บุษบาสวยสดงดงามจับตาจับใจ ใครเล่าจะแลมองจินตะหราผู้ต่ำศักดิ์ กลับมาอีกครั้งสำหรับหนึ่งในสามสาวนางรำ ‘พิมพ์ปราง’ ที่เป็นเพื่อนสาวคนสนิทของหม่อมหลวงกัญญานันใน ‘เพลิงภูหมอก’ หลังจากกัญญานันมีความสุขกับชีวิตคู่ของตัวเองไปแล้วคราวนี้ก็มาถึงคิวของพิมพ์ปรางกันบ้าง ความสวยหวานของพิมพ์ปรางให้ความรู้สึกสบายตาน่ามอง เปรียบกับดอกไม้ที่มีสีสันอ่อนโยน ให้ความหอมสดชื่นชวนดอมดม แต่กลิ่นหอมกลับไม่จีรัง เมื่อหมดกลิ่นเหล่าแมลงก็จากไปหาดอกไม้ใหม่ และการเติบโตในบ้านตระกูลเจ้านายอย่างอรรถพันธ์พงศ์ เป็นเพื่อนเล่นกับหม่อมหลวงกัญญานันผู้เพียบพร้อมพริ้มเพรา งดงามชวนใจละลาย ยิ่งกดให้เธอต้องอยู่ภายใต้ความสูงส่งเลอค่าเสมอมา แต่นั่นไม่ได้สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจให้เธอเลยสักนิด คนที่กดขี่ข่มเหงจิตใจและฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็นก็คือ 'หม่อมหลวงกิตติกร' หญิงสาวที่ไม่มีวันก้าวขึ้นมาโดดเด่นหรือเทียบเท่ายอมจำนนกับฐานะของตัวเอง ยอมอยู่ใต้เงาของทุกคนเสมอ แต่กลับถูกทำร้ายจนไม่เหลือศักดิ์ศรี ไม่มีที่ให้ยืน เธอจึงเลือกที่จะหนีออกมาจากเงา ทว่าผู้ชายคนนั้นก็ยังเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
view moreโอ้ว่าน่าเสียดายตัวนัก เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงช้ำจิต
จะออกชื่อลือชั่วไปทั่วทิศ เมื่อพลั้งคิดผิดแล้วจะโทษใคร
เสียแรงหวังฝังฝากชีวี พระจะมีเมตตาก็หาไม่
หมายบำเหน็จจะรีบเสด็จไป ก็รู้เท่าเข้าใจในทำนอง
ด้วยระเด่นบุษบาโฉมตรู ควรคู่ภิรมย์สมสอง
ไม่ต่ำศักดิ์รูปชั่วเหมือนตัวน้อง ทั้งพวกพ้องสุริยวงศ์พงศ์พันธุ์
แต่นี้สืบไปภายหน้า จะอายชาวดาหาเป็นแม่นมั่น
เขาจะค่อนนินทาทุกสิ่งอัน นางรำพันว่าพลางทางโศกา[1]
ความงดงามอ้อนช้อยที่ร่างแบบบางกำลังกรีดกรายตามคำตัดพ้อต่อว่า โดยมีร่างกำยำอีกร่างร่ายรำปลอบโยนทำให้กิตติกรจ้องมองไม่วางตาด้วยขุ่นขวางอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้สึกซึมซับประทับใจกับความอ่อนช้อยงดงามเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าบทละครนี้เขาเคยมีโอกาสได้ดูมาแล้วเพราะน้องสาวของเขาเรียนวิทยาลัยนาฏศิลป์มีงานให้แสดงเสมอไม่ขาด หลายครั้งก็มักจะเป็นบทละครรำเรื่องอิเหนาอย่างเช่นคราวนี้ และเขาก็แปลกใจเหลือเกินว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ทุกที
“จินตะหราสวยหวานถูกใจจริงว่ะ ไม่แปลกใจทำไมอิเหนาถึงหลง”
“แต่ไม่สวยสะกดเท่าบุษบา ถึงต้องเป็นแค่เมียรอง”
เสียงผู้ชายสองคนข้างหลังเขากระซิบกันในประโยคที่เขาเองก็เคยได้ยินมาไม่น้อย และเป็นสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดเสมอ
“แต่ตัวจริงตอนไม่แต่งหน้าจินตะหราก็น่ารักนะ ลูกสาวฉันชอบมาก”
“ลูกสาว?”
“ใช่ เธอเป็นครูที่โรงเรียนสอนรำของลูกสาวน่ะ เจอกันบ่อย น่ารัก ยิ้มหวานหยดเลยล่ะ”
“โห น่าอิจฉาจัง เสียดายฉันไม่มีลูกสาวจะได้ส่งไปเรียนมั่ง”
คนนั่งด้านหน้าที่ได้ยินทุกประโยคคิ้วกระตุก นึกไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ขึ้นมา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องอารมณ์ขุ่นที่ได้ยิน
“ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะครูคนนี้”
“ลูกฉันเรียกครูปราง ครูโรงเรียนนี้สวยๆ ทั้งนั้น แต่เห็นว่าแต่งงานไปแล้วคนหนึ่ง น่าจะเป็นคนที่แสดงเป็นบุษบานะ เท่าที่จำได้”
บุษบาก็น้องสาวเขา ‘กัญญานัน’ นั่นเอง
“โอ้โห แบบนี้ก็สวยทั้งโรงเรียนจริงน่ะสิ อยากมีลูกสาวจริงๆ เลยว่ะ”
เสียงหัวเราะพอใจเบาๆ ของสองคนข้างหลังทำเอากิตติกรถอนหายใจยาวอย่างพยายามสงบใจ แม้อยากหันไปโพล่งใส่หน้าว่า นี่หรือข้าราชการที่คนให้ความเคารพนับถือ พูดถึงผู้หญิงแบบนี้ไม่มีมารยาทเสียเลย แต่เขาก็ต้องนิ่งไว้เพราะเขาเองก็เพิ่งมาลงหลักปักฐานเปิดร้านจิวเวลรีที่นี่ อาจจะต้องพึ่งพาผู้หลักผู้ใหญ่ที่นี่ ไม่ควรสร้างศัตรูเอาไว้ก่อน
ชายหนุ่มมางานจัดสัมมนาระดับภูมิภาคหัวข้อสืบสานวัฒนธรรมไทยสี่ภาค โดยงานนี้มีการจัดโชว์นาฏศิลป์ของภาคต่างๆ ทั้งสามวันที่มีการสัมมนา กิตติกรมาดูการแสดงโชว์ที่เป็นงานเปิด เพราะเขาสนใจจะทำเครื่องประดับในแบบไทยประยุกต์เพื่อสามารถนำมาสวมใส่เข้าไปชุดไทยร่วมสมัย หรือจะใส่ในชีวิตประจำวันก็ได้ และชายหนุ่มก็รู้ว่าน้องสาวเขามาร่วมแสดงในงานด้วยจึงรอดู
กิตติกรจ้องร่างอรชรบนเวทีด้วยแววตาดุคมไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าอีกฝ่ายมองเห็นเขาเพราะเหมือนเธอชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนจะแสดงต่อได้อย่างราบรื่นน่าสงสารเรียกความเห็นใจจากคนดูได้เต็มๆ เพราะเสียงพึมพำรอบตัวเขามีแต่คำว่าน่าสงสารเต็มไปหมด
คงมีเพียงกิตติกรที่ไม่คิดแบบนั้น
สำหรับเขาทุกครั้งที่ดูเรื่องนี้ เขาจะรู้สึกว่าจินตะหราก็ยังได้รับความรักจากอิเหนาอยู่ แค่ไม่ได้เป็นที่หนึ่งเท่านั้น เธอโลภมากเกินไปจึงต้องทุกข์ใจ
[1] บทละครรำเรื่องอิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ ๒
======
คนที่ยืนรถน้ำต้นไม้อยู่หน้าเรือนยายจันทร์ในช่วงเช้าทำให้คุณรุจีรัตน์กะพริบตา แล้วตั้งใจยืนกอดอกดู อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรอีก ไม่คิดว่าหญิงสาวจะรีบตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าขนาดนี้เหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กในบ้านที่นี่คิ้วเรียวที่ถูกเขียนไว้อย่างสวยงามขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นคนร่างบางเดินไปยกบัวรดน้ำขนาดย่อมค่อยๆ เดินกลับมาเพื่อจะรดดอกไม้ คุณรุจีรัตน์รีบเดินเข้าไปตรงหน้าเรือนยายจันทร์ทันที“ทำอะไรของเธอน่ะ”พิมพ์ปรางสะดุ้งเพราะอยู่ๆ ก็มีเสียงของคุณรุจีรัตน์ดังขึ้นมา และขยับขาอย่างรวดเร็วเพื่อหันไปกล่าวทักทายเจ้าของบ้าน เนื่องจากกลัวจะโดนดุที่เข้ามาวุ่นวายที่นี่ ด้วยความที่พื้นตรงนั้นค่อนข้างเปียกและมีกรวดทำให้พิมพ์ปรางลื่นขึ้นมา“อุ๊ย...”คุณรุจีรัตน์ตกใจรีบเข้าไปให้ถึงตัวหญิงสาวอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ลื่นไปด้วยแต่ก็รับร่างบางของพิมพ์ปรางไว้ได้ทัน ส่วนตัวเองล้มก้นกระแทกโดยมีหญิงสาวนั่งทับลงมาอีกที“โอ๊ย! โอ๊ย...”คนอยู่ข้างล่างร้องขึ้นสองครั้ง พิมพ์ปรางรีบลุกขึ้น ไม่สนใจถังบัวรดน้ำที่หล่น รีบเข้าไปพยุงคนที่ล้มทันที“คุณรุจี เป็นยังไงบ้างคะ ปรางขอโทษค่ะ”“ย่ะ โอ๊ย...เดี๋ยวก่อนๆ”ค
คุณชายพงศกรมองหญิงสาวที่ลูกชายคนรองพาเข้าบ้านด้วยความคาดไม่ถึง ส่วนคุณรุจีรัตน์เองก็ถึงกับอ้าปากค้าง ลูกชายบอกว่าจะกลับบ้านและอยากพาใครคนหนึ่งมากราบพ่อกับแม่ คุณรุจีรัตน์ก็แอบหวังว่าจะเป็นสาวลูกสาวผู้หลักผู้ใหญ่ทางเหนือแต่เมื่อเห็นหน้าก็ได้แต่อึ้งร่างสูงใหญ่ของกิตติกรนั่งเคียงคู่กับพิมพ์ปรางที่พื้นและพาหญิงสาวกราบพ่อกับแม่ของเขา“เดี๋ยวนะตากลาง นี่มันอะไรกัน ทำไมถึง...”คุณรุจีรัตน์เงียบลงเพราะมือใหญ่ของคุณชายพงศกรวางลงบนมือเบรกเอาไว้แล้วท่านก็พูดขึ้นแทน“ไปรักไปชอบกันตอนไหนล่ะ”“ก็นานแล้วครับ”ลูกชายตอบเสียงเบา ไม่อยากสาธยายและพยายามบอกให้กว้างเข้าไว้จะได้ไม่ดูน่าสงสัย“นี่อย่าบอกนะว่าที่ตามไปอยู่เชียงใหม่เพราะแม่ปรางนี่”คนเป็นแม่ถามอย่างไม่อยากเชื่อ ทำเอาพิมพ์ปรางหน้าเสีย“พูดอะไรแบบนั้นคุณรุจี”คุณชายปรามอีกครั้งทำให้คุณรุจีรัตน์ถึงกับหน้างอ“แล้วนี่ที่พามาหาพ่อกับแม่กลางตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมเรื่องหมั้นเรื่องแต่ง”เมื่อบิดาถามขึ้นชายหนุ่มก็จับมือบางของพิมพ์ปรางมากุมเอาไว้ ก่อนจะบอกในสิ่งที่เขาต้องรีบพาเธอมาที่บ้าน“ผมพาปรางมาเพราะอยากเรียนให้คุณพ่อคุณแม่ทราบว่า...ปรางท้อง”“หา!!”
พิมพ์ปรางมีสีหน้าลำบากใจเมื่อกิตติกรคุยเรื่องอนาคตของพวกเขาแล้วบอกว่าจะพาเธอไปกราบคุณชายพงศกรกับคุณรุจีรัตน์หลังจากฝากท้องเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มลูบผมยาวสลวยของคนในอ้อมกอดเบาๆ ปลอบใจ เพราะสายตาของคนที่เงยหน้ามองเขาดูหวาดหวั่นไม่มั่นใจอย่างเห็นได้ชัดหลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็พาหญิงสาวมานั่งคุยกันบนเตียง เพราะเขาไม่มีเสื้อผ้ามีเพียงผ้าขนหนูพันเอวแล้วอากาศตอนเช้าก็ค่อนข้างหนาว เขาต้องการจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยเร็ว“ถ้าพวกท่านรู้ช้ากว่านี้จะยิ่งไม่พอใจ ปรางท้องตั้งสองเดือนแล้ว”เขาถามเธอแล้วว่าท้องกี่เดือน และถ้านับตามเวลาจะเป็นช่วงปีใหม่ที่ได้อยู่ด้วย เพราะทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันไม่มากนัก มีแค่ตอนงานยี่เป็งกับปีใหม่เท่านั้น“แต่ปรางกลัวท่านจะโกรธ ปรางไม่ควรตีเสมอลูกท่าน”“นี่มันสมัยไหนแล้วปราง เจ้าชายยังแต่งงานกับสามัญชนเลย ฉันไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไรติดตัวมาสักหน่อย”“ปรางเป็นเด็กในบ้าน”กิตติกรถอนหายใจ ก้มลงจูบหน้าผากสวย ก่อนจะกระซิบ“จะเด็กในบ้านหรือนอกบ้าน ปรางก็เป็นเมียฉัน”พิมพ์ปรางอดยิ้มบางกับคำพูดของชายหนุ่มไม่ได้“อย่าคิดมาก เธอเป็นเหมือนคนในครอบครัว ทุกคนในบ้านรักและเอ็นดูเ
เนินอกขาวละออตาเผยมาต่อหน้า กิตติกรวางมือไล้เบาๆ แล้วก้มลงพรมจูบเบาๆ อย่างถ้วนทั่วแม้แต่บนเนื้อผ้าลูกไม้ทำเอาพิมพ์ปรางใจสั่น ปากได้รูปเม้มยอดอกสวยผ่านเนื้อผ้าอย่างหยอกล้อ ตาคมเหลือบมองหน้าสวยที่กำลังสุกปลั่งพร้อมยิ้มมุมปากแล้วขยับขึ้นไปกระซิบข้างหูหญิงสาว“ปรางหอม น่ากินทั้งตัวเลย”“เว่อร์ไปแล้วค่ะ”“ไม่เชื่อเดี๋ยวกินให้ดู”พูดแล้วก็แนบปากประกบกับปากสีสวยกัดเม้มเบาที่กลีบปากอิ่ม ให้หญิงสาวเผยอเปิดรับเขาอีกครั้ง คราวนี้กิตติกรดูดดึงลิ้นเล็กร้อนแรงจนอีกฝ่ายอึกอักประท้วง มือหนาปลดตะขอเสื้อชั้นในไปพร้อมกัน ก่อนจะผละออกและเล็มระเรื่อยๆ ลงไปหาอกอวบคู่สวยที่อวดโฉมอย่างเต็มตาเมื่อจัดการกับเสื้อผ้าส่วนบนของคนใต้ร่างจนหมดร่างสูงใหญ่ก็ก้มลงไปดูดดื่มทรวงงาม มืออีกข้างเกาะกุมเคล้นคลึงราวกับกำลังสนุกมือ กระตุ้นเลือดลมสาวทั้งสองข้างพร้อมกันสลับไปมาอย่างไม่ให้น้อยหน้าพิมพ์ปรางรู้สึกราวกับกำลังมีกระแสไฟแปลบปลาบวิ่งไปทั่วร่าง มือบางขยับลูบแขนกำยำกับบ่าแกร่งอย่างไม่รู้ตัว รู้เพียงว่าอยากระบายบางสิ่งที่อัดแน่นขึ้นในกายออกไปบ้าง“คุณกลาง...อย่า...แกล้งปราง”หญิงสาวพึมพำคนที่ได้ยินจึงเงยหน้าขึ้นมามองเห็น
ภายในห้องพอชายหนุ่มเข้ามาร่างบางก็เบี่ยงขยับจะรีบสวนออกไป แต่แขนกำยำคว้าเอวเล็กเอาไว้แล้วปิดประตูลงเสียก่อน เขารวบคนตัวเล็กเข้ามากอดหมับ ใบหน้าคมก้มลงแนบคำคอ ทำเอาพิมพ์ปรางตกใจจนเกือบจะร้องออกมา ทว่าก็ต้องหยุดลงเพราะเสียงเข้มที่กระซิบข้างหู“ฉันรักปรางนะ”ทุกอย่างรอบตัวหญิงสาวราวกับหยุดนิ่งในฉับพลัน ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากชายหนุ่มมาก่อน แถมเขายังพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันจนพิมพ์ปรางรู้สึกเหมือนถูกไฟชอร์ตวูบหนึ่ง“ฉันรู้ว่าทำให้เธอเจ็บปวดเสียใจ แต่ไม่เคยเห็นเธอเป็นของเล่นอย่างที่เธอพูดเลย ฉันจริงจังกับเธอ ตั้งใจจะดูแลเธอจริงๆ”กิตติกรอธิบายต่อเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไม่ได้ขยับตัวหรือดิ้นรนเพื่อหนี เป็นโอกาสให้เขาได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ“ก่อนหน้านั้นฉันยอมรับว่าไม่ได้คิดว่ารักเธอ แต่ไม่ได้คิดจะทิ้งเธอตั้งแต่คืนวันงานยี่เป็งแล้ว”ชายหนุ่มจับให้คนร่างเล็กหันกลับมาเพื่อสบตาคู่สวยตรงๆ อยากให้มองเห็นว่าเขาจริงใจกับเธอ ที่พูดไปไม่ได้เสแสร้งเลยสักนิด“ฉันเคยทำผิด ทำให้เธอต้องออกจากบ้าน ปล่อยให้เธอจมอยู่กับความทุกข์คนเดียวทั้งที่เธอก็เป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ฉันจะไม่มีวันทำผิดซ้ำสอง”พิมพ์ปรางซึมซับทุ
สองสาวที่ไปขี่มอเตอร์ออกไปเที่ยวดูธรรมชาติรอบๆ โฮมสเตย์กลับมายังที่พักเพราะอากาศเริ่มเย็นลง ท้องฟ้าใกล้มืด“เดี๋ยวสองเอามอไซค์ไปคืนเอง ปรางกลับห้องก่อนได้เลย”พิมพ์ปรางพยักหน้ารับ มาธาวีขี่มอเตอร์ไซค์ที่เช่าต่อไปอีกหน่อยตรงที่จอด แต่รถสองคันที่เห็นทำให้หญิงสาวต้องหยุดหันมอง ทะเบียนรถคันหนึ่งเป็นรถของที่บ้านเธอ ส่วนยี่ห้อกับสีของรถอีกคันเป็นรถที่เธอเห็นบ่อยในช่วงนี้“นั่นมันรถคุณกลางใช่ไหมหว่า”เธอยังจำทะเบียนรถของกิตติกรไม่ได้ แต่รถของชายหนุ่มก็ไม่ใช่แบบคนแถวนี้จะซื้อมาขับ หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่ตัวเองไม่ใช่พิมพ์ปราง เพื่อความชัวร์จึงเอามือถือกดหามารดาของตน“คุณแม่ให้คนขับรถอยู่ที่นี่เหรอคะ ไม่ใช้รถเหรอ”มาธาวีเลียบเคียงถามไป ทั้งที่จำได้ว่าเมื่อวานตอนมาส่งพวกเธอคนขับรถขับออกไปแล้ว ตอนแรกเธอตั้งใจจะขับรถมาเองแต่เพราะไม่ชินทางและไม่เคยมา มารดาจึงให้คนของท่านมาส่งซึ่งยังไงก็ปลอดภัยมากกว่า“อ๋อ หนึ่งน่ะลูก เห็นมาถามหาสอง ว่ามีเรื่องจะคุยด้วยตั้งแต่เมื่อวานไปหาที่โรงเรียนไม่เจอ พอแม่บอกว่าไปเที่ยวเขาก็บ่นว่าไม่ชวน ถามว่าอยู่ที่ไหนแล้วเรียกคนขับรถให้พาไปส่ง แม่คิดว่าพี่เ
Mga Comments