เวลาล่วงเลยไปอีกหนึ่งเดือนเต็มในโรงเรียนสตรีเลดี้เอเมไลน์ ทุกๆ วันดูเหมือนจะยืดออกไปไม่สิ้นสุด เมรี่ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกท้อแท้ หายใจเอาอากาศอันหนักอึ้งของความจำเจและกฎระเบียบเข้าไปในปอด สูดดมกลิ่นแป้งฝุ่นและน้ำหอมอ่อนๆ ที่บ่งบอกถึงความเป็น 'สุภาพสตรี' ซึ่งเธอรู้สึกว่ามันรัดแน่นยิ่งกว่าคอร์เซ็ตเสียอีก
แต่ภายใต้ท่าทีนิ่งสงบที่พยายามแสดงออก ภายในใจของเมรี่กำลังปั่นป่วน เธอจดจำทุกรายละเอียดของไดอารี่เก่าๆ เล่มนั้น และยิ่งอ่านซ้ำๆ ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่งที่พยายามหลบหนี แต่เป็นแผนที่สู่ "อิสรภาพ" ที่ถูกส่งต่อมาให้เธอโดยไม่ตั้งใจ คืนหนึ่ง ขณะที่ทุกคนหลับใหล เมรี่ลุกจากเตียงอย่างเงียบเชียบ เธอสวมเสื้อคลุมผืนหนา ทับชุดนอนธรรมดา และหยิบสมุดบันทึกเล็กๆ กับดินสอถ่านที่ซ่อนไว้ใต้หมอนออกมา เธอเปิดประตูห้องนอนรวมอย่างระมัดระวัง แล้วก้าวเท้าออกไปในความมืด เธอจำได้ว่ามาดามเซเลสต์จะเดินตรวจรอบสุดท้ายประมาณตีสาม ซึ่งหมายความว่าเธอมีเวลาเหลืออีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง เป้าหมายแรกของเธอคือ ห้องเก็บของเก่าใต้ดิน ห้องที่ไดอารี่เก่าๆ เล่มนั้นกล่าวถึงว่ามีช่องระบายอากาศเล็กๆ เชื่อมออกไปด้านนอก เมรี่เคยพยายามหาทางไปห้องนั้นหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยพบ "ทางออกลับอยู่หลังสวน" เธอรำพึงเบาๆ ขณะย่องไปตามทางเดินแคบๆ ในความมืด มือของเธอสัมผัสไปตามผนังเย็นเฉียบ ห้องเก็บของเก่ามักจะอยู่ในมุมอับ หรือทางเดินที่น้อยคนนักจะสังเกตเห็น เธอคิดถึงคำสอนของพ่อ: “ลูกสาว พ่อจะบอกให้ว่าสถานที่ที่สำคัญที่สุด มักถูกซ่อนอยู่ในที่ที่ผู้คนละเลยและคิดว่าไม่มีความสำคัญ” ในที่สุด เธอก็พบประตูไม้เก่าๆ บานหนึ่งที่ซ่อนอยู่หลังกองถังเก็บน้ำฝนที่ไม่ได้ใช้งาน ประตูถูกคลุมด้วยเถาไอวี่หนาแน่นจนแทบมองไม่เห็น มีกลอนเหล็กสนิมเขรอะล็อคอยู่ "นี่สินะ" เมรี่กระซิบ มือของเธอสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น เธอส่องไฟฉายเล็กๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นเองจากเศษแก้วและเปลวเทียนเข้าไปที่กลอน มันซับซ้อนกว่าที่คิด แสดงว่าประตูนี้ไม่ได้ถูกใช้งานมานานแล้ว และคนดูแลก็คงไม่คาดคิดว่าใครจะกล้าเข้ามาในที่แบบนี้ เธอใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการพยายามไขกลอนนั้นด้วยกิ๊บติดผมที่ดัดแปลงมาจากเส้นลวดและคีมเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ในกล่องเย็บผ้า เธอเคยเห็นพ่อของเธอทำแบบนี้หลายครั้งตอนที่พ่อกำลังฝึกให้เธอไขกลอนเก่าๆ การได้ใช้ทักษะที่พ่อสอนทำให้เมรี่รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง เธอรู้สึกถึงอะดรีนาลีนที่พลุ่งพล่านในเส้นเลือด สัญชาตญาณนักสืบของเธอกำลังทำงาน คลิก! เสียงเบาๆ ดังขึ้น เมรี่รู้สึกถึงแรงต้านที่หายไป กลอนคลายออก เธอดันประตูออกช้าๆ เสียงไม้เสียดสีดังเอี๊ยดอ๊าดในความมืด ห้องเก็บของเก่าอบอวลไปด้วยกลิ่นอับชื้นและฝุ่นละออง แสงจันทร์สลัวๆ ส่องลอดเข้ามาจากช่องระบายอากาศเล็กๆ เหนือศีรษะ เมรี่เงยหน้าขึ้นมอง มันคือช่องระบายอากาศจริงๆ! แต่มันเล็กเกินกว่าที่คนตัวเล็กอย่างเธอจะลอดผ่านได้ และสูงเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึง "ไม่นะ..." เธอพึมพำด้วยความผิดหวังเล็กน้อย แต่นักสืบที่ดีจะไม่ยอมแพ้ เมรี่เริ่มสำรวจห้องเก็บของนั้นอย่างละเอียด เธอเจอลังไม้เก่าๆ ที่เต็มไปด้วยเศษผ้าและของใช้ที่ไม่ได้ใช้แล้ว เธอเริ่มลากลังไม้เหล่านั้นมาวางซ้อนกันเป็นบันไดชั่วคราว เมื่อขึ้นไปยืนบนลัง เธอพบว่าช่องระบายอากาศถูกปิดด้วยแผ่นไม้ที่ตอกตะปูไว้อย่างแน่นหนา เมรี่ถอนหายใจ นี่คงเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครหนีออกไปได้ เธอไม่มีเครื่องมือที่จะงัดแผ่นไม้เหล่านั้นได้เลยในตอนนี้ "ฉันต้องหาเครื่องมือ" เธอคิด "หรืออย่างน้อยก็ต้องหาทางทำให้ช่องระบายอากาศนี้หลวมพอที่จะงัดออกได้" เธอลงมาจากลังไม้ ใช้สมุดบันทึกและดินสอถ่านร่างภาพห้องเก็บของคร่าวๆ และตำแหน่งของช่องระบายอากาศ เธอจดบันทึกว่าเธอต้องการเครื่องมืออะไรบ้าง และจะสามารถหาได้จากที่ไหนในโรงเรียนแห่งนี้ ห้องช่าง? ห้องครัว? หรือแม้กระทั่งห้องของแม่บ้าน? ขณะที่เธอกำลังจดบันทึกอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบเบาๆ จากมุมห้อง เมรี่หยุดชะงัก เธอใช้ไฟฉายส่องไปที่มุมนั้น และพบกับ เอมิลี่ เพื่อนร่วมห้องของเธอ เอมิลี่กำลังนั่งขดตัวอยู่หลังลังไม้เก่าๆ ใบหน้าซีดเผือด ตัวสั่นเทา "เอมิลี่! เธอมาทำอะไรที่นี่?" เมรี่กระซิบถามด้วยความตกใจ เอมิลี่ตัวสั่นเล็กน้อย "ฉัน...ฉันตามเธอมาน่ะเมรี่ ฉันเห็นเธอแอบย่องออกมาตอนกลางดึก และฉันก็...ฉันก็อยากรู้ว่าเธอทำอะไร" เมรี่ถอนหายใจ เธอรู้ว่าเอมิลี่เป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็น แต่เธอไม่คิดว่าเอมิลี่จะกล้าขนาดนี้ "เธอไม่ควรมาที่นี่นะเอมิลี่ ถ้ามาดามเซเลสต์จับได้ พวกเราจะถูกลงโทษอย่างหนัก" "ฉันรู้" เอมิลี่ตอบเสียงสั่น "แต่ฉัน...ฉันอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไร บางทีฉันอาจจะช่วยเธอได้" เมรี่มองเอมิลี่อย่างพิจารณา เอมิลี่ไม่ได้เป็นคนแข็งแกร่ง หรือกล้าหาญเหมือนเธอ แต่เด็กสาวคนนี้มีความซื่อสัตย์ และมีสายตาที่มองเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ดี ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของนักสืบ "เธอเคยเจอห้องนี้มาก่อนไหม?" เอมิลี่พยักหน้า "เคยค่ะ! วันหนึ่งฉันแอบเล่นซ่อนหากับลูกแมวในสวน แล้วมันก็วิ่งเข้ามาในนี้ ฉันตามมันมาจนเจอห้องนี้ แต่ฉันไม่กล้าเข้าข้างในเพราะมันมืดมากเลยค่ะ" "และเธอไม่เคยบอกใครเลยใช่ไหม?" "ค่ะ ฉันไม่เคยบอกใครเลย" เมรี่ยิ้มให้เอมิลี่ เธอรู้ว่าเธอเจอพันธมิตรแล้ว "ดีมากเอมิลี่ เธอช่วยฉันได้มากเลยล่ะ" เมรี่อธิบายแผนการของเธอให้เอมิลี่ฟังอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้คาดหวังว่าเอมิลี่จะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เธอเชื่อว่าเอมิลี่จะเก็บความลับและให้ความร่วมมือ "เธอจะหนีออกจากที่นี่จริงๆ เหรอเมรี่?" เอมิลี่ถามด้วยน้ำเสียงกังวล "ฉันต้องหนีเอมิลี่ ฉันไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป" เมรี่ตอบด้วยความมุ่งมั่น "ชีวิตที่นี่ไม่ใช่ชีวิตที่ฉันต้องการ ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งอื่น" "แต่ว่า...มันอันตรายนะ" "ฉันรู้ แต่ฉันต้องไปตามหาพี่ชายของฉัน พวกเขานักสืบและฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะต้องเป็นห่วงฉันมากแน่ๆ ฉันต้องไปช่วยพวกเขาไขคดีและเป็นนักสืบเหมือนพวกเขา" เมรี่กล่าวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความฝัน "ฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ฉันจะเฉาตายเสียก่อน" เอมิลี่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลืออะไร บอกฉันได้เลยนะเมรี่ ฉันจะช่วยเธอเท่าที่ฉันจะทำได้" เมรี่ยิ้มกว้าง "ขอบใจมากนะเอมิลี่ เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย" หลังจากนั้น ทุกคืนที่เงียบสงบ เมรี่และเอมิลี่จะแอบไปที่ห้องเก็บของเก่าใต้ดิน พวกเขาผลัดกันเฝ้ายาม และเมรี่จะพยายามหาวิธีงัดแผ่นไม้ที่ปิดช่องระบายอากาศอยู่ เธอพบว่ามันถูกตอกด้วยตะปูขนาดใหญ่และแข็งแรงมาก เธอต้องใช้เครื่องมือที่มีแรงงัดมากพอ "เราน่าจะหาสิ่วกับค้อนได้นะ" เอมิลี่เสนอแนะ "ฉันเคยเห็นพวกมันในห้องช่างที่โรงเรียนใช้ซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์" เมรี่พยักหน้าเห็นด้วย "ใช่แล้ว! แต่จะเข้าไปในห้องช่างได้อย่างไร?" "มันอยู่ทางปีกตะวันตกของอาคาร ติดกับโรงครัวน่ะค่ะ ปกติแล้วจะถูกล็อคไว้อย่างดี" เอมิลี่ตอบเบาะแสที่ถูกทิ้งไว้เมรี่เดินเข้าไปใกล้ศพของชายผู้นั้น เธอสังเกตเห็นว่าชายคนนั้นกำมือข้างหนึ่งไว้แน่น เมื่อเธอกางนิ้วมือของเขาออก เธอก็พบกับกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ถูกพับไว้อย่างดี"นี่คืออะไรคะ?" เมรี่พึมพำเธอกางกระดาษออก และพบกับสัญลักษณ์แปลกๆ ที่ถูกวาดด้วยหมึกสีแดงเข้ม มันเป็นสัญลักษณ์ที่ดูคล้ายกับนาฬิกาโบราณ แต่มีเข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขโรมัน XII และมีตัวอักษรภาษาอังกฤษสามตัวเขียนอยู่ด้านล่าง: R.E.D."R.E.D. อย่างนั้นหรือ?" เฟรเดอริคพึมพำ "มันหมายความว่าอะไรกันแน่?""มันอาจจะเป็นรหัสลับครับ" เอดิสันกล่าว "หรืออาจจะเป็นชื่อขององค์กรบางอย่าง""หรืออาจจะเป็นเบาะแสที่ผู้ตายทิ้งไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต" เมรี่เสริมทันใดนั้นเอง พนักงานรถไฟก็วิ่งเข้ามาในตู้โดยสารพร้อมกับชายร่างใหญ่สองคนในชุดเครื่องแบบ"เกิดอะไรขึ้นครับ!" พนักงานรถไฟถามด้วยความตกใจ"มีคนตายครับ!" ผู้โดยสารคนหนึ่งตอบ "เขาถูกฆาตกรรม!"พนักงานรถไฟมองไปที่ศพด้วยความตกใจ แล้วเขาก็หันมามองที่เมรี่และทีม"พวกคุณเป็นใครกัน!" พนักงานรถไฟถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด"เราเป็นนักสืบครับ" ปู่ทว
หลังจากที่ปู่ทวดของเมรี่กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง ชีวิตของทุกคนก็พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาย้ายเข้าไปยังบ้านพักลับของปู่ทวดที่ตั้งอยู่ในชนบทอันห่างไกล เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตามล่าจาก 'เงาที่หลงเหลือ' และเตรียมพร้อมรับมือกับ 'สงครามแห่งกาลเวลา' ที่ปู่ทวดกล่าวถึง ภายในบ้านหลังนั้น ปู่ทวดได้เปิดเผยความลับมากมายเกี่ยวกับตระกูลแบล็ควู้ด องค์กร 'กาลเวลา' และบุคคลลึกลับที่ชื่อว่า 'สถาปนิกแห่งหายนะ' รวมถึงวิธีการต่อสู้กับพลังเหนือธรรมชาติบางอย่างที่พวกเขากำลังจะต้องเผชิญ"เราจะต้องไปที่ เอดินบะระ ครับ" ปู่ทวดกล่าวในวันหนึ่ง "มีเบาะแสสำคัญที่นั่น ที่จะนำเราไปสู่ความจริงเกี่ยวกับ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' และ 'สงครามแห่งกาลเวลา' ""เราจะเดินทางอย่างไรครับ?" อเล็กซานเดอร์ถาม"เราจะไปโดยรถไฟ" ปู่ทวดตอบ "มันเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้"แม้จะยังคงหวาดระแวงจากเหตุการณ์บนรถไฟครั้งก่อน แต่พวกเขาก็เชื่อใจในการตัดสินใจของปู่ทวด พวกเขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เรียบง่าย เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต และขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าสู่เอดินบะระ เมืองหลวงของสกอตแลนด์ ทันทีที่รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากสถานี ความรู้สึกตื่นเต้นและกังวล
เมรี่วิ่งไปตามตรอกซอกซอยที่แคบและซับซ้อนของลอนดอน โดยมีเสียงปืนและเสียงกรีดร้องของผู้คนดังไล่หลังมาอย่างไม่หยุดหย่อน เธอพยายามหาที่หลบซ่อนที่ปลอดภัยสำหรับเด็กหญิงในที่สุด เธอก็มาถึงโรงละครเก่าๆ แห่งหนึ่งที่ถูกทิ้งร้าง มันเป็นที่ที่เธอเคยใช้เป็นฐานลับในการสืบสวนคดีต่างๆ ในอดีต"เราปลอดภัยแล้วนะหนู" เมรี่กล่าวพร้อมกับวางเด็กหญิงลง "ไม่ต้องกลัวแล้วนะ"เด็กหญิงยังคงร้องไห้อย่างต่อเนื่อง เมรี่กอดเธอไว้แน่นเพื่อปลอบประโลมในขณะที่เธอกำลังกอดเด็กหญิงอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากด้านหลัง..."น่าประทับใจจริงๆ ที่เจ้ายังจำที่แห่งนี้ได้"เมรี่หันขวับ และพบกับชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยแววตาที่เฉลียวฉลาด และแววตาที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาดใจ"คุณเป็นใครคะ!" เมรี่ถามด้วยความสงสัยชายชราคนนั้นยิ้ม "ข้าคือคนที่เฝ้ารอเจ้ามานานแล้ว"เขาก้าวเข้ามาใกล้เมรี่ แล้วยื่นมือมาสัมผัสที่ใบหน้าของเธอ เมรี่รู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าบางอย่างที่ไหลผ่านร่างกายของเธอ"เจ้าคือความหวังสุดท้ายของข้า" ชา
สองสัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่การล่มสลายของ 'กาลเวลา' องค์กรลับที่เคยบงการโลกเบื้องหลังฉาก เมรี่และทีมกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้งในลอนดอน แม้จะมีชื่อเสียงในฐานะวีรบุรุษผู้กอบกู้ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเก็บตัวและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ หมอเจเน็ตยังคงดูแลคลินิกใต้ดินของเธอ มิสเตอร์คลาร์กได้กลับไปใช้ชีวิตในฐานะผู้จัดการสำนักพิมพ์ที่ซื่อสัตย์ ส่วนนักสืบโธมัสก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในวงการตำรวจเช้าวันหนึ่งที่สดใส เมรี่กับเฟรเดอริคตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ตลาดนัดคอเวนต์การ์เดน ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน เสียงดนตรีจากนักแสดงข้างถนนดังคลอเคลียกับเสียงหัวเราะของผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของ บรรยากาศดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา"นี่แหละชีวิตที่แท้จริง!" เฟรเดอริคกล่าวพร้อมกับสูดหายใจลึกๆ "ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวาย ไม่ต้องมีองค์กรลับมาตามล่า"เมรี่ยิ้ม เธอเห็นด้วยกับพี่ชายอย่างเต็มที่ แต่ในใจลึกๆ เธอก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าบางอย่าง...ราวกับว่าชีวิตที่ไร้ความตื่นเต้นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอโหยหาอีกต่อไปขณะที่พวกเขากำลังเลือกซื้อดอกไม้อยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงระเ
เสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นไปทั่วศูนย์บัญชาการลับขององค์กร 'กาลเวลา' แสงไฟสีแดงกะพริบไปมา สร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดและอันตรายยิ่งกว่าเดิม เมรี่และทีมต้องเผชิญหน้ากับท่านลอร์ดวิลเลียมส์และเหล่า 'ยมทูต' ที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง"พวกแกไม่มีทางทำลาย 'แกนกลาง' ของข้าได้หรอก!" ท่านลอร์ดวิลเลียมส์คำราม "ข้าได้เตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว!"เขากดปุ่มบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในข้อมือของเขา และทันใดนั้นเอง กำแพงเหล็กขนาดใหญ่ก็เลื่อนลงมาปิดกั้นทางเข้าออกทุกทาง ทำให้พวกเขาติดอยู่ในห้องควบคุมแห่งนี้"ไม่นะ!" เฟรเดอริคอุทาน "เราติดกับแล้ว!""ไม่ต้องห่วงครับ!" มิสเตอร์คลาร์กกล่าว "ผมรู้ทางออกครับ!"เขาชี้ไปที่ช่องระบายอากาศขนาดเล็กที่อยู่บนเพดาน "เราต้องเข้าไปในนั้น!"แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไร ท่านลอร์ดวิลเลียมส์ก็พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็ว เขามีพละกำลังและความว่องไวที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปราวกับว่าเขามีพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นคอยเสริม"แกจะต้องเป็นคนแรกที่ตาย!" ท่านลอร์ดวิลเลียมส์คำรามใส่เมรี่เมรี่หลบการโจมตีของเขาได้อย่างหวุดหวิด เธอใช้มีดสั้นป้องกันตัวเองจากคมมีดของท่านลอร์ดวิลเลียมส์ที่พุ่งเ
รถยนต์ของมิสเตอร์คลาร์กแล่นฉวัดเฉวียนไปตามถนนในลอนดอนอย่างรวดเร็ว โดยมีรถของหัวหน้าใหญ่แห่ง 'ยมทูต' เป็นเป้าหมาย พวกเขาขับผ่านผู้คนและรถยนต์คันอื่นๆ อย่างไม่ลดละ การไล่ล่าดำเนินไปอย่างดุเดือดท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายของมหานคร"เราต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดครับ!" มิสเตอร์คลาร์กกล่าว "ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงสำนักงานใหญ่ของพวกเขาได้!""สำนักงานใหญ่อยู่ที่ไหนคะ?" เมรี่ถามด้วยความสงสัย"มันอยู่ในใจกลางเมืองครับ" เอดิสันตอบ "เป็นที่ที่เราไม่คาดคิดว่าจะเจอเลย"ในที่สุด รถของ 'ยมทูต' ก็แล่นเข้าไปในอาคารสูงระฟ้าแห่งหนึ่งที่ดูเรียบง่าย แต่กลับมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาอย่างน่าตกใจ"นั่นไงครับ!" อเล็กซานเดอร์กล่าว "พวกเขาเข้าไปในนั้นแล้ว!""เราจะเข้าไปได้อย่างไรครับ?" เฟรเดอริคถาม "ระบบรักษาความปลอดภัยที่นั่นเข้มงวดมาก""เราไม่ต้องเข้าไปครับ" มิสเตอร์คลาร์กยิ้ม "เราจะใช้ทางลับ"เขาพาพวกเขาไปยังทางเข้าอุโมงค์ใต้ดินแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากอาคารนั้น มันเป็นทางเข้าที่ถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิด จนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น"อุโมงค์นี้จะนำเราไปสู่ทางเข