ซ่า~~~~ สายฝนพร้อมใจกันโปรยปรายลงมายังพื้นดินชนิดที่หลบไม่ทัน “จะรอให้ถึงบ้านก่อนนี่ไม่ได้เลย กลัวไม่ได้ตกหรือไงวะ" เธอบ่นอีกครั้งก่อนขึ้นควบจักรยานและรีบปั่นไป "พี่ไปด้วย" ชายหนุ่มกระโดดซ้อนท้ายเธอพร้อมทั้งกอดเอวนั้นอย่างถือวิสาสะ “นั่งดีๆ จะมากอดทำไม" “ให้กอดแนย่านตก” (ขอกอดหน่อยกลัวตก) “ตัวอย่างกับหมีควายคนที่ต้องกลัวควรเป็นฉัน!!" เรไรไม่มีทางเลือกเธอปั่นมาจนถึงกระท่อมปลายนาของยายสายจึงจอดรถทิ้งไว้และวิ่งเข้าไปหลบในนั้นก่อน ดูท่าฝนก็คงจะไม่หยุดและยังตกแรงขึ้นอีก แถมฟ้าก็ยังส่งเสียงร้องดังจนน่ากลัว "เรไรไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร" "เรไร...บาดแผลในใจเจ้าให้อ้ายเป็นคนรักษาได้บ่"[แผลที่ใจพี่ขอรักษาให้ได้หรือไม่]
Lihat lebih banyakแนะนำตัวละคร
1.เรไร นางเอก
2.แคน พระเอก
ตลาดสดในตัวอำเภอ
ในยามสายหลังจากที่ขายพริกหมดกำลังจะเก็บของกลับบ้านฉันก็บังเอิญเจอเข้ากับสองคนที่ฉันรู้จักดี ใจดวงน้อยสั่นระรัวขึ้นทันที พร้อมกับความจุกแน่นที่ดันขึ้นมากองอยู่ลิ้นปี่
“อ้ายเห็นโตเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง” (พี่เห็นเธอเป็นเพียงน้องสาว)
“น้องสาวบ่ เห็นเป็นแค่น้องสาวบ่!!” (น้องเหรอ เห็นเป็นแค่น้องสาวเหรอ) ฉันย้ำคำถามเสียงดังอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“เรไรคนมองเยอะแล้ว"
“มึงก็อีกคน รู้ทั้งรู้ว่ากูกับอ้ายห้อยมักกันมึงก็ยังเฮ็ดกับกูได้ลง อีหมู่ซั่ว” ดูเหมือนคำด่าของฉันไม่ได้เข้าสมองคนฟังเลยสักนิด กลับกันเธอยังยืนกอดแขนชายคนรัก ไม่สิ! เขาไม่เคยรักฉันด้วยซ้ำด้วยความสนิทชิดเชื้อ (เชื้อติดปิ๊)
"พี่ห้อยเขาบอกว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับมึง"
“แล้วมึงเชื่อเขาทุกอย่างเลย"
“เร อ้ายว่าเรเมือบ้านสา จังได๋เรกะเป็นน้องสาวอ้ายคือเก่าล่ะ” (พี่ว่าเรกลับบ้านไปเถอะ ยังไงเรก็คือน้องสาวของพี่)
ฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจอะไรเท่านี้มาก่อน เดินมาบอกกันตรงๆยังจะรู้สึกดีกว่าที่ให้ฉันมาเจอเขาสองคนลอบรักกันลับหลังแบบนี้ อีกคนก็เพื่อนสนิทอีกคนก็คนที่...รัก
“อีสีมันดีกว่าเรตรงไหน ทำไมพี่ถึง"
“สีเขาดีกับอ้าย” (สีเขาดีกับพี่)
ฉันได้แต่กัดฟันแน่น ความเจ็บในใจมันเปลี่ยนเป็นความโกรธ ผู้ชายคนอื่นต่างอยากได้ในตัวฉันแต่คนตรงหน้ากลับทำเหมือนฉันไร้ค่า
“ถ้าว่ามันดีหลาย...กูกะดีคือกันล่ะไปสิยอมซั่ว มึงเป็นบ้าติ”
เรไรลูกสาวคนกลางของบ้าน หน้าตาสะสวยกว่าพี่สาวและน้องสาว ทรวดทรงองเอวก็อวบอัดได้สัดส่วน หนุ่มๆ ทั้งในและต่างหมู่บ้านต่างก็อยากได้ตัว แต่พอเจอเรไรบ่นเข้าให้ก็ถอยกรูไปทุกราย พ่อแม่ตาสิทธิ์กับยายนางห่วงมากด้วยว่าเธอนั้นเป็นคนขี้บ่น บ่นทุกอย่างที่ไม่เข้าตา กลัวว่าจะไม่มีใครเอาไปเป็นเมีย จะมีก็แต่ ‘ห้อย’ นี่แหละที่คอยดูแลและพาไปไหนมาไหน เป็นทั้งรักแรกและรักเดียวของเธอมาหลายปี แต่ทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่าเมื่อเขาได้เปิดตัวคบกับสีเพื่อนรักของเธอ
ร้านยาดองเจ้วาสนา
"เรไรเอ๊ย...พี่รู้ว่าเองเสียใจแต่อย่าเก็บมาคิดใส่ใจให้มันได้มัวหมอง หน้าตาสะสวยขนาดนี้หาได้ดีกว่านี้สิบเท่า หากเองหัดพูดให้มันเพราะ" พี่สาวฉันลดเสียงลงให้ประโยคสุดท้าย
“ฉันไม่ได้คิดอะไร เสียใจก็ยอมรับ แต่เจ็บใจมากกว่า" เจ็บใจที่โดนทำลับหลัง น้ำสีแดงในแก้วเป็กหรือแก้วชอตฉันกระดกพรวดเข้าปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“กินยาดองปานลำยองเนาะมึง” (กินเหล้ายาดองเหมือนลำยองเลยนะมึง)
“กินหลายเด้อ ขึ้นมามันหาหม่องลงบ่ได้เด้คนโสดนั้น” (อย่ากินเยอะนะ อารมณ์เปลี่ยวของสาวโสดยากที่จะเอาลงนัก) ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่เขาว่าน้องเมียสะอื้น ม้ากระทืบโรง นารีรำพึง เฒ่ากระโดดกำแพง สาวน้อยตกเตียง ฤๅษีลืมไพร ฤๅษีชุบตน พญาพันรู เฒ่าปล้ำช้าง แต่ละอย่างของชื่อยาดองนี่มันมีฤทธิ์หรือแตกต่างกันยังไง แต่ที่กินๆมามันก็รสชาติเหมือนๆกันนั่นแหละ
“วาสนา” ฉันหันไปมองที่ต้นเสียง ก็พบกับ อบต.หนุ่มที่คุ้นหน้าค่าตากันเป็นอย่างดี เขายังอยู่ในชุดสีกากีน่าจะพึ่งกลับจากประชุม เขาเทียวแวะเวียนมาแจกขนมจีบพี่สาวฉันอยู่หลายปี
“เป็นหยังละนั้นคือหน้าบูดคือขี้แท้” (เป็นอะไรทำไมหน้าบึ้งหน้าบูดเหมือนขี้เลย)
“โอ้ยถ้าจะทักปานนี้กะอมขี้มาพู้ดใส่หน้าข่อยโลดอ้าย” (ถ้าจะทักขนาดนี้ก็อมขี้มาบ้วนใส่หน้าเลยเถอะ) ฉันสวนกลับทันควัน ทำเอาพี่น้องทั้งสองขำพรืด พี่ครามเดินเข้ามานั่งโต๊ะเดียวกับฉันพร้อมกับมองยิ้มๆ
“เป็นหยัง"(เป็นอะไร)
"อกหัก" ฉันบอกเขาเสียงเอื่อยๆ อารมณ์มันบูดๆไม่อยากต่อปากต่อคำกับใคร ทว่า...
"คือว่าอกหัก เขาเคยบอกฮักอยู่บ่"(ทำไมถึงว่าอกหัก เขาคนนั้นเคยบอกรักด้วยเหรอ)
ประโยคจากคนมาใหม่เหมือนเสาเข็มที่ตอกย้ำลงลึกในใจฉันจนจุก แต่ก็จริงอย่างที่เขาพูดพี่ห้อยไม่เคยบอกรักฉันเลยสักครั้งมีแค่ฉันที่คิดไปเอง
พรวด!!
"พอแล้ว สิย้อมใจหยังคักแท้ ไปหาย้อมผมแต่งตัวสวยๆให้เขาเสียดายเล่นพุ้น" (พอแล้ว เลิกย้อมใจได้แล้วไปทำสีผมแต่งตัวสวยให้บางคนเสียดายเล่นดีกว่า) ประโยคนี้เป็นน้องสาวฉันพูดขึ้น อีลำดวนมันอายุห่างจากฉันหนึ่งปี พี่วาสนาห่างฉันสองปี ตอนนี้ฉันยี่สิบหก พี่สาวยี่สิบแปด ลำดวนยี่สิบห้า เราสามใบเถายังโสดสนิท ทีแรกเหมือนฉันจะได้ออกเรือนก่อนใครเขาแต่ตอนนี้เห็นทีจะไม่ใช่แล้วล่ะ!
“อ้ายเห็นเขาพากันไปย่างตลาดคลองถม” (พี่เห็นสองคนนั้นเดินอยู่ที่ตลาด)
“เลิกพูดไม่อยากรู้" ฉันกระแทกเสียงใส่พี่แคน ใบหน้าหล่อเจ้าเล่ห์นั้นเอาแต่ยิ้มส่งให้มันทำให้ฉันหงุดหงิดมาก เลิกมองหน้าพี่แคนแล้วหันกลับมาซดยาดองอีกแก้ว
“กินเหล้าเป็นตาย่านฮ้ายเว้ย” (กินเหล้าได้น่ากลัวมาก)
“ย่านกะหนีไกลๆ อย่ามาใกล้ พุ้นไปหายายวาดพุ้น” (กลัวก็ไป อย่ามาใกล้ นุ่นไปหาพี่วาสนาโน่น)
ฉันนั่งซดยาดองอยู่ร้านพี่สาวจนเวลาย่างเข้ามาหนึ่งทุ่ม บรรยากาศลมพัดแรงคล้ายฝนจะตกในอีกไม่ช้าพลันท้องฟ้าเกิดแสงวับวาบไปทั่วบริเวณ พี่ครามกลับไปก่อนตอนนี้เหลือแค่พี่แคนที่นั่งซดอยู่กับฉันสองคน อีลำดวนก็กลับบ้านไปแล้ว ที่ฉันไม่อยากกลับเพราะมีเสี่ยร้านขายของส่งมานั่งอยู่แถมชอบพูดแซะพี่วาสนาในเชิงชู้สาวอีก ฉันละไม่ชอบใจนัก! จึงนั่งรอจนไอ้แก่หัวงูนั้นกลับ ก็ปาเข้ามาตอนนี้ พี่แคนก็มีงานเข้าจึงได้กลับไปก่อน เวลาสองทุ่มเข้ามาแล้วมันมึดไปทั่วบริเวณมีเพียงแสงไฟหลากสีจากหน้าร้านพี่วาสนาเท่านั้น
“นอนที่นี่ก็ได้นะเร"
“ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องตื่นเอาพริกไปส่งตลาดแต่เช้า" ฉันปั่นจักรยานอีขาวคู่ใจคันเก่าๆกลับมาที่บ้านโดยทางลัดก็ถนนตามคันนาโดยมีไฟฉายอันเล็กที่พอให้แสงสว่างบ้าง ที่เลือกมาทางลัดเพราะบ้านของเธอนั้นอยู่นอกๆ หมู่บ้านถ้าปั่นผ่านเวลาดึกขนาดนี้มีหวังหมาได้โห่ตั้งแต่ทางเข้าจนทางออกแน่ๆ แต่ไม่ทันได้ถึงครึ่งทาง...
“แม่มึงเอ๊ย! จังแม่นบ่คูณคักมาตกหยังกลางทาง กูแห่งตะฟ้าว” (โธ่เอ้ย! จะมาเกเรอะไรตอนนี้คนยิ่งรีบๆอยู่) โซ่รถจักรยานนั้นตกจนไม่สามารถปั่นไปต่อได้ ฉันยกขาตั้งรถขึ้นก่อนจะนั่งลงจับโซ่นั้นใส่กลับเข้าที่เฟืองเหมือนเดิม จนมือสองข้างนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำมันเครื่องและจาระบี
“เรไร” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกมาจากไกลๆ บรรยากาศทั้งมืดทั้งลมดึกๆแบบนี้ใครเดินมาเรียก แล้วรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉันเนี่ย เมายาดองก็เมา โอ๊ย! พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยอีเรด้วย
ฉันส่องไฟฉายไปที่คนตัวโตพอเขาเข้าใกล้มาก็เห็นและจำได้ว่าคือพี่แคนนั่งเอง เขามาทำอะไรที่นี่ ไม่ใช่นาหรือทางไปบ้านเขาสักหน่อย มาใส่เบ็ดเหรอก็ไม่น่าใช่
“มาเฮ็ดหยังค่ำมืดปานนี้” (มาทำอะไรค่ำมืดขนาดนี้) ฉันถามเขาพลางยกมือขึ้นมาปัดผมออกจากหน้าเพราะลมพัดจนมันบังหน้าบังตาไปหมดแต่ก็บืมไปว่ามือตัวเองเปื้อนน้ำมันเครื่องอยู่
“ฮึ ๆ”
“หัวหาสิแตกอะไร” (หัวเราะทำไม) พอเขาเดินมาหยุดตรงหน้าก็หัวเราะออกมาเบาๆ บ้าหรือเปล่า!
“เปื้อน” เขาว่าพร้อมกับเอาชายผ้าขาวม้าเช็ดให้ ฉันรีบผละหน้าออกแต่ก็ถูกเขาจับตัวเอาไว้และเช็ดอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็อาบน้ำเหมือนเดิม เรไปก่อนนะ"
ซ่า~~~~ สายฝนพร้อมใจกันโปรยปรายลงมายังพื้นดินชนิดที่หลบไม่ทัน
“จะรอให้ถึงบ้านก่อนนี่ไม่ได้เลย กลัวไม่ได้ตกหรือไงวะ" เธอบ่นอีกครั้งก่อนขึ้นควบจักรยานและรีบปั่นไป
"พี่ไปด้วย" ชายหนุ่มกระโดดซ้อนท้ายเธอพร้อมทั้งกอดเอวนั้นอย่างถือวิสาสะ
“นั่งดีๆ จะมากอดทำไม"
“ให้กอดแนย่านตก” (ขอกอดหน่อยกลัวตก)
“ตัวอย่างกับหมีควายคนที่ต้องกลัวควรเป็นฉัน!!" เรไรไม่มีทางเลือกเธอปั่นมาจนถึงกระท่อมปลายนาของยายสายจึงจอดรถทิ้งไว้และวิ่งเข้าไปหลบในนั้นก่อน ดูท่าฝนก็คงจะไม่หยุดและยังตกแรงขึ้นอีก แถมฟ้าก็ยังส่งเสียงร้องดังจนน่ากลัว
แคน ลูกชายคนโตของบ้าน หนุ่มหน้าไทยผิวสีน้ำผึ้งรูปร่างกำยำดูแข็งแรง ธุรกิจส่วนตัวคือเจ้าของแบคโฮรับจ้างทั่วราชอาณาจักร ทั้งยังมีรถดั้มอีก 6 คัน ครองโสดมายาวนานเพียงเพราะรอคนคนหนึ่ง และตอนนี้เขาก็พอที่จะมีหวังแล้ว
ต่อให้รีบปั่นแค่ไหรก็คงจะไม่ถึงบ้านหรอกฉันเลยแวะเข้าดถียงนายายสายที่อยู่ใกล้ๆก่อน ฝนที่ตกปานฟ้ารั่วทำให้เสื้อผ้าของเราเปียกโชกจนเห็นไปยังด้านใน ไอ้ฉันมันก็ใส่เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงยีนขาสั้นพอเปียกแล้วก็หนาว หนาวจนปากสั่นเลย
“ห่มไว้ก่อน” เขาเอาผ้าขาวม้าของตัวเองมาห่มให้มันก็เปียกแต่มันก็ยังไม่หนาวเท่าไม่มีอะไรเลย
“ตกไม่รู้เวล่ำเวลา จะรออีกสักสิบนาทีหน่อยก็ไม่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าจะกลับบ้านเนี่ย"
“จ่มดีคัก” (บ่นเก่งนะ)
“หนูแค่พูดไม่ได้บ่นสักหน่อย" เป็นปกติของฉันแหละที่คนอื่นชอบว่าฉันขี้บ่น ฉันต้องตกใจอีกครั้งเมื่อพี่แคนถอดเสื้อแขนยาวสีดำของเขาออกจนเห็นหุ่นล่ำๆ และลายสักที่อยู่บนหัวไหล่และหน้าอก เหมือนพวกเล่นของอะไรแบบนั้นเลย
กระหื่ม!!!
สายฟ้าฟาดลงที่ต้นไม้ใหญ่กลางนาที่อยู่ถัดไปราวๆหนึ่งกิโลเมตรแต่ความสั่นสะเทือนนั้นก็ส่งถึงเถียงนาที่ฉันนั่งอยู่ มันดังมากจนต้องยกมือขึ้นมาปิดหูหลับตาปี๋ ไม่ได้กลัวหรอกนะแค่ตกใจ
“ฮึ! จ่มกะฮักคือเก่านั้นล่ะ”(บ่นเก่งก็รัก)
“อะไรนะ" เพราะฝนที่กระหน่ำเทลงอย่างแรงเมื่อกระทบสังกะสีทำให้ฉันไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร จึงขยับใลหน้าเข้าใกล้หวังให้เขาพูดอีกครั้ง ทว่า...
จุ๊บ!!! ฉันถูกพี่แคนขโมยหอมแก้ม!!!
“เฮ็ดอิหยังนิ พ่อใหญ่ห่านิแมะ เอามาบ่ฮู้จักควมแทะ ข่อยเป็นลูกมีพ่อมีแม่เด้อ” (ทำอะไรของพี่เนี่ย หนูเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ
“อ้ายกะมีคือกัน” (พี่ก็มี) เหลือจะเชื่อกับความหน้าตายของเขาเลย
“แล้วพี่จะมาหอมแก้มหนูทำไม" เอาจริงๆฉันก็พูดออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความเขินนั่นแหละ เกิดมานอกจากพ่อแม่พี่น้องยังไม่มีใครได้หอมแก้มฉันสักคน พี่แกเป็นใครมาจากไหนวะ!
“เอ้ากะอิหล่าเอียงแก้มมา อ้ายนึกว่าให้หอมเนาะ” (เห็นเอียงแก้มมา ก็นึกว่าอยากให้หอม) ใบหน้าหล่อเข้มฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาทันตา
“สิมาอิลงอิหล่าหยัง ไผเป็นอิหล่าเจ้า” (มานงมาหนู ใครเป็นอิหนูของพี่กัน)
“อิหล่าเด้ เป็นอิหล่าอ้าย” (ก็หนูไงเป็นหนูของพี่)
“หนีเด้ออ้ายแคน อย่ามาหัวงูใส่มีดสับคอขาดเด้อ” (จะไปไหนก็ไปพี่แคน อย่ามาทำเจ้าชู้หัวงูใส่ ระวังถูกมีดสับคอขาด) น้ำเสียงกระแทกใส่ของฉันหากเป็นคนอื่นคงจะไม่ชอบใจ แต่พี่แคนเขาเอาแต่ยิ้มเหมือนชอบใจที่เห็นฉันว่าเสียงแผดใส่แบบนี้
“งูอ้ายมันบ่ออกมาให้ไผเห็นง่าย ๆ ดอก” (งูพี่มันไม่ออกมาให้ใครเห็นง่าย ๆ หรอก) คร้านจะต่อปากต่อคำ คนเจ้าชู้ประตูดิน.
เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างปลุกฉันให้รีบตื่นมาทำกับข้าวเพื่อเตรียมไปวัดในวันพระใหญ่ ในฤดูหนาวแบบนี้ทำเอาไม่อยากจะออกจากผ้าห่มเลย"พี่เร ตื่นหรือยัง""อือ" ฉันตอบน้องสาวพลางหยิบเสื้อแขนยาวไหมพรมออกมาสวมใส่ เราสองคนเดินลงมาจากบนบ้านและช่วยกันทำกับข้าวมือเป็นระวิง กว่าจะเสร็จฟ้าก็ทอแสงรำไรแล้ว ม่านหมอกหนาบดบังทิวทัศน์ของทุ่งนาที่เหลืองอร่ามให้เห็นเป็นเลือนราง"เสร็จแล้วฉันไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ" ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะขึ้นไปเอาเสื้อผ้าเพื่อรอคิวอาบต่อ ดีที่พี่แคนมาทำห้องน้ำและติดเครื่องทำน้ำอุ่นให้ใหม่เลยทำให้การอาบน้ำสะดวกขึ้นฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย พอคิดถึงชายคนที่ครอบครองดวงใจรอยยิ้มหวานก็ปรากฏบนใบหน้าทันที ฉันหยิบเสื้อพื้นเมืองสีชมพูกับผ้าถุงลายหยาดฝนที่แม่ทอให้ออกมาสวมและสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมอีกที ก่อนจะรีบออกมารอลำดวนที่ด้านล่าง ไม่นานนางก็เดินลงมาด้วยชุดที่คล้ายกันกับของฉันเราสองคนพี่น้องขับรถออกมาตามทางตรงไปที่วัดโดยใช้ทางลัดตามคันนา แสงรุ่งอรุณตกกระทบน้ำค้างบนยอดหญ้าจนเป็นแสงระยิบระยับชวนมองกลิ่นอายของต้นข้าวยามถูกหมอกโชยเข้าจมูกช่างเป็น
แสงแดดยามเช้าทำให้รู้สึกรื่นรมณ์ใจสงบผ่อนคลายไม่น้อย สองขาที่ผอมแห้งของตาสิทธิ์ก้าวเดินฉับ ๆ มาที่ร้านค้าเพื่อซื้อเครื่องปรุงตามที่คนเป็นเมียบอก แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าหากว่าไม่ได้ยินบทสนทนาจากคนที่อยู่ร้านค้า..."อิหลีตั้วะ มื้อวานนี้ยืนกอดกันอยู่ตลาด ทิศแคนหอมแก้มมันกะบ่ขัดบ่ขืนเลยเด้ จังแม่นบ่อยากอายคน คือสิอยากได้เขาคัก"(จริง ๆ นะเมื่อวานนี้เห็นยืนกอดกันอยู่ที่ตลาด ถูกทิศแคนหอมแก้มมันยังไม่ขัดขืนเลย ช่างไม่อายคนคงจะอยากได้เขาจนตัวสั่น)"เจ้าจำคนผิดบ่"(แกจำผิดคนหรือเปล่า)"บ่ ๆ อีเรไรนี่แหละ ข่อยเห็นมากับสองตา"(ไม่ ๆ ฉันมั่นใจเห็นมากับสองตา)"แต่พักหลัง ๆ มานี้กะเห็นทิศแคนเข้าออกบ้านพ่อใหญ่สิทธิ์ดุอยู่ สิมาวนอีเรอิหลีล่ะ"(แต่พักหลังมานี้ก็เห็นทิศแคนเข้าออกที่บ้านตาสิทธิ์บ่อยอยู่นะ คงจะมาติดพันเรไรจริง ๆ นั่นแหละ)แม่ค้าตอบกลับมาเป็นความคิดเห็นเท่านั้น เพราะเธอเองก็เห็นแต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนักเพราะต่างคนต่างใช้ชีวิต"ไสว่ามันสิเอากับบักห้อย"(แต่ไหนว่ามันกับไอ้ห้อยจะเอากันเป็นมั่นเหมาะ)"โอ๊ย! ทุกปานนี้บักห้อยมันบ่เอาดอก คนขี้ค้านจั
เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ชาวบ้านก็เริ่มไล่วัวควายออกไปเลี้ยงตามวิถีชีวิตชนบท บางคนก็ออกไปไร่ไปนาเพราะใกล้ฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว"พี่เร...รอด้วยฉันเสร็จแล้ว" ลำดวนรีบแต่งตัวตามพี่สาวออกมาหมายจะออกไปช่วยขายผักที่ตลาด"อยู่นี่แหละรอทำกับข้าวให้พ่อกับแม่""บ่ ๆพ่อกับแม่บ่อยากดอก พากันออกไปส่อยกันโลด"(ไม่ต้อง ๆ พ่อกับแม่อยู่กันได้ เอ็งสองคนพสกันออกไปช่วยกันเถอะ)คนเป็นแม่ว่าขึ้นเพราะลำพังอยู่สองตายายกินอะไรก็ได้อยากให้ลูกออกไปช่วยกันมากกว่า"งั้นเดี๋ยวฉันรีบกลับมานะ"สองสาวพี่น้องซ้อนท้ายกับออกมาตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปให้ทันตลาดเช้า ผักช่วงนี้ออกเยอะจนล้นตลาดทำให้ต้องไปนั่งขายเอง หมดล็อตนี้ก็ว่าจะกลับไปปลูกพริกกับมะเขือเหมือนเดิมดีกว่า"ลำดวน ไม่ต้องช่วยพี่หรอก เอาผักกาดกับกะหล่ำอย่างละร้อยไปส่งร้านขนมจีนเจ้น้อยให้พี่ไป""จ้ะ" ว่าแล้วลำดวนก็หยิบผักกาดขาวและกะหล่ำใส่ตะกร้าเท่าจำนวนที่สาวบอกและขับมอไซด์ออกไปที่ร้านขนมจีนหน้าโรงพยาบาลเหลือเพียงเรไรที่กำลังตั้งแผงขายผักที่เหลืออยู่"ผักจ้าผัก สด ๆ จากสวน ปลอดสารพิษนะจ๊ะ" เสี
"เอ้าสูสองคนคือมานำกัน"(อ้าว ทำไมสองคนนี้มาด้วยกัน)"กูย่างเลาะมาพ้อผู้สาวกำลังยืนงง ๆ อยู่ข้างห้องน้ำกำลังว่าสิลักพาตัว"(กูเดินมาเจอสาวสวยคนนี้กำลังยืนงง ๆ อยู่ข้าง ๆ ห้องน้ำเลยว่าจะลักพาตัวสักหน่อย)"หือ!!!"ฉันเงยหน้ามองคนด้านข้างและพยายามจะดึงมือออกจากเนื้อมือของเขาที่จับรั้งฉันเอาไว้"อีลำดวนกลับบ้าน"(ลำดวนไป...กลับบ้าน)"ฮะ อือ ๆ" ลำดวนก็เมาไม่ต่างจากฉันสักเท่าไหร่ แต่ฉันตกใจสิ่งที่พี่แคนทำจนหายเมาแล้วล่ะ เหลือแค่มึนนิดหน่อย ทีแรกกะจะกลับมากินต่อแหละ แต่ไม่ดีกว่าเดี๋ยวเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่"ยกรถจักรยานขึ้นรถให้ด้วย" ฉันบอก...ไม่สิฉันสั่งเขา! และเดินมาขึ้นรถกระบะที่จอดอยู่ข้าง ๆ ร้านพี่วาสนาราวกับเป็นรถของตัวเอง ส่วนลำดวนขึ้นรถมาได้ก็นอนราบไปที่เบาะหลังและเหมือนจะหลับจนได้ยินเสียงกรนออกมาเบา ๆ"อีลำดวน ลุกฮอดบ้านแล้ว"(ลำดวนลุกถึงบ้านแล้ว)"อือ ฮะ อือ" น้องสาวคนเล็กลุกขึ้นงัวเงียก่อนจะเปิดประตูรถลงไปก่อน"ขอบคุณเด้อที่มาส่ง"(ขอบคุณนะที่มาส่ง)"เร...เป็นแฟนกับอ้ายเนาะ"(เร...เป็นแฟนกับพี่เถอะนะ)ตั้งแต่ฉันผิดหวังจากไอ้ห้อยนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่พี่แคนของฉันเป็นแฟน ในคราแรก
ร่างอรชรในชุดเสื้อกล้ามสีชมพูสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมกางเกงวอมสีเทาเดินลงมาจากบนบ้านก็เห็นว่าพ่อแม่และน้องสาวกำลังจัดแต่งสำรับเย็น แต่ไร้ความหิวสำหรับเธอ"กินข้าวก่อนเลยเด้อ สิออกไปนั่งเล่นอยู่ร้านยายวาด"(กินกันได้เลยนะ จะออกไปนั่งเล่นที่ร้านองพี่วาด""ข่อยไปนำ"(หนูไปด้วย)ว่าแล้วลำดวนที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จและแต่งพาข้าวให้พ่อแม่เรียบร้อยก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวมาสวมทับและขึ้นซ้อนท้ายจักรยานของพี่สาวทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะอุ้มเอาถุงต้นหอมติดไปส่งร้านค้าในหมู่บ้านด้วยเนื่องจากเป็นทางผ่านถนนคอนกรีตในหมู่บ้านทอดยาวไป บ้านเรือนแถบชนบทส่วนมากก็จะเป็นบ้านไม้ยกสูงใต้ถุนโล่งหลังไหนที่มีอันจะกินหน่อยก็จะเป็นครึ่งปูครึ่งไม้ วัวควายที่ไล่ต้อนเข้ามาในยามพลบค่ำก็เดินเต็มถนนร้านยาดองวาสนา แม่ค้าสาวคนสวยในชุดเสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับผ้าถุงลายหงส์ที่เธอชอบใส่กำลังยืนตักเหล้าดองยาจากไหใส่กระบอกไม้ไผ่ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาดื่ม โดยมี อบต. หนุ่มนั่งอยู่ไม่ห่าง ทันทีที่เห็นน้องสาวสองคนเธอก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้
แสงแดดจ้าในตอนกลางวันช่วงหน้าหนาวไม่ได้ให้ความรู้สึกร้อนอย่างที่ควรจะเป็นแต่ยังเพิ่มความอบอุ่นให้จากอุณหภูมิที่ต่ำแบบนี้ด้วย สองพี่น้องที่ช่วยกันถอนหญ้าจากแปลงกะหล่ำและต้นหอม พลางเปิดเพลงจากลำโพงบลูธูทขนาดเล็กที่ลำดวนนั้นพกมาด้วยจนเสียงดังไปทั่วบริเวณ เข้าหน้าหนาวแบบนี้พริกปลูกยากเป็นโรคแล้วก็ไม่โตจึงต้องหันมาปลูกพืชตามฤดูแทน แต่ตอนนี้มีเพียงต้นหอมที่พอจะเก็บขายได้ส่วนกะหล่ำพึ่งจะได้สามสิบวันต้องรอให้ได้อายุก่อน"พี่เร...ลำดวนว่าพี่แคนก็ดีนะ เมื่อไหร่พี่จะเปิดใจให้แกสักที นี่เขาก็ตามจีบพี่มาเป็นเดือน ๆ แล้ว"ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจจากพี่สาวกลับมา แต่ลำดวนนั้นเชียร์ว่าที่พี่เขยคนนี้สุดใจ"ข่อยเห็นอิสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาบ้านเลาอยู่เด้อ ระวังเล่นตัวหลาย ๆ เขาสิหันไปหาคนอื่นก่อนยามนั้นอย่ามาคิดเสียดาย"(หนูเห็นสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาที่บ้านพี่แคนบ่อย ๆ ถ้าเขาหันกลับไปสนใจคนอื่นจะมาคิดเสียดายทีหลังไม่ได้นะ)"อีลำดวน มึงสิเว้าฮอดอ้ายแคนสุมื้อเลยบ่ มักปานนั้นมึงคือบ่เอาเองโลด"(ลำดวน..นี่จะพูดถึงพี่แคนทุกวันเลยหรือไง ถ้าชอบขนาดนั้นทำไมไม่เ
Komen