เพราะสัญญาในอดีตทำให้เธอต้องแต่งงานกับคนที่เกลียด! เขาคือเสือผู้หญิงในข่าวลือ ส่วนเธอคือหญิงสาวที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้เขาเกลียดและยอมหย่า แต่ทำไมยิ่งร้ายเขากลับยิ่งรัก... แล้วเธอจะหนีหัวใจตัวเองได้อย่างไร
Voir plusบทนำ
อารัมภบท
โทรศัพท์แนบหูจนร้อนผ่าว แต่ไฟในใจของพราวตะวันกลับร้อนแรงยิ่งกว่า
“ไม่!!! ทำไมต้องให้ฉันแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้รัก!!!” เสียงหวานใสที่เคยอบอุ่นกลับเต็มไปด้วยความกร้าวร้าว พราวตะวันตะโกนใส่โทรศัพท์ก่อนจะกดวางสายอย่างแรง ในมือของเธอโทรศัพท์ราคาแพงแทบจะแหลกคามือด้วยแรงบีบอัดจากความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง
“ก็เพื่อชีวิตพ่อของแกไงพราว!!!” น้ำเสียงแหบเครือของแม่ที่อ้อนวอนยังคงดังก้องในโสตประสาทของเธอ
“เงินสิบล้าน ไม่ใช่จำนวนน้อยๆถ้าไม่มีอคิณพ่อก็ตาย” เสียงของแม่ที่ร้องไห้และเสียงเครื่องช่วยหายใจของพ่อที่กำลังนอนหมดสติในโรงพยาบาลยังคงดังก้องอยู่ในหัว มันคือภาพซ้ำๆ ที่คอยตอกย้ำความจริงที่เธอพยายามจะปฏิเสธมาตลอดหนึ่งสัปดาห์
พราวตะวันทรุดตัวลงกับพื้นห้องนอนเย็นเฉียบราวกับจะช่วยดับไฟในใจที่กำลังลุกโชน น้ำตาไหลพรากอาบแก้มใสจนเปียกชุ่ม ความจริงที่โหดร้ายกำลังกดดันให้เธอต้องยอมจำนนต่อโชคชะตา การแต่งงานที่ไร้ซึ่งรักเพื่อแลกกับลมหายใจของผู้เป็นพ่อที่เธอรักสุดหัวใจ
ในเวลาต่อมา...
แสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียงส่องให้เห็นเงาร่างสูงของอคิณ ที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำร่างกายกำยำ เปลือยเปล่าท่อนบนมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันรอบเอวสอบ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นลอนสวยจากการออกกำลังกาย หยดน้ำเกาะพราวบนผิวแทน บ่งบอกถึงความสดชื่นหลังจากชำระกาย
เขาก้าวไปยืนอยู่ข้างเตียงคิงไซส์ที่ประดับประดาด้วยผ้าไหมสีขาวสะอาดตา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลิลลี่อบอวลไปทั่วห้อง แต่บรรยากาศกลับเย็นเยียบราวกับไร้ชีวิต
บนเตียงพราวตะวันในชุดนอนผ้าไหมสีครีมตัวหลวมๆ ในคืนแรกของชีวิตแต่งงาน กำลังนั่งหันหลังให้เขา เธอหันหน้าไปทางหน้าต่างบานใหญ่ที่เผยให้เห็นแสงไฟระยิบระยับของเมืองยามค่ำคืน แต่สายตาว่างเปล่า ไม่ได้สนใจทิวทัศน์ภายนอกแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยหวานที่ควรจะเปื้อนรอยยิ้มในวันแต่งงาน กลับฉายแววเย็นชาและเรียบเฉยไร้ความรู้สึกใดๆ
อคิณถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างเธอ มือหนาเอื้อมไปสัมผัสแผ่นหลังเนียนอย่างแผ่วเบา
“พราว” เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยเรียกชื่อเธอแผ่วเบา เต็มไปด้วยความอ่อนโยนปนความคาดหวัง
พราวตะวันสะดุ้งเล็กน้อย เธอหดตัวหลบสัมผัสของเขาราวกับถูกของร้อนลวกก่อนจะลุกขึ้นยืนห่างออกไป สายตาที่หันกลับมามองเขานั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง
“อย่ามาแตะต้องฉัน” เสียงของเธอเยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง “คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น”
อคิณนิ่งไปชั่วขณะ ความอ่อนโยนในดวงตาเลือนหายไปเล็กน้อย ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่
“เราแต่งงานกันแล้วนะพราว นี่คือคืนแรกของเรา” เขาพยายามจะพูดต่อแต่เธอชิงพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“แต่งงานงั้นเหรอ” พราวตะวันหัวเราะหึๆ ในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นฟังดูเจ็บปวดและเยาะเย้ย
“มันไม่ใช่การแต่งงานด้วยความรัก แต่มันคือพันธะที่คุณพ่อของคุณสร้างขึ้นมาเพื่อแลกกับการช่วยชีวิตพ่อของฉันต่างหากล่ะ”
พราวตะวันเดินถอยหลังไปจนชิดผนังราวกับต้องการสร้างระยะห่างให้มากที่สุดจากเขา
“คุณคิดว่าการที่คุณช่วยครอบครัวฉันไว้จะทำให้ฉันยอมมอบร่างกายและหัวใจให้คุณงั้นเหรอคุณอคิณ ฝันไปเถอะ”
อคิณลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแววตาคมกริบจ้องมองพราวตะวันเขม็ง ความอดทนของเขากำลังถูกท้าทาย
“ทำไมคุณถึงเกลียดผมมากนักพราวผมทำอะไรผิด”
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิดแต่คุณก็ไม่ได้ดีไปกว่าใคร” พราวตะวันสวนกลับทันควันน้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้น
“คุณก็แค่เสือผู้หญิงเจ้าชู้เหมือนกับที่ข่าวลือมันบอกทุกอย่างนั่นแหละฉันได้ยินมาหมดคุณคิดว่าฉันโง่นักหรือไงที่จะเอาชีวิตไปผูกกับคนแบบคุณ”
คำพูดของพราวตะวันเสียดแทงใจเขาอย่างจัง ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมาในแววตา แต่เขาก็พยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้
“ข่าวลือมันก็คือข่าวลือพราว” อคิณพยายามอธิบาย
“คุณควรจะเรียนรู้ที่จะมองคนด้วยตาของคุณเอง ไม่ใช่แค่เชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูด”
“ฉันไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อะไรจากคุณทั้งนั้น” พราวตะวันตะโกนกลับ น้ำตาเริ่มคลอหน่วยด้วยความอัดอั้น
“ฉันมีคนที่ฉันรักอยู่แล้วฉันรักเขาหมดหัวใจและฉันไม่มีทางมีอะไรกับคุณได้หรอกคุณมันน่ารังเกียจฉันจะทำทุกอย่างให้คุณรังเกียจฉันบ้างจนกว่าคุณจะทนไม่ไหวและยอมหย่ากับฉัน”
พราวตะวันถอยหนีไปอีกเมื่ออคิณพยายามก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาด้วยความเกลียดชังอย่างชัดเจน
“อย่าคิดว่าฉันจะยอมง่ายๆ การแต่งงานครั้งนี้มันเป็นเหมือน นรก สำหรับฉันและฉันจะไม่มีวันยอมให้คุณได้ในสิ่งที่ต้องการจากฉันเด็ดขาด”
อคิณหยุดนิ่งอยู่กับที่ดวงตาคมจ้องมองเธอด้วยความผิดหวังและความเจ็บปวดที่ประดังเข้ามา คำพูดของเธอเหมือนมีดกรีดแทงลงมากลางใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องอีกครั้ง แต่คราวนี้มันเป็นความเงียบที่หนักอึ้งและบาดลึก พราวตะวันยังคงยืนตัวแข็งติดผนัง ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาแดงก่ำจากการสะกดกั้นอารมณ์ ส่วนอคิณก็ยืนนิ่งงันอยู่กลางห้อง ราวกับถูกตรึงไว้ด้วยคำพูดร้ายกาจของเธอ
เขามองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังนั้นด้วยความเจ็บปวดที่ยากจะอธิบาย หัวใจของเขาที่เคยเต็มไปด้วยความหวังและความรัก กลับถูกบดขยี้จนแหลกละเอียดในคืนแรกของการแต่งงาน
“ได้ถ้าคุณอยากให้ผมเกลียดคุณมากขนาดนั้น” อคิณเอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
“คุณจะได้เห็นเองว่าผมจะทำให้คุณรักผมได้ยังไง”
อคิณพูดขึ้นมาแล้วก็มองหน้าของพราวตะวันอย่างท้าทาย นี่คือเหตุการณ์ปัจจุบันและต่อจากนี้คือจุดเริ่มต้นของสัญญารักที่ไร้หัวใจ
ตอนที่17เมื่อใจเริ่มสับสน เช้าตรู่วันเดินทางไปหัวหิน บ้านของวรวิชญ์ที่ปกติจะเงียบสงบกลับวุ่นวายราวกับพายุเข้า พราวตะวันยืนพิงกรอบประตูห้องโถงมองความโกลาหลตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก เธอเห็นพราวฟ้ากำลังโวยวายกับอคินัยเรื่องกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่หนักเกินไปท่ามกลางเสียงบ่นของพราวฟ้า อคินัยก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับราวกับหูทวนลม “คุณเอาอะไรมาเนี่ย กระเป๋าจะหนักไปไหน” พราวฟ้าบ่นพร้อมขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าสวยบึ้งตึงด้วยความหงุดหงิด เธอพยายามยกกระเป๋าแต่ก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย “ก็ของจำเป็น หนักยังไงคุณไม่มีแรงหรือเปล่า” อคินัยตอบเรียบๆ น้ำเสียงกวนประสาทเล็กน้อยพร้อมกับพยายามยัดกระเป๋าขึ้นรถด้วยท่าทางที่ดูไม่สนใจนัก จู่ๆ กล่องแก้วคริสตัลขนาดเล็กที่วางอยู่บนกระเป๋าเดินทางของพราวฟ้าก็ร่วงหล่นลงมา กล่องกระแทกพื้นจนแตกกระจาย เสียงดังเพล้ง!!! ทำลายความเงียบสงบในบ้านไปจนหมดสิ้น เศษแก้วคมกริบกระเด็นไปทั่วพื้น บางส่วนบาดลึกเข้าที่หลังมือของอคินัยจนเลือดไหลซึมเป็นทางยาว พราวฟ้าชะงักไปชั่วขณะ หัวใจของเธอหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม ความหงุดหงิดและความโกรธที่เคยมีหายไปในพริบตา ถู
ตอนที่16ผู้พิทักษ์คนใหม่ หลังจากกลับจากโรงพยาบาล พราวฟ้าได้แต่เก็บความอัดอั้นและความรู้สึกไร้ประโยชน์ไว้ภายในใจที่ไม่เคยช่วยเหลือพี่สาวกับแม่ได้เลย จนเธอต้องหาทางระบายออกด้วยการรับคำชวนของเพื่อนไปเที่ยวที่บาร์ เพื่อปล่อยความเครียดที่สะสมมาให้ละลายหายไปกับแสงสีและเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม พราวฟ้าในชุดเสื้อครอปสีดำโชว์หน้าท้องแบนราบกับกางเกงยีนส์เอวสูงตัวโปรด ก้าวเข้าไปภานในร้านด้วยท่าทางที่ดูมั่นใจ แต่ในใจของเธอ กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกอัดอั้นที่ยากจะระบายออกมา เสียงเบสที่ดังกระหึ่มจากลำโพงทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ แสงไฟนีออนสีแดงและสีม่วงสาดส่องไปทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่ปลุกเร้าให้ผู้คนรอบข้างหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลงที่แสนจะคุ้นเคย พราวฟ้าเลือกที่จะนั่งอยู่ที่โต๊ะที่อยู่มุมร้านเพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวมากพอทีจะพูดคุยกับเพื่อนๆ ของเธอได้อย่างาสบายใจ “พราว แกเงียบไปนะ” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยทัก “ไม่สนุกเหรอ” พราวฟ้าส่ายหน้า “เปล่าหรอก แค่รู้สึกเหนื่อยๆ นิดหน่อย” “ฉันเข้าใจนะ” เพื่อนอีกคนพูด “แกลอ
ตอนที่15โอกาสที่ยังไม่พร้อม เมื่อทำอาหารเสร็จเรียบร้อย ทั้งอคิณและพราวตะวันก็นำอาหารไปที่โรงพยาบาล กลิ่นยาฆ่าเชื้ออ่อนๆ ยังคงคละคลุ้งในอากาศภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ บรรยากาศที่เงียบสงบถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่น พราวตะวันและอคิณเดินเข้ามาพร้อมกับถุงอาหารในมือ เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาก็เจอกับอรัญญาที่นั่งอยู่ที่โซฟาภายในห้องกำลังนั่งอ่านหนังสือ ส่วนสุริยะก็กำลังนอนดูทีวีอยู่บนเตียงคนไข้ พราวตะวันก็เดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ของเธอทันที ใบหน้าของเธอสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเศร้าที่เคยบดบังดวงตาคู่สวยจางหายไปจนเกือบหมดสิ้น ทำให้คุณอรัญญาถึงกับยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ “คุณพ่อ คุณแม่คะ นี่โจ๊กเพื่อสุขภาพที่พราวทำกับพี่อคิณค่ะ” พราวตะวันเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง เธอยื่นกล่องอาหารให้กับอรัญญาอย่างตั้งใจ อรัญญาเอื้อมมือไปรับกล่องโจ๊กมาไว้ในมือ เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านกล่องใบเล็กๆ นั้น“ขอบคุณนะพราว อคิณด้วย จริงๆ ไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้นะ” เธอมองลูกสาวและลูกเชยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ไม่เป็นไรครับคุณอา” อคิณตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ “ผมอยากให้คุ
ตอนที่14ความห่วงใยของอคิณ พราวตะวันยังคงจมอยู่กับความเศร้า เธอเอาแต่นอนเศร้าไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้น อคิณชวนเธอไปไหนก็ไม่ไป เขาจึงเดินเข้าไปนั่งที่ขอบเตียงอย่างเงียบๆ พราวตะวันหันหลังให้เขาและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง “พราว...” อคิณเรียกพราวตะวันขึ้นมาแต่เธอก็ยังไม่ยอมเอาตัวออกมาจากผ้าห่ม “พราวตะวัน...” อคิณเรียกเธออีกครั้งแต่เธอก็เอาแต่นอนคลุมโปงอยู่อย่างนั้น “ผมเข้าใจเลยว่าคุณเสียใจ แต่การจมอยู่กับมันแบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะ” พราวตะวันไม่ตอบ เธอซุกหน้าเข้ากับหมอนแน่นขึ้น “การอยู่กับความเศร้าในห้องสี่เหลี่ยมนี้จะยิ่งทำให้คุณแย่ลง” อคิณพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่จริงจัง “การได้ออกไปเจอโลกภายนอกบ้าง ได้เห็นสิ่งใหม่ๆ อาจจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น” พราวตะวันยังคงนิ่งเงียบ อคิณจึงตัดสินใจพูดในสิ่งที่เขาคิดจริงๆ “ผมไม่ได้จะบังคับคุณ แต่มันไม่มีใครสามารถมีความสุขได้ถ้าต้องทนทุกข์อยู่ตลอดเวลา ผมอยากให้คุณออกมาจากตรงนี้เพื่อตัวคุณเองนะครับ ผมพร้อมที่จะอยู่ข้างๆ คุณเสมอ”หลังจากที่อคิณพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้พราวตะวันนอนอย
ตอนที่ 13บทเรียนจากน้ำตา อคิณยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของพราวตะวัน เขานั่งลงพิงบานประตูอย่างเงียบๆ นานหลายนาที เขารู้ว่าความเจ็บปวดที่พราวตะวันได้รับในตอนนี้มันหนักหนาแค่ไหน และการปล่อยให้เธอได้อยู่คนเดียวกับความรู้สึกนั้นอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ แต่เขาก็ทำใจที่จะเดินจากไปไม่ได้ เขานั่งรออยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ราวกับจะคอยปกป้องเธอจากความเจ็บปวดที่กำลังถาโถมเข้ามา ภายในห้อง พราวตะวันนอนร้องไห้จนตัวโยนอยู่บนเตียง เธอรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงไปในทะเลที่มืดมิดและไร้ซึ่งทางออก ความเจ็บปวดในใจของเธอรุนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเจอมาในชีวิต เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เธอรักมากที่สุดจะทำร้ายเธอได้ขนาดนี้ ทุกคำพูดที่ฟิล์มเคยบอกรัก ทุกสัญญาที่เคยให้กันมันกลับกลายเป็นสิ่งที่หลอกลวงทั้งสิ้น เธอโง่เขลาที่เชื่อคำพูดเหล่านั้นมาตลอด “ฉันมันโง่...” พราวตะวันพึมพำกับตัวเอง เสียงสะอื้นที่ดังออกมาเบาๆ เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนกระทั่งหมดแรงและผล็อยหลับไปในที่สุด เมื่อพราวตะวันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แสงแดดอ่อนๆ ก็ส่องเข้ามาในห้องแล้ว เธอรู้สึกปวดตาและเจ็บปวดไปทั้ง
ตอนที่ 12 ยิ่งพยายามใกล้ยิ่งห่างไกล อคิณกลับเข้ามาในห้องทำงานด้วยสีหน้าอ่อนล้าจากการประชุมที่ยาวนานกว่าที่คิด เขามองไปที่พราวตะวันที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง ใบหน้าของเธอหันออกไปมองทิวทัศน์ข้างนอก แต่แววตาของเธอกลับว่างเปล่า ราวกับว่าความคิดของเธอกำลังล่องลอยไปในที่ไกลแสนไกลอคิณเดินเข้ามาใกล้เธอช้าๆ เขารู้สึกผิดที่บังคับเธอให้มารอเขาประชุม“ผมขอโทษนะครับพราว ที่ทำให้คุณต้องรอนาน” อคิณกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พราวตะวันไม่ตอบอะไร เธอยังคงนิ่งราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องกับเธอ ราวกับว่าการมีตัวตนของเขาไม่มีผลอะไรต่อเธอเลยแม้แต่น้อยอคิณถอนหายใจเบาๆ เขาเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นแล้วเอื้อมมือไปจับมือของเธอไว้เบาๆ“ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่ผมขอโทษได้ไหม” พราวสะบัดมือของเขาออกอย่างแรง“ฉันไม่ได้โกรธ แต่ฉันรำคาญที่ต้องอยู่ใกล้ๆ คุณอย่างนี้และยิ่งตอนนี้ฉันก็ยิ่งไม่อยากอยู่ใกล้ๆ คุณ”“ผมรู้ว่าคุณรำคาญผมแต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมไม่ได้อยากทำให้คุณอึดอัด” อคิณบอกกับเธออคิณเงียบไปชั่วขณะ เขามองพราวตะวันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และตัดพ้อ“พราวคุณไม่เคยคิดเลยหรือไงว่าที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ ผมหวังดีกับ
Commentaires