กามเทพแสนกลช่างล้อเล่นกับความรักของสามคู่หนุ่มสาว ให้เกิดความรักที่มีทั้งความสุข ทั้งความทุกข์ปะปนกันไป พรหมลิขิต หรือว่า เนื้อคู่ ใครนะที่จะมีด้ายสีแดงผูกกันไว้ หากสองเราเป็นคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันจริงหรือ หลิน สาวน้อยจากเชียงรายผิวขาวเนียนสวย สะอาดสะอ้าน ปากนิด จมูกหน่อย ยิ้มเก่ง ขยันทำงาน และตั้งใจเรียน ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง จะมาเสียเอาตอนสุดท้าย กับชายหนุ่มที่ทั้งหล่อและรวย หลินจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต จากสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับพี่พีค นายพีระ หรือว่า พี่พีค ซีอีโอหนุ่ม เจ้าของโรงแรมใหญ่กลางกรุง หน้าตาดีหล่อเหลา ฐานะร่ำรวย ร่างกายกำยำ หุ่นกระชากใจ เป็นที่หมายปองของสาว และเขาได้ชื่อเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ ถ้าเขาจะคบกับผู้หญิงคนไหน เขาจะให้เวลาเธอแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น ชายหนุ่มผู้ที่ไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ความสัมพันธ์นั้นที่มันเกิดขึ้น คือ ความผิดพลาด หรือความตั้งใจกันแน่ ‘พี่พีคคงเห็นเราเป็นของเล่นชิ้นใหม่ ของใหม่ เขาคงยังไม่เบื่อ แล้วถ้าเขาเบื่อเราล่ะ ไม่... ฉันจะไม่รอให้เขามาบอกลา หรือทิ้งฉันก่อนแน่ ๆ’
View Moreณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในย่านโรงเรียนดังในกรุงเทพฯ เจ้าของร้านแต่งเอาใจวัยทีนด้วยสไตล์โมเดิร์นสไตล์สดใส ตกแต่งร้านน่ารัก กระจุ๋มกระจิ๋ม มุ้งมิ้ง แบบชิค ๆ ชิลล์ ๆ แต่ชื่อร้านสุดติ่ง "ร้านคุณบังอร"
ที่นี่มีเค้กมะพร้าวอ่อนรสชาติอร่อยมาก ๆ อาหารไทยที่หากินที่อื่นได้ยาก และขนมไทยหน้าตาแปลก ๆ ชื่อเป็นมงคลมีทั้งที่ทำออกมาใหม่ ๆ สด ๆ และขนมบางอย่างที่สามารถเก็บไว้กินยาว ๆ มากมายหลากเมนู อีกทั้งอาหารรสชาติก็ดี ราคาย่อมเยาไม่แพงอย่างที่คิด
"Hi หลิน ยังไม่กลับอีกเหรอ" เสียงใส ๆ ของ แพรวาสาวสวย ตากลมโตหุ่นกะทัดรัดสมวัย ผมดำขลับ และยาวสลวยถึงเอว แพรวาเป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารัก ใจดี และเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของหลิน ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยกันเสมอ
เธอเพิ่งจะกลับมาทำงานวันแรก หลังจากลาพักไปเที่ยวกับแฟนและกลุ่มเพื่อน ของเขาที่จังหวัดภูเก็ต รีบเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในร้านเพื่อแลกเปลี่ยนกะสลับกันกับหลิน
"จะรีบไปไหนได้ล่ะ แฟนก็ไม่มี" หลินพูดปนเสียงหัวเราะเบา ๆ
"ที่ฉันรอนี่นะ ไหนละของฝากจากภูเก็ตคะคุณแพรวา อิจฉาเธอจัง ได้ไปเที่ยวกับแฟน ลงรูปอัปสเตตัส ฉันนิ...กดไลก์จนมือหงิกแล้ว" หลินแกล้งทำหน้าเง้า แบมือเพื่อทวงถามของฝาก
"พรุ่งนี้นะคะ หลินคนสวย แพรยังไม่ได้รื้อกระเป๋าเลย ลงเครื่องปุ๊บก็รีบตรงดิ่งมาที่นี่เลยอะ" แพรวายิ้มหวานส่งมาให้แทน
"แพร เห็นในเฟซบุ๊กของแพรนะ เพื่อนพี่กฤษไปด้วยเหรอ แม้น่าอิจฉาเนอะ ท่าทางน่าสนุกจัง สามคู่สวีตตี" หลินพูดถามไปเพราะความอยากรู้ พลางถอนหายใจ บ่นพึมพำคนเดียว
"เมื่อไรหนอ ฉันจะมีแฟนหล่อ ๆ รวย ๆ แบบนี้มั่ง"
"ตื่น ๆ ฝันกลางวันอยู่หรือไง กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวเธอต้องไปทำงานที่สถานีวิทยุต่ออีกนี่ ใช่ไหมจ๊ะ" แพรวากระเซ้า ตบหลังเพื่อนเบา ๆ พร้อมทั้งเตือนเรื่องที่ต้องไปทำงานต่ออีกที่หนึ่ง
หลินตกใจรีบวิ่งเข้าไปตอกบัตรหลังเคาน์เตอร์ ปากก็ยังบ่นไม่เลิก
"อดเมาท์เลย พรุ่งนี้เจอกันนะ คืนนี้เลิกงานแล้วไลน์คุยกันนะจ๊ะ บาย ๆ”
หลินลงจากสถานีรถไฟฟ้า ก็วิ่งตรงดิ่งขึ้นตึกของสถานี เพื่อไปยังออฟฟิศของคลื่นวิทยุ 99.95 MHz Clean Radio
"ไอ้หลินวิ่งเป็นควายเลยนะมึง มาทำงานสายได้เกือบจะทุกวัน" เสียงพี่โก้หัวหน้างานในฝ่ายเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องเสียง ส่งเสียงแว้ดมาแต่ไกล
"นี่ฉันจะเบาใจให้แกทำคนเดียวได้ยังไง มันเป็นซะยังงี้ ตรู...อดพักร้อนอีกปีนี้ นี่ก็ใกล้จะสิ้นปีอยู่แล้ว ยังไม่ได้ลางานเลย"
"เฮีย บ่น บ่น บ่น ระวังนะ! จะได้เมียแก่" หลินเย้าหยอก พร้อมยกมือไหว้ วางกระเป๋าไว้บนชั้น แล้วไปนั่งข้างเฮียโก้อย่างเอาใจ ปากก็อ้อน
"หลินทำเป็นหมดแล้ว วันนี้เฮียนั่งให้สบายใจเลย จะเฟซฯ จะไลน์ จะแชทสาว ตามสบาย" ว่าแล้วก็จัดแจงเลือกเพลงตามที่ดีเจส่งลิสต์มาให้ พร้อมกับปรินต์ข่าวและสปอร์ตตัวใหม่ ที่ทางออฟฟิศใหญ่ส่งมาให้ดีเจ ส่งให้ดีเจทันก่อนออนแอร์ แบบรู้งาน
หลิน ชื่อจริง ศุภมาศ ลิ่มเจริญทรัพย์ อายุเท่ากันกับแพรวา คือ ย่างเข้ายี่สิบสามปี เด็กสาวจากเชียงราย ผิวขาวเนียน รูปร่างดี สูงโปร่ง ผมยาวประบ่า พอรวบได้ ทำสีน้ำตาลปนทองแบบวัยรุ่นทั่วไปเขาฮิตกัน
ส่งผลให้เธอดูเด่น และน่ารัก รับกับใบหน้าที่สวย หน้าตาคล้ายดาราฮ่องกง ซึ่งเพื่อน ๆ จะล้อเลียนเสมอ เพราะว่าเธอได้เชื้อสายจีนจากคุณพ่อนั่นเอง
เธอต้องทำงานพาสไทม์สองที่ เพื่อหาเงินในการส่งเสียตัวเองเรียน ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ
ตอนเช้า หลินทำงานร้านคุณบังอร และหลังเวลาสิบเจ็ดนาฬิกา เธอทำที่สถานีวิทยุ คลื่น 99.95 MHz Clean Radio อยู่ฝ่ายเครื่องเสียง และทำงานทั่วไป
ที่นี่ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่า ‘เจเนรัลเบ๊’ ดี ๆ นี่แหละ โดยพี่ ๆ ที่สถานีเรียกใช้ ตั้งแต่ซื้อข้าว ขนม น้ำ และจิปาถะ
ที่หลินต้องทำงานสองที่ เพราะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากทางบ้าน อยากวิ่งตามความฝันก่อนที่จะหมดอิสรภาพ รวมถึงเธออยากมาใช้ชีวิตในบางกอกเมืองศิวิไลซ์ จึงดื้อดึงไม่ยอมเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เชียงราย ครอบครัวจึงตัดเงินเดือนที่เคยได้รับทั้งหมด
ครอบครัวตระกูลลิ่มเจริญทรัพย์ที่มีทั้งรีสอร์ตและไร่ชาที่อำเภอแม่สาย ในจังหวัดเชียงราย เหนือสุดยอดแดนสยาม รวมถึงมีกิจการปั๊มน้ำมันหลายสาขา คุณขจร ลิ่มเจริญทรัพย์มีลูกสาวสองคน หลินเป็นคนกลาง และเธอยังมีน้องสาวคนเล็กอีกคนชื่อ ‘มีมี่’ และลูกชายคนโตที่รับช่วงกิจการทั้งหมด ชื่อว่า ‘เฉิน’
เนื่องจากแม่เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้หลินต้องรับฟังคุณพ่อ และพี่ชายที่ทำตัวเป็นเผด็จการมากที่สุดในบ้าน และนี่คือการปฏิวัติครั้งแรกของหลิน ที่ต้องการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวลำพังนั่นเอง แต่พี่ชายและคุณพ่อก็ไม่ได้ขัดข้องถ้าคิดว่าอยู่เองได้ แต่ได้ยื่นคำขาดแล้วว่า หากเรียนจบแล้ว ไม่กลับมาช่วยทำงานที่บ้าน หลินจะไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว
แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่รบกวนใจเธอที่สุดและหนักใจเป็นที่สุด ก็คือว่าที่เจ้าบ่าวที่ทางครอบครัวจัดเตรียมจัดหาเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วนั่นเองโดยที่เธอไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้จริง ๆ
ติ๊ง ๆ เสียงข้อความดังขึ้น พร้อมกับแสงไฟแวบ
(นอนหรือยัง) แพรวาทักมา
(อาบน้ำเพิ่งเสร็จ กำลังว่าจะทักไป) หลินตอบ พร้อมส่งจูบจุ๊บ ๆ ไปให้แพรวา
(เหลืออีกวิชาเดียวแล้วสิ ถ้าส่งวิทยานิพนธ์ สอบสัมภาษณ์ เธอก็จบเลยใช่ไหม) แพรถาม
(อือ...) หลินส่งสติกเกอร์หน้าเศร้าไปด้วย
(อ้าวเธอ ไม่ดีใจรึ) แพรทักกลับ เมื่อเห็นรูปสติกเกอร์ที่เธอส่งมา
(ใจหนึ่งก็ดีใจ แต่เราหนักใจมากเลยนะ เรื่องที่ต้องได้กลับบ้านจริง ๆ เราก็คิดถึงเตี่ยมาก มาอยู่ที่นี่สี่ปี ยังไม่ได้กลับบ้านเลย) T-T
(เออนะ...เราเข้าใจ) แพรวาปลอบ
(เปลี่ยนเรื่องดีกว่านะ นี่หลินฉันซื้อผ้านุ่งพันตัวชายหาดมาฝากเธอด้วย เธอจะเอาสีไหน) แพรวาถามพร้อมส่งรูปถ่ายมาให้ดู
(สวย ๆ ทั้งนั้นเลย แพรก็รู้เราชอบสีชมพู งั้นฉันขอสีชมพูเลยนะ หวานเหมาะกับฉันดี 555++) หลินตอบ
(จ้าแม่คุณ พรุ่งนี้เจอกันนะ ฉันจะไปก่อนสักครึ่งชั่วโมง แล้วเราค่อยเมาท์กัน นอนละนะง่วงจัง) พร้อมส่งสติกเกอร์กู๊ดไนต์
(Good Night) หลินตอบกลับด้วยสติกเกอร์เช่นกัน
เธอเดินมาหยุดที่ขาเตียง ใช้มือลูบไม้ที่ทำตั้งเป็นราว แกะสลักอย่างสวยงาม แขวนมุ้งผ้าเป็นมุ้งสีชมพูขาวจาง ๆ "ใครเป็นคนเลือกผ้าผืนนี้คะ สวยจัง" ถามเสร็จหันมามองชายหนุ่ม เห็นเขากำลังใช้มือลูบข้อเท้าตัวเอง รู้สึกผิด นั่งลงตรงหน้าเขา คุกเข่าลง ใช้มือตัวเองจับไปที่ข้อเท้าของเขา พลิกซ้ายพลิกขวา "โอ๊ย" ภุชงค์ร้อง "เจ็บมากหรือคะ" เธอถาม แต่จริง ๆ เขาไม่ได้เจ็บมากหรอก แค่นึกอยากแกล้งเธอเท่านั้น ดูว่าเธอเป็นห่วงเขาจริง ๆ หรือเปล่า "ในตู้เย็นมีน้ำแข็งไหมคะ เดี๋ยวพักตร์หาผ้าประคบเย็นให้" เธอลุกขึ้น ทำท่าจะเดินออกไปในครัว ชายหนุ่มดึงแขนเธอไว้ ด้วยจังหวะที่จะก้าวขาไปข้างหน้า ทำให้เธอเซล้มเข้าหาเขา นอนทับร่างเขาอยู่บนเตียง "เอ๊ะ... วันนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ แข้งขาอ่อนจัง"เธอแก้เก้อ นึกอายที่ล้มทับเขาอีกเป็นครั้งที่สอง ชายหนุ่มจับเธอพลิกให้นอนหงายหมุนตัว เกยทับขึ้นมาด้านบนตัวของหญิงสาว ศิริพักตร์จ้องหน้าเขา ตาสบกัน เธอนึกถึงเรื่องความเป็น Playboy ของเขาหญิงสาวใช้มือผลักดันตัวเขาให้ลุกขึ้น เขาดันขืนตัวเองไว้ไม่ยอมลุก ชายหนุ่มจ้องมองห
ศิริพักตร์ยกมือไหว้ คุณหญิงพิมพ์ใจ และท่าน สส. พร้อมผู้ใหญ่อีกหลายคนในนั้น ภุชงค์ยกมือไหว้ ลาแขกผู้ใหญ่บางคนที่เขามาทักและชื่นชม "ช่างหาแฟนนะ สวยอ่อนหวาน" "เหมาะสมกันดี" "น่ารักจริง ๆ นะคะคู่นี้ คุณ" "แต่งเมื่อไร บอกป้าด้วยนะ" "หมั้นกันหรือยัง" "ขยันเติมความหวานกันหน่อยนะ" และอีกหลายประโยคที่ตามมา หญิงสาวยิ้มเจื่อน ๆ จนเมื่อยแก้ม แต่ก็ไม่ได้แสดงกิริยาที่เสียมารยาทแต่อย่างใด "โอ๊ย.. นี่มันอะไรกัน" จนคนเริ่มซาลง เธอสะกิดเอวภุชงค์ "คุณคะ ห้องน้ำไปทางไหน" ชายหนุ่มหันมาทางหญิงสาว หัวเราะให้เบา ๆ "ขอโทษด้วยนะครับคุณพักตร์ ผมนี่เสียมารยาทจริง ๆ ไม่ได้เทกแคร์คุณให้ดี" ว่าแล้วก็ฉวยข้อมือเธออีกครั้งให้เดินตามเขา ชายหนุ่มพาเธอไปที่เรือนหลังเล็กของเขาอีกด้านหนึ่ง ซึ่งทะลุได้อีกทางหนึ่ง และมีทางเข้าจากอีกซอยหนึ่งได้ พีคและภุชงค์จอดรถไว้ด้านหลังนี้ เพราะกลัวรถติดเนื่องจากคนมาร่วมงานเยอะ บริเวณบ้านเขากว้างจัง ต้นไม้ใหญ่ก็เยอะ ถ้ามาคนเดียวหลงแน่ ๆ เธอคิดในใจ เขาพาเดินอ้อมตึกหลังใหญ่ มายังเ
สิ้นเสียงเพลง แขกผู้มีเกียรติต่างปรบมือ เอ่ยชมกันกราว นักแสดงทั้งหมดลุกขึ้นมายืนรวมกันที่ด้านหน้าเวที ภุชงค์เดินมายืนเคียงข้างกายศิริพักตร์ นักแสดงทุกคนโค้งคำนับให้กับแขกผู้มีเกียรติเป็นการขอบคุณ "คุณหญิงคะ ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมนะคะ" เสียงท่านผู้หญิงคนเดิม กล่าวชื่นชม คุณหญิงสุพัตรา และท่านสมภพ และคุณหญิงพิมพ์ใจ ยิ้มพึงใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า "อย่าลืมนะแม่พิมพ์ ให้ตาภุชงค์พาแม่หนูคนนั้นมาเจอกับแม่ด่วนเลยนะ" น้ำเสียงคุณหญิงสุพัตรา พูดด้วยความยินดี ดีใจเมื่อได้พบสิ่งที่ถูกใจ ภุชงค์ยื่นมือให้เธอจับขณะก้าวลงจากเวที เธอเดินตรงเข้าไปหาอาจารย์ประสิทธิ์ "ฝีมือยังไม่ตกนะ หนูพักตร์" ท่านกล่าวชม "มิเสียชื่ออาจารย์ จริงไหมครับคุณภุชงค์" แล้วหันไปถามชายหนุ่ม "ครับ เป็นการตีขิมที่ไพเราะจริง ๆ อย่างที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลยครับ" เขากล่าวชมหญิงสาว หยอดคำหวานพ่วงไปด้วย "ขอบคุณค่ะ" เธอส่งยิ้มหวานให้เขา ช่างไม่รู้อะไรซะเลย รอยยิ้มนั้นช่างเชิญชวนยิ่งนัก ทั้งสองร่ำลาอาจารย์ ชายหนุ่มชักชวนให้เธอไปรับประทานอาหารเพราะเธอยังไม่
ทั้งสี่คนเดินลงจากเวที ไปนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ กฤษและพีคอาสาไปตักอาหารมาให้จากบุฟเฟ่ต์ เพราะหิวมาก ๆ แล้วตอนนี้ มีบริกรเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่ม “รับอะไรดีครับ” เขาถามเธออย่างอาทร รู้สึกทึ่งและประทับใจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้จริง ๆ “ขอเป็นน้ำเปล่าได้ไหมคะ” บริกรยกน้ำเปล่าให้เธอ และวางไว้ให้ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ภุชงค์สั่งให้บริกรเสิร์ฟไวน์แดงให้ทั้งหมดสี่แก้ว “รับเป็นไวน์แดงสักแก้วก่อนนะครับ ไวน์แดงนี่เป็นรสชาติที่อ่อนลงมาเล็กน้อย เป็นไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ พิโนนัวร์ (Pinot Noir) รสนุ่มลิ้นดีมาก ๆ ครับ ดื่มก่อนทานซีฟู้ดสักหน่อย” เขายกแก้วของตัวเองยื่นตรงมาที่หน้าของหญิงสาว ประมาณเชิญชวนให้เธอชนแก้วกับเขา เธอยกแก้วของตัวเอง ขึ้นไปชนกับเขา นักข่าวซุบซิบสายบันเทิงมาจากไหนก็ไม่รู้ กดชัตเตอร์รัว ขณะที่ทั้งสองชนแก้ว มองตากัน ภุชงค์หันไปยิ้มให้กล้องด้วยความเคยชิน[1]หอมกว่าใคร ในหล้า ดอกฟ้าพี่ขออย่ามี ภมรภู่ มาสู่สันต์หากแม้นมี พี่นี้ จะปกกันกลีบบางอัน อ่อนหวาน จะอยู่คงพิกุลเอ๋ย พิกุลเจ้า เย้ายวนนักหิ่งห้อยรัก แต่มิอาจ จะเอื้อมส่งได้แ
กฤษเริ่มจำได้เพราะเป็นคนที่ไปที่ร้าน "คุณบังอร" บ่อยที่สุดเขาส่งเสียงทัก "คุณศิริพักตร์ ใช่ไหมครับ" ศิริพักตร์ดีใจที่กฤษจำเธอได้ "แหม... พักตร์นึกว่าคุณกฤษจะจำพักตร์ไม่ได้เสียแล้วค่ะ" กฤษหันไปอธิบายให้พีคฟังว่า "คุณศิริพักตร์ไง เจ้าของร้านที่แพรทำงานไงล่ะ" "โห... คุณพักตร์ สวยจนผมจำไม่ได้จริง ๆ ต้องขอโทษด้วยครับ" พีคทำท่าตกใจ พอสิ้นคำว่า "สวย" ภุชงค์ก็รีบมาทำตัวขวางหน้าสองเพื่อนไว้ทันที เพราะกิตติศัพท์ เรื่องทำให้ผู้หญิงปิ๊งนายพีคก็ไม่น้อยหน้าเขาเช่นกัน "ผมว่า เราสี่คนไปกราบอวยพร คุณยายก่อนดีกว่าครับ" ภุชงค์เอ่ยปากชวน และหันไปทางพีคส่งสายตา "คนนี้ ของผมครับ" พีคส่งยิ้มแบบกวน ๆ ตอบกลับไป แกล้งภุชงค์ โดยเอามือลูบหัวตัวเอง ภุชงค์หันไปเอาข้อศอกกระทุ้งไปที่ท้องของพีคเบา ๆ รู้ว่าพีคคิดมิดีมิร้ายกับผู้หญิงของเขา "คนนี้... มีเจ้าของแล้ว" เขาพูดออกมาจากไรฟัน "ก็ OK, I ได้อยู่แล้ว" พีคทำท่าแบมือ เบ้ปาก กฤษรู้ว่าพีคแกล้งแหย่ภุชงค์เล่น ตบหลังภุชงค์เบา ๆ "ไปได้ยังขอรับ" "เชิญทางนี้ครับ คุณพักตร์" เขาใช้มือแตะข้อศอก
"คุณชายครับ คนนี้จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ให้ตายก็ไม่ยอมรับขอรับ" กฤษสำทับด้วยคำพูด ว่าพีคตรง ๆ "ใครครับ กระผมนี่อยากรู้เสียจริง ๆ ขอรับคุณหลวงกฤษ" ชายหนุ่มสองคนเปลี่ยนกันส่งเล่นมุขอย่างสนุกสนาน "หยุดเลยนายทั้งสองคน บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ" พีคพูดจบ รีบเดินหลบไปที่ระเบียง เพื่อยกหูคุยกับหลิน เพราะวันนี้เขาพยายามโทรหาเธอถึงสองครั้ง สายว่างแต่เธอไม่ได้รับสาย มีแต่ข้อความส่งมาบอกว่า "ที่งานหมั้นยุ่งมาก ๆ ค่ะ หลินปิดเสียงมือถือเอาไว้น่ะค่ะ ไม่อยากให้เสียบรรยากาศในพิธีค่ะ" “กริ๊ง ๆ กริ๊ง ๆ” เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น หลินยกน้ำขึ้นมาดื่มหลังทานอาหารเย็นเสร็จพอดี เห็นเป็นเบอร์ของเขา รีบรับสาย เพราะวันนี้เธอไม่ได้รับสายเขาเลย สงสัยเขาคงจะโกรธแน่ ๆ แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น "กินข้าวแล้วรึยังคะ" เขาถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลมาตามสาย "ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่พีคทานข้าวหรือยังคะ" เธอตอบและถามเขาไป นึกแปลกใจ คิดว่าจะโดนเขาดุเสียแล้ว "ยังค่ะ...คืนนี้พี่จะพยายามไม่กลับดึกนะ มีงานเลี้ยงวันเกิดคุณยายของภุชงค์ พี่อยู่กับภุชงค์ และกฤษที่งาน ง
Comments