"อะไรนะ!!" เสียงของอนุวัฒน์ดังขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทมารายงานข่าวเรื่องที่ดิน ที่เขาเคยยื่นขอเสนอไปแต่ก็ถูกตัดหน้าไปก่อนอย่างหน้าเสียดาย
"คึ...คือคุณลดาเธอบอกว่าเธอนำที่ดินไปลงทุนกับบริษัท KTK แล้วครับ" ดนัยตอบ (ลูกน้องของอนุวัฒน์) "เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเราติดต่อพูดคุยกับคุณลดาไว้ตั้งแต่หลายเดือนแล้วนิว่าเราจะขอซื้อที่ดินตรงนั้นของเธอด้วยเงินสด ทำไมเธอถึงยังปฎิเสธเราได้อีก นี่แกประสานงานยังไงกันแน่ว่ะ" อนุวัฒน์ถามด้วยความโมโห "คือผมทำตามที่คุณอนุวัฒน์สั่งจริงๆ นะครับแต่ผมทราบมาว่าคุณทศราชผู้บริหารคนใหม่ของทางบริษัท KTK ได้ยื่นขอเสนอให้คุณลดาเป็นหุ้นส่วนโครงการใหม่ที่ทางบริษัทนั่นกำลังจะทำขึ้นในอีกไม่ช้าแถมยังให้เปอร์เซ็นที่สูงอีกด้วย เธอก็เลยเกิดลังเลกับข้อเสนอของเราแล้วตกลงเซ็นต์สัญญากับทางนู้นครับ" ดนัยตอบ อนุวัฒน์รู้สึกโกรธยิ่งขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ที่พึ่งจะก้าวเข้าวงการของธุรกิจอย่างทศราชมาชิงตัดหน้าเขาไป เขาติดต่อกับคุณลดามาเป็นเวลานานมากกว่าคุณลดาจะยอมเปิดใจอ่านสัญญาซื้อขายกับเขา เสียทั้งเงินทั้งเวลทไปก็ไม่ใช้น้อยเพื่อซื้อใจฝั่งนั้นแต่กลับมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทลงไปมันช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี "บริษัท KTK พวกมันช่างใจกล้าจริงๆ ที่มาเล่นกับพวกเรา มันยอมเสียผลประโยชน์ตั้งมากมายเพื่อแย่งที่ดินที่เราเล็งไว้...แบบนี้ต้องสั่งสอนมันหน่อยไหมคะ" เสียงผกากรองที่นั่งอยู่ที่โซฟาพูดแทรกขึ้นมาในบรรยากาศอันแสนตึงเครียด "เพราะพวกมันรู้ไงว่าที่ดินตรงนั้นคือขุมทรัพย์พวกมันเลยกล้าเสี่ยง" อนุวัฒน์ตอบแล้วใช้กำปั้นทุบโต๊ะทีนึง "น่าหงุดหงิดจริงๆ ผมอุส่าวางแผนไว้ว่าจะใช้ที่ดินตรงทำสตูดิโอให้เช่าแล้วก็ขยายสาขาร้านจิวเวอรี่ของครอบครัวเราไปอยู่ที่นั่นด้วย" อนุวัฒน์พูดไปโมโหไป สีหน้าของเขาดูโกรธแค้นทศราชสุดๆ "แล้วเราจะเอายังดีคะ" ผกากรองถาม "ผมไม่จบแค่นี้แน่" อนุวัฒน์ตอบ "คุณพ่อขา คุณพ่อ" เสียงสดใสของดวงเดือนที่ร้องตะโกนมาแต่ไกลทำให้ทุกคนหันไปสนใจเธอทันที ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกเผยให้เห็นหญิงวัยรุ่นหน้าตาสวยสมวัยเดินตรงเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม เธอเดินอ้อมมาที่โต๊ะทำงานของอนุวัฒน์แล้วเข้าไปกอดแขนเขาทันที "มีอะไร" อนุวัฒน์ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเนื่องจากลูกสาวตัวดีเข้ามาขัดจังหวะที่เขากำลังคุยงานอยู่ "เดือนอยากไปชอปปิ้งกับเพื่อนๆ น่ะค่ะ" ดวงดาวตอบ "แกจะไปก็ไปสิ! ไม่เห็นหรอว่าพ่อกำลังคุยธุระอยู่" อนุวัฒน์พูด "แต่เดือนไม่มีเงินนิคะ" ดวงเดือนตอบพร้อมกับทำหน้าอ้อนๆ "แล้วเงินที่พ่อให้แกไปสองวันก่อนละ" อนุวัฒน์ถามด้วยความสงสัย "เอ่อ~...คือเดือน...เดือนเอาไปซื้อกระเป๋าหมดแล้วค่ะ" ดวงเดือนหลบสายตาอนุวัฒน์แล้วตอบออกมาเบาๆ อนุวัฒน์มองหน้าลูกสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อเพราะช่วงนี้ดวงเดือนใช้เงินหนักมาก เขาทั้งดุทั้งว่าก็แล้วแต่เธอก็ไม่เคยจำเลย ดวงเดือนค่อยๆ หันหน้ามามองพ่อของเธออีกครั้งเนื่องจากพ่อของเธอนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร "นะ นะคะคุณพ่อขา เดือนขอเงินหน่อยนะคะ คุณพ่อให้เดือนนะคะ เดือนสัญญาเลยว่าถ้าคุณพ่อให้เงินเดือนมาครั้งนี้เดือนจะเชื่อฟังคุณพ่อไม่ดื้อไม่ซนเด็ดขาด" ดวงเดือนรีบอ้อนพ่อของเธออีกครั้งเพราะรู้ว่าต่อให้อนุวัฒน์จะดุแค่ไหนแต่เขาก็รักและตามใจเธอมาตลอดอยู่แล้ว แม้จะไม่อยากให้แต่สุดท้ายเขาก็ทนเสียงอ้อนของลูกสาวไม่ไหวแล้วก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาให้ดวงเดือน "ขอบคุณค่ะ เดือนรักพ่อที่สุดลย" ดวงเดือนพูดแล้วหอมแก้มของอนุวัฒน์ไปหนึ่งทีก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป "คุณไม่จำเป็นต้องตามใจยัยเดือนแบบนี้ก็ได้นะคะ" ผกากรองพูด "ช่างเถอะ เราก็ไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้นเงินแค่นี้ให้ได้ก็ให้ไปเถอะ...เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะดนัย** อนุวัฒน์พูด "ครับ ก็คือ..." ดนัยกำลังจะพูดต่อ ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น "เข้ามา" อนุวัฒน์พูด พนักงานคนนึงเดินเข้ามาพร้อมกับซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่ "บอสครับนี่คือเงินที่บอสบอกให้ผมไปเบิกมาครับ" พนักงานพูดเเล้วนำซองเงินมาวางไว้บนโต๊ะของอนุวัฒน์ "คุณเบิกเงินไปทำอะไรเยอะแยะคะ" ผกากรองถาม อนุวัฒน์ถอนหายใจแล้วหันหน้ามองไปทางอื่น "นี่คุณอย่าบอกนะว่าคุณไปบ่อนมาอีกแล้วอ่ะ" ผกากรองถามด้วยน้ำเสียงโมโห อนุวัฒน์หันหน้ากลับมามองภรรยาที่เดินเข้ามาหาเขา ผมก็แค่ไปผ่อนคลายกับเพื่อนๆ น่ะคุณจะโกรธอะไรนักหนาเนี่ย" อนุวัฒน์ตอบ "ผ่อนคลายหรอ...นี่คุณจะให้ฉันกับลูกฝากชีวิตไว้กับผีพนันหรือไง!! ทำไมคุณไม่เคยเชื่อฉันเลยนะว่าไอ้เรื่องแบบนี้มันไม่มีทางทำให้ใครได้ดีขึ้นมาหรอก...ถ้าวันนึงคุณเล่นจนหมดตัวขึ้นมาพวกเราสามคนจะทำยังไง บริษัทจะทำยังไง" ผกากรองโกรธจนเผลอเสียงดังใส่สามี "มันไม่ขนาดนั้นหรอกหน่า ผมรู้ตัวดีนะว่าทำอะไรอยู่ ครั้งนี้ที่เบิกไปก็เพราะจะเอาไปใช้หนี้รอบก่อนไม่ได้จะไปเล่นซะหน่อย!" อนุวัฒน์ก็ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเช่นกัน "ไหนเอามาดูสิว่าถอนไปกี่บาท" ผกากรองหยิบซองเงินขึ้นมาเปิดดูและทันทีที่เห็นเธอก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ "เนี่ยเหรอแค่ผ่อนคลาย ผ่อนคลายบ้าบออะไรของคุณตั้ง 5 ล้านอ่ะ" เธอปาซองนั้นลงบนโต๊ะทำงานของอนุวัฒน์ "คุณนี่มันจริงๆ เลย!" เมื่อเห็นว่าสามีไม่ตอบอะไรเธอก็เดินไปหยิบกระเป๋าแล้วออกจากห้องไปทันที1 สัปดาห์ต่อมาฉัันยังคงมาทำงานตามปกติเหมือนทุกวันแต่ที่ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็คือการทำงานของฉันดูราบลื่นขึ้นมากและได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อยๆ แถมพนักงานหลายๆ คนก็เริ่มให้ความการเคารพฉันในฐานะเลขาของคุณทศบ้างแล้วจากที่ตอนแรกดูจะตึงๆ และไม่ชอบฉันอย่างเห็นได้ชัด"คุณดาวหลังจากที่ทีมการตลาดได้โฆษณาออกไปผลตอบรับของโครงการหมู่บ้านที่พัทยาเป็นยังบ้าง" คุณทศถาม"ดีมากเลยค่ะคุณทศ ตอนนี้ลูกค้ากำลังให้ความสนใจโครงการของเราเป็นอย่างมากแล้วก็มีสปอนเซอร์รายใหญ่ติดต่อมาหลายบริษัทเลยค่ะ" "งั้นก็ดีแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ" คุณทศพูดจบฉันก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาแล้วมานั่งทำงานของตัวเองต่อเหมือนเดิม พอใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันฉันก็กดสั่งอาหารมาไว้ให้เขาตามปกติก่อนจะลงไปทานมื้อกลางวันของตัวเองที่โรงอาหารโรงอาหารทุกคนนั่งทานอาหารกลางวันและพูดคุยกันถึงปัญหาต่างๆ ในแต่ละวันกันอย่างสนุกสนานมีทั้งเรื่องรถติดบ้าง ทะเลาะกับสามีบ้าง มีปัญหาหากับเพื่อนร่วมงานบ้าง"น้องดาวเย็นนี้ว่างไหมจ๊ะ" พี่เจนถามก็ว่างนะคะพี่เจน พอดีดาวไม่ได้มีงานด่วนอะไรด้วย" ฉันตอบงั้นน้องดาวไปกับพวกเราไหม" พี่เจนถาม"พวกพี
"อะไรนะ!!" เสียงของอนุวัฒน์ดังขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทมารายงานข่าวเรื่องที่ดิน ที่เขาเคยยื่นขอเสนอไปแต่ก็ถูกตัดหน้าไปก่อนอย่างหน้าเสียดาย"คึ...คือคุณลดาเธอบอกว่าเธอนำที่ดินไปลงทุนกับบริษัท KTK แล้วครับ" ดนัยตอบ (ลูกน้องของอนุวัฒน์)"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเราติดต่อพูดคุยกับคุณลดาไว้ตั้งแต่หลายเดือนแล้วนิว่าเราจะขอซื้อที่ดินตรงนั้นของเธอด้วยเงินสด ทำไมเธอถึงยังปฎิเสธเราได้อีก นี่แกประสานงานยังไงกันแน่ว่ะ" อนุวัฒน์ถามด้วยความโมโห"คือผมทำตามที่คุณอนุวัฒน์สั่งจริงๆ นะครับแต่ผมทราบมาว่าคุณทศราชผู้บริหารคนใหม่ของทางบริษัท KTK ได้ยื่นขอเสนอให้คุณลดาเป็นหุ้นส่วนโครงการใหม่ที่ทางบริษัทนั่นกำลังจะทำขึ้นในอีกไม่ช้าแถมยังให้เปอร์เซ็นที่สูงอีกด้วย เธอก็เลยเกิดลังเลกับข้อเสนอของเราแล้วตกลงเซ็นต์สัญญากับทางนู้นครับ" ดนัยตอบ อนุวัฒน์รู้สึกโกรธยิ่งขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ที่พึ่งจะก้าวเข้าวงการของธุรกิจอย่างทศราชมาชิงตัดหน้าเขาไป เขาติดต่อกับคุณลดามาเป็นเวลานานมากกว่าคุณลดาจะยอมเปิดใจอ่านสัญญาซื้อขายกับเขา เสียทั้งเงินทั้งเวลทไปก็ไม่ใช้น้อยเพื่อซื้อใจฝั่งนั้นแต่กลับมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่เ
ฉันค่อยๆ นั่งลงตามที่คุณทศสั่ง"คุณทศจะไม่กลับบริษัทหรอคะ" ฉันถาม"ผมหิวข้าวน่ะ" คุณทศตอบ ฉันตกใจรีบยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาทันทีถึงได้รู้ว่านี่มันเลยเวลาอาหารกลางวันของคุณทศมานานแล้ว"โอ้! จริงด้วย ดาวขอโทษนะคะที่ไม่ได้สั่งอาหารกลางวันมาให้คุณทศ" ฉันพูด"เราอยู่กันที่ร้านอาหารนะไม่ใช่บริษัท ถึงคุณจะสั่งอะไรมาให้ผมผมก็กินไม่ได้อยู่แล้วป่ะ" คุณทศตอบ"ดาวขอโทษค่ะ" ฉันมัวแต่ลนจนทำขายหน้าคุณทศอีกแล้ว"อยู่กับผม คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรที่ไม่ได้ทำผิด เข้าใจไหม! ได้ยินทีไรล่ะรู้สึกหงุดหงิดทุกที" คุณทศพูด"ขอโท- " ฉันกำลังจะเผลอพูดคำนั้นออกมาอีกครั้งแล้วแต่ก็เจอเข้ากับสายตาที่มองมาอย่างดุๆ ก็เลยชะงักไปก่อน"เอ่อ~...รับทราบค่ะ" ฉันตอบ"แล้วนี่คุณไม่หิวหรือไง" คุณทศถาม"ดาวว่าจะกลับไปทานที่บริษัทค่ะ" ฉันตอบ"นี่มันจะบ่ายสองแล้วกว่าจะไปถึงบริษัทก็เกือบเลิกงานพอดี ผมทนไม่ไหวหรอกนะ" คุณทศตอบแล้วยกมือเรียกให้พนักงานมารับออร์เดอร์"คุณอยากกินอะไรก็สั่งเลยนะเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง" คุณทศพูดแล้วลงไปดูเมนูอาหาร ฉันรับเมนูจากพนักงานมาเปิดดูก็ถึงกับอึ้งไปเลย ไม่รู้ทำไมอาหารทุกอย่างมันถึงได้แพงขนาดนี้ ราคาอาหาร
ฉันกับคุณทศมาถึงร้านได้ประมาณ 30 นาที แล้ว ฉันนั่งอยู่ข้างๆคุณทศได้แต่เงียบไม่กล้าพูดอะไร คุณทศสั่งน้ำผมไม้มาให้ฉันระหว่างที่นั่งรออยู่ ฉันก็เห็นว่ามีผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งเดินตรงมาที่โต๊ะของพวกเราเมื่อพวกเขาเดินมาถึงคุณทศกับฉันก็รีบยืนขึ้นทันที "สวัสดีค่ะคุณทศราชรอนานไหมคะ" คุณลดาถาม "สวัสดีครับคุณลดา คุณเอกภพ รอไม่นานเลยครับพวกเราเองก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน เชิญนั่งก่อนสิครับ" คุณทศพูดด้วยคำสุภาพน้ำเสียงทุ้มน่าฟังสุดๆ แต่เดี๋ยวนะรอไม่นานอะไรละนี่มันตั้งครึ่งชั่วโมงเลยนะ"คุณลดากับคุณเอกภพสั่งอะไรก่อนดีไหมครับ" "ไม่ดีกว่าครับพวกเราทานมาแล้ว" "เอ่อ! นี่คือคุณดวงดาวเลขาของผมครับ" ฉันรีบก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพและกล่าวแนะนำตัวอย่างมีมารยาท "งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยนะครับ" พอคุณทศเริ่มพูดฉันก็หยิบแผนโครงการออกมาส่งให้คุณลดากับคุณเอกภพทันที "โครงการนี้คาดว่าจะเปิดพร้อมเข้าอาศัยประมาณสิ้นปีนี้ครับ จะมีบ้านทั้งโครงการทั้งหมด 25 หลังใหญ่ 10 หลังและบ้านขนาดกลาง 15 หลังครับ ทางเราคาดการงบของโครงการประมาณไว้ไม่เกินหนึ่งพันล้านบาทครับ ตอนนี้จากการคำนวณของทางบริษัทบ้านหลังใหญ่เราจะได้กำไร
ฉันมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้าและตอนนี้ก็กำลังนั่งคุณทศอยู่ที่ล็อบบี้ ฉันคิดมาตลอดทางว่าฉันจะทำทุกอย่างที่คุณชัชเคยทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผิดต่อความตั้งใจของเขา พอรถของคุณทศมาจอดที่ประตูหน้าบริษัทฉันก็รีบเดินไปรอรับเขา ตอนแรกฉันกะว่าจะช่วยเปิดประตูรถให้แต่ก็เข้าไปไม่ทันพี่รปภ.ที่ยืนรออยู่ ฉันเลยได้แต่ยืนมองดูด้วยความเสียดาย ทันทีที่คุณทศลงจากรถฉันก็ยื่นมืือไปขอกระเป๋าและเอกสารในมือเขาทันที คุณทศมองหน้าฉันแปปนึงก่อนที่จะส่งของทั้งหมดมาให้ ฉันรับมันแล้วเดินตามหลังคุณทศไปติดๆ ฉันเห็นคุณทศเหล่มองมาที่ฉันหลายครั้งสงสัยคงยังไม่ชินละมั้ง พอประตูลิฟต์เปิดออกฉันก็รีบเดินตามเข้าไปจนเผลอชนเข้ากับหลังของเขาจังๆ "ขอโทษค่ะ" ฉันพูดแล้วรีบถอยตัวหนีทันที"เอกสารที่ให้เตรียมพร้อมหรือยัง" คุณทศถาม"เรียบร้อยแล้วค่ะ" ฉันตอบ ฉันพูดจบคุณทศเดินออกไปเลย เขาเป็นคนที่เดินเร็วมากไม่รู้ว่าเป็นเพราะขายาวด้วยหรือเปล่าทำเอาฉันที่สับแทบตายก็ยังตามไม่ทันบวกกับมีรองเท้าส้นสูงด้วยแล้วนี่ยิ่งไปกันใหญ่"เดี๋ยวคุณเข้าไปคุยกับผมในห้องด้วยนะ" คุณทศพูดแล้วเปิดประตูเข้าไปห้อง ฉันวางของของคุณทศลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วเดินอ้อมไป
หลังจากเลิกงานฉันก็ออกมานั่งรอแท็กซี่อยู่ที่หน้าบริษัท"ไปไหนครับ" พี่คนขับถาม"ไปตลาดคุ้มฟ้าค่ะ" ฉันตอบ "ได้ครับ" เค้าตอบฉันแล้วกดมิเตอร์ทันที พอมาถึงตลาดฉันก็รีบหยิบเงินส่งให้พี่คนขับแล้วลงจากรถเพื่อไปหาแม่กับป้าน้อยในตลาด ปกติหนึ่งวันของบ้านเราช่วงเช้้าแม่กับป้าน้อยจะทำขนมออกมาขายด้วยกัน พอสายๆ หน่อยคนเริ่มซาแล้วป้าน้อยก็จะเดินไปซื้อพวกของสดในตลาดเพื่อมาเตรียมไว้ทำพวกข้าวแกงมาขายตอนเย็น โชคดีที่ตลาดที่นี่ติดกับโรงงาน โรงเรียน วัดและก็ศาลเจ้าเลยทำให้มีคนเดินพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นวันพระพวกเราก็จะทำขนมและกับข้าวถุงมาแต่เช้าเลย ถึงอย่างนั้นก็ยังขายหมดเร็วมาก ส่วนตอนเย็นก็จะเน้นขายไปที่พนักงานโรงงานที่เลิกค่ำๆ หน่อยเพราะตลาดคุ้มฟ้าของเราจะเปิดตั้งแต่ตี 5 ครึ่งถึง 3 ทุ่มเลย ฉันเดินเข้าที่แผงของเราก็เห็นคนกำลังมาต่อคิวซื้อกับข้าวของเราเต็มเลย แม่ฉันจะคอยหยิบกับข้าวใส่ถุง รับเงินทอนเงินส่วนป้าน้อยก็ตักกับข้าวใส่ถุงมัดยางวางใส่ถาดไว้ให้แม่ ตอนนี้ทั้งสองคนดูยุ่งมากเลยฉันก็เลยรีบเข้าไปช่วยทันที"มาเลยจ้าๆ อร่อยทุกอย่างเลยนะคะ" ฉันพูดพร้อมกับเอากระเป๋าไปวางไว้ข้างหลังแผง "อ้าว เล