“ข้าไม่เป็นไร มันหายแล้ว แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว อย่างไรก็ยังต้องเป็นเช่นนี้เวลาอากาศหนาวมากๆ” เขาหลบตามองต่ำอธิบาย
“เช่นนั้นเพราะหนาวหรือถึงได้เจ็บ” นางถาม ลู่มู่เฉินพยักหน้า
หลี่เฟิ่งเซียนทำหน้าดุก่อนจะวิ่งไปที่เตียงดึงผ้าห่มมาห่อตัวเขาไว้
“แล้วเจ้าหนีมานอนที่พื้นเพื่ออันใดกัน ต่อไปห้ามทำเช่นนี้อีก หากข้าเมาก็ต้องเรียกข้าให้เอาผ้าห่มให้เจ้า เข้าใจหรือไม่” นางดุ
ลู่มู่เฉินพยักหน้ารับอีกครั้ง แต่ไม่กล้ามองนาง ไม่กล้าบอกนางว่ามือข้างนี้จะไม่หาย มันยังคงต้องเจ็บเช่นนี้ไปตลอดชีวิต แม้จะตัดทิ้งความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่มีอยู่จริงก็ยังเกิดขึ้น เวลานี้ก็ยังรู้สึกเจ็บมาก แต่อย่างไรก็ต้องทนต่อไป เขาไม่ต้องการให้นางไม่สบายใจ
แต่ห่มผ้าให้เขาแล้วนางก็ไม่ยอมไปไหน ยังคงนั่งมองเขา ทั้งยังกระเถิบมาใกล้ขึ้นจ้องมองเขาไม่วางตา ลู่มู่เฉินได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยคำพูด แต่แล้วนางก็ยกมือขึ้นมาเช็ดบางอย่างที่ข้างแก้ม
“เจ้านอนน้ำลายไหลเปื้อนแก้มด้วย”
“!!..” เขาตกใจรีบก้มหน้าไม่ยอมให้นางเช็ดคราบน้ำลาย
“ชิ ทำเป็นเล่นตัว อย่างไรเจ้าก็แต่งกับข้าแล้ว เป็นหรือตายก็ต้องเป็นคนของข้า” หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกอารมณ์เสีย
เมื่อคืนก็ไม่ยอมเข้าหอ ยามนี้ยังจะมาทำเป็นไม่ยินยอมให้นางถูกตัว นางจึงใช้สองมือจับแก้มของเขาบังคับให้เขาหันมา ก่อนจะเชยคางเขาและใช้แขนเสื้อเช็ดคราบน้ำลายที่แก้ม เช็ดเสร็จนางก็ลุกขึ้นหนีไปเลย ไม่สนใจเขาอีก
ปล่อยให้ลู่มู่เฉินหัวใจใกล้จะหยุดเต้นตรงนั้นอย่างทำสิ่งใดไม่ได้ มีสตรีใดกันจะหาญกล้าเพียงนี้ นี่นางไม่รู้สึกตัวเลยหรือว่าเรื่องเช่นนี้ไม่สมควรเช็ดให้กัน นางควรจะรังเกียจไม่ใช่ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ก็เพราะนางเป็นเช่นนี้ เขาจึงไม่รู้เลยว่าจะทำเช่นไร ได้แต่ปล่อยหัวใจอยู่ในมือของนาง ปล่อยให้นางบีบเล่น
หลี่เฟิ่งเซียนโมโหออกไปเรียกยู่ยี่ให้เตรียมน้ำให้นางล้างหน้าล้างปาก ยังคงโมโหจนเลยเวลาอาหารเช้า
‘ข้าหลี่เฟิ่งเซียน คุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพหลี่ ไล่ตามเกี้ยวชายรูปงามมาทั้งชีวิต ยามนี้ได้แต่งกับชายอัปลักษณ์คนหนึ่งยังต้องไล่ตามเกี้ยวเขาอีกหรือ สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมกับข้าเสียจริง’ นางนั่งอยู่นอกระเบียงไม้ แอบต่อว่าสวรรค์ในใจ สีหน้าบ่งบอกว่า อย่ามายุ่งกับข้า
“เจ้าเอาเข้าไปให้นางสิ ข้ากลัว” หยวนหยวนพูดกับลู่มู่เฉิน
“ข้าก็กลัว” เขาตอบเรียบๆ
“เจ้าเป็นสามีของนางแล้ว ถึงกลัวก็ยังต้องเอาไปให้” หยวนหยวนโมโห
เมื่อคืนลู่มู่เฉินคนโง่จะต้องทำให้คุณหนูใหญ่ไม่พึงใจแน่ๆ นางถึงได้หน้างอมากเพียงนี้ หยวนหยวนนึกแล้วก็ให้สงสารหลี่เฟิ่งเซียน เป็นถึงคุณหนูคนเดียวตระกูลหลี่ แต่กลับได้แต่กับคนที่ทั้งโง่ทั้งอัปลักษณ์ เรื่องในห้องหอก็คงไม่เคยกับหญิงใดทั้งไม่มีผู้สอน ลู่มู่เฉินถึงได้ทำให้คุณหนูใหญ่อารมณ์เสียเช่นนี้ เฮ้อ สงสัยนางคงต้องแอบช่วยพวกเขาเสียหน่อย
ลู่มู่เฉินจำต้องยกโจ๊กอุ่นๆไปให้หลี่เฟิ่งเซียน เขาเดินไปใกล้ นางรู้ว่าเป็นเขาก็หลบหน้าหันไปทางอื่น
“กินอาหารเสียหน่อย อีกครู่พวกเราต้องเข้าไปคารวะท่านแม่ทัพอยู่ หากเขาเห็นเจ้ายังไม่ได้กินอะไร เขาจะเป็นห่วงได้” ลู่มู่เฉินพูด
“ฮึ่ม..เจ้าเป็นห่วงว่าท่านพ่อจะเป็นห่วงข้า หรือเป็นห่วงว่าเขาจะถลกหนังหัวของเจ้าเพราะทำให้ข้าอารมณ์ไม่ดี” นางถามโกรธๆ
“ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะหิว” เขาตอบเบามาก แต่นางยังได้ยิน หัวใจของนางค่อยๆอุ่นขึ้น แม้ความโกรธจะมลายไปแล้ว แต่นางยังไว้ท่า
“ข้าอยากกินซาลาเปาไส้หมู” นางพูดเอาแต่ใจ
“ข้ายกโจ๊กมาแล้ว เช้าๆทานของอุ่นๆจะดีต่อท้องของเจ้ามากกว่า” เขาไม่ได้ตามใจนาง แต่หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกว่าเขาช่างเอาอกเอาใจนาง เป็นห่วงนางยิ่งนัก นางจึงทำเป็นย่นจมูกและรับถ้วยโจ๊กมาตักเข้าปาก
“ค่อยๆ มันร้อน” เขาเตือนเบาๆอยู่ข้างๆ
หยวนหยวนมองทั้งคู่ด้วยความสงสาร อีกคนก็โง่เขลาปรนนิบัติภรรยาไม่เป็น อีกคนก็หลงผู้ชายจนไม่รู้จักรักศักดิ์ศรีของตัวเอง
หลังจากที่พวกเขาไปพบท่านแม่ทัพเพื่อคารวะพ่อแม่ แม่ทัพหลี่กลับออกคำสั่งให้พวกเขาเก็บข้าวของกลับเมืองหลวงทันที พร้อมกับมอบหนังสือขอบคุณท่านหมอหลวงอิ่นที่ช่วยรักษาลูกเขยให้เขา ความในใจที่ลู่มู่เฉินต้องการจะพูดกับแม่ทัพก็ถูกตัดบท ไม่มีกระทั่งเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของคู่บ่าวสาว
หลังจากนั้นอีกไม่ถึงครึ่งวันทุกอย่างก็พร้อมสำหรับเดินทางไกล ราวกับทุกอย่างถูกเตรียมการไว้แล้ว รอเพียงทั้งคู่แต่งงานกราบไหว้ฟ้าดิน ครั้งนี้แม่ทัพหลี่ไม่ปล่อยให้หลี่เฟิ่งเซียนเดินทางลำพัง เขาเตรียมมือดีของเขาทั้งหมดห้านายคอยคุ้มกัน มีจ้าวเหลียงเป็นผู้นำ มีรถม้าอีกสามคันขนสัมภาระ และอีกหนึ่งคันสำหรับคู่รัก
ลู่มู่เฉินยืนมองรถม้าด้วยความรู้สึกหนักหน่วง ตกลงแล้วหลี่เฟิ่งเซียนไปทำความผิดอันใดมา เหตุใดท่านแม่ทัพจึงลงโทษนางหนักเช่นนี้ สตรีนางหนึ่งได้แต่งกับชายอัปลักษณ์เช่นเขา ป่านนี้นางคงรู้สึกคล้ายท้องฟ้าใกล้ถล่มใส่นาง
เมื่อเช้าที่นางอารมณ์ไม่ดีใช่เพราะโกรธเคืองเขาที่ไม่ยอมปฏิเสธงานแต่งหรือไม่ มิน่านางถึงได้ดื่มสุรามากมายก่อนเข้าหอ นางคงแบกความไม่สบายใจเอาไว้เต็มอก
ลู่มู่เฉินหันไปมองหลี่เฟิ่งเซียนที่กำลังทะเลาะกับหยวนหยวน เขารู้สึกหนักใจ หากนางยังโกรธเคืองเขาเช่นนี้ เขาควรถามเรื่องสาเหตุของการแต่งงานหรือไม่ ดูท่าแล้วแม่ทัพหลี่คงไม่คิดจะให้คำตอบเขา
‘เอาไว้ค่อยหลอกถามจากนางแล้วกัน ถึงเวลานั้น เมื่อไปถึงเมืองหลวงฉางอัน ข้าค่อยหาทางให้นางมอบใบหย่า’ ลู่มู่เฉินคิด
ทั้งหมดขึ้นรถม้ากลับเมืองหลวง ลู่มู่เฉิน หลี่เฟิ่งเซียนและหยวนหยวนนั่งในรถม้าด้วยกัน หยวนหยวนเอาแต่บ่นคุณหนูใหญ่ที่บังคับให้นางเดินทางมาด้วย เดิมนางคิดว่าหากคุณหนูใหญ่กลับเมืองหลวงแล้ว ในที่สุดนางก็ไม่ต้องทรมานกับความเอาแต่ใจของหลี่เฟิ่งเซียน
“ข้าไม่เป็นไร มันหายแล้ว แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว อย่างไรก็ยังต้องเป็นเช่นนี้เวลาอากาศหนาวมากๆ” เขาหลบตามองต่ำอธิบาย“เช่นนั้นเพราะหนาวหรือถึงได้เจ็บ” นางถาม ลู่มู่เฉินพยักหน้าหลี่เฟิ่งเซียนทำหน้าดุก่อนจะวิ่งไปที่เตียงดึงผ้าห่มมาห่อตัวเขาไว้“แล้วเจ้าหนีมานอนที่พื้นเพื่ออันใดกัน ต่อไปห้ามทำเช่นนี้อีก หากข้าเมาก็ต้องเรียกข้าให้เอาผ้าห่มให้เจ้า เข้าใจหรือไม่” นางดุลู่มู่เฉินพยักหน้ารับอีกครั้ง แต่ไม่กล้ามองนาง ไม่กล้าบอกนางว่ามือข้างนี้จะไม่หาย มันยังคงต้องเจ็บเช่นนี้ไปตลอดชีวิต แม้จะตัดทิ้งความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่มีอยู่จริงก็ยังเกิดขึ้น เวลานี้ก็ยังรู้สึกเจ็บมาก แต่อย่างไรก็ต้องทนต่อไป เขาไม่ต้องการให้นางไม่สบายใจแต่ห่มผ้าให้เขาแล้วนางก็ไม่ยอมไปไหน ยังคงนั่งมองเขา ทั้งยังกระเถิบมาใกล้ขึ้นจ้องมองเขาไม่วางตา ลู่มู่เฉินได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยคำพูด แต่แล้วนางก็ยกมือขึ้นมาเช็ดบางอย่างที่ข้างแก้ม“เจ้านอนน้ำลายไหลเปื้อนแก้มด้วย”“!!..” เขาตกใจรีบก้มหน้าไม่ยอมให้นางเช็ดคราบน้ำลาย“ชิ ทำเป็นเล่นตัว อย่างไรเจ้าก็แต่งกับข้าแล้ว เป็นหรือตายก็ต้องเป็นคนของข้า” หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกอารมณ์เสีย เมื
เขาจึงยังไม่ได้พูดคุยกับนางให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำได้แต่คาดเดา เพราะเขาถามอ๋องเยียนก็แล้ว ท่านหมอก็ถามแล้ว แม้แต่แม่ทัพหลี่เขาก็พยายามถามแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดตอบคำถามของเขา"ตาของเจ้างดงามมากจริงๆ ราวกับเก็บดวงดาวยามค่ำคืนไว้ทั้งท้องฟ้า" พูดแล้วนางก็ล้มใส่ตัวเขา หลับไปทั้งเช่นนั้น‘ความฝันที่เป็นได้เพียงความฝัน ห้ามคิดฝันเกินตัว มันต้องมีบางสิ่งทำให้ท่านแม่ทัพตัดสินใจเช่นนี้ นางต้องทำความผิดใดจนท่านแม่ทัพโกรธ จนต้องลงโทษนางให้แต่งกับคนอัปลักษณ์ใกล้ตายเช่นเขา’ ลู่มู่เฉินตักเตือนตัวเองเขามั่นใจว่างานแต่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนางชอบเขา หรือเพราะดันมีคนรู้เข้าว่าเขาชอบนาง เขารู้ว่าต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น นางจึงถูกบังคับให้แต่งกับเขาเขารู้ว่านางพูดชมเขาโดยไม่มีสิ่งใดลึกซึ้ง เพราะนางเป็นคนเช่นนั้น ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม พูดสิ่งที่คิดออกมาตรงๆ เพียงแต่..ทุกครั้งที่นางพูดเช่นนี้ ในอกของเขายังคงสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ ในท้องปั่นป่วนคล้ายมีผีเสื้อนับพันกำลังโผบินลู่มู่เฉินแอบยิ้มน้อยๆ งานแต่งนี้อาจต้องจบลงสักวัน เขาย่อมรู้ดี แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นงานแต่งของเขากับนาง หากนางยังตื่นอยู่ เขาก็จะปั้น
แม่ทัพหลี่หันหน้าแบบประหลาดมากมามองลูกสาว เขากะพริบตาไล่ความงุนงง สังเกตอาการของลูกสาวที่หน้าแดงกระวนกระวายทำสิ่งใดไม่ถูก จู่ๆเขาก็เข้าใจทุกอย่าง‘ข้าว่าแล้วเชียว เท่าที่จำได้ ไอ้หนุ่มนั่นเป็นคนเดียวที่ทำให้ลูกข้าเงียบได้ใช่หรือไม่ แต่มันดูแลลูกข้าได้แน่หรือ ถึงอย่างไรนางก็ดูจะชอบมันเข้าแล้วจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้เลย’ แม่ทัพหลี่คิด ยิ่งคิดยิ่งตกใจ นี่เขาไม่เคยสังเกตเลยจริงๆ สุดท้ายเขาไม่พูดสิ่งใดแต่เดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องโถงทันทีปล่อยให้หลี่เฟิ่งเซียนและอ๋องเยียนมองตามอย่างงุนงง ก่อนที่นางจะคิดบางอย่างได้และตะโกนออกไป“ท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขานะ!!” แล้วนางก็วิ่งตามแม่ทัพออกไป อ๋องเยียนค่อยๆพ่นลมออกมา รู้สึกโล่งอกที่คนถูกฆ่าไม่ใช่เขาลู่มู่เฉินกำลังช่วยเตรียมยาให้ทหารนายหนึ่ง ขาของเขาขาด ไม่ได้ทำแผลให้สะอาดแต่ต้น ยามนี้จึงทั้งบวมและเป็นหนอง“ลู่มู่เฉิน!!” แม่ทัพหลี่ตะโกนเรียกชื่อเขาแต่ไหล “หยุดนะท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขาเด็ดขาด!” หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งตามหลังแม่ทัพหลี่มาติดๆ ตะโกนอย่างร้อนรนลู่มู่เฉินไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางคงก่อเรื่องอีกแล้ว เขาถอนหายใจ ยื่นห่อยาให้ทหารอย่างใจเย็น ก
หลี่เฟิ่งเซียนค่อยๆหันกลับไป กะพริบตาปริบๆ ไม่อยากเชื่อว่าใครๆก็มองออก แต่นางไม่รู้ตัว นี่นางโง่เพียงนี้เชียวหรือ“เจ้าไม่ชอบเขา แล้วสั่งทำกล่องเข็มให้เขาทำไมหรือ” นางยังคาใจ“ท่านเป็นคนสัญญาว่าจะออกเงินสร้างสิ่งที่เขาอยากได้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ เขาบอกว่าอยากได้กล่องเข็มครบ 18 แบบ ข้าจึงไปสั่งร้านช่างในหมู่บ้านให้ ใช้เวลาหลายสิบวันกว่าจะเสร็จ วันก่อนช่างเอามาส่งแต่ข้าลืมบอกท่าน” ยู่ยี่อธิบายนางสัญญาไปเช่นนั้นจริงๆ นางรีบร้อนจะตามอ๋องเยียนไปขี่ม้าดูบึงใหญ่ จึงรับปากเขาไปส่งๆ จนนางก็ลืมไปแล้ว ดังนั้น ถือว่ากล่องเข็มนี้นางเป็นคนมอบให้เขา ไม่ใช่ยู่ยี่หัวใจของหลี่เฟิ่งเซียนพองโต นางไม่ต้องแย่งชิงเขากับยู่ยี่ เขาไร้ญาติขาดมิตร ครอบครัวก็ไม่มี ขอเพียงนางรวบหัวรวบหาง เขาต้องเป็นของนางแน่ ถึงเขาจะน่าเกลียดมากไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยนัยน์ตาของเขางดงามมาก นางชอบนัยน์ตาของเขาที่ราวกับเก็บดวงดาวไว้ทั้งท้องฟ้ายามค่ำคืนคิดแล้วนางก็หยุดตัวเองไม่ได้ อยากจะไปหาเขาตอนนี้เสียเลย หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปหาลู่มู่เฉิน ไม่สนใจว่ายามนี้ดึกมากเพียงใด ยู่ยี่ห้ามอย่างไรนางก็ไม่ฟัง นางเอากล่องเข็มไปด้วย นางอยาก
“แล้ว..เกิดอะไรขึ้น” แม่ทัพหลี่เบาเสียงลง กลัวจะทำให้ลูกสาวเสียงดังมากขึ้น“...ข้าก็ไม่รู้ เขาคงไม่อยากให้ข้าไปยุ่งกับเขา” นางตอบเบาลง“เหลวไหล ใครจะไม่อยากยุ่งกับลูกพ่อ” แม่ทัพหลี่รีบเอาใจ“มาๆ กินเยอะๆ เดี๋ยวพ่อไปถามให้ ถ้าเขาไม่ยอมพูด พ่อจะบังคับให้เขาพูดให้ได้” เขาหยิบอาหารใส่ถ้วยให้นาง เอาอกเอาใจลูกสาวเต็มที่“ไม่ต้อง ข้า..ข้าจะ ไปถามด้วยตัวเอง”หลี่เฟิ่งเซียนพอจะนึกบางอย่างได้ นางพาลู่มู่เฉินมาที่นี่ อ้างว่ามารักษาตัว แต่ไม่เคยถามว่าเขาอยากอยู่หรือไม่ ท่านพ่อของนางเป็นถึงแม่ทัพ หากเขาไม่เอ่ยปาก ผู้ใดจะกล้าออกไปจากที่นี่ บางทีลู่มู่เฉินอาจไม่อยากอยู่ที่นี่ เขาอาจรู้สึกไม่ต่างจากถูกคุมขังในกรงสุนัข เขาอาจอยากกลับไปหาครอบครัวสุดท้ายหลี่เฟิ่งเซียนตัดสินใจจะถามให้กระจ่าง นางตามหาเขาจนพบเขาอยู่ที่ห้องเก็บยา“ลู่มู่เฉิน ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนมาถึงก็ถามตรงๆ“..อืม” เขาหันมามองนางครู่หนึ่ง และหันไปยุ่งกับการตวงยาต่อไป“เจ้าอยากกลับบ้านของเจ้าหรือไม่”“ใครบ้างจะไม่อยากกลับบ้าน”เขาตอบตามจริง แต่นางรู้สึกบางอย่างในอกหนักอึ้ง“เจ้ามีบ้านหรือไม่ มีพ่อแม่ ภรรยา...หรือคนที่รอใ
ค่ำวันนั้นนางไปหามู่เฉินคนชั่วของนาง แต่ท่านหมอบอกว่าเขาไม่อยู่ออกไปอาบน้ำ หลี่เฟิ่งเซียนไปรอเขาที่ห้องของเขาอยู่นานเขาก็ยังไม่กลับ นางจึงบุกไปที่ห้องอาบน้ำ แต่เขาก็ไม่อยู่ที่นั่น หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางกลัวว่าเขาจะออกไปข้างนอกค่ายแล้วเกิดถูกจับตัวไปขายอีกครั้งหลี่เฟิ่งเซียนวิ่งกลับไปที่ห้องของนางเพื่อหยิบกระบี่ไปช่วยเขา แต่กลับพบเขากำลังนั่งปลอบใจยู่ยี่ที่ร้องไห้อยู่ นางมองเขากำลังใช้มืออีกข้างตบหลังยู่ยี่เบาๆ อย่างปลอบโยน จู่ๆ นางก็เกิดไม่กล้าเดินเข้าไปรบกวนพวกเขา ในใจของนางมีบางอย่างหนักอึ้งจนนางเองก็อธิบายไม่ได้หลี่เฟิ่งเซียนหอบกล่องใส่เข็มไปนั่งเหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่ริมน้ำ เพราะนางไม่กล้าเข้าห้องของตัวเอง สายลมเย็นส่งเสียงหวีดเป็นบางครั้ง เสียงน้ำไหลกระทบก้อนหิน แม้จะหนวกหู แต่ช่วยให้นางสงบ ไม่ต้องได้ยินเสียงจี้ดๆ ที่ได้ยินในหูตั้งแต่เห็นสองคนนั้นนั่งด้วยกันยิ่งมืดดวงดาวยิ่งแจ่มชัด แต่จู่ๆ กลับมีแสงไฟใกล้นางมาทุกที หลี่เฟิ่งเซียนกลัวว่าจะมีคนร้ายมาแอบจับตัวนางไปอีก จึงรีบหลบหลังพุ่มไม้ แอบก่นด่าตัวเองในใจที่ไม่รู้จักระวัง มืดแล้วยังไม่ระวังตัว ถูกจับไป