ใครว่านางเอกนิยายต้องผอมสวยเสมอไป คนอวบอ้วนก็เป็นนางเอกได้ พวกเธอเป็นสาวพลัสไซน์ที่ผู้ชายหลงรักมากที่สุด แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้เข้าใจผิด แต่เขาและเธอก็จับมือกันผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาได้ ติดตามความรักของแต่ละคู่ได้ในซีรีส์ชุดเมียอ้วนได้เลยค่ะ
ดูเพิ่มเติม“ว้าย! ขอโทษค่ะ”
ร่างอ้วนกลมในเสื้อเชิ้ตขาวกระโปรงจีบรอบสีดำ ผมยาวทักเปียลวก ๆ เอาไว้ด้านหลัง โค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับผู้บริหารทรงคุณวุฒิท่านหนึ่งเพื่อเป็นการขอโทษ
อิงวราพยายามสอดแทรกร่างตัวเองผ่านเก้าอี้แต่ละคนในห้องประชุมเพื่อไปนั่งประจำตำแหน่งตัวเอง หลังจากเธอมาเข้าประชุมช้าไปถึงห้านาที
ก้าวกล้านั่งอยู่หัวโต๊ะได้แต่ถอนหายใจด้วยความเอือมระอา อีกแล้วเธอเป็นอย่างนี้อีกแล้ว ในห้องประชุมแห่งนั้นไม่มีใครกล้าอ้าปากติติงผู้หญิงคนนั้นสักคนเพราะว่าเธอคือเมียเขา
...เมียประธานบริษัท
‘ผมรักคุณนะ และจะรักตลอดไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น’
นั่นคือคำสัญญาเมื่อเจ็ดปีที่แล้วในพิธีแต่งงาน ชายหนุ่มรูปหล่อใบหน้าดูเพิ่งพ้นวัยนักศึกษาได้ไม่นาน หัวคิ้วดกเข้มจนแทบจะชิดกันทั้งสองข้าง จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มแฝงไปด้วยอำนาจ ริมฝีปากหนาได้รูปชวนมอง
ไม่ใช่แค่เจ้าบ่าวเท่านั้นที่หล่อเหล่าชวนน่าอิจฉาทว่าแต่เจ้าสาวเองก็สวยราวกับนางฟ้าเดินดินเหมือนกัน ใบหน้ารูปไข่ ปากนิด จมูกหน่อยผิวขาวอมชมพูเปล่งประกายออกมาสมกับเป็นเจ้าสาวเสียจริง
แต่นั่นมันก็แค่เมื่อเจ็ดปีที่แล้วเท่านั้น แต่ดูสภาพเมียเขาเวลานี้สิไม่ต่างจากโอ่งราชบุรีเคลื่อนที่ได้เลยสักนิด คำสัญญาวันแต่งงานไม่รู้ว่าเขาจะยังรักษามันไว้ได้อีกนานแค่ไหน
หลังเลิกประชุมเป็นเวลาเกือบเที่ยงพอดีอิงวรารอดักเจอคนเป็นสามีเพื่อชวนไปทานข้าวด้วยกันหลังจากไม่ได้ทานข้าวเที่ยงด้วยกันมาเกือบเดือน ส่วนมือเย็นไม่ต้องถามถึงแทบจะไม่เคยกลับบ้านพร้อมกันเลยสักวัน
ร่างสูงเดินออกมาจากห้องเธอกำลังจะยกมือขึ้นโบกเรียกแล้วต้องชะงักมือลงเมื่อเห็นว่าเขาหยุดคุยกับสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ เนื้อ นม ไข่ จนชวนมองเหลียวหลัง ใบหน้าหล่อยิ้มกว้างให้ผู้หญิงคนนั้นไม่นานก็เดินจากไปด้วยกัน
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในบริษัท เรียวคิ้วหม่นเข้าหากันเกิดความสงสัยกำลังจะก้าวเท้าเดินตามเพื่อนร่วมแผนกก็เรียเอาไว้และชวนไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันเธอจึงจำใจไปด้วย
“คุณอิงคะ รบกวนทานข้าวค่ะ เย็นหมดแล้ว”
นุดีเพื่อนร่วมแผนกทักท้วงขึ้นเมื่อเห็นว่าคนเจ้าเนื้อเอาแต่ใช้ช้อนเขี่ยข้าวในจานไปมาจะตักเข้าปากอยู่แล้วก็วางลงเหมือนเดิม ส่วนมืออีกข้างก็วุ่นอยู่กับการเลื่อนหน้าจอไปมา
อิงวราวางโทรศัพท์ลงไม่สบอารมณ์นัก “ไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบ”
“คุณอิงเป็นอะไรคะ” ช้อนข้าวกำลังจะตักเข้าปากแต่ต้องวางลงเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมงานกระแทกโทรศัพท์ลงโต๊ะ
“สามีพี่ไม่ยอมตอบแชทนะสิ แถมยังออกไปกับผู้หญิงสวย ๆ ที่ไหนก็ไม่รู้”
ตักข้าวกะเพราหมูสับเข้าปากแม้จะโกรธแค่ไหนแต่ท้องเธอต้องอิ่ม เรื่องกินมาก่อนเสมอ นุดีย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความอยากรู้
“ท่านประธานนะเหรอคะออกไปกับสาวสวย ไปกับคุณเลขาฯหรือเปล่าคะ”
“ไม่น่าใช่ เพราะคุณเลขาฯ ไม่ได้หุ่นเปะ อกอึ้มขนาดนั้น”
“นุดีไม่ได้หมายถึงเลขาฯ ท่านประธานคนเก่านะคะ หมายถึงคนใหม่”
“คนใหม่?” ยิ่งสร้างคว้ามน้อยใจให้กับอิงวรามากขึ้นกว่าเดิม
ก้าวกล้าเปลี่ยนเลขาฯ ใหม่ตั้งแต่ตอนไหน ทำไมเธอไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลยความอยากรู้ทำให้ช่วงบ่ายเจ้าของร่างอ้วนท้วนขึ้นลิฟต์มายังชั้นบนสุดของอาคารสูงซึ่งเป็นห้องทำงานของคนเป็นสามี
กว่าเจ็ดปีแล้วที่เธอและก้าวกล้าแต่งงานกันมา เขาขึ้นรับตำแหน่งประธานบริษัทแทนพ่อที่เสียชีวิตไปเมื่อสี่ปี่ที่แล้ว ส่วนเธอยังคงทำตำแหน่งฝ่ายการตลาดเหมือนเดิมเพราะถนัดด้านนี้และทำออกมาได้ดีมากกว่า
ช่วงหลังมานี้เธอรู้สึกได้ว่าคนเป็นสามีเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด พูดกับเธอน้อยลง เราหวานกันน้อยลง ไม่ใช่ต้องเรียกว่าเขาหวานกับเธอน้อยลงมันช่างแตกต่างกับเมื่อก่อน หรือว่าความรักมันน้อยลงกันแน่
แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่เธอรักเขาน้อยลงแน่นอน
“มาพบท่านประธานได้นัดไว้หรือเปล่า” เสียงห้วนของใบหน้าสวยแต่งเข้มจัดเอ่ยถาม อิงวราจำได้ว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับเมื่อกลางวัน
“ไม่ค่ะ ปกติขึ้นมาก็ไม่ต้องนัด”
“ถ้าไม่นัดก็ไม่ให้เข้า” ท่าทีนั้นยังคงเย่อหยิ่งไม่เป็นมิตร
อิงวราจ้องมองด้วยสีหน้าไม่พอใจเข้ามาทำงานไม่ถึงวันกลับแสดงกิริยาไม่น่ารัก ไม่รู้ว่าเธอเป็นเมียเจ้าของที่นี่เธอไม่ว่าแต่ต้องไม่แสดงมารยาทแบบนี้ไม่ว่าจะกับใครทั้งนั้น หากเป็นลูกค้ามาติดต่องานล่ะ จะทำยังไง
อิงวรายกโทรศัพท์กดโทรหาก้าวกล้ารอครู่หนึ่งปลายสายก็กดรับ
“เลขาฯ หน้าห้องคุณไม่ให้ฉันเข้าพบคุณค่ะ ออกมารับหน่อยได้ไหม” พูดจบเธอตัดสายทิ้งทันที ดวงตาคู่สวยหันไปจับจ้องเลขาฯ สาวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่นานก้าวกล้าก็เดินออกมา อิงวรารีบเดินเข้าไปคล้องแขน
“เลขาฯ คุณใจร้ายจังไม่ให้ฉันเข้าไปพบ แถมยังทำกิริยาไม่น่ารักใส่อีกด้วย” ไม่ได้แค่พูดเปล่าแต่ใบหน้ากลมยังคงซบลงอกแกร่ง
คุณเลขาฯ คนสวยถึงกับยืนงงเป็นไก่ตาแตกว่าพนักงานอ้วน ๆ คนนี้เป็นใครทำไมถึงมีท่าทีสนิทสนมกับเจ้านายสุดหล่อของเธอขนาดนั้นด้วย
“คุณเมย์ วันหลังถ้าคุณอิงวรามาขอเข้าพบผมปล่อยเธอเข้าไปเลยนะ เพราะเธอเป็นภรรยาของผม” เขาบอกเสียงเรียบแล้วจับมือเมียเดินเข้าห้องทำงานไป
เมวดีถึงกับอ้าปากค้าง ไม่คิดเลยว่าผู้ชายหน้าตาดีอย่างท่านประธานจะคว้าผู้หญิงอ้วน ๆ แบบนั้นมาทำเมีย ทำไมเธอไม่มีวาสนาแบบนั้นบ้าง
เข้าห้องทำงานมาอิงวรากระแทกตูดนั่งลงบนโซฟา คว้าเอาหมอนอิงมากอด ทว่าดวงตากลับจดจ้องไปยังสามีที่เดินตามเข้ามานั่งลงฝั่งตรงช้าม
ก้าวกล้าเห็นสายตานั้นเต็มไปด้วยคำถามจึงเป็นฝ่ายถามเธอขึ้นมาก่อน เพราะไม่อยากมีเรื่องทะเลาะกันในที่ทำงาน
“มาหาผมเพราะอยากรู้เรื่องที่เปลี่ยนเลขาฯ ใหม่แล้วทำไมไม่บอกคุณใช่ไหม”
อิงวราหรี่ตาลง เขายังคงเป็นผู้ชายที่รู้ใจเธอเสมอเพียงแค่มองตาเธอแต่มันก็ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเสียหน่อย
“ก็ไม่ทั้งหมด ทำไมคุณถึงไม่ตอบข้อความฉันเลย อ่านแล้วทำไมต้องเมินเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมานานมากแล้วนะคะ”
น้ำเสียงนั้นมีความตัดพ้ออยู่ในที ความน้อยใจแล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ ดวงตากลมโตสั่นระริก หากเป็นเมื่อก่อนมันคงน่ารักมากสำหรับเขาทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีอะไรให้ดูน่าตื่นเต้นเหมือนตอนนั้น
“ผมติดนัดทานข้าวกับลูกค้าก็เลยต้องออกไปพร้อมกับเลขาฯ ตอนนั้นยุ่งมากก็เลยไม่ได้ตอบ”
คำตอบนั้นทำให้เธอกลืนก้อนน้อยใจลงคอไปทันทีแล้วเผยรอยยิ้มที่เห็นเขี้ยวเล็ก ๆ อีกเสน่ห์อย่างหนึ่งของเธอเลยก็คือรอยบุ๋มข้างแก้ม
“เหรอคะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ที่รักมีนัดกับลูกค้าที่ไหนไหมคะ”
ก้าวกล้าหยุดคิดไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “ไม่มี ทำไมเหรอ”
“อย่าบอกนะว่าคุณลืมว่าวันนี้เป็นวันอะไร”
เจอคำถามนี้แล้วส่วนใหญ่ผู้ชายทุกคนคงได้ตายอย่างเขียดเพราะลืมว่ามันเป็นวันสำคัญอะไร แต่ไม่ใช่สำหรับเขาแน่นอนเพราะทุกปีเขาจะทำให้วันนี้เป็นวันว่างเอาไว้เพื่อผู้หญิงตรงหน้า
“ไม่ลืมหรอก วันครบรอบวันแต่งงานของเรา ครบเจ็ดปี”
เขาเน้นย้ำคำสุดท้ายซึ่งมันปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ จนแทบมองไม่ทัน แค่นั้นมันก็ทำให้หัวใจอิงวราอบอุ่นแล้วล่ะ ที่เขาไม่เคยลืมวันนี้ของเราเลย
คืนนี้เธอกับเขาขอฉลองในห้องกันตัวต่อตัวเสื้อผ้าไม่เกี่ยว....
ปรวีย์อยู่ในชุดคนไข้สีฟ้านอนบนเตียงเข็นเพื่อเตรียมเข้ารับการผ่าตัด ก่อนหน้านี้หมอประจำตัวแจ้งแล้วว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าเจ็ดชั่วโมงในการผ่าตัดเตียงกำลังจะถูกเคลื่อเข้าห้องผ่าตัดทว่าปรวีย์ก็สั่งหยุดและเรียกปีวราให้เดินมาหา เขายื่นสมุดบันทึกเล่มเล็กแต่หนาให้กับเธอ“ถ้าผมตื่นขึ้นมาแล้วจำอะไรไม่ได้คุณช่วยเอามันให้ผมอ่านนะ”“ค่ะ คุณรีบออกมานะ ฉันกับลูกจะรอ”บีบมือกันแน่นเพื่อให้กำลังใจ เขาพยักหน้ารับแล้วคุณหมอก็เข็นรถเข้าห้องผ่าตัดไปหากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงขอให้ลูกกับครอบครัวได้กลับมาอยู่ด้วยกัน‘ผมชื่อปรวีย์ อายุ 35 มีสมบัติและธุรกิจxx เป็นหัวหน้าแก๊งxxหากได้อ่านบันทึกเล่มนี้แสดงว่าคุณรอดตายกลับมาและความทรงจำหายไป แต่ไม่ต้องห่วงก่อนเข้าผ่าตัดตัวคุณเองได้จดทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว แม้คุณจะจำคนรักไม่ได้แต่เมียกับลูกของคุณจำคุณได้นะ’‘คนรักของผมชื่อปีวรา เราสองคนมีลูกด้วยกันชื่อเทียนหอม’‘เมื่อก่อนเธอสวยมาก ตอนนี้เธอก็สวยแค่รูปร่างเท่านั้นที่เปลี่ยนไปแต่จิตใจและความน่ารักเหมือนเดิม’‘เธอชอบกินข้าวกะเพราทุกชนิด ชอบน้ำแตงโมปั่น ชอบกินหมูกระทะ’ ‘เวลาเธองอนต้องรีบง้อ อย่าปล่อยไว้นานเพราะเธอเ
‘ปัง ๆ ’เสียงกัมปนาทของกระบอกปืนหลายกระบอกดังสนั่นหวั่นไหว ลูกน้องของแต่ละฝั่งต่างล้มตายและบาดเจ็บกันหลายสิบคนเลือดสีแดงสดและกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณเป้าหมายเดียวของปรวีย์คือการเด็ดหัวศัตรูและคนหักหลังแก๊งของตัวเอง ดวงตาดุจเหยี่ยวเห็นมันหลบอยู่หลังเสา เขาก้าวออกไปอย่างมาดมั่นไม่ได้เกรงกลัวและสุดท้ายก็จัดการกับศัตรูตรงหน้าทั้งหมดลงได้ แต่ตัวเองก็เกือบไม่รอดเหมือนกันปัง!เสียงปืนหนึ่งนัดดังขึ้น หูของเขาอื้อไปหมดความเจ็บแล่นไปทั่วศีรษะ รู้สึกได้ว่ามีของเหลวไหลลงมาตรงขมับหูได้ยินแว่ว ๆ ของทิวาและภาพเลือนรางก่อนทุกอย่างจะดับวูบลงเขาถูกยิง“ฮึก...”ปีวราขมวดคิ้วแล้วย่อตัวลงจ้องมองใบหน้าหล่อซึ่งมีแต่เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามไรผม ศีรษะส่ายไปมาเหมือนคนฝันร้าย คนเอาแต่ใจขอนอนค้างที่นี่ด้วยตอนแรกเธอไม่ยอมแต่เพราะเห็นแต่สายตาอ้อนวอนของลูก เธอจึงให้เขานอนตรงโซฟาภายในบริเวณร้านด้านล่างมืออวบเอื้อมไปแตะหน้าผากเขาเผื่อเขาจะสงบลงแต่แล้วไม่นานร่างสูงนั้นเหมือนกระตุก‘เฮือก’ดวงตาคมเบิกโพลงหายใจหอบถี่ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงตามมาหลอกหลอนในความฝันอยู่ตลอดเวลาเพราะการถูกยิงในครั้งนั้นเขาหลับไปสาม
...หลายวันแล้วคำนี้ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้งนับจากวันที่เขากลับไปและบอกว่าจะกลับมาหาเธอกับลูกอีกทว่าก็เงียบหายไป แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าไปคาดหวังหรือคิดอะไรมากไปกว่านั้นแต่ความรู้สึกมันก็ห้ามไม่ได้อยู่ดีพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งแล้วจัดเตรียมอุปกรณ์เชียร์กีฬาเข้ากระเป๋า เพราะวันนี้มีงานกีฬาสีของเด็กนักเรียนซึ่งเขาเชิญพ่อกับแม่ไปร่วมงานด้วย แน่นอนว่าเทียนหอมต้องอิดออดไม่อยากไปเพราะว่าไม่มีพ่อไปร่วมงานเหมือนคนอื่นเขา“เทียนหอม เสร็จหรือยังลูก” ตะโกนเรียก ได้รับเพียงความเงียบกลับมาเดินไปส่องตรงทางขึ้นบันไดกำลังขยับปากจะเรียกอีกครั้งต้องหุบลงเมื่อเจ้าตัวเล็กเดินลงมาด้วยใบหน้าบูดบึ้งไม่สดใสเหมือนทุกวันเลย จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกงานกีฬาสีโรงเรียนทีไรลูกสาวเธองอแงทุกที“แม่ปีจ๋า หนูไม่ไปโรงเรียนไม่ได้เหรอคะ”“ไม่ได้ค่ะ อย่าลืมว่าวันนี้หนูเป็นตัวแทนถือป้ายสีให้เพื่อน ๆ ถ้าลูกไม่ไปใครจะเป็นคนถือคะ”เจ้าตัวเล็กได้ยินเหตุผลแล้วถึงกับห่อไหล่ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เดินไหล่ตกไปหยิบกระเป๋าสะพายแล้วนำหน้าไปขึ้นรถซึ่งจอดอยู่หน้าร้านปีวราหันกลับไปปิดประตูร้านและเปลี่ยนป้ายหน้าร้านเป็นคำว่า ‘close’“วั
“เสียงเล่านิทานจบลงนานแล้วปีวราชะโงกหัวผ่านประตูห้องเข้าไปด้านใน เธอเห็นคนตัวสูงกำลังนั่งจ้องหน้าลูกสาวพลางเขี่ยจมูกเล็กเล่นด้วยความเอ็นดู ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะมายืนอยู่ต่อหน้าเธอและลูก“คุณวีย์คะ ออกมาคุยกันหน่อยได้ไหมคะ”เขาเดินตามเธอออกไปและปิดประตูลงให้เบาที่สุดเพราะเกรงว่าเจ้าตัวเล็กจะตื่นขึ้นมากลางคัน ทั้งคู่ลงมาอยู่ด้านล่างจุดเดิม สองแขนป้อมยกขึ้นกอดอกดวงตาคู่กลมจ้องมอง“ทำไมถึงมองผมแบบนั้นล่ะ” ปรวีย์เป็นฝ่ายเปิดปากถาม“คุณมาที่นี่ต้องการอะไรคะ เราสองคน ไม่สิ...คุณเป็นคนไล่ฉันออกไปจากชีวิตตั้งแต่หกปีที่แล้วและตอนนี้เข้ามาวุ่นวายในชีวิตฉันกับลูกทำไม”“ไม่ได้ต้องการอะไร...” หยุดพูดและมองสบตา “ผมแค่คิดถึงคุณ”ร่างอวบถึงกับนิ่งงันที่ได้ยินประโยคนี้ หากเป็นเมื่อก่อนตอนที่เธอคิดว่าเขาเป็นโลกทั้งใบของตัวเองก็คงดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่แต่เวลานี้มันไม่ได้ดูตื่นเต้นเหมือนตอนนั้นแล้ว เรียกว่าหัวใจด้านชาได้หรือเปล่าปรวีย์เห็นเพียงรอยยิ้มมุมปากเหมือนยิ้มเยาะแล้วหุบลงจนมองแทบไม่ทัน มีความเย็นชาแผ่ออกมาให้เห็นอยู่เป็นระยะ ๆ ตอนนั้นที่เขาเย็นชากับเธอมันก็คงรู้สึกแบบเดียวกันสินะ“ฉันรู้นะคะว
หนึ่งชั่วโมงแล้วที่ปรวีย์ยังคงนั่งอยู่มุมร้านมุมเดิมโดยดวงตายังคง จับจ้องมายังเธอกับลูกจนรู้สึกอึดอัดไปหมดสายตาแบบนั้นเธอรู้ดีว่ามันมีอะไรแอบแฝงอยู่และเธอกลัวเหลือเกินว่ามันจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับยัยหนูกรุ๊งกริ๊งเสียงกระดิ่งร้านดังขึ้นอีกครั้งหญิงสาวนึกว่าเป็นลูกค้าเข้ามากำลังจะลุกขึ้นไปให้บริการแต่แล้วก็ต้องนั่งลงเหมือนเดิม เธอจำได้ว่าเขาเป็นบอดี้การ์ดคู่กายของคุณปรวีย์ตั้งนมนานแล้วสายตาคู่นั้นเหลือบมองคู่หนึ่งก่อนจะเดินไปกระซิบหูอะไรบางอย่าง ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย และหันมายิ้มให้กับเธอขนลุก...น่ากลัวคำนั้นผุดขึ้นมาในหัวทันที รอยยิ้มแบบนั้นเธอจำได้ว่าเห็นไม่บ่อย แต่หากเขาได้ยิ้มแบบนั้นหมายความว่าสิ่งที่อยากรู้หรืออยากได้เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้“คุณลุงขา หนูระบายสีสวยไหมคะ”เพราะมัวแต่คิดเรื่องท่าทีของเขาจนเหม่อลอยรู้ตัวอีกทีเจ้าตัวเล็กก็เดินไปหาคุณปรวีย์ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้“เทียนหอมมานี่ลูก”ง รีบผละจากกองแท่งดินสอสีเข้าไปดึงแขนของลูกสาวให้เดินกลับมา ทว่าชายหนุ่มกลับรั้งแขนอีกข้างของเด็กหญิงเอาไว้ทำให้ปีวราชะงักมือหันกลับไปมองเขาย่อตัวลงแล้วยกมือลูบหัวเด็กน้อยด้วยแ
ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวหน้าตาสะสวยซุกเข้าหาอกแกร่งหลังจากทั้งคู่ร่วมรักกันมายาวนานเกือบทั้งคืน แขนยาวกระชับอ้อมกอดมากขึ้นแล้วก้มจุมพิตหน้าผากแผ่วเบาเวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงสายของวันปีวราตื่นลืมตาตื่นเธอไม่เห็นผู้ชายเคียงข้างเมื่อคืนแล้ว ทั้งที่ปกติเธอจะเป็นฝ่ายตื่นก่อนเขาหญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งสีขาว สวมกางเกงขาสั้นด้านใน เธอสอดส่องสายตาหาปรวีย์ซึ่งภายในห้องเงียบเชียบไม่เห็นแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิตนางบำเรอของมาเฟียคือสรรพนามที่น่าจะแปะติดหน้าของเธอไว้ตั้งแต่ได้รู้จักกับเขาเหตุเพราะร้อนเงินจำเป็นต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลคนเป็นพ่อ ทำให้เธอต้องก้าวเข้ามาในวงการนี้ด้วยการแนะนำของเพื่อนครั้งแรกที่เจอหน้ากันเธอรู้สึกชอบเขาขึ้นมาทันทีแต่เพราะกฎของนางบำเรอคือห้ามตกหลุมรักหรือรู้สึกมากไปกว่านั้น เธอจำใจยอมรับข้อเสนอและใช้ร่างกายเข้าแลกทั้งเงินและความสุขให้กับตัวเองจนกระทั่งพ่อของเธอจากโลกนี้ไปเธอเหลือตัวคนเดียวแน่นอนว่าปรวีย์จึงเป็นเหมือนโลกอีกใบของเธอ“หายไปไหนของเขา” ร่างระหงเดินไปทรุดตัวนั่งลงโซฟาแล้วกดโทรศัพท์โทรออกแต่ยังไม่ทันจะมีเสียงสัญญาณคนที่เธอกำลังมองหาก็เดินกลับเ
ความคิดเห็น