เขาแต่งงานเพื่อให้คุณยายสบายใจ ส่วนเธอแต่งงานเพราะอยากได้สมบัติคืน การแต่งงานที่เริ่มต้นด้วยเงื่อนไขและผลประโยชน์ นำไปสู่ความรักที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ความรักจึงต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่ แล้วซาตานร้ายที่เคยใจแข็ง จะยอมพ่ายแพ้ให้กับเมียเด็กได้หรือไม่
view moreหลังสอบวิชาสุดท้ายเสร็จเมลินญาน์และเพื่อนนักเรียนชั้น ปวช.3 ก็พากันไปกินหมูกระทะที่อยู่ข้างโรงเรียนเพื่อเป็นการฉลองสอบเสร็จ
หลังจากนั้นบางคนก็มีโอกาสได้เรียนต่อระดับ ปวส. บางคนก็ไปต่อมหาวิทยาลัยส่วนตัวเธอนั้นวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะต่อระดับปวส. อีกสองปีแล้วค่อยหางานทำ
“แกจะกลับบ้านยังไงเมลินให้ฉันไปส่งไหม” ศศิภาพื่อนสนิทเอ่ยถามขณะที่ทุกคนกำลังแยกย้ายกันกลับบ้าน
“ไม่เป็นไรบ้านแกกับฉันมันคนละทางฉันนั่งรถเมล์กลับง่ายกว่า นั่นไงรถเมล์มาพอดีเลยฉันไปก่อนนะ” เมลินญาน์โบกมือให้เพื่อนก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์
ปกติแล้วเธอจะขี่จักรยานยนต์มาเรียนแต่วันนี้รถเกิดสตาร์ทไม่ติดเลยต้องส่งซ่อมทำให้ต้องใช้บริการรถเมล์แทน
เมื่อรถเมล์จอดเมลินญาน์ก็เดินเข้าซอยไปอีกประมาณห้าร้อยเมตรก็ถึงบ้านหลังเล็กที่เธออาศัยอยู่กับวารีแม่เลี้ยงและลูกชายของ ส่วนครรชิตผู้เป็นบิดาของเธอนั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่เธออยู่ชั้น ปวช.1
ท่านทิ้งสมบัติเป็นบ้านหลังนี้และตึกแถวห้าคูหาไว้ให้เธอได้เก็บค่าเช่าเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนและใช้ในชีวิตประจำวันแต่คนที่รับผิดชอบหน้าที่นี้ก็เป็นแม่เลี้ยงของเธอส่วนเธอก็ได้แค่เงินค่าขนมรายเดือนเพียงเท่านั้น
แต่หญิงสาวคิดว่าจากนี้จะเข้ามาดูแลในเรื่องของการเก็บค่าเช่าเองเพราะเธออายุครบ 18 ปีบริบูรณ์เธอก็มีสิทธิ์จัดการกับสมบัติด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ผู้จัดการมรดกอย่างน้าวารีแม่เลี้ยงของเธออีกต่อไป
หญิงสาวเดินเข้ามาในบ้านตอนนี้ไฟด้านในมืดสนิทเธอเดาว่าวัชรพลลูกชายของแม่เลี้ยงคงจะออกไปกินเหล้ากับเพื่อนอย่างเคย ส่วนแม่เลี้ยงของเธอนั้นเธอก็ไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่
แต่เมลินญาน์ก็ไม่ได้สนใจเพราะหลังจากเธอจะคุยกับน้าวารีให้รู้เรื่องแบ่งเงินของพ่อคนละครึ่งจากนั้นก็ต่างคนต่างอยู่
บ้านหลังนี้และตึกแถวเป็นสมบัติของมารดาเพราะฉะนั้นน้าวารีที่เป็นแม่เลี้ยงจึงไม่มีสิทธิ์ แต่เมลินญาน์จะแบ่งเงินในบัญชีของพ่อให้กับน้าวารีและลูกชายมากสักหน่อยเพื่อที่เธอจะได้ไปหาที่อยู่ใหม่ เท่าที่รู้บิดามีเงินในบัญชีมากถึงห้าล้านบาทและเงินที่ได้จากค่าเช่าอีกเธอคิดว่าจะให้เงินแม่เลี้ยงสักสามล้าน ส่วนเธอก็ได้บ้านหลังนี้กับตึกที่เป็นสมบัติเดิมของมารดา
เมื่อคิดถึงอิสระที่กำลังจะมาถึงหญิงสาวก็อาบน้ำและเข้านอนอย่างมีความสุข
เช้าวันใหม่เมลินญาน์ไม่ต้องรีบไปเรียนเธออยากจะตื่นนอนสายกว่าปกติแต่เสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงของน้าวารี
“ยัยเมลินนี่มันเจ็ดโมงแล้วนะ ทำไมยังไม่ตื่นอีก”
“ขอตื่นสายหน่อยได้ไหมน้าวารี วันนี้หนูไม่ต้องไปโรงเรียนหนู” เมลินญาน์ตะโกนออกมาจากห้องนอน
“นี่ปิดเทอมแล้วเหรอ”
“ค่ะปิดเทอม แล้วหนูสอบเสร็จแล้ว”
“งั้นออกมาคุยกันหน่อยสิ”
หญิงสาวลุกจากที่นอนอย่างขัดใจก่อนจะเปิดประตูออกมาแล้วตรงมานั่งในห้องครัวที่ตอนนี้แม่เลี้ยงของเธอกำลังหุงข้าวอยู่
“น้าจะคุยอะไรคะ”
“ฉันก็จะถามแกว่าเรียนจบแล้วจะไปสมัครงานที่ไหน”
“หนูจะเรียนต่อค่ะ”
“จะเรียนต่ออีกทำไมล่ะ ฉันว่าแกออกมาหางานทำเลี้ยงตัวเองดีกว่านะ แต่ถ้าอยากเรียนจริงๆ ก็หาเงินเรียนเองก็แล้วกันนะ”
“ทำไมหนูจะต้องหาเงินเรียนเองด้วย เงินที่พ่อทิ้งไว้ก็ตั้งเยอะ”
“มันเหลือที่ไหนล่ะ”
“น้าหมายความว่ายังไงคะ”
“ก็หมายความว่าเงินที่พ่อแกทิ้งไว้มันหมดไปนานแล้ว”
“เงินตั้งเยอะมันจะหมดได้ยังไงน้าเอาเงินของพ่อไปทำอะไรมันถึงได้หมด”
“ฉันก็เอามาใช้จ่ายในบ้านแล้วก็ลงทุนนิดหน่อย”
“แต่ค่าเช่าตึกเราก็ได้เดือนหนึ่งเยอะนี่คะ หนูเอาเงินตรงนั้นเรียนก็ได้ค่ะ”
“แกพูดเรื่องตึกนั้นมาก็ดีล่ะ ตึกนั้นมันไม่ใช่ของแกแล้ว”
“มันจะไม่ใช่ของหนูได้ยังไงคะ พ่อบอกว่าตึกนั้นเดิมทีมันเป็นของแม่หนูต้องมีสิทธิ์เป็นเจ้าของน้าวารีก็แค่ผู้จัดการมรดกแต่ตอนนี้หนูอายุครบ 18 แล้วนะคะ หนูก็ควรได้เป็นเจ้าของ”
“ตึกนั้นฉันเอาไปจำนองกับคุณราตรีแล้ว”
“อะไรนะคะน้าทำแบบนั้นได้ยังไง นั่นมันเป็นสมับัติของแม่หนู” น้ำเสียงของเมลินญาน์สั่นเครือด้วยความโกรธ
“ก็ถ้าฉันไม่เอาไปจำนองแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาส่งเสียเลี้ยงดูแกล่ะ”
“น้าคะ ค่าเช่าตึกนั้นหนูจำได้ว่าคูหาละสองหมื่นห้า เรามีห้าคูหาเดือนหนึ่งเราก็มีรายได้เป็นแสนแล้วนะคะ น้าเอาเงินไปทำอะไรหมด ไหนจะเงินในบัญชีของพ่ออีก”
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าเอาไปลงทุนแล้วมันขาดทุน” น้ำเสียงของเมลินญาน์สั่นเครือด้วยความโกรธและความเสียใจ
“น้าทำไม่ถูก”
“จะถูกจะผิดฉันก็ทำไปแล้วถ้าแกอยากได้คืนก็เอาเงินไถ่คืนมาสิ คนที่ฉันเอาไปจำนองชื่อคุณราตรี บ้านเขาในซอยถัดไปนะ หลังที่ใหญ่สุดอยู่ท้ายซอย”
“น้าจำนองไปเท่าไหร่คะ”
“ฉันลืมไปแล้ว แกลองไปถามเขาเองก็แล้วกันนะ ไหนๆ แกก็รู้ความจริงเรื่องตึกแล้วฉันก็จะบอกความจริงแกอีกข้อนะเมลิน”
“อะไรคะ”
“ฉันเอาบ้านหลังนี้ไปจำนองกับธนาคารและไม่ได้ส่งมาหลายเดือน ถ้าแกอยากได้แกก็ไปติดต่อกับธนาคารแล้วก็จ่ายดอกเบี้ยกับเงินต้นที่เหลือด้วยนะ แกมีเวลาอยู่บ้านอีกหนึ่งเดือนถ้ายังหาเงินไปจ่ายธนาคารไม่ได้เขาก็จะมายึด”
“ทำไมหนูจะต้องเป็นคนหาเงินมาจ่ายคนเดียวด้วยในเมื่อบ้านหลังนี้เราอยู่กันสามคน”
“แต่ก่อนน่ะ ใช่แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วฉันกับลูกชายจะไปหาที่อยู่ใหม่ แกโตแล้วนี่ อายุครบ 18 แล้วฉันทำตามที่พ่อแกแล้วฉันก็อยากไปมีชีวิตของฉันบ้าง”
“น้าวารีคะ หนูอยากจะขอบคุณที่น้าช่วยดูแลหนูมาหลายปี แต่ตอนนี้หนูขอบคุณไม่ลงค่ะ สิ่งที่น้าทำกับหนูมันแย่มาก”
น้ำตาของเมลินญาน์ไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้ เธอมองหน้าแม่เลี้ยงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความผิดหวัง
“แกจะพูดอะไรก็ตามใจแกเถอะ ฉันไม่อยากจะคุยกับแกแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะรีบย้ายออก แล้วจากนี้ฉันกับแกก็ถือเป็นคนแปลกหน้า อย่าติดต่อฉันหรือมาขอความช่วยเหลืออะไรจากฉันอีก” พูดจบ วารีก็เดินออกจากบ้านไป
ทิ้งให้เมลินญาน์นั่งอยู่เพียงลำพัง ท่ามกลางความเงียบ น้ำตาแห่งความผิดหวังและเสียใจไหลอาบแก้ม เธอไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ ทั้งเงิน บ้านและแม้แต่ความไว้ใจที่เคยมีให้กัน
“ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ คุณอัลเฟรดก็รีบพูดมาเลยค่ะก่อนที่สมองจะไม่รับรู้อะไรเพราะความง่วง” หญิงสาวพูดแล้วแกล้งหาวทั้งที่ตอนนี้ยังไม่ได้ง่วงเลยสักนิด เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าอัลเฟรโด้จะคุยเรื่องอะไรกับเธออัลเฟรโด้ขยับเข้ามาใกล้ๆ จับมือของเธอไว้เขามองหน้าเธอก่อนจะพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา“ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษที่เข้าใจผิด ไม่เชื่อใจเธอคิดว่าเธอเป็นคนกล่อมคุณยายให้บังคับฉันแต่งงาน”“เรื่องนี้หนูไม่โกรธคุณแล้ว หนูเข้าใจว่าเป็นใครก็ต้องคิดแบบนั้นเพราะหนูเพิ่งเจอกับคุณยายไม่นานท่านก็บังคับให้คุณแต่งงานกับหนู มีแค่นี้ใช่ไหมที่คุณจะพูด”“ไม่ใช่มันมีอีกเรื่องหนึ่ง”“อะไรคะ”“ที่ผ่านมาฉันยอมรับนะว่าฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่กับเธอ รู้สึกดีที่ตื่นมาทุกเช้ามีเธอนอนอยู่ข้างๆ และได้นอนกอดกันทุกคืน ฉันรู้ว่าเธอรักฉันและฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันทำมันก็เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ”“แล้วคุณรู้สึกยังไงเหรอคะ” หญิงสาวถามออกไปด้วยใจเต้นแรงเธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้อัลเฟรโด้กำลังจะพูดอะไรแต่ในใจก็แอบหวังว่าเธอได้ยินเขาพูดคำว่ารักซึ่งมันสำคัญกับเธอมาก ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเธอบอกรักเข
“พรุ่งนี้ฉันจะบอกทนายให้จัดการเรื่องหย่า” จู่ๆ อัลเฟรโด้ก็พูดขึ้นระหว่างที่ออกมานั่งดื่มกับณัฐกฤษณ์เพื่อนสนิท“จะไม่ง้ออีกหน่อยเหรอ”“ฉันคิดว่าง้อไปมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เมลินเธอคงตัดใจจากฉันได้แล้วจริงๆ นั่นแหละ”“เฮ้ย!...แต่นี่เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือนเองนะ อดทนหน่อยสิ เด็กวัยรุ่นก็อย่างนี้เอาใจยาก”“นายพูดอย่างกับเคยมีแฟนเป็นเด็ก”“ถึงแฟนฉันกับฉันอายุจะไม่ห่างกันมาก แต่ฉันก็พอเข้าใจนะว่าผู้หญิงอารมณ์อ่อนไหว โดยเฉพาะเด็กอย่างเมียของนายนะ นายลองคิดดูสิเธออายุแค่ 18 แล้วต้องมาแต่งงาน ชีวิตกำลังลงตัวและมีความสุขจู่ๆ นายก็ไปพูดจาแบบนั้นกับเธอ”“ก็ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ความจริงนี่”“คนโตอย่างเราอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ต้องทะเลาะกันบ้างแต่นายอย่าลืมนึกถึงความแตกต่างในเรื่องของอายุด้วยนะ อีกอย่างเมลินเธอก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลย แล้วมาโดนนายพูดจาแบบนั้นใส่เป็นใครก็ต้องเสียใจน้อยใจได้ นายเคยบอกฉันไม่ใช่เหรอว่าเมลินรักนายมาก พอโดนคนที่ตัวเองรักต่อว่าก็เลยยิ่งคิดมากและน้อยใจมันเป็นเรื่องธรรมดา”“ใช่เมลินรักฉันมาก เธอบอกรักฉันในทุกวันที่อยู่ด้วยกันนายรู้มั้ยฉันมีความสุขแค่ไหนเวลาไ
วันนี้เมลินญาน์เลิกเรียนเร็วกว่าปกติหญิงสาวจึงนัดทานข้าวกับศศิภาจากนั้นก็พากันเดินไปซื้อของก่อนจะขับรถมาส่งเธอที่บ้านระหว่างทางศศิภาก็ถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“แกตัดสินใจดีแล้วหรอเมลิน แกรักเขามากนะแล้วจะหย่ากับเขาทำไม”“ฉันยอมรับว่าฉันรักเขามาก แต่ก็ไม่รู้จะอยู่กันไปทำไม เขาไม่เชื่อใจฉัน เขาคิดว่าฉันเป็นคนวางแผนให้ได้แต่งงานกับเขานะ”“แต่ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าแกไม่ได้แบบ เขาก็ขอโทษแกแล้วแกยังต้องการอะไรอีก”“ไม่รู้สิ ฉันอาจจะต้องการความรักจากเขามั้ง”“แกเคยถามไหมว่าเขารักแกหรือเปล่า”“ไม่เห็นจำเป็นต้องถามเลยขิงฉันบอกรักเขาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแต่ไม่เคยได้ยินกับเขาพูดมันเลย แม้คุณยายจะบอกว่าให้ดูที่การกระทำทำแต่ฉันก็อยากจะได้ยินมันสักครั้ง เขาพูดแต่ว่าเขาโทษอยากให้ฉันกลับไปอยู่ด้วยแค่นั้นเอง”“ถ้าเขาบอกว่ารักแกแล้วแกจะกลับไปคืนดีกับเขาเหรอ”“อือ”“ฉันไม่เข้าใจแกเลยนะเมลิน แกหย่ากับเขาแล้วแกก็ต้องมานั่งเสียใจแบบนี้มันคุ้มกันเหรอ”“ฉันไม่รู้ว่าคุ้มไหม แต่ฉันอยากอยู่กับคนที่รักฉัน แต่ฉันให้เวลาให้โอกาสเขาแล้วนะ ฉันรู้ว่าที่ฉันทำมันงี่เง่าไม่มีเหตุผล แค่คำว่ารักแค่คำเดียวแต่ฉันคิดว่าฉันอยากไ
จากวันที่เมลินญาน์ย้ายกลับไปอยู่บ้านถึงตอนนี้ก็เกือบจะสองเดือนแล้วอัลเฟรโด้ยังคงพยายามตามง้อ แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมใจอ่อน ตอนนี้เธอเปลี่ยนกุญแจรั้วบ้านเปลี่ยนรหัสผ่านทุกอย่างทำให้อัลเฟรโด้ไม่สามารถเข้าไปหาเธอที่บ้านได้อย่างเคยแต่ถ้าวันไหนเขาเลิกงานเร็วก็มักจะขับรถวนมาดูว่าหญิงสาวถึงบ้านหรือยังและจอดรถที่หน้ารั้วจนกระทั่งเห็นว่าว่าเธอปิดไฟเข้านอนจึงขับรถกลับมาที่คอนโดมิเนียม เขาใช้รถของตนเองบ้างรถของบริษัทบ้างหรือบางครั้งก็ใช้รถของผู้ช่วยทำให้เมลินญาน์ไม่ทันสังเกตเห็นแต่วันนี้หญิงสาวไปซื้อของที่ตลาดสด แล้วเจอคุณน้าหนึ่งที่บ้านอยู่ถัดจากบ้านของเธอไปอีกสามหลังเข้ามาชวนคุย“เมลิน หนูสังเกตไหมว่าช่วงนี้แถวบริเวณหน้าบ้านหนูมักจะมีรถยนต์มาจอดอยู่บ่อยๆ”“หนูไม่ได้สังเกตเลยค่ะน้า เขามาจอดรอใครหรือเปล่า”“น้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ หนูลองสังเกตดูหน่อยนะไม่รู้เป็นพวกโจรเป็นขโมยหรือเปล่า หนูอยู่บ้านคนเดียวด้วยมันอันตราย ถ้าเห็นท่าไม่ดียังไงก็โทรเรียกตำรวจให้มาช่วยดูก็ดีนะ”“ขอบคุณนะคะน้า หนูจะไปย้อนดูกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านดูค่ะ อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครที่มาจอดรถรออยู่แบบนั้น”เมลินญาน์พูดคุยก
เพราะตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาอัลเฟรโด้ทานอาหารไม่ตรงเวลาและมักจะดื่มเหล้าอยู่ตลอด วันนี้ชายหนุ่มก็เลยรู้สึกปวดท้องหลังเลิกงานเขาเลยแวะที่โรงพยาบาลเพื่อให้คุณหมอตรวจอาการหลังจากตรวจและรับยาแล้วอัลเฟรโด้ยาก็เดินมาที่ลานจอดรถและได้เจอกับหมออำนาจที่กำลังจะกลับบ้านพอดี“สวัสดีครับหมออำนาจ”“สวัสดีครับคุณอัลเฟรดไม่สบายเหรอครับ” คุณหมอถามเพราะเห็นถุงยาในมือของเขา“ปวดท้องนิดหน่อยครับคุณหมอก็เลยแวะมาตรวจ คุณหมอละ ครับสบายดีไหม” อัลเฟรโด้เจอกับคุณหมอครั้งสุดท้ายก็ในงานศพของคุณยายราตรีซึ่งมันผ่านมาสองเดือนแล้ว“ผมสบายดีครับ”“คุณหมอพอจะมีเวลาสักนิดไหมครับ” อัลเฟรโด้ถามอย่างเกรงใจ“คุณอัลเฟรดมีอะไรหรือเปล่าผม”“อยากจะถามอะไรหมอหน่อย”“ได้สิครับ เรานั่งคุยตรงมาหินอ่อนตรงนั้นก็ได้”“ครับ” แล้วอัลเฟรโด้ก็เดินตามคุณหมออำนาจมายังม้าหินอ่อนที่อยู่ใกล้กับลานจอดรถ“คุณอัลเฟรดมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”“ผมอยากจะถามว่าทุกครั้งที่คุณยายมาตรวจกับคุณหมอ คุณยายให้คนอื่นเข้ามาในห้องด้วยหรือเปล่าครับ”“ไม่นะครับ คุณยายมักจะเข้ามาคนเดียวส่วนเมลินภรรยาของคุณก็รออยู่ข้างนอก มีอะไรหรือเปล่า”“ผมขอถามคุณหมอทุ
บทรักดำเนินต่อไปในห้องทำงานอีกพักใหญ่ก่อนที่อัลเฟรโด้จะอุ้มเมลินญาน์กลับมายังห้องนอน คืนนี้ทั้งสองต่างโรมรันพันตูกันอยู่บนเตียงอยู่นานก่อนที่หญิงสาวจะหมดแรงอยู่บนเตียงกว้างอัลเฟรโด้เอาผ้าเช็ดตัวชุบน้ำมาเช็ดคราบเหงื่อออกก่อนจะนอนกอดโดยไม่ได้มีคำพูดอะไรเมลินญาน์ซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาแล้วหลับตานิ่ง เธออยากจะเก็บความรู้สึกคืนนี้ไว้เป็นคนสุดท้ายและพรุ่งนี้เธอกับเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกันอีกอัลเฟรโด้เองก็กอดกระชับเธอไว้แน่นเขากำลังสับสนว่าจากนี้จะเอายังไงต่อจะใช้ชีวิตกับเธอไปเรื่อยๆ หรือจะหย่าอย่างที่เธอพูด เขายังคงตัดสินใจไม่ได้ชายหนุ่มนอนใช้ความคิดจนกระทั่งเผลอหลับแล้วตื่นมาอีกครั้งในตอนเช้าเขารู้สึกใจหายเมื่อเช้านี้มันต่างจากทุกเช้าที่ผ่านมาเมื่อข้างกายของเขาไม่มีเมลินญาน์นอนอยู่ข้างๆอัลเฟรโด้รีบลุกขึ้นนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเดินมายังห้องครัวเขาเห็นแค่ความว่างเปล่า ชายหนุ่มมองนาฬิกาเห็นว่ามันสายมากแล้วและคิดว่าวันนี้ที่เธอไม่ทำอาหารเช้าให้อาจจะเป็นเพราะเธอรีบไปเรียนและถ้าหากเย็นนี้เธอกลับมาที่คอนโดเขาจะลองเปิดใจคุยกับเธออีกครั้งอยากจะฟังเหตุผลจากเธออีกครั้งโดยไม่ใช้อารมณ์ตลอด
Mga Comments