Share

6.รับบทเมียเอก

last update Dernière mise à jour: 2025-10-06 23:39:03

อี้ฟานยืนนิ่งไม่ต่างจากรูปปั้น  เพราะประโยคที่ได้ยินทำเขาลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เลยทีเดียว

“ช่างเถิด  ข้ารู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้ห่วงใย  ทว่าเรื่องที่ข้าสั่งใต้เท้าก็ทำตามเถิด  คนของข้าดูแลข้าได้ไม่จำเป็นต้องมีเพิ่ม”

“แต่ว่า…”

ตันหยางเงยหน้ามองพร้อมกับใช้สายตากดต่ำจ้องเขา  สุดท้ายองครักษ์หนุ่มจึงต้องทำตามอย่างเลี่ยงมิได้

ขณะนั่นเอง…อรชรของสนมชิงก็ก้าวเข้ามาในห้องโถง  

“หม่อมฉันสนมชิงบุตรสาวเจ้ากรมขุนนาง  ขอถวายพระพรพระชายารัชทายาทเพคะ” ชิงอวี้หรูกล่าวอย่างนอบน้อม  ท่วงท่าที่แสดงออกมาก็อ่อนช้อยนัก  

“นั่งสิ  เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใดหรือ”  ตันหยางเอ่ยอย่างเป็นมิตร  เพราะนางไม่ใช่คนที่ชอบตั้งแง่กับผู้ใดตั้งแต่แรกเห็น

“หม่อมฉันแค่อยากมาเยี่ยมเพคะ  ก่อนนี้มาแล้วทว่าพระชายายังไม่ได้สติ  วันนี้ได้ข่าวว่าฟื้นแล้วเลยรีบมาดู”

“ขอบใจนะข้าสบายดี  แค่หลับนานไปหน่อยเท่านั้น”

“ดีจริงเพคะ  เห็นเช่นนี้หม่อมฉันก็เบาใจ”  อวี้หรูยิ้มจนเห็นฟันขาว  ทว่าเมื่อเห็นผู้ที่ตนเอ่ยด้วยมีสีหน้าเรียบเฉย  นางก็หุบปากลงในทันที “พระชายาทรงกำลังคิดว่าหม่อมฉันมาถามเพื่อเอาใจพระองค์ใช่หรือไม่เพคะ”  ดวงตาเรียวเล็กกะพริบถี่รัว

“แล้วมิใช่หรือ”  ตันหยางย้อน

“เปล่านะเพคะ  หม่อมฉันมาด้วยใจแท้จริง  ถึงแม้จะมีเรื่องอยากรู้แทรกเข้ามาด้วยก็เถอะ”  นิ้วน้อย ๆ จีบเข้าหากัน  พร้อมกับฉีกยิ้มเหมือนเด็กที่กำลังรอฟังเรื่องเล่า

‘สนมชิงผู้นี้ท่าทีดูไม่มีพิษภัยเลยจริง ๆ เหมือนเด็กที่ไร้เดียงสามากกว่า’  ตันหยางนึกในใจ  ก่อนจะถามว่า

“เจ้าอยากรู้เรื่องใด”  ใช้เสียงเรียบข่มอีกฝ่าย  แม้ความจริงจะเป็นคนง่าย ๆ ไม่ถือสาใคร  ถึงกระนั้นนางก็ยังต้องรักษาสิทธิ์ความเป็นพระชายาเอาไว้  เพื่อไม่ให้ใครคิดกำแหงภายหน้า

“เรื่องเพลิงไหม้เมื่อสองวันก่อนเพคะ  ได้ยินว่าไฟโหมแรงมากมิใช่หรือเพคะ  แล้วคนในตำหนักออกมาได้เยี่ยงไร”  ได้โอกาสหรูอวี้ก็ถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ทันที  ดวงตาก็เปล่งประกายนัก  ทำเอาตันหยางถึงกับนึกขันอยู่ในใจ  เพราะเหมือนนางกำลังมองเงาสะท้อนของตนในกระจกก็มิปาน

“ได้  ข้าจะเล่าให้ฟัง ทว่าเชิญคนด้านนอกเข้ามาด้วยดีกว่านะ จะได้เล่าเสียทีเดียว” ตันหยางเอ่ยเสียงดัง ทำให้คนที่ยืนหลบมุมอยู่ต้องรีบขยับเท้าโผล่ออกมา

“หม่อมฉันเสียมารยาทแล้วเพคะ”

“รู้ตัวก็ดี”  ตันหยางย้อนอย่างไม่ไว้หน้า

“ขะ… ขออภัยเพคะพระชายา  พอดีหม่อมฉันเห็นท่านทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่  จึงไม่กล้าเข้ามารบกวน”

“ท่านก็เลยยืนแอบฟังกระนั้นหรือสนมเกา” มู่หลิงเอ่ยถามแทนผู้เป็นนาย พร้อมกับมองผู้มาใหม่อย่างไม่ชอบใจ

“มะ… หม่อมฉันเปล่านะ  หม่อมฉันเพิ่งมาถึงจริง ๆ”

ตันหยางยกยิ้มก่อนจะเอ่ย “ช่างเถิด มาแล้วก็นั่งลง อยากรู้ข้าจะเล่าให้เจ้าสองคนฟัง ว่าแต่หมดแล้วใช่หรือไม่ สนมของรัชทายาท  ถ้ายังก็เรียกมาฟังพร้อมกันเสียทีเดียว”

“มีแค่นี้เจ้าค่ะ องค์รัชทายาททรงโปรดแค่เราสองคน มีแค่หม่อมฉันกับน้องหญิงชิงหรูอวี้ก็เพียงพอแล้วเพคะ”

ตันหยางเอียงหน้ามองผู้มาใหม่ทันที

“มะ…ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันหมายถึงก่อนหน้าจะอภิเษกพระชายาเข้ามา  มิได้หมายความเป็นอย่างอื่นเพคะ”

“งั้นหรือ”

“พะ… เพคะ”  เกาไห่ถังตอบเสียงติดขัด

“ช่างเถิด  เจ้าสองคนดูแลรัชทายาทดีข้าก็สบายใจ”

“แค่สนมเกาคนเดียวเพคะ อย่านับหม่อมฉันรวมด้วย  หม่อมฉันกับองค์รัชทายาทเราต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน”

ตันหยางขมวดคิ้วมึนงงเป็นการใหญ่  เพราะสิ่งที่ได้ยินมันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด  “หมายความว่าอย่างไร ไยเจ้าถึงกล่าวเช่นนี้เล่า”  ความอยากรู้ทำให้นางอดถามมิได้

“แหม…น้องชิงเจ้าอย่าได้พูดให้พระชายาเข้าใจผิดเลย  หรือต้องการให้พระชายาเข้าใจว่าเจ้าไม่อยากแย่งชิงความโปรดปรานจากรัชทายาท ภายหน้าจะได้ไม่ต้องถูกเฝ้าระวัง”

“ข้าเปล่านะ  ข้าคิดอย่างไรก็เอ่ยไปอย่างนั้น  มิได้มีเจตนาอย่างที่ท่านว่าสักนิด”  สนมชิงแผดเสียงใส่ทันที

ด้านสนมเกาก็ไม่ยอม  นางยังคงกล่าวขึ้นมาอีก

ตันหยางก็ได้แต่นั่งมองทั้งคู่สลับกันไปมาพร้อมกับเม้มปากกลั้นขำ  เมื่อภาพตรงหน้ามันดันเหมือนฉากในซีรี่ย์ที่ตนเคยดูมา  เหล่าเมียน้อยโต้เถียงกันเพราะสามี  แย่ก็ตรงที่นางดันเป็นภรรยาเอก  เลยต้องมาจัดการปัญหาตรงนี้อย่างเลี่ยงมิได้

“พอ!  พอแล้ว  ถ้าเจ้าสองคนไม่อยากฟังเรื่องราว  ก็พากันกลับเรือนไปเสีย  ข้าจะพักผ่อน”

“ฟังเพคะ!!”  สองเสียงประสานกันอย่างสามัคคี

‘เหอะ!  ทีเมื่อครู่แทบจะกัดกันตาย’  ก่นด่าในใจ  ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวให้มันจบ ๆ สองคนนี้จะได้จากไปเสียที

ไม่ถึงสองถ้วยชา  ห้องโถงนี้ก็ไร้แขกมาเยือน

“ปิดประตูเลยพี่”  ตันหยางร้องสั่งเสียงห้วน  จะว่านางโกรธก็ไม่ใช่  ทว่ามันเป็นนิสัยปกติของหญิงสาวอยู่แล้ว  เพียงแต่ช่วงนี้มันถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ภาพลักษณ์ของตำแหน่งชายา  ยามเมื่ออยู่กับคนของตนเอง  ท่าทางเหมือนบุรุษจึงเผยออกมา

“จะบ้า! ข้ามู่ตันหยางผู้องอาจ  บัดนี้กลายเป็นกรรมการห้ามศึกเมียน้อยทะเลาะกันไปแล้วหรือนี่  น่าขายหน้าชะมัด” หญิงสาวบ่นพึมพำ  พร้อมกับเดินตรงไปที่ห้องอาบน้ำ

มู่หลิงยิ้มอ่อนด้วยความเอ็นดู “ทำอย่างไรได้ล่ะเพคะ  ก็ยามนี้พระองค์ทรงกลายเป็นพระชายาไปแล้วนี่”

ใบหน้างามจึงหันกลับมาพร้อมกับเบ้ปากเล็กน้อย  ก่อนจะเดินเข้ามาจับแขนอีกฝ่ายเขย่าไปมา จากนั้นนางก็เอ่ยเสียงอ้อน  “พี่หลิงหลิง  ข้าอยากกลับไปเป็นมู่ตันหยางที่สามารถทำอะไรก็ได้ผู้นั้น  ข้าไม่อยากเป็นพระชายาอะไรนี่เลย”

คนฟังก็ได้แต่มองด้วยแววตาเศร้าหม่น เพราะนึกสงสารผู้เป็นนายจับใจ “หม่อมฉันอยากช่วยนะเพคะ ทว่าจนใจจริง ๆ”  

ตันหยางขยับถอยออก ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจยาวราวกับปลงได้แล้ว “ช่างเถิด  ต่อให้ข้าคร่ำครวญจนน้ำตาเป็นสายเลือด ชะตาที่เหยียบย่างเข้ามาแล้วก็คงเปลี่ยนไปไม่ได้  ฉะนั้นทำสิ่งที่ยังพอทำได้แล้วมีความสุขกับมันดีกว่า”  สิ้นคำนางก็เดินออกมานอกห้องอีกหน  คนสนิทขึงรีบตามมา

“จะไปไหนเพคะ  ไม่สรงน้ำหรือ”

“ไม่ข้าจะฝึกกระบี่” สิ้นคำมือขาวก็คว้าเอากระบี่ที่ซ่อนอยู่มุมเตียงออกมา โดยมีมู่หลิงเดินตามไปพร้อมกับส่ายศีรษะ

 

ยามซวี [ 19:00-20:59]

จิ่นหรงเดินนำคนสนิทตนกลับเข้าตำหนัก  และก่อนจะขึ้นเรือนเขาก็นึกขึ้นได้ว่าควรต้องไปเยี่ยมชายาตนเสียหน่อย  ร่างสูงจึงหมุนตัวเปลี่ยนทิศทางตรงไปยังตำหนักชิงหลิวของชายา ทว่ายังไม่ทันถึงสองเท้าก็จำต้องหยุดชะงักอยู่ที่มุมสวนของเรือน

“นั่นมันพระชายามิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ  นี่นางมีวรยุทธด้วยหรือ  เท่าที่เห็นเหมือนจะเก่งมากด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ” จินเฉิงรีบเอ่ย

“นั่นสิ  ท่วงท่าอ่อนช้อย  ทว่าเพลงกระบี่กลับแข็งแกร่งนัก  เหมือนปรมาจารย์ไม่มีผิดเพี้ยนเลยพ่ะย่ะค่ะ” อี้ฟานเอ่ยชม

“ก็งั้น ๆ”  จิ่นหรงตัดบทพร้อมกับก้าวเดินไปหา

ซึ่งตันหยางรู้แล้วว่ามีคนแอบซุ่มดูอยู่  และนางก็จดจำฝีเท้าของอีกฝ่ายได้  จึงไม่ตื่นตระหนกและยังคงฝึกต่อ

“หายดีแล้วหรือ  ถึงได้มาร่ายรำกระบี่ตากน้ำค้างเช่นนี้”  ผู้เอ่ยถาม  เดินมานั่งบนตั่งมองชายาตนที่ยังคงขยับกายไปเรื่อย

“หม่อมฉันไม่ได้เป็นอันใดนี่เพคะ  ก็แค่ง่วงเท่านั้นเอง”  เสียงตอบกลับไม่มีความเหนื่อยล้าเจือปนสักนิด

“ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ควรจะพักให้มาก  มิใช่ออกมาทำเรื่องเช่นนี้  หากคนภายนอกรู้จะเอาไปครหาได้”

ร่างอรชรที่หมุนขยับไปมาหยุดลงทันที  จากนั้นนางก็เดินตรงมาหาเขาพร้อมกับจ้องหน้าพระสวามีเขม็ง

“เรื่องเช่นนี้นี่แหละที่มันปกป้องชีวิตท่านกับอีกหลายคนไว้  ส่วนเรื่องครหาข้าไม่หวั่น  เพราะสิ่งที่ทำให้ข้ากลัวมิใช่คำพูดผู้อื่น  สายตาเหยียดหยามดูแคลนของคนใกล้ตัวต่างหาก  ที่ทำให้ข้ารู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างไร้ค่านัก  ทำดีเกือบตาย  แต่ค่าตอบแทนกลับเป็นศูนย์  น่าขันสิ้นดี”  เอ่ยจบนางก็เดินตรงไปยังเรือนพักทิ้งให้พระสวามีนิ่งอึ้งไม่ต่างจากรูปปั้นที่ตั้งอยู่หน้าตำหนัก

“จินเฉิง ข้ารู้สึกจุกแทนรัชทายาทเหลือเกิน” อี้ฟานกระซิบ

“ข้าก็ไม่ต่างจากเจ้านักหรอก”  สหายป้องปากเอ่ยเช่นกัน  

 

 

 

 

 

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   19. ตามทุกที่

    สองเค่อต่อมา [ครึ่งชั่วโมง]มู่หลิงก็ปรากฏตัวในห้องผู้เป็นนาย“พวกเจ้าออกไปเถิด มีแค่คนของข้าก็พอแล้ว” ตันหยางเอ่ยบอกนางกำนัลทั้งสอง เมื่อประตูปิดลงนายบ่าวก็เดินมาที่โต๊ะ“พระชายาจะทำอันใดหรือเพคะ”“ข้าสงสัยว่าคนที่เลี้ยงนกน่าจะเป็นสนมผิง”“สนมผิง” มู่หลิงเอ่ยเสียงแผ่ว “จะเป็นไปได้เช่นไรเพคะ”“เมื่อกลางวันข้าได้กลิ่นสาปบนตัวของนางกำนัลที่อยู่ข้างกายสนมผิง ข้าจึงแสร้งขอตามนางไปที่ตำหนักเพื่อดูโรงเพาะสมุนไพร นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับสิ่งผิดปกติหลายอย่าง เรือนเก่าด้านหลังน่าจะเป็นที่เลี้ยงนก แต่นางรอบคอบมาก แขวนกระดิ่งไว้ทั่วตำหนักเชียว คงคิดเอามากลบเสียงของพวกมันกระมัง แต่เผอิญกลิ่นสาปมันรุนแรงเกินไป แม้จะใช้กลิ่นดอกไม้รวมถึงพืชสมุนไพรในตำหนักมากลบ มันก็ยังลอยเล็ดลอดมาให้สัมผัสพบเจอเข้าจนได้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน”“ทราบแล้วเพคะ” มู่หลิงตอบรับ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกว่า“แล้วพระชายาจะไม่แจ้งให้รัชทายาทรู้หรือเพคะ”“แจ้งสิ แต่ต้องหลังจากเราหาหลักฐานที่แน่ชัดได้ก่อน ยามนี้เขาก็คงวุ่นวายอยู่เหมือนกัน” ช่วงหลังน้ำเสียงนางแผ่วลง“มีเรื่องหนึ่ง หม่อมฉันไม่รู้ควรทูลหรือไม

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   18. สืบเองง่ายกว่า

    นับจากวันนั้นทั้งคู่ก็เหมือนจะห่างกันมากขึ้น จิ่นหรงออกจากตำหนักเช้ากว่าจะกลับก็มืดค่ำ วนเวียนเช่นนี้มานานกว่าห้าวันแล้ว ซึ่งตันหยางรู้ดีว่าเขากำลังยุ่งกับงาน นางจึงไม่เข้าไปวุ่นวายอะไร แต่ก็ยังมีแอบไปสืบข่าวที่ตำหนักใหม่ไทเฮาอยู่บ้างอย่างเช่นวันนี้นางก็กำลังจูงพระหัตถ์ไทเฮาเดินเล่นอยู่ในสวน มีข้ารับใช้เดินตามอีกหกคน นางจึงคอยสังเกตุท่าทางคนเหล่านี้ แม้ว่าทั้งหมดจะเป็นคนที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้ก็ตาม“หยางเอ๋อร์ ย่าได้ยินว่าเจ้ากับรัชทายาทยังไม่เข้าหอกันอีกหรือ เป็นเช่นนี้แล้วเมื่อไหร่ย่าจะได้อุ้มเหลนกันล่ะ” คนแก่เอ่ยมาทีก็ทำให้คนที่เดินประคองต้องหยุดชะงักตันหยางยิ้มแห้งก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “เสด็จพี่ทรงงานหนัก หม่อมฉันจึงไม่อยากรบกวนเขาเพคะ”คนแก่จึงหันมาหาพร้อมกุมมือแล้วเอ่ยว่า “เป็นสามีภรรยากัน ใช้คำว่ารบกวนไม่ได้นะ สิ่งที่เจ้าควรทำคือต้องรีบมีทายาทสืบสกุลให้เชื้อสายเรา รากฐานบ้านเมืองจะได้มั่นคง”“เพคะ เอาไว้หม่อมฉันจะหาโอกาสเหมาะ รีบทำเหลนให้เสด็จย่าเพคะ” ตันหยางเอ่ยเอาใจคนแก่“ดี! ต้องอย่างนี้สิ” ไทเฮายิ้มชอบใจ ก่อนจะพากันเดินชมสวนต่อ ตันหยางก็ได้แต่ฉีกยิ้มซ้ายทีขวา

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   17. คนขี้งอน

    หลังจากชายาตนกลับมาพูดดีด้วย จิ่นหรงก็เริ่มหันมาหารือกับขุนนางทั้งสามต่อ “วันพรุ่งข้าจะให้หัวหน้าองครักษ์จินอู่ตรวจสอบว่าตำหนักใดเลี้ยงนก รวมถึงคนที่มีบาดแผลขีดข่วน คาดว่าไม่เกินสามวันคงได้ความ เพราะช่วงนี้ในวังตรวจตราเข้มงวดขึ้น เราก็อาศัยเรื่องนี้ตรวจหนอนบ่อนไส้เสียเลย”“มันคงนึกไม่ถึงว่าเราจะสืบรู้การวางแผนของพวกมัน ไม่แน่ยามนี้อาจกำลังติดต่อวางแผนการใหม่อีกก็ได้” อินหลางเอ่ย“เป็นเช่นนั้นก็ดี หากเราหาตัวผู้สมรู้ร่วมคิดในวังได้ เราจะได้ซ้อนแผนพวกมันเสียเลย” จิ่นหรงยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีก “ท่านอา ส่งคนสืบหาตัวซูเหวินอี้ที ข้าอยากรู้ว่ามันกบดานอยู่ที่ใด และอีกเรื่อง ข้าไม่อยากให้ข่าวลือบ้า ๆ นั่นแพร่ไปถึงพระกัณฑ์เสด็จอา เกรงว่าพระองค์จะทรงร้อนพระทัยจนอยู่ไม่เป็นสุข แค่แก้ปัญหาภัยแล้วมันก็หนักหนาพอแล้ว ข้าไม่อยากให้เสด็จอากังวลพระทัยเพราะเรื่องนี้อีก”“กระหม่อมจะรีบทำตามรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ” อินหลางรับคำ“ประเดี๋ยวเพคะ รัชทายาทอยากได้คนสืบข่าว เช่นนั้นให้คนของสำนักมู่ตานช่วยอีกแรงนะเพคะ เรามีคนอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ให้พวกเขาช่วยสืบและขจัดข่าวลือตามเมืองต่าง ๆ น่าจะง่ายกว่า

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   16.ใครเป็นใหญ่

    หลังจากนั้นคนร้ายก็ถูกพาตัวกลับไปขังตามเดิม และยังคงคุมเข้มเพื่อไม่ให้สองคนนี้คิดสั้นปลิดชีพตน เพราะต้องเอาทั้งคู่ไว้เป็นพยานเอาผิดซูเหวินอี้ก่อนภายในห้องรับรองของคุกหลวง…กลุ่มขุนนางยังคงหารือกันต่อ แม้จะมีคำสั่งออกมาบ้างแล้ว ทว่าคนที่ออกไปทำงานก็ล้วนแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาระดับล่าง เพราะจิ่นหรงไม่อยากให้เรื่องมันกระโตกกระตาก “นึกไม่ถึงว่ามันจะใช้พ่อค้าธรรมดามาลอบสังหารคนในวัง ความคิดช่างแยบยลนัก ใช้ชาวบ้านที่เคยขายโคมทุกปีมาทำเรื่องชั่วแทน ชั่วช้านัก!” ใต้เท้าเจิ้นเอ่ยถึงสิ่งที่ได้ฟังเมื่อครู่ “มันคงวางแผนไว้นานแล้ว จึงได้อาศัยช่วงเวลาทดลองโคมไฟของเหล่าพ่อค้าที่ทำกันเป็นประจำ พวกมันใช้วิธีนี้หลอกล่อสายตาผู้คน และยังใส่พิษไว้ในโคม เมื่อมันถูกความร้อนมันก็แพร่กระจายตกเป็นละอองลงมาทำให้คนที่สูดดมเข้าไปหมดแรง ช่างเจ้าแผนการนัก” อินหลางเอ่ยอย่างแค้นใจ“ถึงว่า คนในตำหนักรอบบริเวณ รวมถึงด้านนอกตามระยะเส้นทางของโคม ผู้คนถึงได้นอนเกลื่อนเต็มทาง เอ๋! แล้วเหตุใดโคมถึงมาตกแต่ที่ตำหนักไทเฮาล่ะเจ้าคะ ตำหนักอื่นได้ยินว่าไม่เสียหายมิใช่หรือ” ตันหยางมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   15. สะกดจิต

    ต่อมา…รถม้าที่เคลื่อนมาตลอดทางก็หยุดลง ณ สถานที่ที่ไม่มีใครอยากก้าวเข้าไป หากไม่มีธุระคงไม่มีใครอยากเฉียดเข้ามาใกล้ เพราะเกรงสิ่งอัปมงคลจะติดตัวออกไปด้วยเมื่อรถม้าหยุด จิ่นหรงก็ขยับดันร่างอรชรที่เขากอดออกห่างตัว แล้วเอ่ยถามเสียงอ่อน “แน่ใจหรือว่าจะเข้าไป”“เพคะ” คนตัวเล็กตอบรับโดยไม่เงยหน้ามองเขา จึงถูกมือเรียวเชยคางขึ้นเพื่อให้ได้สบตากัน“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้มีท่าทางเขินอายเช่นนี้นี่”“ขะ… เขินอะไร อายอะไรเพคะ ไม่มี๊…”“ไยเจ้าต้องทำเสียงสูง” จิ่นหรงแสร้งเย้านาง“ไม่ได้เสียงสูงนะเจ้าคะ” ตันหยางรีบเถียงเพราะเกรงเขาจะจับได้ นางปัดมือเขาหนีก่อนจะรีบลุกออกมาจากรถม้า คนด้านหลังลุกตามพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า“ช้าก่อน ประเดี๋ยวข้าให้คนนำตัวคนร้ายออกมาให้เจ้าสอบสวนที่ห้องขังด้านนอก เจ้าไม่ต้องเข้าไปด้านใน”“เจ้าค่ะ” รับคำโดยไม่มองหน้าเขาอีกแล้ว ผู้เป็นสามีจึงอดที่จะยิ้มเอ็นดูนางไม่ได้ เพราะปกติตันหยางนางมักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าเขาเสมอ สุขุม นิ่ง ราวกับคนไร้ใจทว่าเขาเพิ่งรู้วันนี้เองว่า แท้ที่จริงนางก็เหมือนสตรีทั่วไป ที่รู้จักเขินอาย และมีมุมออดอ้อนอันแสนน่ารักแฝงไว้ด้วย

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   14. ภรรยาแสนดี

    จิ่นหรงขบกรามแน่น เขานึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ากู้อิงเถาจะกล้าเอ่ยวาจาบิดเบือนจากข้อเท็จจริงเหล่านี้ออกมา ทั้งที่เขาเองก็ย้ำนักย้ำหนาว่ามันคือการตอบแทนบุญคุณ มิได้มีเรื่องความรู้สึกใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อยเรื่องที่เขาเคยพึงใจนาง ก็แค่เอ่ยถึงเรื่องเก่าก่อนในช่วงเวลาสั้น ๆ มายามนี้เขาไม่ได้รู้สึกอันใดกับนางแม้เพียงนิด ที่ยอมพบหน้าก็เพื่อต้องการตอบแทนบุญคุณให้มันจบสิ้นเท่านั้นเพราะเหตุนี้กระมัง มู่ตันหยางจึงได้เอ่ยว่าเขาไม่ทันคน “ข้าไม่ได้เอ่ยเช่นที่นางว่า” เขาหันมาหาชายาตน พร้อมกับมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวย เพราะอยากรู้ว่านางจะเชื่อในสิ่งที่เขากล่าวหรือไม่ และสิ่งที่ตอบกลับมาก็ยังเป็นยิ้มอ่อนเช่นเคย“น้องเชื่อท่านพี่เจ้าค่ะ” เอ่ยจบร่างอรชรก็หันมาหาผู้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ก่อนจะยอบกายลงแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะไม่อยู่เฉยแล้วนะคุณหนูกู้” คำพูดไม่กี่ประโยค กลับทำให้ร่างของกู้อิงเถาหยุดชะงักทันที“ขะ… ข้า” แววตาอิงเถาดูหวาดกลัวไม่น้อย“หยุดความคิดของเจ้าเสีย แล้วอย่าได้พูดจาเลื่อนเปื้อนเช่นนี้อีก เพราะหากมีคราวหน้าข้าจะไม่เอาเจ้าไว้แน่”“ขะ…ข้า ข้าเปล่านะ”

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status