“เหล่ากง..” หญิงสาวยกมือปิดหน้าอก ชันเข่าขึ้นซ่อนสิ่งที่บ่งบอกความเป็นสตรี ตะแคงตัวหนีสายตาหยาดเยิ้มของเขา “สายตาของท่านทำซินเอ๋อร์ขัดเขินแทบขาดใจแล้ว” “เช่นนั้นเหล่ากงให้มองคืนบ้าง” เขาดึงนางมาสู้สายตา “ซินเอ๋อร์ไม่กล้าหรอก” นางเผลอมองไปแล้ว แม้จะเห็นความใหญ่โตของมันแค่ครึ่งลมหายใจ แต่ก็ทำให้นางตกใจจนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
Lihat lebih banyakเมืองหลวง แคว้นเทียนฝู่
“ท่านพ่อได้โปรด อย่าให้ข้าแต่งงานกับอาหูเลย” หญิงสาววัยสิบเจ็ดโขกศีรษะอ้อนวอนบิดาทั้งน้ำตา
“ทำไมเจ้าถึงไม่อยากแต่ง เขาไม่ดีตรงไหนเสี่ยวอิน” พยายามถามอย่างใจเย็น
“เขา..ข้าคิดว่าเขาไม่ได้รักข้า”
บิดาถอนหายใจอย่างแรง คำตอบของนางเขารู้ดีว่าหมายถึงนางมีบุรุษอื่นอยู่ในใจแล้ว
“มีใครบ้างที่แต่งงานเพราะรักกัน ทุกคนล้วนแต่งงานตามความเห็นควรของพ่อแม่ทั้งนั้น”
“แต่ข้าอยากแต่งงานกับคนที่ข้ารัก”
“...ยังไงเจ้าก็ต้องแต่งงานกับอาหู” แม้จะเห็นใจแต่เขาก็ต้องเด็ดขาด
“ข้าไม่แต่ง ถ้าท่านพ่อยังบังคับข้า ข้าจะหนีตามคนที่ข้ารักไป” สตรีใบหน้างดงามข่มขู่บิดา
“ถ้าเจ้าอยากให้ข้ากับแม่ของเจ้า ต้องแบกรับความอัปยศก็ตามใจเจ้าเถิด นอกจากอับอายขายขี้หน้าชาวบ้าน ข้ากับแม่ที่ป่วยออด ๆ แอด ๆ ของเจ้า ก็คงต้องขายตัวไปเป็นทาสให้บ้านอาหู เพื่อชดใช้หนี้ที่หยิบยืมมารักษาแม่ของเจ้า”
“ท่านพ่อ!” เสี่ยวอินได้แต่มองบิดาที่หุนหันเดินจากไปผ่านม่านน้ำตา
หลายวันผ่านไป
“อย่าเสียใจไปเลยอาอิน ข้าดีใจด้วยซ้ำที่เจ้าจะได้แต่งงานกับอาหู เพราะอาหูเขาเป็นคนดีมาก จิตใจโอบอ้อมอารี คอยช่วยเหลือเพื่อนอย่างข้าเสมอ” ชายหนุ่มหน้าตาดีบอกกับหญิงคนรัก ยิ้มให้นาง ไม่แสดงความเสียใจออกไปให้เห็น
“เจ้าไม่รักข้าแล้วหรืออาเกอ”
“รักสิ..แต่เจ้าก็ควรกตัญญูต่อบิดามารดามากกว่าไม่ใช่หรือ”
“แต่ข้ารักเจ้า”
“เจ้าควรลืมข้าเสีย คนอย่างข้ามันไร้อนาคต เป็นแค่ลูกจ้างในโรงเตี๊ยม แต่อาหูเป็นทหารในวังหลวง มีหน้าที่การงานที่ดี เขาจะต้องมีตำแหน่งที่สูงขึ้นในอนาคต เจ้าก็จะสุขสบายมากขึ้น ไม่ต้องลำบากเหมือนตอนนี้”
“ข้ายอมลำบากถ้าได้อยู่กับเจ้า”
“แต่ข้าอยากให้เจ้าอยู่อย่างสุขสบายกับอาหูมากกว่า..เจ้ากับข้าจบสัมพันธ์กันแค่นี้ดีกว่า” จูเกอตัดใจลูกขึ้นแล้วหันหลังให้หญิงสาวผู้เป็นที่รัก “ลาก่อน”
“อาเกอ” เสี่ยวอินร้องไห้น้ำตานองหน้า เมื่อชายคนรักเดินจากไปทันทีที่พูดจบ
ทำไมทุกคนที่นางรักถึงไม่รักนาง ทำไมทั้งบิดาและทั้งเขาถึงหันหลังให้นางอย่างง่ายดาย
หนึ่งเดือนผ่านไป
เสี่ยวอินมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเจ้าบ่าว ที่เปิดผ้าคลุมหน้าของนางด้วยสายตาเย็นชา ไม่สนใจรอยยิ้มอ่อนโยนที่เขามอบให้สักนิด แต่ก็ยอมทำตามประเพณีโดยดี ยอมแม้กระทั่งร่วมหัวจมท้ายเป็นสามีภรรยา
ก๊อก ๆ ๆ
ยามโฉ่วของคืนแต่งงาน ขณะที่บ่าวสาวกำลังนอนหลับอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้ง
“อาหู”
ไป๋ซินหูรีบลุกจากที่นอนแล้วรีบเดินไปเปิดประตู
“มีเรื่องด่วนอันใดท่านพ่อ”
“มีคำสั่งให้หน่วยของเจ้าออกเดินทางนำเสบียงอาหารและยาไปที่เมืองไฮ่ เพราะที่นั่นฝนตกหนัก หินจากภูเขาถล่มปิดเส้นทางสัญจร ทำให้ชาวบ้านถูกตัดขาดจากเมืองอื่น ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แล้วตอนนี้ก็เริ่มเกิดการระบาดของโรคซางหานในเด็กอีกด้วย”
“ตอนนี้เลยหรือท่านพ่อ”
“ภายในยามโฉ่วพวกเจ้าต้องไปรวมตัวกันที่หน้าประตูทิศเหนือของวังหลวง”
“เช่นนั้นข้าจะรีบไปเตรียมตัว ท่านพ่อไปพักผ่อนเถิด”
เจ็ดเดือนผ่านไป
เสี่ยวอินเก็บจดหมายที่ได้รับจากสามีหลังจากที่อ่านจบ นางไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับข้อความที่บอกว่าเขาเสร็จงานแล้ว และกำลังจะเดินทางกลับ ซึ่งป่านนี้ก็คงกำลังอยู่ในระหว่างเดินทาง และคงใช้เวลาอีกแรมเดือนกว่าจะมาถึงเมืองหลวง
นางลูบหน้าท้องที่นูนออกมาพอสมควร ทารกในท้องเริ่มดิ้นให้รู้สึกแล้ว แต่นางก็ไม่ได้ตื่นเต้นยินดีสักนิด
“เสี่ยวอิน”
“พี่สะใภ้” หญิงสาวรีบลุกขึ้นเดินไปหาพี่สะใภ้ของสามี
“เป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกปวดหลังปวดเอวบ้างไหม”
“ไม่ ข้าปกติดีมาก ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย”
“โชคดีนัก เด็กคนนี้ช่างเจียมตัวดีเหลือเกิน รู้ว่าพ่อไม่อยู่ก็ไม่กล้าทำให้แม่เหนื่อยเพราะตัวเอง”
เสี่ยวอินได้แต่ยิ้มกับคำพูดของพี่สะใภ้ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
“วันนี้เจ้าพอจะมีเวลาว่างไหม”
“พี่สะใภ้จะไปไหนหรือ”
“อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของสามีข้าแล้ว ข้าอยากไปไหว้พระขอพรให้เขาสักหน่อย ข้าก็เลยอยากชวนเจ้าไปด้วย เจ้าจะได้ไหว้พระขอพรให้ลูกในท้องกับสามีของเจ้าบ้าง”
“ได้สิ” แต่นางไม่ได้อยากไปไหว้พระขอพรหรอกนะ นางแค่รู้สึกเบื่อ อยากออกไปเที่ยวเล่นบ้างก็เท่านั้น
วัดไท่หลินจง
“พี่สะใภ้ ข้าอยากเข้าห้องน้ำ”
“ห้องน้ำต้องเดินลงบันไดไปทางด้านหลัง ไกลหน่อยนะ ให้ข้าไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่ต้องหรอก ที่วัดนี้ร่มรื่นนัก เข้าห้องน้ำแล้วข้าอยากจะเดินเล่นสักหน่อย”
“ตามใจ ข้าจะนั่งสมาธิรออยู่ที่นี่นะ”
“อือ”
เสี่ยวอินเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็เดินชมสวนที่แสนร่มรื่นของวัด เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในสวน มองดูปลาหลีฮื้อสีสันหลายสิบตัวแหวกว่ายอยู่ในสระ
แล้วหูของนางก็บังเอิญได้ยินเสียงหัวเราะของสตรีนางหนึ่ง.. จึงเหลือบไปมองด้วยความใคร่รู้..เห็นบุรุษสตรีคู่หนึ่ง.. แต่เพียงแค่เห็นแผ่นหลังผึ่งผายของฝ่ายชาย ก็จำได้ทันทีว่าเขาคือหูเกอ อดีตชายคนรักของตน
ความหึงหวงบังเกิดขึ้นทันที เมื่อเห็นพวกเขาส่งยิ้มให้กันและกันอย่างหวานซึ้ง
เท้าที่ยืนนิ่งอยู่ริมสระเปลี่ยนเป็นเดินตรงไปยังที่พวกเขานั่งอยู่
“เสี่ยวอิน!” หูเกอเห็นหญิงสาวที่เดินเข้ามาก็ตกใจ “เจ้ามาได้อย่างไร เป็นอย่างไร สบายดีไหม” แต่ก็รีบทักทายอย่างเป็นมิตร
เสี่ยวอินมองหญิงสาวที่มากับเขาด้วยสีหน้าชิงชังอย่างเปิดเผย
“เจ้ามากับใครหรืออาเกอ”
“นางคือแม่นางสี นางกับข้ากำลัง”
“ไม่ต้องบอก ข้าไม่อยากรู้ ข้าแค่อยากมาทักเจ้าเท่านั้น ข้าไปแล้ว” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินจากไปทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋ซินหู คนที่ได้ยืนอยู่ข้างอาเกอก็ต้องเป็นนาง เพราะเขาคนเดียวทำให้นางต้องเสียคนรัก ทำให้นางต้องเจ็บปวดใจถึงเพียงนี้
ไป๋ซินหู ข้าเกลียดเจ้ายิ่งนัก!!!
เสี่ยวอินเดินหน้าบึ้งกลับไปที่ศาลาใหญ่ เห็นพี่สะใภ้กำลังนั่งสมาธิอยู่ก็ไม่อยากเสียมารยาท จึงนั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเองเงียบ ๆ แต่ภาพของอาเกอกับสตรีนางนั้นก็ยังรบกวนจิตใจไม่เลิก
เขากับนางกำลังจะแต่งงานกันงั้นหรือ..
ริมฝีปากบางเม้มเข้ากันหา ปาดน้ำตาที่ยังไม่ทันไหลออกจากดวงตาทิ้ง
“ขอให้สามีและลูกของข้าเดินทางกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยด้วยเถิดพระคุณเจ้า”
เสียงขอพรที่ไม่ดังนักของสตรีวัยกลางคนนางหนึ่ง ทำให้เสี่ยวอินหันไปมอง.. มองสตรีนางนั้นตั้งใจไหว้พระขอพร มองรูปปั้นพระพุทธรูปที่นางกราบไหว้ แล้วมองไปที่รูปปั้นองค์อื่น ๆ ภายในศาลา..
นางลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบธูปมาจุด แล้วมองจ้องไปที่ดวงตาของพระพุทธรูป
‘ถ้าท่านศักดิ์สิทธิ์จริง ขอให้ไป๋ซินหูสามีของข้าจากข้าไปชั่วชีวิต อย่าได้กลับมาที่เมืองหลวงแห่งนี้อีก ส่วนลูกของเขาคนนี้’ นางก้มมองท้องของตัวเอง ‘ถ้าข้าสมหวังข้าจะยอมให้เด็กคนนี้ได้เกิดมา เพื่อชดเชยกับชีวิตของพ่อเขา’
ยามซื่อเค่อที่หกจูอ้ายเหม่ยถึงกับชักสีหน้าด้วยความริษยา เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตัวเองเกลียด เดินเข้าบ้านมาพร้อมกับบิดาแต่ไกล“ท่านแม่ ทำไมนางถึงดูดีมีสง่าราศีเพียงนั้น ไม่เห็นเหมือนกับที่ท่านเคยบอกข้าไว้เลย” ท่านแม่บอกว่านางได้ติดสินบนอนุของผู้เฒ่าเสิ่นไว้หลายคน ให้ข่มเหงรังแกซินซินให้มาก อย่าให้นางได้อยู่อย่างสุขสบายแต่ที่เห็นในตอนนี้มันห่างไกลจากคำนั้นมาก คนละขั้วดั่งหยินกับหยาง ดำกับขาว ร้อนกับเย็น ไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงกันเลยบนศีรษะของนางมีเครื่องประดับที่งดงาม มองห่าง ๆ แบบนี้ยังดูออกว่าเป็นของดีมีราคา เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ดีกว่าชุดที่แพงที่สุดที่ตนใส่ในตอนนี้ ทุกอย่างในตัวนางล้วนดูดีดูแพงไปหมดแม้แต่กลิ่นตัวที่เคยมีแต่กลิ่นแป้ง บัดนี้ยืนห่างเป็นจั้งยังหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องหอมชั้นดีหน้าตาที่เคยจืดชืดและมอมแมมไปด้วยแป้ง ตอนนี้มีแต่ความผุดผ่องเกลี้ยงเกลา สวยสะดุดตาแทบจำไม่ได้“ท่านแม่! นางเพิ่งแต่งงานได้แค่สามวัน แต่ทำไมถึงดูดีขนาดนั้น” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดขัดใจ“อยู่นิ่ง ๆ ใจเย็น ๆ ดูท่าทีนางไ
เรือนใหญ่ “เมื่อวานตอนที่ทำพิธี ทำไมซินเอ๋อร์ถึงไม่เห็นญาติผู้ใหญ่ของท่านเลย” มือที่จับตะเกียบชะงักไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะถูกถามแบบนี้ “เพราะข้าย้ายมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ส่วนพวกเขาล้วนอาศัยอยู่ที่เมืองหลวงกันหมด งานแต่งงานก็ต้องปิดเป็นความลับจากแม่เจ้า ถ้าบอกให้พวกเขารู้คงเอิกเกริกปิดไม่มิด จึงต้องเชิญแค่คนสำคัญไม่กี่คนในเมืองนี้เพื่อให้เป็นพยาน” “อ้อ..แบบนี้ท่านคงเหงาแย่สินะ” “ไม่เหงาหรอก ข้าชอบอยู่แบบนี้มากกว่า สงบดี” “แล้วท่านไม่คิดถึงพวกเขาบ้างหรือ” “เราติดต่อกันทางจดหมายตลอด ถ้ามีโอกาสข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวเมืองหลวง ไปทำความรู้จักกับพวกเขานะ” เขาไม่ได้อยากไปเยี่ยมญาติหรอก แต่ตั้งใจจะพานางไปพบกับครอบครัวของบิดานางต่างหาก “เจ้าค่ะ ตั้งแต่เกิดมาซินเอ๋อร์ก็ไม่เคยได้ออกนอกหมู่บ้านสักครั้ง ซินเอ๋อร์จะตั้งใจรอนะเจ้าคะ” “แล้วเคยไปเที่ยวงานเทศกาลต่าง ๆ บ้างไหม” “ไม่เคยหรอกเจ้าค่ะ กว่าซินเอ๋อร์จะทำงานเสร็จงานก็เลิกหมดแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยไปเที่ยวไหนเลย” “เคยไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างเล่า
เช้าวันใหม่ไป๋ซินซินสะดุ้งสุดตัว เมื่อลืมตาแล้วเห็นความสว่างทั่วทั้งห้อง“ข้าสายแล้ว!” อุทานด้วยความตกใจ เพราะกลัวจะโดนมารดาลงโทษ.. แต่เมื่อเห็นเตียงและผ้าม่านที่ปิดล้อมเอาไว้ ก็นึกได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในบ้านของสกุลจูแล้ว“ตื่นแล้วหรือ”เสียงทุ้มกังวาลที่ดังขึ้นทำให้รู้สึกเขินอายในทันที เมื่อคืนเขากลับเข้าห้องมาตอนไหน ทำไมนางถึงไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดนี่นางหลับเอาเป็นเอาตายเลยหรือโธ่! น่าขายหน้านัก“นายท่าน ข้าน้อยนอนหลับลึกไปหน่อย นายท่านอย่าถือสาเลยนะเจ้าคะ”มือใหญ่รูดผ้าม่านไปผูกกับเสาเตียง เพราะอยากเห็นใบหน้ายามตื่นนอนของนาง เมื่อคืนหลังจากจบงานเลี้ยงเขาก็กลับมาที่ห้อง แต่กลายเป็นว่าเจ้าสาวของเขานอนหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ จึงทำได้แค่ดูนางนอนหลับจนเผลอหลับตามไปเมื่อตื่นขึ้นมาก็เห็นนางยังนอนนิ่งอยู่ในท่าเดิม จึงรีบตรวจดู พอเห็นว่ายังหายใจก็นึกขันกับความขี้เซาของนางที่นางเป็นเช่นนี้ก็คงเพราะทุกข์ใจ จนทำให้นอนไม่ค่อยหลับมาหลายวัน หรืออาจจะเป็นเพราะทั้งชีวิตไม่เคยได้นอนเต็มอิ่มเลยสักวัน ไม่เคยได้นอนบนที่นอนดี ๆ ที่ทำให้หลับสบายแบบนี้แต่ยิ่งมองก็ยิ่งใจสั่น ยิ่งมองก็ยิ่งเอ็นดู แล้วก็เผล
บ้านสกุลจูจูอินมองสามีที่เดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสายตาเคลือบแคลง เพราะเขาหายไปค่อนข้างนาน“นึกว่าเจ้าไปกับขบวนเจ้าบ่าวแล้วเสียอีก”“ข้าเสียเวลาอบรมลูกเขยของข้าไปนิดหน่อย”“เขามาด้วยหรือ!” ไหนเขาว่าจะไม่มารับเจ้าสาวด้วยตัวเอง“ใช่”“เขาแก่รุ่นพ่อของเจ้าแล้วนะ จะไปอบรมเขาทำไม ถ้าเขาโกรธขึ้นมาแล้วไปลงกับลูกสาวของเจ้า ก็อย่าไปโทษว่าเขาไม่ดี”ทีนี้มาบอกว่าลูกสาวของเจ้า ทีนั้นบอกข้าไม่ใช่พ่อของนาง ข้าอดสูใจกับเจ้านักอาอิน..“เขาเป็นแค่ลูกเขยของข้า จะรุ่นพ่อหรือรุ่นปู่เขาก็ต้องให้ความเคารพข้า”“เจ้านี่นะ ท่านเสิ่นเป็นใคร เจ้าเป็นใคร อย่าโอหังหน่อยเลย” น้ำเสียงห้วนห้าวของสามีทำให้นางโมโหยิ่งกว่าเดิม“นับตั้งแต่วันนี้ข้าจะแยกไปนอนที่ห้องเก่าของอาซิน”“อาเกอ!”“ข้าจะแต่งอนุเพิ่ม จะได้มีคนมาช่วยทำงานแทนอาซิน” พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปทันที“อาเกอ!!”“ท่านแม
จูเกอรีบเดินไปหยิบถุงผ้ามาเปิดดู “โชคดีที่ตกบนพื้นหญ้า ไม่อย่างนั้นคงหักไปแล้ว”“ขอบคุณท่านพ่อ”“กำไลชิ้นนี้เป็นกำไลที่พ่อเจ้ามอบให้แม่ของเจ้าในวันแต่งงาน ข้าแอบเก็บมันไว้ให้เจ้าสิบแปดปีแล้ว เพื่อรอมอบให้เจ้าในวันออกเรือน”หญิงสาวน้ำตาไหลลงแก้มเมื่อได้ยินคำพูดอันสั่นเครือของบิดา“ท่านพ่อ ท่านเล่าเรื่องพ่อแท้ ๆ ของข้าให้ฟังหน่อยได้ไหม”“อาซินเอ๋ย พ่อของเจ้าเป็นคนที่ดีมาก ๆ มีน้ำใจกับทุกคน ข้าไม่เคยเห็นพ่อของเจ้าอิจฉาว่าร้ายใครเลย เจ้าจงภูมิใจในตัวของพ่อเจ้า จงภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของเขา”“แล้วพ่อของข้าหน้าตาเป็นอย่างไร ท่านบอกเล่าให้ข้ารู้หน่อยได้ไหม”จูเกอมองใบหน้าของหญิงสาว นางไม่ได้สวยสะคราญแบบอ้ายเหม่ย แต่มีความงดงามแบบธรรมชาติโดยไม่ต้องปรุงแต่งเหมือนอ้ายเหม่ย ดวงตากลมโตของนางดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากกว่าอ้ายเหม่ยเป็นไหน ๆหน้าผาก ปาก จมูก เครื่องหน้าทุกส่วนรับกันเหมาะเจาะ ไม่ต่างกับบิดาของนางเลย“แค่เจ้าส่องกระจกแล้วยิ้มให้มาก ๆ เจ้าก็จะได้เห็นพ่อของเจ้าแล้ว หน้าตาของเจ้าคล้ายเขาถึงเก้าส่วนแล้วอาซิน”“จริงหรือท่านพ่อ”“ข้าไม่โกหกเจ้าหรอก รีบไปนอนพักผ่อนได้แล้ว”“เจ้าค่ะ” นางกลับเข้า
ร้านซาลาเปาสกุลจูเจียวหวงเดินเข้าไปในร้านแล้วกวาดสายตามองหาซินซินถึงในห้องครัว เห็นนางกำลังนำซาลาเปาเรียงใส่ลังถึงก็เดินเข้าไปหา“ซินซิน.. อาซิน”หญิงสาวหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้ “อาหวง” นางรีบเดินออกไปหาเพื่อน “อาซาเล่า ไม่มาด้วยหรือ”“ไม่ได้มาหรอก ช่วงนี้นางคงไม่ได้ออกมาเจอกับเจ้าไปอีกพักใหญ่”“ทำไมเล่า”ชายหนุ่มยิ้มเขินอาย “นางแพ้ท้องหนักน่ะ”ไป๋ซินซินฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “เจ้ากำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้ว คงดีใจมากเลยสินะ”“อือ ดีใจมาก วันนี้ข้าจะมาซื้อเกี๊ยวให้นางกินสักหน่อย ยังพอมีเหลือไหม” เขาถามเพราะมองหาที่หน้าร้านแล้วไม่เจอ“วันนี้เกี๊ยวหมดแล้ว แต่ถ้าเจ้าไม่รีบข้าจะทำให้ใหม่เอาไหม ราว ๆ สองเค่อก็เสร็จ”“ได้สิ เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้านึ่งซาลาเปาเอง เจ้ารีบไปทำเกี๊ยวให้ข้าเถิด”“อือ ตามข้ามา” แล้วพาเขาเข้าไปในครัว ยื่นถาดซาลาเปาให้เขาแล้วจึงเดินไปที่มุมนวดแป้ง“ซินซิน”“หือ”“คนอื่นไปไหนกันหมด ทำไมถึงมีเจ้าอยู่คนเดียว”“อากังไปซื้อของกับพ่อข้า ส่วนท่านแม่ออกไปกับอ้ายเหม่ย” นางมองหน้าเพื่อนตั้งแต่วัยเด็ก อยากจะถามถึงเจ้านายของเขา คนที่เคยให้สัญญาทางวาจากับนางไว้ แต่ก็ไม่อยากคาดหวังไปม
Komen