จากเด็กกำพร้าที่ดิ้นรนจนได้เป็นศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนโบราณและแพทย์แผนปัจจุบันตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ต้องมาตายเพราะสะดุดขาตัวเองล้มเนี้ยนะ ไม่รู้ว่าจะสงสารตัวเองหรืออับอายดี
View Moreนที ศาสตราจารย์วัย 39 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนโบราณและแพทย์แผนปัจจุบันรวมถึงสมุนไพรต่างๆ ในอดีตนทีนั้นเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า นทีเป็นคนที่เรียนเก่งเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลยก็ว่าได้ เขาทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก่อนจะออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในตอนอายุ 18 ปี นทีเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นสูงจนในที่สุดเขาสามารถสอบชิงทุนไปเรียนต่อแพทย์ที่ประเทศจีน และสามารถสอบชิงทุนได้ทุกครั้งจนส่งตัวเองเรียนจบถึงปริญญาเอก นทีนับว่าเป็นหมอที่มีฝีมือดีไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัยโรค หรือการผ่าตัด จนปัจจุบันนทีกลายเป็นศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการแพทย์ นทีใช้ชีวิตในการสอนนักศึกษาแพทย์เวลาว่างก็เรียนรู้เรื่องสมุนไพร การปรุงยาและแพทย์แผนจีนโบราณจนชำนาญ ชีวิตดำเนินไปอย่างราบเรียบจนกระทั่งวันหนึ่งมัจจุราชที่มองไม่เห็นมาพรากชีวิตของเขาไปเพียงเพราะเขาแค่ สะดุดขาตัวเองล้ม!
'บ้าซะมัด ทำไมผมต้องมาตายด้วยเหตุผลน่าขายหน้าแบบนี้' นทีได้แต่ก่นด่าในใจ หัวที่ฟาดพื้นอย่างรุนแรงทำให้พรากลมหายใจของเขาไปในไม่กี่วินาที 'เกิดมายังไม่เคยสัมผัสคำว่าครอบครัวเลย' นทีคิดอย่างเศร้าใจก่อนจะเอ่ยคำอธิฐาน 'หากชาติหน้ามีจริงขอให้ผมได้เกิดใหม่มีครอบครัวที่รักและห่วงใยผมด้วยใจจริงด้วยนะครับ' ห้วงวินาทีสุดท้ายก่อนสติจะดับลงความรู้ทางการแพทย์ การปรุงยา หรือสมุนไพรต่างๆพุ่งเข้ามาในหวก่อนที่ศาสตราจารย์อายุน้อยจะสิ้นลมหายใจลงไป ณ ตรงนั้น เฮือก! นทีสะดุ้งตื่นขึ้นมาพลางกอบโกยลมหายใจเข้าปอด นี่เข้าฝันไปหรอกเหรอ นทีถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นมาลูกหน้าก่อนจะพบว่ามีสิ่งผิดปกติ "นะ นี่มันอะไรกัน" นทีเป็นคนที่มีรูปร่างกำยำคนหนึ่ง แล้วแขนที่เล็กและมือที่บอบบางราวกับเด็กนี่คืออะไร เมื่อมองดูดีๆเขาพบว่าตนเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย สำรวจตัวเองก็พบว่าเขาอยู่ในชุดคล้ายกับยุคจีนโบราณเหมือนที่เคยดูในซีรี่ย์จอมยุทธอย่างไรอย่างนั้น ฉับพลันเขาก็รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงก่อนที่ภาพต่างๆจะไหลเข้ามาในหัวอย่างมากมาย "นะ นี่มันเรื่องจริงเหรอ" อดีตศาสตราจารย์ทางการแพทย์แทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อรู้ว่าเขาได้ทะลุมิติมาในโลกที่เหมือนจะเป็นโลกคู่ขนาน เหอฟานเสวี่ย คือชื่อของคนที่นทีทะลุมิติเข้ามาอาศัยอยู่ในร่าง เหอฟานเสวี่ยเป็นเพศเกอ อายุ 12 หนาว บิดามีนามว่า เหอจงเทา มารดามีนามว่า สวี่ฟาง เหอฟานเสวี่ยอาศัยอยู่กับบิดามารดาในบ้านหลังเก่าเพียงแค่สามคน แม้ว่าจะยากจนเพียงใดบิดามารดาของเหอฟานเสวี่ยก็เลี้ยงดูบุตรของตนอย่างดี เหอฟานเสวี่ยหมั้นหมายกับหม่าจางอี้บุตรชายของหม่าเฉินที่เป็นผู้นำหมู่บ้าน ส่วนสาเหตุที่ทำให้นทีได้เข้ามาอยู่ในร่างของเหอฟานเสวี่ยนั้นเกิดจากเจ้าของร่างนั้นป่วยจนไข้ขึ้นสูงด้วยว่าครอบครัวไม่มีเงินเรียกหมอมารักษาเจ้าตัวจึงช็อกเพราะไข้ขึ้นสูงเกินไป "เฮ้อ ฉันจะใช้ชีวิตแทนนายก็แล้วกันนะ" นทีพึมพำอย่างแผ่วเบา ต่อไปนี้ไม่มีแล้วศาสตราจารย์นที จะมีแต่เหอฟานเสวี่ยเท่านั้น "เสวี่ยเออร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" สวี่ฟางเปิดประตูเข้ามาเห็นบุตรชายลุกขึ้นมานั่งก็รีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "ข้ามิเป็นอันใดแล้วขอรับ" นทีหรือตอนนี้ก็คือเหอฟานเสวี่ยเพิ่งเคยได้รับความห่วงใยจากมารดาเป็นครั้งแรกหัวใจก็พลันอบอุ่นขึ้นมา "เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้าหิวหรือไม่ประเดี๋ยวแม่จะไปทำข้าวต้มมาให้เจ้ากิน" สวี่ฟางลูบหัวบุตรชายด้วยความเอ็นดู "ข้าหิวนิดหน่อยขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบ ตอนนี้ท้องเขาเองก็เริ่มหิวแล้ว "เช่นนั้นเจ้ารอสักประเดี๋ยว" "ข้าออกไปกินข้างนอกกับท่านพ่อท่านแม่ได้หรือไม่ขอรับ" เหอฟานเสวี่ยอยากกินข้าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากับคนในครอบครัว "เช่นนั้นก็ได้ เจ้ารอแม่อยู่ในนี้สักครู่อาหารเสร็จแล้วแม่จะมาตามเจ้าไปกิน" สวี่ฟางตามใจบุตรเกอคนเดียวของตน "ขอรับ" เหอฟานเสวี่ยตอบรับอย่างว่าง่าย 'การมีครอบครัวมันอบอุ่นเช่นนี้เองหรือ' ยามโหย่ว (17:00-18:59) สวี่ฟางก็ทำอาหารทุกอย่างเสร็จ เหอจงเทาผู้เป็นบิดาของเหอฟานเสวี่ยก็กลับมาพอดีสวี่ฟางจึงไปตามบุตรชายมากินข้าว "เสวี่ยเออร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เหอจงเทาเอ่ยถามบุตรเกอด้วยความห่วงใย "ข้าหายดีแล้วขอรับ ท่านพ่อมิต้องห่วง" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบพลางยิ้มน้อยๆ "หายดีก็ดีแล้ว พ่อต้องขอโทษเจ้าที่ไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อยามาให้เจ้ากิน" เหอจงเทารู้สึกผิดอยู่เต็มอก ลำพังดักกระต่ายและไก่ป่าได้แค่บางวัน นำไปขายก็ได้แค่ไม่กี่สิบอีแปะอย่าว่าแต่ตามหมอมารักษาเลย แค่จะซื้อสมุนไพรบรรเทาอาการยังไม่มีปัญญา เขาช่างเป็นบิดาที่แย่นัก "ท่านพ่อ ท่านอย่าได้โทษตัวเอง" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยปลอบบิดาเพราะห้วงสุดท้ายของชีวิตของเหอฟานเสวี่ยคนเก่าไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองบิดามารดาหรือน้อยใจโชคชะตาของตนเลยสักนิด "เอาล่ะ กินข้าวกันเถิดประเดี๋ยวจะเย็นชืดเสียก่อน" สวี่ฟางรีบเปลี่ยนเรื่องบรรยากาศจึงกลับมาเป็นปกติ เหอฟานเสวี่ยมองดูอาหารตรงหน้าก็รู้สึกหดหู่ใจ ข้าวต้มที่มีแต่น้ำกับผัดผักหนึ่งจาน นี่มันแย่กส่าอาหารที่บ้านเด็กกำพร้าเสียอีกมิน่าครอบครัวนี้ถึงได้ผ่ายผอมกันนัก ไม่เป็นไรในเมื่อเขามีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้นั่นก็แปลว่าครอบครัวนี้คือครอบรัวของเขา เขาจะทำให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ดีขึ้นเอง หลังจากกินข้าวเสร็จเหอฟานเสวี่ยก็อาสาล้างจานแต่ถูกสวี่ฟางผู้เป็นแม่ไล่ให้มาพักผ่อนเขาจึงกลับเข้ามานั่งในห้องก่อนจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ความรู้ทางการแพทย์ การปรุงยา และความรู้เรื่องสมุนไพรทั้งที่เขารู้จักและไม่รู้จักนั้นตอนนี้ในหัวของเขาจดจำได้ทั้งหมด แม้กระทั่งการนำสมุนไพรทั่วไปนำมาปรุงยาจนสามารถทำให้มันกลายเป็นยาล้ำค่าได้ทั้งๆที่เขาในชาติก่อนไม่รู้เรื่องนี้เลย เหอฟานเสวี่ยได้แต่นอนคิดเรื่อยเปื่อยก่อนจะผล็อยหลับไป "วันนี้ท่านพ่อมิได้ไปล่าสัตว์หรือขอรับ" เหอฟานเสวี่ยที่เพิ่งจัดการธุระตัวเองเสร็จในยามเช้าเห็นบิดานั่งทำลูกดอกหน้าไม้อยู่จึงเข้ามาถาม "วันนี้พ่อไม่ได้ไป คิดว่าจะปลูกผักเสียหน่อยมิเช่นนั้นหน้าหนาวคงไม่มีอะไรกิน" เหอจงเทาตอบผู้เป็นลูก "เช่นนั้นให้ข้าช่วยนะขอรับ" เหอฟานเสวี่ยรีบเสนอตัวทันที "พ่อว่าเจ้าพักก่อนดีหรือไม่ มิรู้ว่าอาการป่วยของเจ้าหายดีแน่แล้วหรือยัง" เหอจงเทาเอ่ยอย่างเป็นห่วง "แต่... " "คนบ้านเหออยู่หรือไม่" เหอฟานสวี่ยยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงเรียกขึ้นที่หน้าบ้านเสียก่อนสองพ่อลูกจึงเดินไปดู เพราะในตอนนี้สวี่ฟางผู้เป็นมารดากำลังทำอาหารอยู่ "คาระวะท่านผู้นำหมู่บ้านขอรับ มิทราบว่ามีธุระอันใดหรือขอรับ" เหอจงเทาเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดมาหาก็ทำการคำนับก่อนจะเอ่ยถามว่าเหตุใดคนบ้านหม่าถึงได้ยกโขยงมากันทั้งบ้านรวมถึงคู่หมั้น ของบุตรตนด้วย"เจ้าใช่หมอที่รักษาชาวบ้านเช่นนั้นหรือ"หลินสั่วปินถามพร้อมกับปรายตามอง" ใช่ขอรับ ท่านมีเรื่องอันใดกับข้าหรือ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยถาม"ข้ามาจากสำนักตรวจการขอแจ้งข้อหาเจ้าที่เปิดรักษาโดยไม่มีใบรับรอง นำตัวไปสอบสวนและยึดทรัพย์สินทั้งหมด!" หลินสั่วปินสั่งลูกน้องเสียงดัง"เดี๋ยวก่อนนะขอรับ ที่ข้ารู้มาหมอเท้าเปล่า หมอสมุนไพรที่รักษาชาวบ้านไม่ต้องมีใบรับรองก็ได้มิใช่หรือขอรับ" เพราะวิชาสมุนไพรสามารถสืบทอดกันได้จากบรรพบุรุษไม่ต้องไปเรียนที่สำนักหมอหลวงจึงทำให้ไม่ต้องมีใบรับรองก็ได้"หึ เด็กเช่นเจ้าจะไปรู้อันใด มีผู้มาร้องเรียนกับข้าว่าเจ้าหลอกลวงเรื่องการรักษาอย่าทำเฉไฉไปอย่างไรเจ้าก็มิอาจรอดไปได้ พวกเจ้าจับเกอผู้นี้ไปขังไว้และริบทรัพย์สินที่หลอกลวงมาให้หมด! ""ท่านผู้ตรวจการข้าว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดเป็นแน่ เสี่ยวฟานมีวิชาแพทย์และสามารถรักษาได้จริงๆ พวกข้าหลานคนได้ลองพิสูจน์มาแล้ว" หนึ่งในชาวบ้านรีบเอ่ย"ใช่ๆ เสี่ยวฟานรักษาพวกข้าหายแล้วจริงๆจะเป็นการหลอกลวงไปได้อย่างไร""ใช่ ต้องมีคนใส่ความเป็นแน่""หรือเราจะไปร้องเรียนที่อำเภอ""หุบปาก! ข้าบอกว่าหลอกลวงก็คือหลอกลวงชาวบ้านเช่นพ
เวลาผ่านล่วงเลยมาหนึ่งเดือนการเพาะปลูกเป็นไปตามที่เหอฟานเสวี่ยได้วางแผนไว้ นอกจากนั้นเขายังทำปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงต้นข้าวและพืชผักของเขาให้เจริญเติมโตได้ดีอีกด้วยเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่เห็นผลเพราะพืชผักยังไม่เติบโต ตอนนี้ในอำเภอกำลังคึกคักเพราะมีการสอบซิ่วไฉผู้คนต่างลุ้นว่าตำแหน่งซิ่วไฉจะเป็นของผู้ใด เหอฟานเสวี่ยไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เขายังคงทำหน้าที่รักษาชาวบ้านที่เจ็บป่วยเช่นเคย"เดี๋ยวท่านน้าต้มยาที่ข้าให้ทุกวันก่อนนอนนะขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกผู้ป่วยที่มารักษา"จ้ะ ขอบใจมากนะจ๊ะหมอเทวดาน้อย" ตอนนี้เหอฟานเสวี่ยมีฉายาใหม่แล้วคือหมอเทวดาน้อย บรรดาชาวบ้านที่มารักษาก็ต่างพากันเรียกเขาเช่นนี้ หลังจากตรวจชาวบ้านคนสุดท้ายเสร็จเหอฟานเสวี่ยก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย"นี่ๆ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าชื่อของซิ่วไฉในปีนี้ประกาศแล้ว" เสียงชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกเอ่ยขึ้น"จริงรึ""จริงสิ ข้าเพิ่งกลับมาจากอำเภอ""ผู้ใดสอบได้หรือ""หม่าจางอี้น่ะสิ เฮ้อ ปกติครอบครัวนั้นก็หยิ่งยโสอยู่แล้วตอนนี้ล๔กชายได้เป็นซิ่วไฉคงเดินชูคอตั้งเป็นแน่""นั่นน่ะสิ ต่อไปนี้คงเที่ยวดูถูกใครต่อใครไปทั่ว""ลูกเสียใจหรือเปล่า"
วันรุ่งขึ้นเหอจงเทาออกไปสอบถามเหล่าชาวบ้านเรื่องการจ้างเพาะปลูกตามที่บุตรเกอต้องการ เขาบอกชาวบ้านทุกครัวเรือนยกเว้นเพียงสกุลหม่ า เหอจงเทาบอกให้ชาวบ้านมาฟังรายละเอียดในยามเชิน (15:00-16:59) เพราะเป็นช่วงที่ชาวบ้านที่มารักษาจะกลับไปกันหมดแล้วเมื่อยามเชินมาถึงเหล่าชาวบ้านก็ต่างมาที่บ้านเหอเพื่อที่จะฟังรายละเอียดและตัดสินใจว่ารับจ้างหรือไม่ เสียงพูดคุยจอแจของบรรดาชาวบ้านที่พากันตื่นเต้นเพราะมีคนจ้างงาน หากมีงานพวกเขาก็จะมีเงินไม่ต้องเก็บแต่ผักป่ามากินอย่างน้อยก็มีรายได้ไว้กักตุนเสบียงยามฤดูหนาว"ทุกท่านมากันครบแล้วใช่หรือไม่ขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยถาม"ครบแล้วๆ" ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้น"เช่นนั้นข้าจะเริ่มบอกรายละเอียดของงานเลยนะขอรับ งานที่ข้าจะจ้างพวกท่านมีทั้งหมด 4 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือการเตรียมแปลงและเพาะปลูกผัก ส่วนที่สองคือการเตรียมที่นาและปลูกข้าว ส่วนที่สามคือการทำโรงเรือนเพาะปลูก ส่วนที่สี่คือทำโรงเลี้ยงสัตว์และโรงเก็บของขอรับ" เหอฟานเสวี่ยพูดเสียงดังเพื่อให้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง"เสี่ยวฟาน หมู่บ้านเรานั้นเเห้งเเล้งนักการเพาะปลูกมากขนาดนี้จะไม่สูญเปล่าหรือ" หนึ่งในชาวบ้านเอ่
เหอฟานเสวี่ยเดินนำเนื้อหมูเอาไปเก็บไว้ที่รถม้าก่อนที่จะเดินไปซื้อของต่อรหว่างที่กำลังเดินไปนั้นก็พบชายวัยกลางคนผู้หนึ่งทำท่าทางอ่อนแรงก่อนจะล้มลงแล้วคนที่คาดว่าเป็นผูู้ติดตามก็รีบเข้าไปประคองทันทีเหอฟานเสวี่ยจึงรีบเดินเข้าไปดู"เกิดอันใดขึ้นหรือขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยถาม"นายท่านของข้าอยู่ดีๆก็ล้มลงไป" บ่าวรับใช้ที่ติดตามเอ่ยบอก"ขอข้าดูหน่อยนะขอรับ ข้าพอรู้วิชาแพทย์รบกวนพวกท่านอย่าให้คนมามุงมิเช่นนั้นนายท่านอาจจะหายใจไม่สะดวก" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอก ผู้ติดตามมีแววตาลังเลอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายก็ยอมให้เกอน้อยตรงหน้าตรวจดูอาการของนายตนแล้วช่วยกันคนออกไป เหอฟานเสวี่ยจับชีพจรตรวจดูก็ต้้องตกใจคนผู้นี้ถูกพิษไม่ผิดแน่ก่อนจะหันไปพูดกับคนที่ติดตามบุรุษผู้นี้"ท่านรีบพาเขากลับจวนเถิด เราต้องไปรักษาเขาที่จวน" "ดะ ได้ขอรับ" ผู้ติดตามรีบให้บ่าวคนอื่นไปเอารถม้ามาทันที"เสวี่ยเออร์เกิดอันใดขึ้นหรือ" เหอจงเทากำลังจะเดินกลับไปที่เกวียนเห็นคนกำลังมุงดูและเห็นว่าบุตรเกอของตนอยู่ตรงนั้นจึงรีบเข้ามาถาม"นายท่านผู้นี้ป่วยขอรับท่านพ่อ ข้าต้องรักษาเขา" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอก บิดา"เจ้ารักษานายท่านได้จริงๆหรื
หลังจากที่เหอฟานเสวี่ยเปิดบ้านรักษาคนในหมู่บ้านผ่านไปได้หลายวันข่าวที่มีหมออายุน้อยสามารถรักษาได้ทุกโรคก็กระจายไปทั่วอีกทั้งยังไม่คิดค่ารักษาทำให้มีชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านต่างพากันเดินทางมารักษา "นี่ใช่บ้านของหมอเหอหรือไม่ขอรับ" "ใช่แล้ว นี่แหละบ้านหมอเหอ เจ้าเป็นอะไรมาล่ะ" "บุตรชายของข้าไม่สบายขอรับ ได้ยินว่าหมอเหอมีความสามารถเก่งกาจรักษาได้ทุกอย่างอีกทั้งไม่คิดเงินจริงหรือไม่ขอรับ" บุรุษผู้หนึ่งเอ่ยถามบรรดาชาวบ้านที่มารอรักษา "ก็จริงน่ะสิ มีชาวบ้านที่หมู่บ้านฉันมารักษาที่นี่แค่สามวันก็หายราวกับไม่เคยป่วยมาก่อน" สตรีวัยกลางคนเอ่ยตอบ "บุตรชายของเจ้าป่วยมานานหรือยังล่ะ" "ป่วยมาได้หลายวันแล้วขอรับ ข้าพาไปหาหมอในเมืองก็ไม่ดีขึ้นได้ยินคนในหมู่บ้านบอกว่าที่นี่มีหมอเทวดาสามารถรักษาได้ทุกโรคจึงลองพาบุตรชายมารักษาดู" บุรุษหนุ่มเอ่ยตอบ เขานั้นเสียค่ารักษามากมายให้กับหมอในเมืองแต่อาการของบุตรชายกลับไม่ดีขึ้นเลยจนเงินที่เก็บไว้แทบไม่เหลือ ได้ยินจากชาวบ้านในหมู่บ้่นพูดว่าที่นี่มีหมอรักษาไม่คิดเงินสักอีแปะจึงตัดสินใจแบกบุตรชายที่อ่อนแรงเดินมายังหมู่บ้านแห่งนี้ "เจ้าบอกว่าบุตรชายของเจ้าป่
หลังจากชาวบ้านแยกย้ายกันกลับไปเหอฟานเสวี่ยก็นำสมุนไพรจากมิติออกมาจัดเตรียมไว้เพื่อที่จะได้เอามารักษาชาวบ้านในวันรุ่งขึ้น "เจ้ากำลังทำอันใดอยู่หรือเสวี่ยเออร์" สวี่ฟางเอ่ยถามบุตรเกอที่กำลังแยกสมุนไพรอยู่"ข้ากำลังคัดแยกสมุนไพรอยู่ขอรับ บางส่วนต้องนำไปเผาจื้อเสียก่อน" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบมารดา"เผาจื้อเช่นนั้นหรือ มันคืออันใดแล้วต้องทำอย่างไรเล่า" เหอจงเทาเอ่ยถามอย่างสงสัย"การเผาจื้อเป็นการกำจัดพิษหรือลดผลข้างเคียงของตัวยาขอรับ อีกทั้งยังทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ดีขึ้นขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบบิดา วิธีเผาจื้อนั้นมีหลายวิธีเลยแหละ"เช่นนั้นพ่อจะช่วยเจ้า" เหอจงเทาเอ่ยบอกบุตรเกออย่างกระตือรือร้น"ขอบคุณขอรับ" เหอฟานเสวี่ยส่งยิ้มให้บิดาและมารดาของตน เขาไม่ได้จะใช้ตัวยาที่เตรียมวันนี้ใช้รักษาชาวบ้านหรอกเพราะอย่างไรก็คงทำไม่ทัน คงต้องใช้ยาสมุนไพรแบบสำเร็จแล้วไปก่อน สามคนพ่อแม่ลูกช่วยกันทำการเผาจื้อตามที่เหอฟานเสวี่ยบอกอย่างขยันแข็งขันจนเวลาล่วงเลยควรแก่การพักผ่อนจึงแยกย้ายกันไปนอนรุ่งเช้าเหอฟานเสวี่ยตื่นขึ้นปลายยามเหม่าแล้วทำกิจวัตรประจำวันของตนเองจนเสร็จ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็มาช่วยกันเตรี
Comments