ไม่รัก...หนำซ้ำยังเกลียด แต่เกลียดแบบไหนถึงตามวุ่นวายชีวิตเธอไม่เลิก
Voir plus"น้องดาไม่ใช่สิ่งของที่พี่ศรัณย์จะเอามาเดิมพันนะคะ"
"..."
"พี่ศรัณย์อย่าทำกับน้องดาแบบนี้เลย น้องดาขอร้อง"
"..."
"พี่ศรัณย์อย่าใจร้ายกับน้องดาเลยนะคะ"
หญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราวัยยี่สิบปีทำหน้าราวกับจะร้องไห้ สองมือเกาะแขนชายหนุ่มที่กำลังผลักไสเธอให้กับผู้ชายคนอื่นแน่นพลางส่งสายตาเว้าวอนสุดกำลัง
หัวใจของเธอเจ็บปวดราวกับมีใครเอามีดมากรีดเพราะผู้ชายที่รักใช้เธอเป็นของเดิมพันสำหรับเกมการแข่งขันรถ
และผลการแข่งขันก็ออกมาว่าอีกฝ่ายชนะ เขากำลังผลักไสเธอให้คนอื่นอย่างไม่ใยดี
"พี่ศรัณย์ไม่รักน้องดาแล้วเหรอคะ ทำไมถึงผลักไสไล่ส่งน้องดาให้คนอื่น"
เธออ้อนวอนหวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจยังไงเธอกับเขาก็เคยมีความสัมพันธ์อันดีกันมาก่อน
"เธอทำกับฉันขนาดนี้ ยังคิดว่าฉันจะหลงเหลือความรู้สึกดี ๆ ให้อีกเหรอดาริกา"
ศรัณย์มองใบหน้าจิ้มลิ้มที่บัดนี้เริ่มเปรอะเปื้อนหยดน้ำตาด้วยแววตาเย็นชา ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ให้เห็นบนใบหน้า
ใช่เมื่อก่อนหญิงสาวคือคนที่เขารักและเอ็นดูมาก มองเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำไปเพราะวิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
ทว่าความรู้สึกเหล่านั้นได้หมดสิ้นไปตั้งแต่รู้ว่าเธอร่วมกันปกปิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมารดาตัวเองกับบิดาของเขากับทุกคนภายในบ้านด้วยทั้งที่เธอเป็นคนที่เขารัก และเชื่อใจที่สุด
"ปล่อย!"
เขากดเสียงเอ่ยอย่างเยือกเย็นพลางใช้มือแกะมือเล็กออกจากท่อนแขน แล้วผลักเธอไปให้ธีทัตผู้ชนะในเกมนี้ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ อย่างไร้เยื่อใย
"เอาไป"
ปึก!
ร่างของดาริกาเซปะทะอกธีทัตเต็ม ๆ เธอทั้งตกใจ ทั้งกลัว และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ยังประคองสติได้ดี รีบถอยห่างแต่ก็ถูกเขาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือแล้วดึงเธอเข้าไปโอบไหล่แน่น
"ปล่อยนะ"
เธอพยายามพาตัวออกจากพันธนาการพลางส่งสายตาอ้อนวอนอีกคนที่ยืนมอง
"ไม่นะพี่ศรัณย์ อย่าให้น้องดากับคนอื่น"
"..."
ทว่านอกจากศรัณย์จะไม่เปลี่ยนใจแล้วยังหันหลังเดินจากไป อีกคนตะโกนขอร้องวิงวอนตามหลังมากขนาดไหนเขาก็ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง
เดินมาขึ้นรถสปอร์ตหรูแล้วขับออกจากสนามแข่งด้วยความเร็วสูง
เอี๊ยดดดด~
ขับมาได้ไม่ทันไรเขาก็เหยียบเบรกกะทันหันจนลากล้อเพราะมีสิ่งรบกวนจิตใจตลอดเวลาตั้งแต่ขับออกมาจากสนามแข่งแล้ว
เขาทุบลงบนพวงมาลัยรถอย่างหัวเสีย ก่อนจะเหยียบคันหักพวงมาลัยกลับไปทางสนามแข่งอีกครั้งด้วยความเร็วสูงกว่าเดิม
เขาต้องการเอาหญิงสาวคืนเพราะการส่งเธอให้กับคนอื่นมันดูจบง่ายเกินไป เขายังไม่ได้ทำให้ทุกคนที่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ลิ้มรสความเจ็บปวด และความทุกข์เหมือนที่มารดาของเขาต้องเจอเลย
ดาริกาเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของคนเป็นแม่ ส่วนพ่อของเขาทั้งรักและเอ็นดูเธอมากจนถึงขั้นอยากยกเป็นลูกบุญธรรมหากเห็นเธอเจ็บปวด และทุกข์ทรมานทั้งสองจะรู้สึกยังไงกันแค่คิดก็สนุกแล้ว
มาถึงสนามแข่งก็เห็นเธอกำลังถูกธีทัตจับขึ้นรถ รีบเปิดประตูลงจากรถเดินตรงไปหา
"เดี๋ยวก่อน"
เสียงของเขาทำให้ธีทัตหยุดการกระทำหันมองหน้าเขาด้วยความสงสัยระคนไม่พอใจ ขณะที่ดาริกานั้นดีใจที่เห็นเขากลับมา
"พี่ศรัณย์.."
แอบมีความหวังเล็ก ๆ ว่าเขาจะกลับมาช่วยเธอ
"พี่ศรัณย์กลับมาช่วยน้องดาใช่ไหมคะ"
ศรัณย์มองใบหน้าจิ้มลิ้มเสี้ยวนาทีแล้วเลื่อนสายตามองมองหน้าธีทัตต่อ
"มึงมีอะไร"
ธีทัตมองตอบอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะที่มือจับท่อนแขนเล็กไว้แน่นไม่ให้หญิงสาววิ่งไปหาอีกคน
"กูมาเอาคนคืน" ศรัณย์ตอบหน้าตายน้ำเสียงราบเรียบ แต่ทำให้คนฟังไม่พอใจมากกว่าเดิม
"จะโกงกันเหรอศรัณย์ กูชนะเดิมพันน้องเขาก็ต้องเป็นของกู"
"1,000,000 แลกกับผู้หญิงคนนี้" ศรัณย์ไม่แคร์ แต่อยากตัดความรำคาญจึงเสนอเงินให้เพราะรู้ว่าธีทัตเป็นคนหน้าเงิน
"โอเคร.."
แน่นอนว่าธีทัตไม่ปฏิเสธตอบตกลงง่าย ๆ จบแยกย้ายเพราะเขาก็ไม่ได้อยากได้หญิงสาวมากขนาดนั้น เอาไปก็ไม่รู้จะทำอะไรสู้เอาเงินมาใช้สบาย ๆ ดีกว่า
"เอาคืนไป"
ร่างสูงในชุดเปียกปอนเดินกอดตัวเองเข้ามายืนหน้าบ้านด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ปากสีแดงกลายเป็นสีม่วงคล้ำเพราะความเย็นจัด ผิวขาวซีดเหมือนคนขาดเลือดเธอแสร้งทำเป็นไม่สนใจเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเอง แล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ แอบชำเลืองมองด้วยหางตาเป็นระยะ หูคอยฟังว่าสองคนพ่อลูกพูดอะไรกันบ้าง"เดี๋ยวหนูเอาผ้าเช็ดตัวมาให้นะคะ คุณพ่อยืนรอตรงนี้ก่อน" ได้ยินเสียงบุตรสาวบอกกล่าวกับคนเป็นพ่อ และนาทีต่อมาก็เดินมาหาเธอ"คุณแม่คะขอผ้าเช็ดตัวให้คุณพ่อหน่อยค่ะ""เดี๋ยวแม่ไปหยิบมาให้ค่ะ" ความจริงเธอไม่อยากจะหยิบยื่นอะไรให้เขาเลย แต่มันติดตรงที่บุตรสาวนี่แหละเธอเดินขึ้นไปยังห้องนอนบนชั้นสองของบ้านหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่อยู่ในตู้มาให้บุตรสาว"นี่ค่ะ""ขอบคุณค่ะ" บุตรสาวยิ้มหวานให้เธอ แล้วรีบเอาผ้าเช็ดตัวจากมือเธอไปให้ผู้เป็นพ่อ"คุณพ่อเช็ดตัวก่อนนะคะ""ขอบคุณค่ะ" ศรัณย์ระบายยิ้มอ่อนโยนให้บุตรสาวพลางรับผ้าเช็ดตัวมาซับตามร่างกายสั่นเทาที่เปียกปอนไปด้วยน้ำ เสร็จแล้วก็เช็ดผมต่อจนหมาด ๆ "คุณพ่อเข้ามาในบ้านสิคะ จะได้กินข้าวกัน" เด็กน้อยคาริสายื่นมือไปจับมือผู้เป็นพ่อหมายจะพาเข้าบ้านหลังจากเห็นว่าเช็ดผมเสร็จแล้ว"ไม่ได
เหมือนดาริกาจะดูถูกชายหนุ่มเกินไปเพราะผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้วเขายังนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิมทั้งที่ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า เมฆฝนตั้งเค้า ลมพัดกระโชกเหมือนพายุจะเข้า"หนูสงสารคุณพ่อจังเลยค่ะ คุณแม่หายโกรธคุณพ่อ แล้วให้คุณพ่อเข้ามาในบ้านนะคะ" เด็กน้อยคาริสาที่ยืนมองพ่อจากหน้าต่างเงยหน้าขึ้นเอ่ยกับผู้เป็นแม่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เสียงเศร้าดาริกาละสายตาจากคนที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางสนามหญ้า หันกลับมามองหน้าบุตรสาวพร้อมกับย่อตัวลงนั่งย่อง ๆ ตรงหน้าพลางคว้ามือเล็กมากอบกุมไว้"ดูลูกรักและเป็นห่วงคุณพ่อมากเลยนะคะทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่นานเอง" เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ใช่ค่ะ หนูรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากเลยค่ะเวลาได้อยู่กับคุณพ่อ คุณพ่อใจดีที่สุดเลยค่ะคุณพ่อมาหาหนูที่โรงเรียนทุกวัน ซื้อไอศกรีมกับขนมที่หนูชอบมาฝากด้วยนะคะ พอหนูบอกว่าอยากไปดูหมูหวานคุณพ่อก็จะพาไป หนูอยากทำอะไรคุณพ่อก็ตามใจค่ะ""...""รู้ไหมคะคุณแม่เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนต่างอิจฉาหนูที่มีคุณพ่อหล่อและใจดีมาก"เสียงและสีหน้าบุตรสาวเวลาพูดถึงผู้เป็นพ่อเต็มไปด้วยความสุข แววตาทอประกายสดใสแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน บุตรสาวคงรักและภูมิใจในตัวผู้เป็นพ
บ้านหลังไม่ใหญ่มากนักสไตล์มินิมอลสองชั้น มีรั้วไม้ความสูงประมาณจมูกของเขาล้อมรอบ เดินมาหยุดหน้าประตูรั้วพร้อมทอดสายตามองเข้าไปภายในบ้านรอยยิ้มพลันผุดขึ้นประดับใบหน้าคมเข้มในตอนที่ผ้าม่านตรงหน้าต่างปลิวไปตามลมจนทำให้เห็นคนที่อยู่ด้านใน สองคนแม่ลูกอยู่ที่นี่จริง ๆ เขาไม่รอช้ารีบยื่นมือไปเปิดประตูรั้วอย่างถือวิสาสะ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมันถูกล็อคจากด้านใน จึงตะโกนเรียกแทน"น้องดาครับ น้องดาได้ยินพี่ไหมครับ" เสียงอันแสนคุ้นเคยที่ดังเข้าหูทำดาริกาที่กำลังนั่งเล่นกับลูกอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นขมวดคิ้วมุ่น ยังแอบนึกว่าตัวเองหูแว่วเพราะไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะรู้ว่าเธอกับลูกอยู่ที่นี่"หนูได้ยินเสียงคุณพ่อคะคุณแม่" จนบุตรสาวเอ่ยขึ้นอีกคนเธอจึงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด เมื่อกี้เสียงเหมือนดังมาจากหน้าบ้าน รีบใช้มือแหวกผ้าม่านตรงหน้าต่างแล้วชะเง้อคอมองดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเกาะรั้วอยู่ สองคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย เขามาที่นี่ได้ยังไง แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าเธอกับลูกอยู่ที่นี่เพราะนอกจากพ่อแม่และพี่ชายไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่นี่มั่นใจมากว่าครอบครัวไม่มีทางบอกกับชายหนุ่มว่า
ต่อให้เมื่อวานจะปะทะกับแม่ของลูกวันนี้ศรัณย์ยังคงมาที่โรงเรียนแม้ไม่รู้ว่าจะได้พบกับบุตรสาวไหม หรือต้องเจอกับอะไร เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าง้อแม่ของลูกไม่ทำตัวเป็นคนขี้ขลาดอีกต่อไปมาถึงห้องเรียนของบุตรสาวไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรครูประจำชั้นก็เดินออกมาบอกกล่าว "น้องริสาไม่ได้มาเรียนค่ะ""อ๋อ..ขอบคุณครับ" เขาพยักหน้ารับ แล้วเดินกลับไปขึ้นรถขับตรงไปยังบ้านเกียรติกมล ขับมาจอดรถแอบริมรั้วเหมือนเช่นเคย เฝ้ามองว่าสองคนแม่ลูกจะออกไปไหนบ้างเขาจะได้หาโอกาสเข้าไปคุยกับเธอทว่าผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าจนตะวันเริ่มคล้อยก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ สรุปวันนี้เขากลับมาบ้านโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าลูกเมียเลย ทว่าวันนี้ไม่เจอพรุ่งนี้อาจจะเจอก็ได้เขาไม่ยอมแพ้วันต่อมาก็ไปหาบุตรสาวที่โรงเรียนอีกครั้ง และได้รับคำตอบจากครูประจำชั้นแบบเดิม ความรู้สึกบอกเขาว่ามันไม่ปกติแล้ว ถ้าไม่มีอะไรบุตรสาวคงไม่ขาดเรียนติดต่อกันในช่วงที่กำลังใกล้ปิดเทอมเขาขับรถไปยังบ้านเกียรติกมล แต่ครั้งนี้ไม่ได้จอดแอบนอกรั้วเหมือนที่ผ่านมา เขาขับรถมาจอดหน้าประตูรั้วแล้วลงจากรถเดินไปกดกริ่งยืนรอราวห้านาทีก็มีหญิงวัยยี่สิบปลายเดินกึ
วันต่อมาก็มาหาบุตรสาวที่โรงเรียนตั้งแต่เก้าโมงเช้าเพื่อจะพาบุตรสาวไปดูหมูหวานตามที่ได้รับปากไว้เมื่อวานเขาขออนุญาตคุณครูประจำชั้นเรียบร้อย ก่อนจูงมือบุตรสาวเดินไปที่รถ"หนูจะได้ไปดูหมูหวานแล้ว ตื่นเต้นจังเลยค่ะคุณพ่อ" เด็กน้อยแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับคนเป็นพ่อด้วยท่าทางตื่นเต้นเป็นพิเศษศรัณย์เห็นแล้วเอ็นดูยิ่งนัก เดินมาถึงรถเขาก็คลายพันธนาการจากมือเล็กล้วงไปหยิบกล่องบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วย่อตัวลงนั่งย่อง ๆ ตรงหน้าบุตรสาว"ก่อนไปลูกต้องใส่นาฬิกาเรือนนี้ก่อนนะคะ นาฬิกาเรือนนี้มีทั้งแอปติดตาม ยังสามารถโทรออกได้ด้วย เผื่อไปถึงสวนสัตว์แล้วเราเกิดผลัดหลงกันพ่อจะได้รู้พิกัดลูก และถ้ามีอะไรก็ให้ลูกกดตรงนี้มันจะโทรหาพ่อ"เขาอธิบายแล้วหยิบนาฬิกาสุดหรูออกจากกล่องสวมลงบนข้อมือเล็ก"ค่ะคุณพ่อ" เด็กน้อยพยักหน้ารับหงึกงัก"ดีมากค่ะ" ศรัณย์กดจูบบนหน้าผากมนด้วยความรักใคร่ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปเปิดประตู ผายมือเชิญบุตรสาวขึ้นรถ "เชิญค่ะเจ้าหญิงน้อย""น้องริสามาหาคุณแม่ค่ะ" ไม่ทันที่เด็กน้อยจะได้ก้าวขึ้นรถน้ำเสียงดุดันก็ดังขึ้นทำให้สองคนพ่อลูกชะงักมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก'ความฉิบหายมา
หนึ่งเดือนต่อมา"คุณพ่อคะหนูอยากไปเที่ยวสวนสัตว์ค่ะ หนูอยากไปดูหมูหวาน" เสียงบุตรสาวดังขึ้นทำให้ศรัณย์ที่นั่งเช็คข้อความในไลน์ละสายตาจากหน้าจอมือถือ เงยขึ้นมองบุตรสาวที่นั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหมูหวานที่บุตรสาวหมายถึงคือฮิปโปโปเตมัสแคระที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้ แน่นอนว่าบุตรสาวร้องขอเขาไม่ปฏิเสธ"ได้สิคะ งั้นพรุ่งนี้พ่อพาไปดู แต่เราต้องไปกันแต่เช้าจะได้กลับมาทันก่อนโรงเรียนเลิก ไม่อย่างนั้นโดนคุณแม่จับได้แน่""โอเคค่ะ" เด็กน้อยคาริสายกมือทำท่าโอเคให้พ่อในนาม ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้เดินเข้าไปสวมกอดเอวสอบ ตั้งคางบนหน้าขา เงยหน้าขึ้นมองหน้าพ่อในนามตาปริบ ๆ "หนูรักคุณพ่อนะคะ คุณพ่ออย่าทิ้งหนูนะคะ""ไม่ต้องกลัวนะ พ่อไม่มีวันทิ้งลูกแน่นอน"เขาระบายยิ้มอ่อนโยนให้บุตรสาวพร้อมกับสวมกอดแนบแน่นตอนนี้ดูเหมือนบุตรสาวจะรัก และมีความผูกพันกับเขาบ้างแล้วตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาแอบมาหาบุตรสาวที่โรงเรียนทุกวันต้องการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบุตรสาวให้แน่นแฟ้น เพราะบุตรสาวเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้เข้ามีโอกาสเข้าหาคนเป็นแม่โดยที่ไม่ต้องถูกไล่ออกมายิ่งบุตรสาวรัก และผูกพันกับเขามากเท่าไรก็ยิ่ง
Commentaires