แม่ทัพหลี่หันหน้าแบบประหลาดมากมามองลูกสาว เขากะพริบตาไล่ความงุนงง สังเกตอาการของลูกสาวที่หน้าแดงกระวนกระวายทำสิ่งใดไม่ถูก จู่ๆเขาก็เข้าใจทุกอย่าง
‘ข้าว่าแล้วเชียว เท่าที่จำได้ ไอ้หนุ่มนั่นเป็นคนเดียวที่ทำให้ลูกข้าเงียบได้ใช่หรือไม่ แต่มันดูแลลูกข้าได้แน่หรือ ถึงอย่างไรนางก็ดูจะชอบมันเข้าแล้วจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้เลย’ แม่ทัพหลี่คิด ยิ่งคิดยิ่งตกใจ นี่เขาไม่เคยสังเกตเลยจริงๆ สุดท้ายเขาไม่พูดสิ่งใดแต่เดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องโถงทันที
ปล่อยให้หลี่เฟิ่งเซียนและอ๋องเยียนมองตามอย่างงุนงง ก่อนที่นางจะคิดบางอย่างได้และตะโกนออกไป
“ท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขานะ!!” แล้วนางก็วิ่งตามแม่ทัพออกไป
อ๋องเยียนค่อยๆพ่นลมออกมา รู้สึกโล่งอกที่คนถูกฆ่าไม่ใช่เขา
ลู่มู่เฉินกำลังช่วยเตรียมยาให้ทหารนายหนึ่ง ขาของเขาขาด ไม่ได้ทำแผลให้สะอาดแต่ต้น ยามนี้จึงทั้งบวมและเป็นหนอง
“ลู่มู่เฉิน!!” แม่ทัพหลี่ตะโกนเรียกชื่อเขาแต่ไหล
“หยุดนะท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขาเด็ดขาด!” หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งตามหลังแม่ทัพหลี่มาติดๆ ตะโกนอย่างร้อนรน
ลู่มู่เฉินไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางคงก่อเรื่องอีกแล้ว เขาถอนหายใจ ยื่นห่อยาให้ทหารอย่างใจเย็น ก่อนจะออกไปนอกประตู ประสานมือก้มคำนับแม่ทัพ
“ท่านแม่ทัพ มีสิ่งใดก็ค่อยๆกล่าว นางยังเด็ก ใจร้อนไปบ้าง ท่านอย่าเพิ่งโมโห ถือเป็นความผิดของข้าเองขอรับ”
สิ้นคำกล่าวของเขา แม่ทัพที่เดิมตั้งใจจะชกเขาสักหมัด กลับได้แต่ต้องหยุดมองเขาให้เต็มตาเป็นครั้งแรก แม่ทัพหลี่รู้สึกว่าเขาอาจจะดูแลม้าพยศเช่นคุณหนูใหญ่ได้ แม้เขาจะไม่ได้มีอำนาจหรือเงินทอง แต่แม่ทัพไม่สนใจ ของพวกนั้นเขามอบให้ได้ ขอเพียงลู่มู่เฉินดูแลยอดดวงใจของเขาได้เช่นนี้ตลอดไป
เขาไม่เคยเห็นผู้ใดสามารถทำให้ลูกสาวของเขาเป็นห่วงได้มากเช่นนี้ สิ่งที่แม่ทัพหลี่หวังมากที่สุดคือให้ลูกสาวสุดที่รักคนนี้ได้มีความสุข ไม่ถูกกฎเกณฑ์บังคับจนทำสิ่งใดก็ไม่มีความสุข
นางมักจะไล่ตามชายรูปงามเสมอ แต่ไม่เคยรักผู้ใด ไล่ตามสักพักก็เบื่อ แม้นางจะไล่ตามอ๋องเยียนมากือบสองปี แต่นางมักจะชอบไปเที่ยวกับเขามากกว่าจะชอบตัวเขาจริงจัง หลี่เฟิ่งเซียนจะชอบติอ๋องเยียนอยู่บ่อยครั้งว่าเขาดีแต่รูปงาม ไม่เคยเห็นใจหญิงใด ที่อ๋องเยียนยังคงสุภาพกับนาง ไม่ล่วงเกินนางเพราะนางเป็นลูกสาวแม่ทัพหลี่
อ๋องเยียนแม้จะมีความสามารถมาก ยังไม่แต่งภรรยาเอก แต่ก็มีอนุแล้ว 7 คน ยังไม่ต้องนับดอกไม้ริมทางมากมายที่ถูกเขาชื่นชมแล้วโยนทิ้ง นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมแม่ทัพหลี่เห็นนางวิ่งตามอ๋องเยียนมานานแต่เขาไม่เคยเอ่ยเรื่องแต่งงานเป็นทางการ เพราะแม่ทัพหวังอยากให้ลูกสาวเบื่อหน่ายสักวันและหันไปไล่ตามผู้อื่นแทน
ลู่มู่เฉินผู้นี้ แม้จะยากจนแต่เฉลียวฉลาด ไม่มีอำนาจตำแหน่งเงินทอง แต่มีความจริงใจและความใส่ใจ ทหารมากมายในกองทัพต่างชื่นชอบเขา แม้หลี่เฟิ่งเซียนจะไม่เคยไล่ตาม แต่กลับชื่นชมยกย่องเขา บางครั้งก็เชื่อฟังเขาตักเตือนเป็นอย่างดี
"ท่านพ่อ .." เสียงของหลี่เฟิ่งเซียนเรียกแม่ทัพ
แต่ลู่มู่เฉินกลับยกมือโบกเล็กน้อย คล้ายห้ามนางว่าอย่าพึ่งพูดอะไรมากไป ให้เขาเป็นคนจัดการ ทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของแม่ทัพชัดเจน
"ท่านแม่ทัพ เรื่องเงินที่นางใช้เพื่อสั่งทำกล่องเข็มสิบแปดแบบ เป็นความผิดของข้าเอง เพราะมือซ้ายของข้ามักจะปวดเป็นบางครั้ง ทำอย่างไรก็ไม่หาย พอดีท่านหมอมีตำราเล่มหนึ่งว่าด้วยเรื่อง เจินจิ่ว ในนั้นเขียนว่าหากใช้เข็มเงินติดเกลียวฝังในเส้นเอ็น จะช่วยรักษาความเจ็บปวดได้ ข้าจึงได้ขอให้นางสั่งกล่องเข็มราคาแพงมากล่องหนึ่งขอรับ" เขาอธิบายร่ายยาว
"พวกเจ้าสั่งทำกล่องเข็มสิบแปดแบบที่ราคาเกือบสิบตำลึงทองหรือ?!" แม่ทัพตกใจ เขาอยากถามอีกเรื่อง แต่กลับได้รับรู้อีกเรื่อง
"เป็นความผิดของข้า หากแม่ทัพจะลงโทษ ข้ายินดีทำทุกอย่าง" เขาค้อมหลังประสานมือ ในใจกลับตะโกนว่า
‘แย่แล้ว! ท่านแม่ทัพยังไม่รู้เรื่องนี้ เช่นนั้นเขามาด้วยเรื่องอันใด’ แต่ในเมื่อพูดไปแล้ว แม่ทัพก็รู้แล้ว จึงได้แต่ต้องตามน้ำไป
หลี่เฟื่องเซียนตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าเรื่องเงินจะถูกเปิดเผยเอาตอนนี้ กลัวเรื่องนั้นแล้วยังต้องมากลัวเรื่องนี้อีก นางพยายามส่งสายตาบอกเขาว่าไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เขาก็เอาแต่ก้มหน้า
"ฮึ่ม! เจ้าใช้เงินของนางไปสิบตำลึงทองเลยหรือ? เจ้าหลอกลวงลูกของข้า นางก็โง่ให้เจ้าหลอกใช้ เงินสิบตำลึงทอง ข้าอยากถามเจ้าว่า เจ้าจะชดใช้ความผิดแทนนางหรือไม่?" แม่ทัพถามอย่างดุดัน
"เชิญแม่ทัพหลี่ลงโทษ ข้าจะรับโทษทั้งของนางและของข้าเอง" ลู่มู่เฉินย่อมต้องรับผิดแทนนาง
"ดี เช่นนั้น ข้าจะจัดงานแต่งให้พวกเจ้า และรีบกลับไปเมืองหลวง รักษาอาการป่วยของเจ้าให้หายขาด เจ้าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อรับผิดชอบแทนนางไปตลอดชั่วชีวิต" แม่ทัพหลี่เอ่ยอย่างหนักแน่น ไม่สนใจสีหน้าคล้ายฟ้าถล่มของลู่มู่เฉินและหลี่เฟิ่งเซียน
กำหนดการแต่งงานของทั้งสองคนถูกกำหนดอย่างรวดเร็วเช่นนี้..
พ่อแม่ของลู่มู่เฉินตายหมดแล้ว เขาไร้ญาติขาดพี่น้อง ท่านแม่ของหลี่เฟิ่งเซียนก็จากไปนานแล้ว งานแต่งนี้จึงมีเพียงท่านแม่ทัพเป็นผู้ใหญ่ งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างรีบร้อนจึงไม่ทันไปรับท่านย่า ท่านย่าโวยวายจะโขกหัวจนตัวตาย แม่ทัพหลี่จำต้องรับปากว่าจะจัดงานแต่งอีกครั้งที่เมืองหลวง จะทำให้ยิ่งใหญ่จนท่านย่าพอใจ ท่านย่าจึงยอมตามในที่สุด แต่ไม่มีผู้ใดถามความสมัครใจของลู่มู่เฉิน
ลู่มู่เฉินยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนเขาถูกแต่งชุดแดง ถูกคลุมหัวด้วยผ้าแดง จับขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ถูกแม่สื่อจับไปขังในห้องของหลี่เฟิ่งเซียน จนกระทั่งนางมาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าบ่าว* เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างราวกับเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่ง
แววตาของหลี่เฟิ่งเซียนคล้ายดื่มสุรามาจนเมามายแล้ว
"เกิดอะไรขึ้น" เขาถาม เพราะตั้งแต่มีกำหนดการงานแต่ง เขาก็ถูกจับตาตลอดเวลา ถูกห้ามไปเจอเจ้าสาวเด็ดขาด
*เข้าใจค่ะว่าพิธีการแต่งงานของจีนเป็นอย่างไร แต่ในใจของไรท์จินตนาการเสมอว่าคุณหนูใหญ่เป็นผู้เปิดผ้าคลุมหน้า อย่างไรก็คิดเสียว่าบริบทในนิยายนี้เป็นเรื่องที่จินตนาการขึ้น ไม่ได้อิงตามความเป็นจริงแต่อย่างใด เป็นเพียงเรื่องแต่งเท่านั้นค่ะ
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่