หลินมู่อิงมีโอกาสกลับไปเกิดใหม่ใน ปี1976 เพื่อแก้ไขชีวิตในอดีตของเธอ เพื่อช่วยชีวิตสามีที่ป่วยตายตั้งแต่ยังหนุ่มการกลับมาครั้งนี้ของเธอ ทันทีที่เกิดใหม่หลินมู่อิงได้ตัดสัมพันธ์กับครอบครัว ในชาตินี้เธอเกิดมาพร้อมกับมิติวิเศษหรือที่เรียกกันว่าพื้นที่หลิงฉวนที่มีบ่อน้ำพุจิตวิญญาณขนาดใหญ่ หลังจากได้กลับมาเกิดใหม่ในชีวิตนี้ หลินมู่อิงตั้งใจว่าจะต้องตามจีบสามีของเธอให้ได้และจับเขาเอาไว้ให้มั่น ในชาติที่แล้วเธอและเขาแต่งงานกันได้เพียงสามปี สามีก็มาด่วนจากไปทิ้งเธอเอาไว้คนเดียวพร้อมกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รักและครอบครัวเพียงคนเดียวที่มีอยู่ หลังจากผ่านพ้นความเสียใจเธอได้มุ่งมั่นเรียนแพทย์อย่างหนักเพื่อรักษาผู้คนจนในวันสุดท้ายของชีวิต หลินมู่อิงไม่เคยคิดว่าเธอจะได้มีโอกาสมาเกิดใหม่อีกครั้ง ในเมื่อพระเจ้าอวยพรให้เธอและให้โอกาสเธอได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ก่อนที่เรื่องเลวร้ายจะเกิดขึ้น หลินมู่อิงตั้งใจเอาไว้ว่าเธอจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตสามีของเธอเอาไว้และจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า การเกิดใหม่ครั้งนี้ของหลินมู่อิงกับภารกิจหลักไล่ตามสามีได้เริ่มขึ้นในหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง
View More14 เมษายน 2025 เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน โรงพยาบาลประชาชนแห่งแรกภายในห้องผู้ป่วยสีขาวสะอาดตา มีหญิงชราที่มีใบหน้าเหนื่อยล้านอนอยู่บนเตียงนิ้วมือที่เหี่ยวๆ ลูบรูปถ่ายขาวดำเก่าๆ ที่ขาดรุ่งริ่งจะเห็นได้ว่าเธอดูและสัมผัสรูปภาพนี้นับครั้งไม่ถ้วนภาพถ่ายที่มีชายและหญิงนั่งเคียงข้างกัน
หลินมู่อิงยังจำได้ว่ารูปนี้ถ่ายเมื่อช่วงฤดูร้อนปี 1984 ผู้หญิงในรูปอายุ 25 ปี และผู้ชายอายุ 30 ปี รูปนี้ถ่ายไว้ตอนไปขอใบทะเบียนสมรส ผู้ชายในรูปมีใบหน้าหล่อเหลาและเป็นคนอบอุ่นมาก แต่ชีวิตของเขาช่างแสนสั้น เขาจากเธอไปในช่วงฤดูหนาวปี 1987ส่วนใบหน้าของผู้หญิงกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและมีความสุข
“โจวอี้หมิง ดูเหมือนว่าฉันจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วสามสิบเจ็ดปี สามสิบเจ็ดปีที่ไม่มีคุณ ฉันได้พยายามอย่างหนักเพื่อจะใช้ชีวิตอย่างดีฉันได้ช่วยชีวิตคนมาแล้วเป็นหมื่นๆ คน แต่ฉันไม่มีโอกาสได้ช่วยคุณเลยฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน มากเหลือเกิน เหลือเกิน...”
ดวงตาของหญิงชราที่ยังแจ่มใสอยู่ กลับพร่ามัวลงอย่างกะทันหันเนื่องมาจากน้ำตาที่ไหลรินออกมเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการตรวจหาสัญญาณชีพก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติในที่สุด
“ศาสตราจารย์หลิน!”
ในขณะนี้ ทุกคนในห้องผู้ป่วยต่างตกอยู่ในความโศกเศร้าอย่างรุนแรง ศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ของชาติ อัจฉริยะด้านการแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ได้หมดลมหายใจไปอย่างสิ้นเชิงในขณะนี้
...
“หลินมู่อิง! ฉันกำลังพูดกับเธออยู่ เธอได้ยินไหม ถ้าเธอไม่ยอมไปชนบทแทนพี่ชาย ฉันจะให้เธอแต่งงานทันที ฉันหาสามีเอาไว้ให้เธอแล้ว มีคนหนึ่งในมณฑลถัดไปที่ยินดีจะจ่ายสินสอด 200 หยวนและกำลังรอที่จะแต่งงานกับเธออยู่ ถึงเขาจะมีลูกสองคนแล้ว แม้ว่าขาและเท้าของเขาจะไม่คล่องแคล่วมากนัก แต่เขาก็เป็นคนซื่อสัตย์และมีศีลธรรมที่สำคัญเขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอใสนตอนนี้”
สินสอดสองร้อยหยวน ในปี1976 นั้นถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก ถ้าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พ่อม่ายที่มีลูกติดถึงสองคนและผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนพิการ ถ้าหากว่าหลินมู่อิงไม่ใช่คนที่หน้าตาสวยและอายุน้อยแบบนี้ เขายังจะยินดีจ่ายเงินสินสอด 200 หยวนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หากหลินมู่อิงไม่ยอมไปชนบทแทนจางจิ้งผิงเกรงว่าซูเนี่ยนเจินคงจะขายเธอให้กับพ่อหม้ายในราคา200 หยวนเมื่อหลินมู่อิงได้ยินเสียงแหลมๆของซูเนี่ยนเจินที่ดังข้างๆเธอ จิตสำนึกของหลินมู่อิงที่ยังไม่ชัดเจนนักก็ค่อยๆกลับมาชัดเจนอีกครั้งเมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นห้องเล็ก ๆ ที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม้เรียบง่าย ผนังที่เดิมปกคลุมไปด้วยหนังสือพิมพ์เก่าๆ จนกลายเป็นสีเหลืองเข้มตามกาลเวลา
ในเวลานี้ หลินมู่อิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆ ที่พิงอยู่กับผนัง ในขณะที่ ซุเนี่บยนเจินกำลังชี้นิ้วไปที่เธอ และด่าทอสาปแช่งเสียงดังจนหลินมู่อิงรู้สึกรำคาญ หลินตงพ่อของหลินมู่อิงกำลังนั่งดูดบุหรี่อยู่ข้างโต๊ะรับประทานอาหาร โดยไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย มีกาน้ำชาเก่าๆวางอยู่บนโต๊ะไม้ ข้างในเต็มไปด้วยใบชาราคาถูกและมีไอน้ำกำลังพวยพุ่งออกมา บนปฏิทินใกล้ประตูระบุว่าเป็น ปี 1976 สีแดงอันสะดุดตาได้กระตุ้นหัวใจของหลอนมู่อิง ทันมใดนั้นความทรงจำเก่าๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอทันที
“นี่ฉัน…เกิดใหม่อีกแล้วใช่ไหม? กลับไปในยุคปี 1976 ที่ผู้คนถูกบังคับให้ออกไปอยู่ชนบทในชีวิตก่อนของเธอ แม่ของหลินมู่อิงเสียชีวิตเมื่อเธออายุได้ 8 ขวบ เธอจำได้ว่าเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง และน้ำในแม่น้ำที่เย็นยะเยือกได้กลืนกินชีวิตของแม่ของเธอไป ในปีนั้นเธอได้กลายเป็นเด็กกำพร้าแม่ สองเดือนต่อมา พ่อของเธอก็แต่งงานกับซูเนี่ยนเจิน
ซูเนี่ยนเจินเป็นหญิงม่ายจากหมู่บ้านเดียวกันและมีลูกชายชื่อจางจิงผิงซึ่งอายุมากกว่าเธอหนึ่งปี ต่อมาซูเนี่ยนเจินให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวให้พ่อของเธอ ต่อหน้าคนนอก ซูเนี่ยนเจินทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาหน้าตาของเธอ เพื่อไม่ให้ใครล่วงรู้ในสิ่งที่นางปฏิบัติต่อหลินมู่อิง
ที่บ้าน หลินมู่อิงมักจะถูกเธอปฏิบัติเหมือนคนรับใช้และถูกเธอทุบตีอยู่เสมอ หากหลินมู่อิงทำอะไรบางอย่างที่ซูเนี่ยนเจินไม่พอใจ เธอจะทุบตีหลินมู่อิงอย่างโหดเหี้ยม แต่ซูเนี่ยนเจินนั้นเป็นคนฉลาดมาก เธอลงมือทุบตีหลินมูอิงในที่ที่สามารถปกปิดได้ด้วยเสื้อผ้า และหลินมู่อิงนั้นเกินกว่าจะบอกคนอื่น
เธออดทนกับเรื่องนี้มาโดยตลอด จนกระทั่งปี1976 เมื่อซูเนี่ยนเจินบังคับหัเธอไปที่ชนบทแทนลูกชายของเธอ พี่ชายที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน พี่ชายที่เป็นลูกติดแม่เลี้ยงอย่างวูเนี่ยนเจินมา หลินมู่อิงเริ่มทำงานในโรงงานเสื้อผ้าตั้งแต่อายุสิบหกปี โดยได้รับค่าจ้างเดือนละยี่สิบหยวน ตราบใดที่คนหนุ่มสาวมีงานประจำอย่างเป็นทางการ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปชนบท
เนื่องจากน้องชายและน้องสาวของเขายังเด็กอยู่ ภารกิจในการไปชนบทจึงตกอยู่ที่จางจิ้งผิง ในวันปกติเขาไม่มีงานทำและอยู่ว่างงานตลอดทั้งวัน แบบนี้แล้วเขาจะยอมไปทำงานหนักในชนบทได้อย่างไรกัน?
ดังนั้น ซูเนี่ยนเจิน จึงบังคับให้หลินมู่อิง ไปที่ชนบทแทนจางจิ้งผิงและด้วยวิธีนี้ งานของหลินมู่อิงในโรงงานเสื้อผ้าจึงสามารถขายเป็นเงินได้ ต้องบอกว่าแม่เลี้ยงของเธอเก่งเรื่องการคำนวณมาก ในชีวิตก่อนหน้านี้ หลินมู่อิง ตกลงที่จะไปชนบทเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับผู้ชายหย่าร้างที่มีขาพิการ โชคดีที่เธอฉลาดพอที่จะขายงานของเธอที่โรงงานเสื้อผ้าก่อนที่จะลาออก
เธอขายมันไปในราคา 200 หยวน แล้วออกเดินทางไปยังชนบทพร้อมกับเงินและตั๋วไม่กี่ใบที่เก็บสะสมจากการประหยัดเมื่อก่อน หากประหยัดเงินได้200หยวน ก็จะสามีรถใช้ชีวิตอย่างไม่ลำบากมากนักในชนบท
ขณะที่หลินมู่อิง ทำงานแลกแต้มคะแนนอยู่ในชนบท ก็มีข่าวการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง
ด้วยความพยายามของตนเองและรากฐานการเรียนรู้ในอดีต หลินมู่อิงสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในที่สุดในตอนที่เธอกลับเข้าเมืองเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย แม่เลี้ยงอย่างซูเนี่ยนเจินก็บีบบังคับให้หลินมู่อิงมอบจดหมายตอบรับการเข้ามหาวิทยาลัยให้กับลูกชายของเธอ เมื่อหลินมู่อิงไม่ยอม แม่เลี้ยงจึงได้วางยาเธอ จากนั้นก็ส่งเธอให้กับพวกค้ามนุษย์
ปรากฏว่าคนที่ซื้อเธอไปมีอาการทางจิต เขาชอบทรมานเด็กสาวโดยการเฆี่ยนตีจนทำให้หลินมู่อิงมีรอยแผลเป็นทั้งตัว เมื่อเธอสามารถหลบหนีออกมาได้แต่ทว่ากลับไม่สามารถหนีพ้นแม่เลี้ยงของเธอได้ ซูเนี่ยนเจินถึงกับให้พวกอันธพาล100 หยวนเพื่อให้พวกนักเลงจับหลินมู่อิงไปขังเอาไว้และอย่าให้หลุดออกมาได้อีก เพื่อที่จะให้ลูกชายของเธอสามารถไปเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยได้อย่างราบรื่น
หลินมู่อิงถูกพวกอันธพาลขังไว้ในห้องเก็บของที่มืดมิด เธอต้องทนทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจจากพวกอันธพาลทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อคนร้ายถูกจับได้ว่าก่ออาชญากรรม เธอก็หนีออกจากสถานที่อันมืดมิด สกปรก และน่าขยะแขยงแห่งนั้นได้ จากนั้นฉันก็ได้พบกับ โขวอี้หมิง อีกครั้ง ผู้ชายคนเดียวในหมู่บ้านหลี่เจียที่เคยมอบความอบอุ่นให้กับเธอในขณะที่เธออยู่ชนบท
แต่ในเวลานั้น หลินมู่อิงสูญเสียความหวังในชีวิตไปแล้ว ร่างกายและจิตใจของเธอพังทลายจนไม่อาจจดจำได้ เธอไม่ต้องการที่จะยอมรับใครอีกแล้ว แม้ว่าร่างกายของเธอไม่ได้ถูกละเมิด แต่เธอกลับ... รู้สึกขยะแขยงเมื่อเห็นผู้ชาย
เป็นเวลาสองปีที่ โจวอี้หมิง ดูแลหลินมู่อิง และทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้เธอหายดีกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง มันทำให้เธอเริ่มยอมรับทุกสิ่งรอบตัวและจุดประกายความหวังในการมีชีวิตอยู่ของเธอขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลานั้น โจวอี้หมิงเปรียบเสมือนแสงสว่างที่พร่างพราย คอยส่องสว่างให้กับโลกที่มืดมิด และสิ้นหวังของเธอ
ในปี 1984 โจวอี้หมิงขอเธิแต่งงานไม่ใช่ว่าเธอไม่ยินดีแต่งงานกับเขา แต่กลัวว่าเธอจะเป็นตัวถ่วงที่จะฉุดรั้ง โจวอี้หมิง เช่นกัน เนื่องจากเขาประสบความสำเร็จในอาชีพการงานแล้วในเวลานั้น โจวอี้หมิง วัย 30 ปีดูเป็นผู้ใหญ่และมั่นคง การกรนะทำทุกอย่างของเขาเป็นระเบียบเรียบร้อยและเหมาะสม
หลินมู่อิงซึ่งเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ จะเป็นคนที่คู่ควรกับเขาได้อย่างไร? จนในที่สุดเขาบอกว่าเขาตกหลุมรักเธออย่างลึกซึ้งตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเธอเขาได้รอคอยเธอมานาน
เมื่อมองไปที่ดวงตาของโจวอี้หมิงที่เต็มไปด้วยความรักที่มีต่อเธอ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำเพื่อตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมาเธอจึงตัดสินใจรับข้อเสนอของโจวอี้หมิงและตกลงแต่งงานกับเขา ช่วงเวลาหลังแต่งงานเป็นวันที่มีความสุข มั่นคงที่สุด และสนุกสนานที่สุดในชีวิตของหลินมู่อิง
แต่ทว่าน่าเสียดายที่เชือกป่านมักจะขาดตรงส่วนที่บางที่สุดเสมอ และความโชคร้ายมักจะมีมากกกว่าความโชคดีในชีวิตของหลินมู่อิง
หลิวอิ๋งดูโง่กว่าที่หลินมู่อิงคิดเอาไว้เสียอีก จากท่าทีร้อนรนของหลิวอิ๋ง หลินมู่อิงก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้หลิวอิ๋งกลัวมากแค่ไหน หลิวอิ๋งกลัวว่าหานเฟยเซียนจะทำผิดพลาดและสิ่งที่เกิดขึ้นจะเชื่อมโยงมาที่เธอ“หลิวจื้อชิง หานจื้อชิงพูดไม่ได้หลังจากตื่นนอน คุณรู้ได้ยังไงว่ากินเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ? เป็นไปได้ไหมว่าคุณให้ยาปลุกอารมณ์ทางเพศกับหานจื้อชิง มันเป็นยาสำหรับหมูนะ ยาสำหรับสัตว์ ถ้าเธอให้ยานี้กับคน คนที่กินเข้าไปก็จะป่วย”หลินมู่อิงยืนกอดอกเธอยืนไม่ไกลจากเจี้ยงอ้ายกั๋วเพื่อรอดูการแสดงดีๆ“คุณ... อย่าพูดไร้สาระ คุณมีหลักฐานอะไรที่จะพูดอย่างนั้น? คุณเชื่อฉันไหม... ฉันจะฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท!”ในความเป็นจริงหลิวอิ๋งต้องการที่จะพูดหมิ่นประมาท แต่คำนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่สาธารณชนในยุคนี้เจียงอ้ายกั๋วเห็นปฏิกิริยาของหลิวอิ๋งตอนนี้ และรู้สึกว่าสมองของหลินมู่อิงฉลาดใช้ได้และเธอก็คิดเหมือนกับเขา“ฉันแค่เดา อย่าตื่นเต้นไป” หลินมู่อิงพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย“ความสงสัยที่สมเหตุสมผล ถ้าคุณบอกว่าไม่ใช่ ก็แสดงว่าไม่ใช่”หลิวอิ๋งกัดฟันกรามเมื่อเห็นท่าทางของหลินหมู่อิง สำหรับหลิวอิ๋
หานเฟยเซียนที่เพิ่งตื่น เธอรู้สึกเจ็บตรงคอ ศีรษะ หลอดลม และท้อง เธอมีอาการมึนงงไปชั่วขณะแต่หานเฟยเซียนก็จำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ทีละเล็กทีละน้อยเธอถูกถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ทั้งสิ่งที่หลู่เหวินชิงทำกับเธอ แม้กระทั่งสิ่งที่เธอพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำหรือแม้แต่สิ่งที่หลู่เหวินชิงทำกับเธออย่างแรงหานเฟยเซียนเอามือปิดหน้าเธอไว้ด้วยความเขินอาย เมื่อเธอปล่อยมือออก เธอยังคงมีความเขินอายหลงเหลืออยู่ถ้าเธอรู้ว่าเมื่อคืนนี้เธอทำอะไรต่อหน้าผู้ชายมากมาย เธอคงตายเพื่อหนีความอับอายเป็นแน่แน่นอนว่าด้วยบุคลิกของหานเฟยเซียน เธอคงไม่ตายจริงๆ แต่ก็ยากที่จะบอกได้ว่าเธอเกลียดหลู่เหวินชิงกับหลิวอิ๋งหานเฟยเซียนวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันอย่างรอบคอบ เดิมทีเธอต้องการแต่งงานกับหลู่เหวินชิงเพราะเธอรู้สึกว่าหลู่เหวินชิงเป็นคนที่เธอชอบ ไม่ว่าเขาจะมาจากครอบครัวไหน รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรหานเฟยเซียนคิดมานับครั้งไม่ถ้วนว่าถ้าหลู่เหวินชิงดีกับเธอและคบกับเธอได้ เธอคงโชคดีมาก อย่างไรก็ตามเขาใช้กลวิธีดังกล่าวเพื่อเอาตัวเธอมา และเขายังโยนเธอทิ้งแบบนี้อีกด้วย มีอะไรผิดปกติกับ หลู่เหวินชิง หรือไม่?หลิวอิ๋งได้สังเกตการแสดงออกข
ในความเข้าใจของหลู่เหวินชิงเขารู้ว่าเลขาธิการหมู่บ้านไม่ใช่คนที่คุยด้วยง่าย เจียงอ้ายกั๋วไม่ใช่คนโง่ที่จะสามารถหลอกลวงเขาได้ง่ายๆ“เล่าให้ฉันฟังหน่อยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น” เจียงอ้ายกั๋วถามหลู่เวินชิงด้วยท่าทีจริงจังหลินมู่อิงยังล้างจานอยู่ตอนนี้ และนำน้ำสามถ้วยมาส่งให้เจียงอ้ายกั๋วและชาวบ้านสองคน เจียงอ้ายกั๋วขอบคุณเธอโดยบอกว่าเธอเป็นเด็กสาวที่ได้รับการศึกษาที่ค่อนข้างเอาใจใส่หลังจากนำน้ำมาให้แล้วหลินมู่อิงก็ไม่รีบออกไปในทันที เธอเพียงแต่พิงตู้ข้างๆ รอชมการแสดงของหลู่เหวินเมื่อหลู่เหวินชิงมองเห็นหลินมู่อิงจากหางตาทันใดนั้นลมหายใจของเขาก็ถี่ขึ้นเขาสับสนเล็กน้อย เดิมทีหลิวอิ๋งและเฉียนจุนจะต้องพาหลินมู่อิงไปที่บ้านร้างท้ายหมู่บ้าน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับหานเฟยเซียน?นอกจากนี้เมื่อคืนที่ผ่านมาหลู่เหวินชิงก็ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย และได้ให้ยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศแก่หานเฟยเซียนเพื่อใช้ในการผสมพันธุ์หมูโดยตรงหลู่เหวินชิง ยังตำหนิตัวเองเล็กน้อยอีกด้วย โดยตำหนิตัวเองที่ไม่ได้ยืนยันเรื่องนี้ให้มากกว่านี้ในตอนนั้นหากเขาสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้เมื่อคืนนี้ บางทีหลินมู่อิงอาจถูกเขาจัดการเสียแล้ว ค
เธอแค่ต้องทำงานหนักเพื่อให้ได้แต่งงานกับโจวอี้หมิง ส่วนที่เหลือดูไม่สำคัญเท่าไหร่ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถขัดขวางเธอได้ หลิวอิ๋งมั่นใจว่าจะสามารถแต่งงานกับโจวอี้หมิงได้แน่นอนในอนาคต“งั้นก็จำไว้ว่า เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านและเลขาธิการหมู่บ้านมาถึง คุณต้องยืนกรานว่าคุณกับหานเฟยเซียนกำลังคบหากัน และคุณจะไปขอทะเบียนสมรสในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” “ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่พวกคุณสองคนจะรอดตัวไปได้ มิฉะนั้น หากคุณถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานเป็นอันธพาล ชีวิตของคุณจะพังทลายลงจริงๆ” หลิวอิ๋งหยิบชามโจ๊กที่หลู่เหวินชิงดื่มหมดแล้วขึ้นมาเตือนเขาอีกครั้งหลู่เหวินชิงโบกมือและบอกให้หลิวอิ๋งออกไป หลู่เหวินชิงบอกว่าเขารู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร หลิวอิ๋งพยักหน้าและออกจากห้องไปหลังจากที่หลิวอิ๋งออกไปแล้วหลู่เหวินชิงนอนหงายบนคังดินของเขา ตอนนี้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดทั่วร่างกายของเขา เขาเคยประสบกับอาชญากรรมเช่นนี้เมื่อไหร่กันตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ เขาอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหนือกว่าเสมอมา และมีคนอิจฉาเขาอยู่ทุกที่แต่ตอนนี้เขาถูกตีอย่างหนักเพราะเขานอนกับผู้หญิงหลู่เหวินชิงย่อมไม่ปล่อยให้หลิวอิ๋งได้อยู่อย่างสบาย
เมื่อได้ยินเช่นนี้เธอก็รีบเดินไปรินน้ำให้หลู่เหวินชิง ไม่สำคัญว่าจะเป็นแก้วของใคร หลู่เหวินชิงลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบากเล็กน้อย หยิบแก้วจากมือของหลิวอิ๋ง และดื่มน้ำจนหมดในอึกเดียว"เธอ เป็นเพราะเธอทั้งหมด" หลังจากดื่มน้ำแล้ว หลู่เหวินชิงรู้สึกว่าลำคอของเขาดีขึ้นเล็กน้อยในเวลานี้ เขาจ้องมองหลิวอิ๋งที่อยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าโกรธแค้น หลิวอิ๋งรีบขอโทษด้วยรอยยิ้มทันทีจากนั้นจึงพูดว่า"เป็นเฉียนจุนที่มองไม่เห็นคนคนนั้นอย่างชัดเจนในตอนกลางคืน ดังนั้นเขาจึงพาคนผิดไปที่นั่น แต่ตำแหน่งนั้นชัดเจนว่าเป็นตำแหน่งของหลินมู่อิง ฉันไม่รู้ว่าทำไมกลายเป็นหานเฟยเซียนกำลังนอนหลับอยู่ตรงนั้นคุณเองก็ไม่ได้ระวัง คุณเองที่ประมาทเกินไปจนคนในหมู่บ้านค้นพบ"หลิวอิ๋งพูดสิ่งที่เธอต้องการจะพูดออกมาราวกับเทถั่ว หลู่เหวินชิงถูกขัดขวางโดยสิ่งที่หลิวอิ๋งพูดอยู่พักหนึ่งเมื่อเห็นว่าหลูเกวินชิงไม่สามารถตอบโต้ได้เช่นนี้ เธอก็รีบพูดต่อทันที“อีกไม่นาน ฉันกลัวว่าหัวหน้าหมู่บ้านและเลขาธิการพรรคหมู่บ้านจะเข้ามา สิ่งที่คุณทำเมื่อคืนเป็นเรื่องใหญ่”
หลิวอิ๋งคิดว่าเนื่องจากเธอจะอยู่กับโจวอี้หมิง เธอน่าจะมีเงิน ดังนั้นการให้เงินพวกเขาเพิ่มขึ้นเพื่อทำให้พวกเขาเงียบปากจึงเป็นเรื่องดีเมื่อเธอแต่งงานกับโจวอี้หมิงในอนาคตและมีสถานะและตำแหน่งก็คงจะดีหากจะหาวิธีกำจัดหลู่เหวินชิงให้หมดสิ้นชีวิตก่อนหน้านี้ของหหลิวอิ๋งถูกทำลายโดยลู่เหวินชิง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วเธอคงไม่ต้องการให้หลู่เหวินชิงได้ดีเธอต้องการเหยียบหลู่เหวินชิงจมดินและวิ่งไล่ตามโจวอี้หมิงเท่านั้นหลินมู่อิงมองดูท่าทางบนใบหน้าของหลิวอิ๋งและรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ถูกหลอกแล้ว หลู่เหวินชิงและหานเฟยเซียนไม่ได้สบายดี ดังนั้นพวกเขาจึงสร้างปัญหาให้กับหลิวอิ๋งเป็นธรรมดาหลิวอิ๋งมีความลับแบบนี้อยู่ในมือของหลู่เหวินชิง หลิวอิ๋งจะมีชีวิตที่ดีในอนาคตได้หรือไม่ หลินมู่อิงชอบดูสุนัขกัดสุนัข เธอชอบที่จะเห็นคนที่ทำร้ายเธอในชีวิตก่อนของเธอต้องจบลงอย่างน่าสังเวชไม่ใช่แค่ หลิวอิ๋ง, หลู่เหวินชิง, หานเฟยเซียน เท่านั้น แต่ยังมีแม่เลี้ยงของเธอ ซูเนี่ยนเจิน และพี่ชายที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเธอด้วยระหว่างทางทุกคนต่าง
Comments