ดวงดาว Part
04:00 น. ฉันตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยแม่กับป้าน้อยทำขนมสำหรับเอาไปขายที่ตลาดเช้านี้ ฉันจัดขนมใส่ตะกร้าอย่างเป็นระเบียบจนเสร็จจากนั้นก็ขึ้นบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปรอขึ้นรถทำงานแต่เช้ามืดเเพราะไม่ถ้าออกจากบ้านช้าฉันจะต้องขึ้นไปยืนเบียดกับคนอื่นๆ บนรถแถมช่วงเช้ารถยังติดอีกตั้งหากจะขึ้นแท็กซี่ไปก็เสียดายเงิน 05:30 น. ฉันเดินลงจากบ้านมาหาแม่กับป้าน้อยที่กำลังจะเข็นรถออกไปขายของพอดี ฉันก็รีบวางกระเป๋าบนรถเข็นเพื่อที่จะช่วยเข็นรถไปตลาดให้ "ดาว~ไม่ต้องหรอกลูกแม่กับป้าน้อยไปกันเองได้จ้ะ" แม่จับที่มือฉันไว้เพื่อเป็นการห้าม ฉันยืนครุ่นคิดอยู่พักนึงเพราะรถเข็นมันค่อยข้างหนักจะให้เข็นกันไปเองก็อดห่วงไม่ได้ "ใช่ค่ะคุณดาวให้ป้าทำเองดีกว่า" "จะไหวเหรอคะรถมันหนักมากเลยนะ" "ไหวสิลูกแค่นี้เอง เดี๋ยวแม่กับป้าน้อยช่วย ๆ กันเข็นไปมันก็ไม่หนักแล้ว...ใช่ไหมพี่น้อย" แม่ตอบแล้วส่งยิ้มให้ฉันจากนั้นแม่ก็หยิบกระเป๋าทำงานที่วางอยู่บนรถเข็นออกแล้วส่งมาคืนฉันแทน "ลูกอ่ะรีบไปเถอะเดี๋ยวช้ากว่านี้คนจะแน่นเอานะ ไปทำงานวันแรกไม่ควรสายเข้าใจไหม" ฉันยิ้มให้้แม่แล้วเดินเข้าไปหอมแก้มแม่ทีนึง "งั้นดาวไปทำงานก่อนนะคะ" ฉันหันไปหาป้าน้อยต่อ "ดาวไปทำงานก่อนนะคะป้าน้อย วันนี้ดาวไม่ได้ไปช่วยฝากป้าน้อยดูแลแม่ด้วยนะคะ" "คุณดาวไม่ต้องคุณห่วงคุณวันเพ็ญนะคะป้าอยู่ด้วยทั้งคน คุณดาวไปทำงานให้สบายใจเถอะค่ะ" ฉันส่งยิ้มให้ป้าน้อยก่อนที่จะโบกมือลาทุกคนแล้วเดินออกมาจากบ้านเพื่อไปรอรถที่ป้ายรถเมล์ แต่พอถึงป้ายรถเมลล์ฉันถึงกับต้องตกใจเลยเพราะตอนนี้มีคนมารออยู่ก่อนแล้วประมาณเกือบ 30 คนได้ มีทั้งคนทำงาน นักเรียน นักศึกษาเต็มไปหมด "ทำไมคนเยอะขนาดนี้เนี่ย อุตส่าห์ตื่นแต่เช้าแล้วแท้ ๆ เฮ่อ...ทำงานวันแรกไม่อยากขึ้นไปเบียดให้เสื้อผ้ายับเลย" ฉันบ่นเบา ๆ แล้วหันซ้ายมองขวาเห็นแท็กซี่กำลังจะขับผ่านมา เอาว่ะถึงจะแพงกว่าแต่ก็ถึงเร็วกว่าด้วยยังไงซะก็ไม่ต้องขึ้นไปเบียดกับคนอื่นให้เสื้อผ้ายับยู่ยี่ จากนั้นฉันตัดสินใจเดินออกไปโบกเรียกรถแท็กซี่ทันที "ไปไหนครับ" "ไปบริษัท KTK ค่ะ" "ขึ้นมาเลยครับ" ฉันเปิดประตูรถเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง นั่งมาเรื่อย ๆ ด้วยความตื่นเต้นจนเหงื่อออกมือเต็มไปหมดเมื่อคืนนี้ฉันเองแทบนอนไม่หลับเลยดีที่ตอนเช้าไม่เพลีย "จอดตรงนี่แหละค่ะคุณลุง" ฉันพูดแล้วส่งเงินค่าโดยสารให้คุณลุง "ขอบคุณครับ" ฉันเข้าไปในบริษัทฉันก็เจอกับยามที่ยืนดูแลอยู่ไม่ห่างจากประตู "บริษัทยังไม่เปิดนะครับถ้าจะติดต่อเรื่องบ้านต้องรอเวลา 8:30 น.นะครับ" พี่ยามรีบเดินเข้ามากันฉันไว้ "สวัสดีค่ะ ฉันชื่อดวงดาวนะคะเป็นเลขาคนใหม่ของท่านประธานเพิ่งมาเริ่มงานวันนี้เป็นวันแรกค่ะ" ฉันแนะนำตัวพร้อมโชว์จดหมายที่บริษัทส่งมาให้ให้กับพี่ยามดู "อ๋อครับ งั้นเชิญนั่งรอที่ล็อบบี้ได้เลยนะครับ ขอโทษทีนะครับพอดีว่าไม่ได้มีใครแจ้งผมไว้ว่าจะมีพนักงานใหม่เข้ามาวันนี้ผมเลยไม่ทราบ" พี่ยามผายมือบอกให้ฉันเข้าไปนั่งรอข้างในด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย "ไม่เป็นไรค่ะแต่ว่าเรียกฉันว่าดาวเฉย ๆ ก็ได้นะคะ" ฉันตอบแล้วเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเพื่อขอบคุณพี่ยามที่ต้อนรับฉันอย่างดี บรรยายกาศที่นี่แตกต่างจากวันสัมภาษณ์งานมาก เนื่องจากยังเช้าอยู่ทำให้คนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่มีเพียงยาม แม่บ้านที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่ "เดี๋ยวคุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ" "ขอบคุณค่ะ" ฉันนั่งรอประมาณครึ่งชั่วโมงก็เริ่มเห็นพนักงานทยอยเดินเข้ามาตอกบัตรแถว ๆ หน้าลิฟต์ซึ่งมันมีอยู่ประมาณ 3 เครื่องแล้วฉันก็หันไปเห็นผู้หญิงคนนึงกำลังเดินเข้าประตูมา พี่ยามรีบเดินเข้าไปหาเธอแล้วพูดอะไรบางอย่างพร้อมผายมือมาทางฉันจากนั้นผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าให้พี่ยามแล้วเดินตรงมาหาฉันทันที ฉันทำตัวไม่ถูกเลยรีบลุกขึ้นแทน "คุณดวงดาวใช่ไหมมคะ" เธอแต่งตัวดีมากอายุน่าจะประมาณ 40 กว่า ๆ "ใช่ค่ะ" "ตามพี่มาค่ะ" เธอพูดพร้อมเดินไปตอกบัตรแล้วพาฉันขึ้นลิฟต์ไปที่ไหนไม่รู้ บรรยากาศในลิฟท์เงียบมากจนฉันทำตัวไม่ถูกเลยได้แต่เหล่ตามองเธอเป็นพัก ๆ การแต่งตัวของเธอดูน่าจะมีตำแหน่งสูงพอสมควร ฉันเดินตามเธอไปติด ๆ ผ่านพนักงานที่กำลังนั่งเตรียมตัวรอเข้างานกันอยู่ บางคนก็นั่งแต่งหน้าทาปาก บางคนก็นั่งคุยนั่งเม้าส์กันเป็นกลุ่มๆ จนมาถึงห้องๆ นึงด้านบนเขียนว่า "แผนกฝ่ายบุคคล" เธอเปิดประตูเปิดตูเข้าไปในห้องนั้นมีพนักงานอยู่ 3 คน "พี่นุ่นสวัสดีค่ะ/ครับ" ทุกคนหันหน้ามายกมือไหว้เธอด้วยความเคารพ "สวัสดีจ้ะทุกคน" เธอวางกระเป๋าลงที่โต๊ะทำงานแล้วเอ่ยรับการทักทายจากทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสต่างจากในลิฟท์เมื่อกี้มาก "ทุกคนนี่คือคุณดวงดาวที่จะมาทำงานในตำแหน่งเลขาของท่านประธานจ่ะ" ฉันเลยรีบก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพทันที "สวัสดีค่ะทุกคนดิฉันดวงดาวหรือจะเรียกดาวเฉยๆ ก็ได้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ" ฉันพูด "พี่ชื่อนุ่นนะเป็นหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคลมีอะไรก็มาปรึกษาพี่ได้" พี่นุ่นพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นมาก "นั่นคือเจนส่วนนู้นบอสและนี่ก็แหม่มทุกคนอยู่แผนกฝ่ายบุคคลเหมือนกันเป็นทีมของพี่เอง" "เอ่อ!...บอสเตรียมของให้คุณดวงดาวเขาหรือยังที่พี่สั่งไว้เมื่อวานอะ" พี่นุ่นถาม "เตรียมไว้หมดแล้วครับพี่นุ่น" พี่บอสตอบพร้อมกับค้นเอาบัตรพนักงานกับกฏละเบียบและหนังสือว่าจ้างงานมาให้พี่นุ่น "อ่านดูก่อนนะถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจค่อยมาถามพี่" ฉันรับมาแล้วเดินไปนั่งโต๊ะกลมที่วางอยู่ในมุมห้องเพื่อเปิดอ่านสัญญาอย่างละเอียด กฎ 1.ห้ามพนักงานทุกคนทะเลาะวิวาทกันในที่ทำงานเด็ดขาด! 2.ห้ามพนักงานทุกคนนำเรื่องภายในแผนกและแผนงานของบริษัทไปพูดคุยกับบุคคลภายนอกเด็ดขาด ถ้าจับได้ทางบริษัทจะฟ้องร้องจนถึงที่สุด 3.ห้ามมพนักงานเข้างานสายเกินเวลา 15 นาที ถ้าสายเกิน 3 ครั้งจะถูกหักเงินเดือนถ้าเกิน 5 ครั้งจะถูกเรียกตักเตือนพักงานและถ้าครบ 10 ครั้งจะถูกพักงานหรือไล่ออกตามเหตุสมควรแต่ถ้ามีเหตุจำเป็นที่ทำให้ต้องสายหรือลาให้รีบแจ้งหัวหน้าแผนกของตน 4.ห้ามขาดโดยไม่มีสาเหตุเด็ดขาดถ้าครบ 3 ครั้งจะถูกเชิญออกแต่ถ้ามีธุระให้แจ้งล่วงหน้าที่หัวหน้าแผนก ถ้าป่วยให้นำใบรับรองแพทย์มายืนยันที่ฝ่ายบุคคลฝ่ายหลัง 5.ถ้าจับได้ว่ามีการขโมยข้อมูลหรือยักยอกทรัพย์สินของบริษัททางเราจะดำเนินคดีและฟ้องร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 100 เท่า 6.ห้ามเข้าไปในบริเวรต้องห้ามหรือห้องของผู้บริหารโดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด 7.ห้ามพูดจาดูถูกเพื่อนร่วมงานไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีตำแหน่งอะไร 8.ห้ามนำบุคคลภายนอกเข้ามาในบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต 9.ห้ามนำสิ่งผิดกฏหมายเข้ามาในเขตบริษัทเด็ดขาด 10.ห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณที่มีป้ายห้ามสูบเด็ดขาด 11.ห้ามทำลายทรัพย์สินของบริษัท ถ้าทรัพย์ของบริษัทเกิดความเสียหายนอกเหนือจากการใช้งานจนชำรุดบุคคลนั้นต้องเชดเชยเงินเต็มจำนวน 12.ห้ามกดขี่พนักงานรุ่นน้อง 13.ห้ามโยนงานในรับผิดชอบให้คนอื่นแต่สามารถขอความช่วยเหลือได้ถ้าบุคคลนั้นยินดี ข้อปฏิบัติทุกข้อมีผลเมื่อคุณเซ็นต์สัญญาว่าจ้างงานกับทางบริษัทและเมื่อปฏิบัติผิดแม้แต่ข้อเดียวทางบริษัทมีสิทธิ์เชิญคุณออกทันทีที่มีการพิจารณาว่าสมควรแล้วโดยที่ไม่สนเรื่องอายุสัญญาว่าจ้างของคุณและการตัดสินใจของผู้บริหารถือเป็นเด็ดขาด โปรดอ่านและพิจารณาให้ดีก่อนเซ็นต์สัญญา1 สัปดาห์ต่อมา ฉัันยังคงมาทำงานตามปกติเหมือนทุกวันแต่ที่ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็คือการทำงานของฉันดูราบลื่นขึ้นมากและได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อย ๆ แถมพนักงานหลายๆ คนก็เริ่มให้ความการเคารพฉันในฐานะเลขาของคุณทศบ้างแล้วจากที่ตอนแรกดูจะตึง ๆ และไม่ชอบฉันอย่างเห็นได้ชัด "คุณดาวหลังจากที่ทีมการตลาดได้โฆษณาออกไปผลตอบรับของโครงการหมู่บ้านที่พัทยาเป็นยังบ้าง" คุณ "ดีมากเลยค่ะคุณทศตอนนี้ลูกค้ากำลังให้ความสนใจโครงการของเราเป็นอย่างมากแล้วก็มีสปอนเซอร์รายใหญ่ติดต่อมาหลายบริษัทเลยค่ะ" "งั้นก็ดีแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ" ฉันก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาแล้วมานั่งทำงานของตัวเองต่อเหมือนเดิม พอใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันฉันก็กดสั่งอาหารมาไว้ให้เขาตามปกติก่อนจะลงไปทานมื้อกลางวันของตัวเองที่โรงอาหาร โรงอาหาร ทุกคนนั่งทานอาหารกลางวันและพูดคุยกันถึงปัญหาต่างๆ ในแต่ละวันกันอย่างสนุกสนานมีทั้งเรื่องรถติดบ้าง ทะเลาะกับสามีบ้าง มีปัญหาหากับเพื่อนร่วมงานบ้าง "น้องดาวเย็นนี้ว่างไหมจ๊ะ" "ก็ว่างนะคะพี่เจนพอดีดาวไม่ได้มีงานด่วนอะไรด้วย" งั้นน้องดาวไปกับพวกเราไหม" พี่เจนถาม "พวกพี่จะไปไหนกันหรอคะ"
"อะไรนะ!!" เสียงของอนุวัฒน์ดังขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทมารายงานข่าวเรื่องที่ดิน ที่เขาเคยยื่นขอเสนอไปแต่ก็ถูกตัดหน้าไปก่อนอย่างหน้าเสียดาย"คึ...คือคุณลดาเธอบอกว่าเธอนำที่ดินไปลงทุนกับบริษัท KTK แล้วครับ" ดนัยตอบ (ลูกน้องของอนุวัฒน์)"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเราติดต่อพูดคุยกับคุณลดาไว้ตั้งแต่หลายเดือนแล้วนิว่าเราจะขอซื้อที่ดินตรงนั้นของเธอด้วยเงินสด ทำไมเธอถึงยังปฎิเสธเราได้อีก นี่แกประสานงานยังไงกันแน่ว่ะ" อนุวัฒน์ถามด้วยความโมโห"คือผมทำตามที่คุณอนุวัฒน์สั่งจริงๆ นะครับแต่ผมทราบมาว่าคุณทศราชผู้บริหารคนใหม่ของทางบริษัท KTK ได้ยื่นขอเสนอให้คุณลดาเป็นหุ้นส่วนโครงการใหม่ที่ทางบริษัทนั่นกำลังจะทำขึ้นในอีกไม่ช้าแถมยังให้เปอร์เซ็นที่สูงอีกด้วย เธอก็เลยเกิดลังเลกับข้อเสนอของเราแล้วตกลงเซ็นต์สัญญากับทางนู้นครับ" ดนัยตอบ อนุวัฒน์รู้สึกโกรธยิ่งขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ที่พึ่งจะก้าวเข้าวงการของธุรกิจอย่างทศราชมาชิงตัดหน้าเขาไป เขาติดต่อกับคุณลดามาเป็นเวลานานมากกว่าคุณลดาจะยอมเปิดใจอ่านสัญญาซื้อขายกับเขา เสียทั้งเงินทั้งเวลทไปก็ไม่ใช้น้อยเพื่อซื้อใจฝั่งนั้นแต่กลับมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่เ
ฉันค่อย ๆ นั่งลงตามที่คุณทศสั่ง "คุณทศจะไม่กลับบริษัทหรอคะ" "ผมหิวข้าวน่ะ" ฉันตกใจรีบยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาทันทีถึงได้รู้ว่านี่มันเลยเวลาอาหารกลางวันของคุณทศมานานแล้ว "โอ้! จริงด้วย ดาวขอโทษนะคะที่ไม่ได้สั่งอาหารกลางวันมาให้คุณทศ" "เราอยู่กันที่ร้านอาหารนะไม่ใช่บริษัทถึงคุณจะสั่งอะไรมาให้ผมผมก็กินไม่ได้อยู่แล้วป่ะ" "ดาวขอโทษค่ะ" ฉันมัวแต่ลนจนทำขายหน้าคุณทศอีกแล้ว "อยู่กับผมคุณไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรที่ไม่ได้ทำผิด เข้าใจไหม! ได้ยินทีไรล่ะรู้สึกหงุดหงิดทุกที" "ขอโท- " ฉันกำลังจะเผลอพูดคำนั้นออกมาอีกครั้งแล้วแต่ก็เจอเข้ากับสายตาที่มองมาอย่างดุๆ ก็เลยชะงักไปก่อน "เอ่อ~ รับทราบค่ะ" "แล้วนี่คุณไม่หิวหรือไง" คุณทศถาม "ดาวว่าจะกลับไปทานที่บริษัทค่ะ" "นี่มันจะบ่ายสองแล้วกว่าจะไปถึงบริษัทก็เกือบเลิกงานพอดี ผมทนหิวขนาดนั้รไม่ไหวหรอกนะ" คุณทศตอบแล้วยกมือเรียกให้พนักงานมารับออร์เดอร์ "คุณอยากกินอะไรก็สั่งเลยนะเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง" คุณทศพูดแล้วลงไปดูเมนูอาหาร ฉันรับเมนูจากพนักงานมาเปิดดูก็ถึงกับอึ้งไปเลยไม่รู้ทำไมอาหารทุกอย่างมันถึงได้แพงขนาดนี้ ราคาอาหารต่อจานโหดแบบนี้ฉันสามารถใช้เป็น
ฉันกับคุณทศมาถึงร้านได้ประมาณ 30 นาที แล้ว ฉันได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าพูดอะไรเพราะเห็นว่าคุณทศกำลังดูอะไรในโทรศัพท์ไม่รู้สีหน้าจริงจังแต่ระหว่างนั้นคุณทศเขาก็ได้สั่งน้ำผลไม้มาให้ฉันด้วยนะ ไม่นานก็มีผู้หญิงผู้ชายคู่หนึ่งเดินตรงมาที่โต๊ะของพวกเราเมื่อพวกเขาเดินมาถึงคุณทศกับฉันก็รีบยืนขึ้นทักทายทันที "สวัสดีค่ะคุณทศราชรอนานไหมคะ" "สวัสดีครับคุณลดา คุณเอกภพรอไม่นานเลยครับพวกเราเองก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน เชิญนั่งก่อนสิครับ" คุณทศพูดด้วยคำสุภาพน้ำเสียงทุ้มน่าฟังสุด ๆ แต่เดี๋ยวนะรอไม่นานอะไรละนี่มันตั้งครึ่งชั่วโมงเลยนะ "คุณลดากับคุณเอกภพสั่งอะไรก่อนดีไหมครับ" "ไม่ดีกว่าครับพวกเราทานมาแล้ว" "เอ่อ! นี่คือคุณดวงดาวเลขาของผมครับ" ฉันรีบก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพและกล่าวแนะนำตัวอย่างมีมารยาท "งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยนะครับ" พอคุณทศเริ่มพูดฉันก็หยิบแผนโครงการออกมาส่งให้คุณลดากับคุณเอกภพทันที "โครงการนี้คาดว่าจะเปิดพร้อมเข้าอาศัยประมาณสิ้นปีนี้ครับ จะมีบ้านทั้งหมด 25 หลังแบ่งเป็นหลังใหญ่ 10 หลังและบ้านขนาดกลาง 15 หลังครับ ทางเราคาดการงบของโครงการประมาณไว้ไม่เกินหนึ่งพันล้านบาทครับ ตอนนี้จากก
ฉันมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้าและตอนนี้ก็กำลังนั่งคุณทศอยู่ที่ล็อบบี้ ฉันคิดมาตลอดทางว่าฉันจะทำทุกอย่างที่คุณชัชเคยทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผิดต่อความตั้งใจของเขา พอรถของคุณทศมาจอดที่หน้าประตูบริษัทฉันก็รีบเดินไปรอรับเขาทันที ตอนแรกฉันกะว่าจะช่วยเปิดประตูรถให้ด้วยแต่ก็เข้าไปไม่ทันพี่รปภ.ที่ยืนรออยู่ ฉันเลยได้แต่ยืนมองดูด้วยความเสียดายและหลังจากที่คุณทศลงมาจากรถฉันก็ยื่นมืือไปขอกระเป๋าและเอกสารในมือเขาทันที คุณทศมองหน้าฉันแป๊ปนึงก่อนที่จะส่งของทั้งหมดมาให้ ฉันรับมันแล้วเดินตามหลังคุณทศไปติดทๆ ฉันเห็นคุณทศเหล่มองมาที่ฉันหลายครั้งสงสัยคงยังไม่ชินละมั้ง พอประตูลิฟต์เปิดออกฉันก็รีบเดินตามเข้าไปจนเผลอชนเข้ากับหลังของเขาจัง ๆ "ขอโทษค่ะ" ฉันพูดแล้วรีบถอยตัวหนีทันที "เอกสารที่ให้เตรียมพร้อมหรือยัง" "เรียบร้อยแล้วค่ะ" เขาเป็นคนที่เดินเร็วมากไม่รู้ว่าเป็นเพราะขายาวด้วยหรือเปล่าทำเอาฉันที่สับแทบตายก็ยังตามไม่ทันบวกกับมีรองเท้าส้นสูงด้วยแล้วนี่ยิ่งไปกันใหญ่เลย "เดี๋ยวคุณเข้าไปคุยกับผมในห้องด้วยนะ" คุณทศพูดแล้วเปิดประตูเข้าไปห้องให้ฉันเดินเข้าไปก่อน เขาคงเห็นว่าฉันถือของมาเยอะเลยไม่สะดวกเปิดประตู
หลังจากเลิกงานฉันก็ออกมานั่งรอแท็กซี่อยู่ที่หน้าบริษัท "ไปไหนครับ" พี่คนขับถาม "ไปตลาดคุ้มฟ้าค่ะ" "ได้ครับ" เค้ากดมิเตอร์ทันทีก่อนจะขับรถออกไปพอมาถึงตลาดฉันก็รีบหยิบเงินส่งให้พี่คนขับแล้วลงจากรถเพื่อไปหาแม่กับป้าน้อย ปกติหนึ่งวันของบ้านเรานั้นช่วงเช้าแม่กับป้าน้อยจะทำขนมออกมาขายด้วยกันที่ตลาด พอเริ่มสาย ๆ หน่อยคนก็จะซาแล้วป้าน้อยก็จะเดินไปซื้อพวกของสด วัตถุดิบต่าง ๆ ในตลาดเพื่อมาเตรียมทำกับข้าวไว้ขายตอนเย็นต่อเป็นพวกข้าวแกงถุง โชคดีที่ตลาดที่นี่ทำเลดีอยู่ตรงกลางระหว่างโรงงาน โรงเรียน วัดและก็ศาลเจ้าเลยทำให้มีคนเดินพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นวันพระหรือเทศกาลต่าง ๆ นะก็จะยิ่งขายดี ตอนเช้าส่วนใหญ่บ้านเราจะทำเป็นพวกขนมหวานขนมไทยแต่อาจจะมีพวกเค้กกับของหวานอื่นบ้างสลับกันไปมาส่วนช่วงเย็นก็จะเน้นขายพวกกับข้าวถุงซะส่วนใหญ่นอกจากจะมีขนมเหลือจากตอนเช้าบ้างที่จะเขาออกมาขายด้วยแต่รับรองไม่มีขนมค้างคืนแน่นอน ช่วงตอนเย็นกับข้าวร้านเราขายดีมากไม่เคยเหลือเลยสักวันเพราะทั้งถูกและอร่อยๆด้รับการการันตีจากลูกค้าตลอดโดยกลุ่มเป้าหมายหลักของเราจะเน้นไปที่พนักงานโรงงานที่เลิกเพิ่งเลิกงานกัน ช่วง 5-6