แต่ที่ไหนได้ ยู่ยี่ยังต้องรับเคราะห์เดินทางไปเมืองหลวงกับคุณหนูใหญ่อีก ที่เมืองหลวงไม่มีคนรับใช้แล้วหรือ เหตุใดนางถึงต้องถูกบังคับเข้าเมืองหลวง แต่บ่นไปก็เท่านั้น ทั้งท่านเขยกับคุณหนูใหญ่ต่างทำหน้าเบื่อหน่ายหลับตาแสร้งหลับ ไม่มีผู้ใดสนใจความเจ็บช้ำของหยวนหยวน
ตลอดการเดินทางหลี่เฟิ่งเซียนมักจะแอบมองมู่เฉินคนชั่วของนางบ่อยครั้ง ตั้งแต่นางรู้ตัวว่าชอบเขา นางก็รู้สึกดีใจที่ก่อนหน้านั้นบังคับให้เขาดื่มน้ำแกงไก่ตุ๋นยาสมุนไพรทุกเช้า เพราะยามนี้ ไม่ว่ามองอย่างไรเขาก็ถือว่าเป็นคนงามผู้หนึ่ง ริมฝีปากบางอมชมพู จมูกคมเป็นสัน สองแก้มแม้จะยังไม่เต็มกรอบแต่ก็น่าจับเล่น สันกรามเด่นชัดชวนใจเต้น คิ้วคมยาวเรียวคล้ายรูปดาบ โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่นั้น ยิ่งมองนางยิ่งหลงใหล
แม้ตอนนี้ผมด้านหน้าที่นางตัดจะยังไม่ยาวเท่าผมส่วนอื่น แต่ก็เริ่มยาวมาถึงคางแล้ว นึกดูแล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็แอบดีใจไม่น้อยที่ตอนนั้นนางใช้กระบี่ตัดผมของเขาไปหย่อมหนึ่ง อย่างน้อยก็ได้ตัดวาสนาสาวงามของเขาไปหลายพันเส้น ไม่เช่นนั้นนางอาจต้องมานั่งกลุ้มเรื่องที่เขางดงามจนใครก็ต้องการแย่งชิง
แต่ในใจของลู่มู่เฉินกลับรู้สึกว่านางต้องไม่พอใจเขามากแน่ถึงได้เอาแต่แอบมองเขา ปกตินางเป็นเช่นนี้เมื่อใดกัน นางเป็นหญิงสาวที่มีความกล้าหาญ ไม่มาแอบๆ มองดูผู้อื่นเช่นนี้แน่ ขนาดนางไปเกี้ยวชายอื่นนางยังบอกเขาไปตามตรงว่ากำลังเกี้ยว
เดินทางจนถึงพื้นที่ที่คล้ายลานกว้าง มีต้นไม้ขึ้นประปราย มีหญ้าขึ้นเกือบทั้งลาน มีก้อนหินมากมายหลายก้อนทั้งเล็กและใหญ่ บางก้อนใหญ่จนบังรถม้าได้ทั้งคัน จ้าวเหลียงบอกว่าจำเป็นต้องค้างคืนที่นี่ จะไม่มีการตั้งกระโจมเพื่อความคล่องตัวเวลาออกเดินทางในตอนเช้า
ทุกคนต่างพักผ่อนตามอัธยาศัย พอมืดค่ำหยวนหยวนก็ถูกบังคับให้เอาเนื้อแกะตากแห้งออกมาต้มน้ำแกงให้ทุกคนดื่ม แม้นางจะบ่นตลอด แต่ก็ยังลงมือต้มน้ำแกงอย่างตั้งใจ
“ห้ามไปคนเดียวขอรับคุณหนู” จ้าวเหลียงห้ามหลี่เฟิ่งเซียนที่กำลังเตรียมตัวขึ้นม้าจะไปที่ไหนสักแห่ง
“ข้าจะไปอาบน้ำ!” นางขึ้นเสียงไม่พอใจ
“เจ้าเป็นคนบอกเองว่าหลังเขามีน้ำตก” นางยังผลักทุกสิ่งเป็นความผิดของเขา
“มืดแล้วขอรับ ข้าจะให้คนไปตักน้ำมาต้มให้ท่านอาบ” จ้าวเหลียงเสนอ
“ข้าอยากเล่นน้ำ” นางไม่ยอม
“คุณหนูใหญ่ ท่านอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย” เขาขอร้อง หลี่เฟิ่งเซียนกลับชักสีหน้าไม่พอใจใส่เขา จ้าวเหลียงดูแล้วไร้หนทาง แต่อย่างไรหน้าที่เขาก็คือรักษาความปลอดภัยให้คุณหนูใหญ่ แต่ให้เลือกถูกนางโขกสับกลั่นแกล้งอย่างไรก็ยังดีกว่าการรับหมัดของแม่ทัพหลี่ เขาได้แต่ต้องขอร้องคุณหนูใหญ่ต่อไป
ลู่มู่เฉินมองดูนางทะเลาะกับคนไปทั่ว เดี๋ยวกับคนนั้นเดี๋ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่ยอมมองเขาตรงๆ ไม่ยอมพูดคุยกับเขา ทั้งยังพยายามเลี่ยงจะพูดกับเขาด้วย นางคงมีเรื่องกวนใจอยู่เป็นแน่ บางทีอาจเป็นเรื่องที่เขาไม่ยอมปฏิเสธงานแต่ง
สุดท้ายเขาจึงลุกขึ้นเดินไปทางม้าตัวนั้นที่นางพยายามจะขึ้นขี่ จัดการแย่งบังเหียนม้ามาถือไว้เสียเอง
“เจ้าอย่าดื้อนักเลย ทุกคนเขาเดือดร้อนเพราะต้องดูแลเจ้ากันหมดแล้ว” ลู่มู่เฉินเตือน
แต่หลี่เฟิ่งเซียนกลับมองเขาตาโตก่อนจะรีบหันหลังไปทางอื่น และเดินเร็วๆ จากไปทันที ปล่อยให้ลู่มู่เฉินมองตาปริบๆ เขายิ่งแน่ใจว่านางไม่พอใจเขา
“ข้าต้องอาบน้ำ ให้คนไปตักน้ำมาให้ข้าด้วย” หลี่เฟิ่งเซียนยังไม่ลืมหันมาสั่งกับจ้าวเหลียง
“ขอบคุณท่านเขย” จ้าวเหลียงยกมือกำหมัดคำนับขอบคุณเขา
“อย่าเรียกข้าเช่นนั้นเลย เรียกข้าว่ามู่เฉินเช่นเดิมเถิด”
“เช่นนั้นข้าคงถูกคุณหนูใหญ่ถลกหนังหัวแล้ว” จ้าวเหลียงยืนยันจะเรียกเขาว่าท่านเขย
คืนนั้นเมื่อมื้อค่ำผ่านไป ต่างคนต่างแยกย้ายนอน หลี่เฟิ่งเซียนได้อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ลู่มู่เฉินไม่เข้าใกล้รถม้าเพราะต้องการให้หลี่เฟิ่งเซียนได้ใช้เวลาอยู่ในนั้นอย่างสบายใจ แต่หลี่เฟิ่งเซียนกลับคิดว่าเขาไม่ชอบนาง นางพลิกไปมาก็ยังนอนไม่หลับ
“ยู่ยี่ เจ้าว่าเขาไม่ชอบข้าใช่หรือไม่” นางปรับทุกข์กับสาวใช้ที่กำลังเก็บข้าวของให้เข้าที่
“คุณหนูของข้า ข้าชื่อหยวนหยวน...เฮ้อ แต่หากเขาไม่ชอบท่าน ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะชอบผู้ใดได้อีก”
“เช่นนั้น เหตุใดเขาไม่เข้ามานอนกับข้า หลังแต่งงานสามีสมควรหลงใหลภรรยาไม่ใช่หรือ” นางยังสงสัย
“โอ๊ย ตายจริง!! ข้าลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิท” แต่หยวนหยวนกลับตะโกนออกมาเช่นนั้น รีบค้นบางอย่างในห่อผ้าและรีบร้อนออกไปจากรถม้า ไม่ฟังที่นางกำลังปรับทุกข์สักนิด
“นี่เจ้ายังเห็นข้าเป็นคุณหนูใหญ่ของเจ้าอยู่หรือไม่” หลี่เฟิ่งเซียนด่าตามหลัง
ลู่มู่เฉินนั่งอยู่ที่หน้ากองไฟ คืนนี้เขาตั้งใจจะนอนที่นี่
“เอ้า ข้าให้ ท่านเขยต้องรีบศึกษาให้เข้าใจ ต่อไปก็ตั้งใจปรนนิบัติคุณหนูใหญ่ให้ดีๆ นางจะได้ไม่ระรานข้าทั้งวัน ท่านเข้าหรือไม่” จู่ๆ หยวนหยวนก็ยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้เขา
ลู่มู่เฉินมองหนังสือในมือสลับไปมากับหน้าของหยวนหยวนอย่างไม่เข้าใจ มันเป็นหนังสือที่ปกสีขาวล้วน ไร้ร่องรอยตัวหนังสือ
“อย่าเปิดดูที่นี่เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าอาจหัวขาดได้ ท่านต้องเอาไปอ่านต่อหน้าคุณหนู เข้าใจหรือไม่” หยวนหยวนยังคงสั่งต่อไป
ก่อนหน้านี้นางยังเรียกเขาว่า เจ้า แต่หลังแต่งงาน นางก็เริ่มเรียกเขาว่าท่านเขย เขายังไม่ค่อยชิน ในใจเขารู้สึกว่าถ้านางจะพูดมากเช่นนี้ อย่าเรียกเขาว่าท่านเขยยังจะดีเสียกว่า แต่เขาไม่ได้พูดไป ทำเพียงยัดหนังสือเล่มนั้นใส่อกเสื้อและนั่งผิงไฟต่อไป
“ยังไม่รีบไปปรนนิบัติคุณหนูอีก” หยวนหยวนเอ่ย
ลู่มู่เฉินเงยหน้ามองนาง ขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจ หลี่เฟิ่งเซียนที่เกลียดเขามาทั้งวันต้องการให้เขาไปปรนนิบัติยามนี้หรือ? แต่หยวนหยวนก็มองถลึงตาใส่เขาพยายามให้เหมือนกับการข่มขู่ของมารดาที่กำลังดุลูกชาย
ลู่มู่เฉินถอนหายใจลุกขึ้นเดินไปที่รถม้า เขายืนทำใจสักครู่ก่อนจะเดินขึ้นไปในรถม้า หากนางอยากกลั่นแกล้งเขาให้หายแค้นสักหน่อยก็ไม่ได้เสียหายอันใด เช่นนี้จึงจะเป็นคุณหนูใหญ่ที่เขารู้จัก ไม่ใช่เอาแต่หลบหน้าเขา
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่