“ที่รัก ร่างกายของคุณหวานอร่อยไปทั้งตัว หวานจนผมหยุดกินไม่ได้ แล้วตอนนี้ผมหิวอีกแล้ว” ตฤณ ท่านประธานบริษัท วัย 37 ปี หนุ่มโสดหล่อ รวย พ่อบุญทุ่ม ถูกใจใครก็เปย์หนัก ไม่เว้นแม้แต่เลขาสาวสวยที่เขาบังคับมารับตำแหน่ง ด้วยวิธีแสนเจ้าเล่ห์แม้เธอไม่เต็มใจ แต่ในเมื่อเขา “อยากได้” วิธีสุดแสนร้ายกาจเขาก็งัดมาใช้ เพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง ***** “ผมขับรถไปรับคุณได้ด้วยตัวเองเลย ไม่ได้ขู่ด้วย เอาให้รู้ไปทั้งบริษัทว่า... คุณเป็นคนของผม ผมมีรถให้เลือกนั่ง 10 คัน ลือกมาสักยี่ห้อเดี๋ยวขับไปหาครับ” “คุณมันบ้า อีตาผู้ชายบ้า เวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย แล้วต้องมาอยู่ซอยเดียวกัน” “ท่านประธาน คำที่ถูกต้อง ตกลงขึ้นรถมาหรือยังครับปั้นหยา” “คอยดูนะ ถ้าฉันเจอหน้าคุณ...” “จะสมนาคุณผมด้วยจูบเหรอ” “คุณ!”
View Moreปั้นหยา บ้านอยู่ต่างจังหวัด เพิ่งเรียนจบหมาดๆ กำลังเผชิญกับการตกงาน นั่นเพราะคนที่เรียนจบพร้อมกันเป็นแสนๆ คน ยุ่งยากที่สุดคือตอนหางาน ต่อให้เธอเรียนเก่งแค่ไหนก็ตามไม่รอดอยู่ดี เพราะงานสมัยนี้คัดเฉพาะคนมีประสบการณ์ แล้วคนเรียนจบใหม่อย่างเธอเล่า ใครจะเอา ทว่าฟ้าก็มีตา เธอสมัครทิ้งๆ ไว้หลายที่ ก็มีคนบริษัทเรียกตัวไปสัมภาษณ์บ้าง ที่เหลือเงียบกริบทิ้งใบสมัครของเธอแล้วกระมัง
วันนี้เป็นวันที่ปั้นหยาพอจะมีความหวังว่าจะได้งานทำ มีเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้าน ไม่ต้องแบมือขอเงินครอบครัว เธอคิดอย่างมีความหวัง ขณะที่กำลังเดินเท้าออกจากซอยซึ่งเป็นบ้านเช่า ในมือหอบเอกสารส่วนตัวหนาเตอะเตรียมการเป็นอย่างดีไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ขอดูอะไรก็ให้ได้ การแต่งตัวก็จะสุภาพหน่อยคือเสื้อเชิ้ตขาวเข้ารูป กับกระโปรงทรงเอ รองเท้าส้นสูงที่เดินยากมากบนทางเท้าที่ขรุขระ แถมยังมีน้ำขังเจิ่งนองหลังฝนตก บางจุดต้องเดินหลบเลี่ยงไม่ให้รองเท้าเปื้อนโคลน “อากาศนี่ก็นะ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน บางวันก็หนาวขึ้นมาดื้อๆ” ปั้นหยาบ่นฟ้าบ่นฝนไปเรื่อย จังหวะเดียวกันก็มีมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างแล่นผ่านไปมา แต่เธอไม่เรียกเพราะจากกลางซอยมาถึงปากซอยไม่ไกล และเดินอีกไม่กี่เมตรก็ถึงปากซอยแล้ว เหนื่อยแต่ก็ทนได้ “ขับเฟี้ยสขนาดนี้ ใครจะนั่งด้วย” ปั้นหยาบ่นให้มอร์เตอร์ไซค์รับจ้างที่ กำลังขับมาแล้วแซงซ้ายขวา ไม่สนใจรถที่กำลังจะสวนออกไปเลย และในจังหวะเดียวกันนั้น ก็ดันมีรถเก๋งขับมาทางที่เธอเดินพอดี รถเก๋งเหวี่ยงพวงมาลัยหลบมอร์เตอร์ไซค์มาทางซ้าย จังหวะนรกคือล้อรถเหยียบตรงน้ำขัง “ว๊าย! ตายแล้ว! อ๊าย!” ปั้นหยากรี๊ดด้วยความตกใจ เพราะน้ำโคลนสาดกระเด็นใส่เสื้อสีขาวของเธอเปียกทั้งตัว เธออึ้งไปหลายวิก่อนจะมองไปที่รถเก๋งคันนั้นที่ชะลอเช่นกัน เท่านั้นแหละแม่คุณองค์ลงทันที “นี่! หยุดเดี๋ยวนี้! ขับรถประสาอะไร! ไม่เห็นใจคนเดินเท้า คิดว่ารวยมากใช่ไหม! ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือขนาดนี้! อยากจะขับยังไงก็ขับได้ใช่ไหม ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไม่งั้นแม่จะถ่ายป้ายทะเบียนลงเฟซบุ๊กส์เลย!” เธอด่าไฟแลบพร้อมกับชี้มือชี้ไม้ คนในรถรีบจอดและได้ยินแต่เสียงแว๊ดๆ พร้อมกับภาพปั้นหยากำลังชี้มือมา เท่านั้นยังไม่พอ เธอเดินตรงมาที่รถด้วย “เอาไงดีครับคุณท่าน แย่แล้ว น่าจะใส่ชุดทำงานนะนั่น” กันระพีซึ่งเป็นคนขับรถบอกด้วยความตระหนก “แกลงไป ให้เงิน ให้อะไรไปปิดปาก จะได้เงียบ ท่าทางปากจัดไม่เบา” เจ้านายผู้ที่นั่งด้านหลังบอกอย่างไม่แยแส และไม่กล้าหันไปมอง “ฉันบอกให้ลงมาเดี๋ยวนี้!” ปั้นหยาตะโกนพร้อมกับเอามือถือถ่ายป้ายทะเบียนด้วยเลย “คุณท่าน ถ้าไม่ลงไปแย่แน่ โซเชียลอยู่ในมือนะครับนั่นน่ะ” “แล้วแกขับรถประสาอะไรวะเนี่ย” เจ้านายหนุ่มต่อว่าเสียอย่างนั้น “ก็คุณท่านบอกให้ผมขับเร็วๆ รีบ ไปประชุม” “ก็... เอ่อ” เจ้านายหนุ่มได้แต่อึกอัก เพราะมันเป็นคำสั่งของตนเอง “คุณท่านต้องรับผิดชอบ” คนขับรถบอกอีกครั้ง “บ้าจริง ฉันมีประชุมด้วย เอาเงินให้สักพันสองพัน เดี๋ยวก็เงียบแหละ” ตุบ! ตุบ! ตุบ! ระหว่างที่เจ้านายกับลูกน้องคุยกันอยู่นั้น ปั้นหยาก็ทุบกระจกเบาๆ ทำเอาสองหนุ่มถึงกับหันมอง ขณะเดียวกันปั้นหยาเห็นไม่ชัดว่าภายในรถเป็นอย่างไร เนื่องจากกระจกมืด “ให้ตายสิ” ตฤณผู้เป็นเจ้านายสบถอย่างหัวเสีย “จะไม่ลงมาใช่ไหม! ได้!” ปั้นหยาถามอีกครั้ง ชั่ววินาทีนั้นเธอก้มหน้าหาอะไรบางอย่างแต่ไม่พบ ไหนๆ ก็เปื้อนแล้ว เธอก็เดินกลับไปที่จุดน้ำขังแล้วเอามืออุ้มน้ำโคลนแล้ววิ่งมาสาดใส่ประตูรถทันที “นี่แน่ะ!” “เฮ้ย! อื้อหือ! ยัย... ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย” ตฤณว่าด้วยความตกใจ ส่วนปั้นหยาก็ยังคงวิ่งไปเอามืออุ้มน้ำกลับมาสาดเหมือนเดิม จนเขาทนไม่ไหวรีบลงจากรถ “หยุดเดี๋ยวนี้! คุณทำอะไรรถผมเนี่ย! ผมบอกให้หยุด!” ตฤณร้องห้าม ขณะที่เธอเอาน้ำโคลนนั่นแหละป้ายรถเขาอีก แต่เมื่อเธอยังไม่หยุดเขาก็เอื้อมมือกระชากมือเธอเอาไว้แรงๆ จนเธอหันหน้ากลับมามอง วินาทีประจันหน้าเขาก็ชะงัก จากที่กำลังจะง้างปากด่าเสียหน่อย ถึงกับสะตั้นเพราะแม่สาวปากร้ายคนนี้สวยชะมัดเลย หน้าใสมาก จมูกโด่งแดงๆ ปากน่าจูบแต่ด่าเก่ง ทว่าเธอเองก็ต้องอึ้งเช่นกัน พอต่างฝ่ายต่างได้สติเธอก็สะบัดมือออกแรงๆ และเช่นเดียวกันจากที่เขาหัวร้อนเมื่อครู่ อารมณ์กลับเปลี่ยนซะงั้น“ซี๊ดดดด โอ้ว! ท่านขา อ่า” เสียงครางหวานแผ่วเบาเซ็กซี่ ขณะที่กลีบสาวอวบนุ่มถูกโลมเลียด้วยลิ้นร้อนอย่างไม่ปราณี แต่ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บ ทว่าสร้างความหฤหรรษ์ชนิดที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน “ท่านขาหยา อูยยยย อย่าเลียดุนักสิคะ หยาจะตายแล้ว” เธอเอ่ยปากบอกเสียงหวานกระเส่า จังหวะเดียวกันก็ลืมตาผงกศีรษะมองทุกการกระทำของเขาอย่างเร่าร้อน ก่อนจะเอื้อมมือไปกดศีรษะเขาไว้ แล้วแอ่นเด้งอัดกลีบเนื้อส่งเข้าปากร้อนๆ ที่กำลังดูดเลียคำโต เสียงร้องครวญครางดังออกมาเป็นระยะด้วยความเสียวซ่าน สั่นสะท้านแทบจะแตกเสียให้ได้ เธอกำลังจะคว้าจุดหมายเอาไว้ โดยที่เขาก็ไม่หยุดปรนเปรอ ยังคงก้มหน้าดูดเลียร่องรักและน้ำฉ่ำหวานที่ไหลออกมาไม่หยุด เนินนุ่มยังคงแอ่นเด้งขึ้นลงเป็นจังหวะ และร้องครางหนักกว่าครั้งแรก“ท่านขา... ซี๊ดดดด อ่า ตฤณขา หยาไม่ไหวแล้ว เสียว! โอ้ว! เสียวมากเลยค่ะ” เธอร้องครางด้วยความทรมานทั้งเม้มปากทั้งกัดฟันกดกลั้นอารมณ์ อีกทั้งยังหายใจหอบเหมือนจะขาดใจ ครั้นจะบอกให้พอมันก็น่าจะไม่ทันเสียแล้วเพราะปลายทางอยู่ใกล้แค่เอื้อม
“คุณเป็นคู่หมั้นผมแล้วนะ” พอเขากระซิบที่หูเท่านั้นแหละเธอเอียงคอมองเขาอีกครั้งคล้ายจะตั้งคำถาม“จริงสิ คุณใส่แหวนให้หยา คุณบอกว่าจะซื้อเป็นของขวัญให้เพื่อน”“ของขวัญเขาไม่ซื้อแพงขนาดนี้หรอก ผมแค่โกหก นี่แหวนหมั้น ผมหมั้นหยาโดยเฉพาะแต่อยากให้เจ้าตัวเลือกเอง เลือกที่ชอบ”“เจ้าเล่ห์ไม่หยุดเลย ตั้งหลายกะรัตใครจะกล้าใส่คะ”“คุณไงจ๊ะ ห้ามถอดด้วย”“แล้วหยาเลือกอะไรได้ไหม”“หยาเลือกแล้ว เลือกให้มีคืนของเรา” จบเขาคำเขาก็สวมกอดเธอจากทางด้านหลัง “แล้วผมมีความสุขมากรู้ไหม”“หยาก็มีค่ะ แต่... ไม่รู้สิอะไรอะไรมันดูเร็วไปหมด กลัวมาเร็วไปเร็ว” เธอไม่มีอะไรต้องปิดบังหรือปากแข็ง และคำพูดของเธอทำให้เขายิ้มแล้วยิ้มอีก“ก็เรียนรู้กันไป ชีวิตคู่เรียนรู้ไม่สิ้นสุดหรอกจ้ะ” พูดจบเขาจูบที่แก้มเธอหนึ่งฟอด
เขาอาศัยจังหวะเร็วๆ สอดมือไปใต้หมอนแล้วคว้าบางอย่างออกมาฉีกแล้วเอื้อมลงไปสวมใส่แท่งร้อน ที่กำลังดีดดิ้นขึงขังผงาดพร้อมรบ ทำทุกอย่างรวดเร็วจนเธอไม่รู้ว่าเขาใส่ด้วยซ้ำ กระทั่งรู้สึกว่าส่วนปลายจดจ่ออยู่ตรงกลีบสวาท ถูไถกระตุ้นให้เสียวซ่าน น้ำเสียวหนืดเหนียวเปียกแฉะง่ายต่อการเคลื่อนไหวสอดเข้าไปเขาไม่รีรอกดส่วนปลายแท่งร้อนสอดแทรกผ่านกลีบอวบช้าๆ ดุนดันหาทางรักที่แสนคับแน่น ก่อนจะกดและดันเข้าไปแต่ทำไม่ได้ เหมือนขนาดของเขากับทางเข้าไม่สัมพันธ์กัน“อื้อ! ให้ตายสิ” เขาถอนจูบออกมาสบถพลางขมวดคิ้ว ขณะที่เธอครางอื้ออึงเพราะความเจ็บคล้ายกับทางรักกำลังถูกฉีกเฉือน“เจ็บ หยาเจ็บ” เธอกระซิบบอกเบาๆ และขมวดคิ้วเช่นกัน เขาจึงเอื้อมมือประคองใบหน้าเธอเอาไว้“ทูนหัว ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกร็งแล้วจะไม่เจ็บ เดี๋ยวผมจะพาคุณขึ้นสวรรค์” ประโยคสุดท้ายเขากระซิบชิดปากนุ่มแล้วจูบปิดปากอีกครั้ง เพื่อไม่ให้มีเสียงร้องดังนัก เพราะห้องก็ไม่น่าจะเก็บเสียงนักจากนั้นเขาจึงเริ่มต้น
“อื้อ” เธอครางอื้ออึงในลำคอพลางกัดริมฝีปากแน่น เขาจึงเงยหน้าจากอกอวบแล้วประจูบที่ปากอิ่มอีกครั้ง ทว่าชั่วอึดใจเขากลับรูดกางเกงเธอลงไปจากสะโพก แต่ติดที่เธอคร่อมอยู่แต่ไม่ใช่ปัญหา เธอยกหัวเข่าขึ้นเล็กน้อย ทีละข้าง เพื่อจะสลัดกางเกงทั้งนอกและในทิ้งลงข้างอ่าง คราวนี้เหลือเพียงเนื้อตัวเปลือยเปล่า เขาจับแท่งร้อนเบียดกับกลีบสาวนุ่มนิ่มอีกครั้ง ให้เธอได้สัมผัสความเป็นชายอันแข็งแกร่ง “ซี๊ด! อืม” เธอครางอีกครั้งอย่างสุดจะกลั้น ก่อนจะบดขยี้จูบที่ปากร้อนเสียเอง ขณะที่สะโพกงามเคลื่อนไหวถูไถบดเบียดกลีบสาวกับแท่งร้อน ยิ่งเสียวซ่านก็ยิ่งหยุดไม่ได้ กระตุ้นกายสาวด้วยความความแข็งแกร่งไม่นานเขาก็เอามือลูบไล้ตรงเนินเนื้อนุ่มนิ่มกลีบส้มผลงามเกลี้ยงเกลานุ่มมือ ปิดสนิทแน่นและฉ่ำด้วยน้ำอุ่นและฟองสบู่ นิ้วแกร่งค่อยๆ แหวกกลีบส้มเข้าไปสัมผัสกับเม็ดน้อยนั้นช้าๆ ปลายนิ้วกดเน้นเคล้นคลึง ทำเอาร่างน้อยสะดุ้งเสียว ทว่าสะโพกกลับขยับเคลื่อนไหว เขาไม่ปล่อยให้เธอหยุดพักแม้แต่วินาที เร่งระรัวนิ้วแกร่งกดเน้นหนักเม็ดเสียวแรงๆ จนสะท้าน
“รู้ว่าอยากไปส่ง อยากมีเวลาส่วนตัวนะแหม ฝันดีครับพี่ตฤณ”“ครับ” สิ้นคำตฤณก็คว้ามือปั้นหยาแล้วเดินลงจากบ้านทันที เธอก็ขัดไม่ได้ แต่เวลาเดียวกันนั้นสองหนุ่มบอดี้การ์ดก็ดันมารอรับอย่างรู้หน้าที่“อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”“สักสิบนาทีแล้วครับท่านแต่ไม่อยากขึ้นไปกดดัน”“กินอะไรหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วครับ”“ดีเลยขากลับจะได้มาส่งคุณหยา” ปากก็พูดไปงั้นแหละ แต่ใจไม่ได้อยากให้เธอกลับมาหรอก อย่าหวัง ไม่มีทางอีกแล้ว ทว่าปั้นหยาเองก็รู้สึกอยากคุยอะไรกับเขาเป็นการส่วนตัว จึงมาส่งถึงห้องพัก พอถึงห้องปุ๊บสองหนุ่มกลับหายวับไปห้องตัวเองโน่น“ขอบคุณที่มาส่งครับ” ตฤณเอ่ยและหยุดอยู่หน้าห้อง ไม่ทันได้เปิดเข้าไป เขาอยากหยั่งใจเธอเหลือเกิน อยากลองเชิงให้รู้“ดูเหมือนหยาอยากพูดอะไรกับผม”“เปล่าค่ะ หยาแค่อยา
“จ้ะ แต่ก็ประหม่านะลูก คนบ้านนอกชาวสวนอย่างเรา มีเศรษฐีระดับเจ้าสัวมาที่บ้านแบบนี้ ทำตัวไม่ถูก เคยต้อนรับอย่างมากก็นายอำเภอ”“หึๆ แม่ก็ทำเป็นพูดตลกไป”“พูดจริง เอานี่ออกไปเสิร์ฟ เสร็จแล้ว” มารดาพูดตัดบทยิ้มๆ แล้วสั่งให้ปั้นหยาและแม่ครัวนำอาหารไปขึ้นโต๊ะ โดยที่หนุ่มๆ ทั้งสาม คุยกันอย่างออกรส ยิ้มแย้มแจ่มใส ผ่อนคลาย ผิดไปจากที่คิดเอาไว้นึกว่าพ่อจะทำท่าเบ่งใส่ท่านประธานของเธอเสียอีกพอปั้นหยาออกมาพร้อมกับอาหาร ทุกคนก็หันมามองเป็นตาเดียว แต่ตาคู่หนึ่งที่มองเธอหวานกว่าทุกคน เรียกว่าทำตาเยิ้มเชียวแหละ“ไปกินข้าวนะท่านนะ จะได้กลับไปอาบน้ำพักผ่อน สนุกมาทั้งวันเชียว” บิดาเอ่ยปากชวนตฤณพร้อมกับผายมือเชิญ“ขอบคุณครับ” ตฤณรับคำก่อนจะลุกไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งข้างๆ ปั้นหยา“กินเลยค่ะไม่ต้องเขิน คนกันเองทั้งนั้น” มารดาบอก“เขยใหม่ก็งี้แหละแม่ ถ้านั่งพับเพียบได้นั่งไปแล้ว” พี่ชายเอ่ยแซว
Comments