฬิกาข้อมืออาคมของฟูมิโกะที่วางอยู่ข้างๆฟูมิโกะเห็นแล้ว ดวงตาของเธอเบิกกว้าง “จุดสีแดง! มันอยู่ที่ด้านหลังโรงพยาบาล! ทั้งสองจุดเลย!” เธอกรีดร้องด้วยความดีใจ“ด้านหลังโรงพยาบาลเหร
แสงจันทร์ส่องสลัวๆ ลงมาบนดาดฟ้าที่ทรุดโทรมของโรงพยาบาลร้าง เสียงลมยามค่ำคืนพัดหวีดหวิวราวกับเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณที่ถูกจองจำ เก็นและฟูมิโกะยืนเผชิญหน้ากับ “นายใหญ่” ร่างกายของมันสูงใหญ่กำยำ บิดเบี้ยวผิดรูป เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับหินผา ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างอำมหิต พลังงานมืดมิดแผ่ออกมาจากร่างของมันอย่างมหาศาล จนอากาศรอบตัวรู้สึกหนักอึ้ง“เจ้า… จะต้องชดใช้… สำหรับสิ่งที่เจ้าทำ!” เสียงของนายใหญ่ดังก้องในหัวของฟูมิโกะและเก็น มันไม่ใช่เสียงพูดที่ออกมาจากลำคอ แต่เป็นเสียงที่ส่งตรงจากจิตใจ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวเก็นก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือหนึ่งกำมีดลงอาคมแน่น อีกมือหนึ่งถือผ้ายันต์แห่งสายฟ้าที่ยังคงเรืองแสงสีม่วงเข้ม “เรามาที่นี่เพื่อยุติความทุกข์ทรมานของวิญญาณทุกดวงในโรงพยาบาลแห่งนี้! และเราจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายใครได้อีก!”“หึหึ… ไร้สาระ!” นายใหญ่หัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะของมันแหบพร่าและน่าขนลุก “เจ้าคิดว่า… เจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ? ข้าคือ… ผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้! ข้าคือ… ผู้ที่สร้างพวกมันขึ้นมา!” มันยกแข
แสงจันทร์ส่องสลัวๆ ลงมาบนดาดฟ้าที่ทรุดโทรมของโรงพยาบาลร้าง เสียงลมยามค่ำคืนพัดหวีดหวิวราวกับเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณที่ถูกจองจำ เก็นและฟูมิโกะยืนเผชิญหน้ากับ “นายใหญ่” ร่างกายของมันสูงใหญ่กำยำ บิดเบี้ยวผิดรูป เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งราวกับหินผา ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นจ้องมองมาที่พวกเขาอย่างอำมหิต พลังงานมืดมิดแผ่ออกมาจากร่างของมันอย่างมหาศาล จนอากาศรอบตัวรู้สึกหนักอึ้ง“เจ้า… จะต้องชดใช้… สำหรับสิ่งที่เจ้าทำ!” เสียงของนายใหญ่ดังก้องในหัวของฟูมิโกะและเก็น มันไม่ใช่เสียงพูดที่ออกมาจากลำคอ แต่เป็นเสียงที่ส่งตรงจากจิตใจ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่รุนแรงจนน่าสะพรึงกลัวเก็นก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย มือหนึ่งกำมีดลงอาคมแน่น อีกมือหนึ่งถือผ้ายันต์แห่งสายฟ้าที่ยังคงเรืองแสงสีม่วงเข้ม “เรามาที่นี่เพื่อยุติความทุกข์ทรมานของวิญญาณทุกดวงในโรงพยาบาลแห่งนี้! และเราจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายใครได้อีก!”“หึหึ… ไร้สาระ!” นายใหญ่หัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะของมันแหบพร่าและน่าขนลุก “เจ้าคิดว่า… เจ้าจะทำอะไรข้าได้งั้นหรือ? ข้าคือ… ผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งในสถานที่แห่งนี้! ข้าคือ… ผู้ที่สร้างพวกมันขึ้นมา!” มันยกแข
เสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดดังมาจากชั้นล่างของโรงพยาบาลร้าง คลอไปกับเสียงฝีเท้าหนักอึ้งของ "นายใหญ่" ที่กำลังไล่ตามฟูมิโกะมาติดๆ บนดาดฟ้า ลมยามค่ำคืนพัดกรรโชกแรงจนเส้นผมของฟูมิโกะปลิวไสวไปตามแรงลม เธอยืนอยู่หน้า เสาล่อฟ้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางดาดฟ้า ผ้ายันต์ผืนที่หกเรืองแสงสีม่วงเข้มพร้อมกับสายฟ้าเล็กๆ ที่แลบแปลบปลาบอยู่รอบๆ ราวกับมันกำลังมีชีวิต"ผ้ายันต์ผืนนั้น… มันคงเป็นผ้ายันต์แห่งสายฟ้าแน่ๆ" ฟูมิโกะพึมพำกับตัวเอง เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานที่มหาศาลจากผ้ายันต์ผืนนั้น พลังงานที่แตกต่างจากผ้ายันต์อื่นๆ ที่เธอเคยสัมผัสมาทั้งหมดตุบ! ตุบ! ตุบ!เสียงฝีเท้าหนักๆ ของ "นายใหญ่" ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันกำลังปีนขึ้นมาบนบันไดที่นำไปสู่ดาดฟ้า"ไม่นะ… มันกำลังมาแล้ว!" ฟูมิโกะอุทานด้วยความตกใจ เธอรู้ว่าไม่มีเวลาลังเลอีกต่อไปแล้วทันใดนั้น!ร่างของเก็นก็พุ่งพรวดขึ้นมาบนดาดฟ้า! ใบหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย มีรอยเปื้อนฝุ่นและรอยขีดข่วนอยู่หลายแห่ง แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เขากำมีดลงอาคมแน่นในมือ“ฟูมิโกะ! เธอไม่เป็นไรนะ?!” เก็นตะโกนถาม เสียงของเขาหอบเล็กน้อยจ