เจียงซุ่ยฮวน สุดยอดอัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ ได้ข้ามภพมาสิงร่างองค์หญิงผู้กำลังตั้งครรภ์และถูกสั่งประหารชีวิต รูปโฉมงดงามถูกทำลายสิ้น ซ้ำยังถูกโยนทิ้งในป่าช้า! นางในชุดเปื้อนเลือด กลับคืนสู่เมืองหลวงอีกครา ขอหย่าขาดจากองค์ชายผู้ทรยศ และเปิดโปงใบหน้าที่แท้จริงของน้องสาวผู้ชั่วร้าย ประจานพ่อแม่ผู้ลำเอียง... เพื่อหาเงินเลี้ยงดูลูกน้อย นางเปิดร้านเสริมความงามแห่งแรกของเมืองหลวง ธุรกิจรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมาดั่งสายธาร ยามที่นางยุ่งอยู่กับการทำมาหากินเลี้ยงลูก องค์ชายผู้ไม่เคยสนใจสตรีใด กลับค่อย ๆ เข้ามาใกล้ชิดนาง สามปีต่อมา โรคระบาดร้ายแรงอุบัติขึ้น นางจึงใช้วิชาแพทย์อันเป็นเลิศช่วยชีวิตผู้คนไว้มากมาย องค์ชายผู้ทรยศสำนึกผิด คุกเข่าขอขมา แต่กลับถูกองค์ชายผู้เป็นอาแทงทะลุร่างด้วยดาบเสียแล้ว "เห็นเด็กน้อยข้างกายนางหรือไม่? เขาเป็นลูกของข้า"
Lihat lebih banyakจวนตระกูลเสวียเสวียหลิงนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ริมฝีปากแห้งผาก ใบหน้าแดงจัดผิดธรรมดา เหงื่อเย็นซึมทั่วหน้าผาก ร่างทั้งร่างอ่อนแรงและซูบซีด ประหนึ่งพึ่งฟื้นจากป่วยหนักเขาหลับตาแน่น เงี่ยหูฟังเสียงจากภายนอกด้วยจิตใจจดจ่อ มิให้มีสิ่งใดเล็ดรอดผ่านโสตประสาทไปได้“คุณชาย!” ลุงจ้าวรีบเปิดประตูเข้ามา กระซิบเบา ๆ ข้างหูเสวียหลิงว่า “บ่าวเพิ่งปีนขึ้นไปบนหลังคา เห็นรถม้าขององค์หญิงมุ่งหน้ามาทางนี้ขอรับ”“เมื่อบ่าวเห็นก็รีบมาบอกท่านโดยพลัน คะเนว่าอีกไม่นานก็จะมาถึงหน้าประตูแล้วขอรับ”เสวียหลิงลืมตาช้า ๆ เอ่ยว่า “ยกเตาผิงออกไปหนึ่งเตา แล้วนำหม้อยาที่เตรียมไว้เข้ามา”ในห้องมีเตาผิงอยู่สองเตา ลุงจ้าวยกออกไปหนึ่งเตา แล้วนำหม้อยาวางไว้ข้างเตียง ภายในมีเศษยาเหลืออยู่ราวครึ่งหม้อ สีดำคล้ำ ส่งกลิ่นขมเกินบรรยายเสวียหลิงหยิบยาใส่ปากเต็มกำมือ ความขมรุนแรงจนทำให้ใบหน้าบิดเบี้ยว จนเกือบอาเจียนออกมาเขาฝืนกลั้นความรู้สึกคลื่นเหียนเอาไว้ เคี้ยวยาช้า ๆ แล้วกลืนมันลงไปเมื่อทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ร่างกายจะคลุ้งไปด้วยกลิ่นยา ใบหน้าของเขาก็ยิ่งดูย่ำแย่กันเข้าไปใหญ่ตั้งแต่เมื่อวาน เขาไม่ได้แตะต้องน้ำแม้แต่ห
บัดนี้นางเห็นเจ้าปลอดภัยดีแล้ว แถมยังไปทูลขอพระราชทานสมรสกับฝ่าบาท เจ้าเองก็ลองไตร่ตรองดูเถิดว่าจะจัดการอย่างไรดีแววตาของเสวียหลิงฉายแสงพลันเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว! ข้าจะแสร้งว่าล้มป่วย เพื่อให้เจ้าหญิงจิ่นอวี๋เป็นฝ่ายถอนหมั้นอีกครั้ง!”“มันควรจะเป็นเช่นนั้น” ท่านอธิบดีกรมอาญาพยักหน้าอย่างเชื่องช้า “เมื่อเจ้าเป็นผู้ที่นางรังเกียจ นางก็จะถอนหมั้นเองโดยไม่ต้องบีบบังคับ”“ดี!” เสวียหลิงพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น ก้าวฉับกลับไปยังเรือนนอนฮูหยินเสวียได้แต่มึนงง เหลียวมองอธิบดีกรมอาญาจากนั้นก็เหลียวมองไปยังบุตรชาย สุดท้ายกระทืบเท้าอย่างจนใจ “เรื่องบ้าบออะไรกันนี่!”รุ่งเช้าแห่งวันถัดมา จวนตระกูลเสวียได้รับเทียบเชิญจากในวัง เชิญให้เสวียหลิงขึ้นไปบนเขาซานชิงเพื่อชมเหมันต์หิมะกับองค์หญิงจิ่นอวี๋ลุงจ้าวแห่งจวนตระกูลเสวียถือเทียบเชิญไว้พลางกล่าวอย่างลำบากใจ “เกรงว่าคุณชายของเราคงไม่อาจไปร่วมได้แล้ว”ผู้ที่นำเทียบเชิญมาคือนางกำนัลม่ายตง นางกำนัลคนสนิทขององค์หญิงจิ่นอวี๋ องค์หญิงจิ่นอวี๋นั้นดูสุภาพอ่อนโยน แต่นางกำนัลม่ายตงกลับดูอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายนางยืนเท้าสะเอว ถามด้วยเสียงแข็ง “เหตุใดคุณชายของพว
มารดาเสวียหลิงยืนอยู่หน้าประตู มือถือถ้วยซุปเห็ดหูหนูขาว กล่าววิงวอนด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า “ลูกเอ๋ย เจ้ากลับมาวันนี้ก็มิได้แตะต้องอาหารเลยสักนิด ฟังคำของแม่เถิด กินอะไรสักนิดก็ยังดี หากเจ้าหิวจนเป็นอะไรขึ้นมา แม่จะอยู่อย่างไรได้เล่า”เสวียหลิงไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ตอบเสียงเรียบ “ท่านแม่ อย่ากล่าวอีกเลย ลูกมิอาจฝืนกินสิ่งใดได้เลยในยามนี้”มารดาถอนหายใจยาว น้ำเสียงคร่ำครวญ “เหตุใดเจ้าจึงดื้อดึงเพียงนี้ เมื่อก่อนเจ้าทนทุกข์ทรมานนัก กว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้ หากหิวจนป่วยอีกครั้ง แล้วแม่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นไร”สิ้นคำเสวียหลิงก็เปิดประตูออกมา สีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ กล่าวเสียงเรียบว่า “หากลูกต้องแต่งกับหญิงที่มิได้รัก ชีวิตนี้ลูกคงกินอะไรไม่ลงอีก” “เจ้านี่…” มารดาของเสวียหลิงตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวอย่างปวดร้าว “พระราชโองการฝ่าบาทยากจะฝ่าฝืน! ฝ่าบาทพระราชทานการสมรสกับองค์หญิงจิ่นอวี๋แก่เจ้า หากเจ้าขัดราชโองการ ก็ต้องถูกประหาร!” “ลูกได้เขียนฎีกาไว้แล้ว ในนั้นกล่าวชัดเจนว่าลูกรักหญิงผู้หนึ่งอย่างสุดหัวใจ พรุ่งนี้ก็จะไปขอนางแต่งงาน ลูกไม่มีวันรักหญิงใดอื่นได้อีก” เสวียหลิงกล่าวหนักแน่น“
คราวนี้ไม่ต้องรอให้พวกนางเอ่ยปาก เจียงซุ่ยฮวนก็เป็นฝ่ายยื่นกระจกทองแดงออกไปก่อนแล้วเมื่อนางทั้งสามเห็นใบหน้าตนในกระจก ต่างก็อดมิได้ที่จะยกมือลูบไล้เบา ๆ บนใบหน้าตนเอง“นี่ข้าฝันไปหรือ”“เพียงแค่หลับไปหนึ่งตื่น ใบหน้าข้าก็ขาวเนียนราวกับไข่ต้มปอกเปลือก ทั้งขาวสะอาด ละมุนละไม แลดูอ่อนวัยเป็นที่สุด”เดิมทีพวกนางเพียงแค่อยากมาฉวยโอกาสรับของแจกเท่านั้นครั้นเมื่อแลเห็นผลลัพธ์กับตา ในใจล้วนก็คิดว่าครั้งหน้าต้องมาที่นี่อีกให้ได้เจียงซุ่ยฮวนกล่าวกำชับข้อควรระวัง ก่อนจะส่งพวกนางออกไปหน้าร้านผู้คนที่อยู่หน้าประตูเห็นหญิงสาวทั้งสามออกเดินมา ต่างก็ร้องอุทานว่า “แล้วสามคนเมื่อครู่หายไปไหน”“ก็พวกเรานี่แหละ” ทั้งสามกล่าวพร้อมกัน“เป็นไปมิได้กระมัง” ผู้คนยังคงสงสัย“เมื่อครู่หญิงทั้งสามนั้นใบหน้าหมองคล้ำ เต็มไปด้วยริ้วรอย แต่พวกเจ้าทั้งสาม กลับหน้าขาวเปล่งปลั่ง ไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย”“นี่แหละคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าหมอหญิงเจียงมิใช่คนธรรมดา พวกเจ้ามิได้สังเกตหรือว่าเราสวมอาภรณ์เช่นเดียวกับในตอนที่มา”หญิงทั้งสามส่งเสียงหึเบา ๆ “พวกเราขอลา จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่พวกเจ้า”คราวนี้ผู้คนต่
"มีกระจกไหม ข้าอยากดูว่าใบหน้าข้าตอนนี้เป็นอย่างไร" สตรีผู้นั้นกล่าวด้วยความคาดหวัง เจียงซุ่ยฮวนหยิบกระจกทองเหลืองข้างเตียงส่งให้ "ตอนนี้ทายาแล้ว ยังมองไม่เห็นอะไรมาก" "รออีกสิบวันค่อยดูผลลัพธ์จะทำให้เจ้าพอใจแน่นอน" สตรีผู้นั้นหยิบกระจกมาส่องดู บริเวณที่เคยมีปานแต่กำเนิด ขณะนี้ปกคลุมด้วยยาทาหนาชั้นหนึ่ง ยาทามีสีชมพูอ่อน ๆ คล้ายกับสีผิว สามารถรู้สึกถึงความเย็นสบาย "ข้าพอใจมากเลย" สตรีผู้นั้นวางกระจกทองเหลืองลงอย่างตื่นเต้น "ยานี้มีสีใกล้เคียงกับผิวข้า ข้ามีชีวิตมานานปี ในที่สุดก็รู้ว่าตัวเองจะหน้าตาเป็นอย่างไรหากไม่มีปานกำเนิด" เจียงซุ่ยฮวนหยิบยาทาสองกล่องยื่นให้ "ยานี้เจ้าเอากลับไปพอก อีกสิบวันหากมีปัญหาใด เจ้าค่อยมาหาข้า" "อีกเรื่องหนึ่ง ในสิบวันนี้แผลห้ามโดนน้ำ ห้ามอยู่กลางแดด..." สตรีผู้นั้นจดจำคำพูดของเจียงซุ่ยฮวนไว้ในใจ แล้วกล่าวขอบคุณเจียงซุ่ยฮวน จากนั้นถามขึ้นว่า "คุณหนู ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไร" "เรียกข้าว่าหมอเจียงก็พอ" ในระหว่างนี้ สตรีที่เข้าแถวอยู่หน้าประตูมองร้านหรงเยว่เก๋ออย่างใจจดใจจ่อ รอเข้าไปอย่างใจร้อนใจเร่า ว่านเมิ่งเยียนแจกบัตรคิวให้ทุกคน นี่เป็
เขารับตะกร้าจากมือภรรยามาแล้วกล่าวว่า "ฮูหยิน เจ้าไปเถิด ข้าจะรออยู่ที่นี่" "จริงหรือ" หญิงผู้นั้นแทบไม่กล้าเชื่อ เขากลัวว่าภรรยาจะไปทำงานในบ้านใหญ่โตแล้วไม่ต้องการเขาอีก จึงรีบกล่าว "จริงสิ จริงแน่นอน เจ้ารีบไปเถิด ไม่เช่นนั้นจะเข้าแถวไม่ทัน" เจียงซุ่ยฮวนเห็นปานแต่กำเนิดบนใบหน้าหญิงผู้นั้น ชิ้นเล็กมาก สีก็จางด้วย สามารถลบได้อย่างรวดเร็ว นางลังเลเล็กน้อย แล้วถามสตรีที่เข้าแถวอยู่ "ข้าพาหญิงผู้นี้เข้าไปก่อนได้หรือไม่ หลังจากลบปานแต่กำเนิดให้นาง พวกท่านจะได้ดูผลลัพธ์อย่างไรล่ะ" "และจะไม่กระทบตำแหน่งในแถวของพวกท่าน สามคนแรกยังคงไม่ต้องเสียเงิน" สตรีหลายคนตกลงทันที เจียงซุ่ยฮวนพาหญิงผู้นั้นเดินเข้าไป ว่านเมิ่งเยียนถามเสียงเบา "ข้างในมีห้องมากมาย จะให้พาพวกนางเข้าไปก่อนไหม" "ให้พวกนางเข้าแถวนอกประตูก่อน" เจียงซุ่ยฮวนลดเสียงลง "วันแรกที่เราเปิดร้าน ยิ่งหน้าร้านคึกคักยิ่งดี" "อีกอย่าง ชงชาร้อนไปให้พวกนางด้วย" หลังจากสั่งงานเสร็จ เจียงซุ่ยฮวนก็พาสตรีนางนั้นเข้าไปในห้องหนึ่งบนชั้นหนึ่ง ทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสองต่างตกแต่งอย่างหรูหรา แต่ที่แตกต่างคือ ชั้นหนึ่งเป็นการรักษา ชั้น
Komen