Mag-log inหน้าบ้านป้าดวงกับลุงทิน
"สวัสดีค่ะป้าดวง!" เสียงฝนดังขึ้นพร้อมน้ำตาคลอเบ้า ป้าดวงรีบเข้ามาสวมกอดหลานสาว "ไปไหนมาลูก" ป้าถามด้วยความเป็นห่วง "ที่เขื่อนค่ะป้า" คำตอบของฝนยิ่งทำให้แววตาของป้าดวงเศร้าลง... เขื่อนแห่งนั้นที่พ่อนพพลจากไป "ไม่เป็นไรแล้วนะ" ป้าดวงปลอบใจ ทั้งสองมองตากันอย่างเข้าใจความเจ็บปวดของการสูญเสีย ฝนปาดน้ำตา เงยหน้าขึ้นมองป้าพร้อมรอยยิ้มจางๆ "มากับคุณเอกเหรอลูก" เอกเดินตามหลังเข้ามา "สวัสดีครับป้าดวง" ป้าดวงยิ้มรับ "ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้ครับ เรียกเอกเฉยๆ ก็พอ" เขากล่าวอย่างเป็นกันเอง "อ๋อ...จ้ะ" ป้าดวงยิ้ม "ลุงทินไปสวน เดี๋ยวก็คงกลับมา หนูอยากไปหามั้ยล่ะ" "หนูไปหาลุงที่สวนนะคะ" ฝนขอตัว เธอเดินนำเอกไปตามทางเล็กๆ ที่ลัดเลาะไปตามสวนมะม่วงและขนุนของลุงทิน เอกกวาดสายตามองรอบตัวอย่างสงสัย "คุ้นกับที่นี่เหรอ มาบ่อยมั้ย?" "ก็บ่อยนะ ตอนเด็กๆ มานอนค้างกับพ่อบ่อยเลย" ฝนชี้ไปที่เนินดินข้างหน้า "โน่นไง ที่เล่นของฝน" เอกมองตามไปถึงกับชะงัก... นั่นคือบังเกอร์เก่าๆ ที่มีซากกระสุนอยู่เต็มไปหมด "ทำไมมีของแบบนี้อยู่เยอะจัง" ฝนขยับเข้าใกล้เอก ใช้มือแตะเบาๆ ที่แขนเขา ก่อนจะกระซิบเสียงเบา "เห็นเขาลูกนู้นไหม...ถ้าข้ามไปไม่ใช่บ้านเรานะ!" เธอพูดจริงจังจนเอกอึ้งไปพักหนึ่ง "จริงๆ แล้ว...ลุงทินกับพ่อมีความลับบางอย่างร่วมกัน" เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ "แต่ฝนไม่บอกพี่หรอก" "บอกหน่อยไม่ได้เหรอ" เอกทำท่าทางอยากรู้จริงจัง แต่ฝนกลับยิ้มให้ก่อนจะเดินนำต่อไป ทิ้งให้เอกยืนครุ่นคิดอยู่คนเดียว ลุงทินกำลังใส่ปุ๋ยต้นไม้ในสวน ฝนกระโดดเข้าไปกอดจากด้านหลัง "ลุงคะ ทำอะไรอยู่" "กำลังใส่ปุ๋ยอยู่ อย่าเข้ามาเดี๋ยวเปื้อน" ลุงทินหันมายิ้มอย่างเอ็นดู "มะม่วงสุกเต็มต้นเลย" ฝนพยายามจะกระโดดเก็บ แต่ก็มีมือหนาคู่หนึ่งยื่นมาเด็ดมะม่วงลงมาอย่างง่ายดาย เธอเงยหน้ามองตามขึ้นไป...นั่นคือเอกที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา ด้วยส่วนสูงที่ต่างกัน เอกเด็ดมะม่วงได้อย่างสบายๆ "เอาอีกมั้ย" เอกถามพร้อมรอยยิ้ม ฝนพยักหน้าให้เขาเด็ดลูกนั้นลูกนี้ให้เป็นพัลวัน ลุงทินที่เห็นภาพนั้นอดที่จะยิ้มไม่ได้ ภาพความสดใสของฝนกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ต้องจมอยู่กับความเศร้าจากการจากไปของพ่อ "ชอบบรรยากาศแบบนี้มั้ย" ลุงทินถามเอก "ชอบมากเลยครับ อิจฉาคนที่ได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้" "อิจฉาทำไม คุณก็ดูเพียบพร้อมทุกอย่างนี่" ลุงทินถามกลับอย่างไม่เข้าใจ "ผมตัวคนเดียวครับ ไม่มีครอบครัวเหลืออยู่" คำพูดของเอกทำให้ฝนที่กำลังเด็ดมะม่วงถึงกับชะงัก เธอหันไปมองหน้าเขาแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร เอกหันมามองลุงทินต่อ "จะซื้อที่หรือย้ายมาอยู่มันไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่ถ้ามาอยู่แล้วมันจะสมบูรณ์แบบเหมือนคุณลุงมั้ยล่ะ...มีครอบครัว มีคนที่รักอยู่ข้างๆ" ลุงทินถอนหายใจ "ก็จริงของคุณ...บางทีความสุขมันก็เหมือนขาดๆ หายๆ ยังไม่เต็ม" เขามองเอกด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป "ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้นะครับ เรียกเอกเฉยๆ ก็พอ" เอกเสนอ "งั้นก็ได้ ถ้าว่างๆ ก็มาเที่ยวบ้านลุงบ่อยๆ นะ ถ้าไม่กล้ามาคนเดียวให้ฝนพามาก็ได้" ลุงทินบอกด้วยความรู้สึกผูกพันอย่างประหลาดใจ "คนนี้เป็นเจ้าถิ่นตั้งแต่เด็กจนโต เพิ่งห่างไป 4 ปีที่ไปเรียนต่อ" เอกรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ลุงทินมันรู้สึกเหมือนกับว่าคุ้นเคยกันมานานแล้ว บนโต๊ะอาหาร ป้าดวงตักข้าวให้ฝนอย่างใส่ใจเหมือนฝนเป็นลูกสาวคนเล็ก เอกมองดูแล้วครุ่นคิด... ทั้งที่ฝนบอกว่าไม่ได้เป็นสายเลือดเดียวกัน ทำไมทุกคนถึงได้รักและเอ็นดูเธอขนาดนี้... "ทานเยอะๆ นะเอก" เสียงลุงทินดึงเอกออกจากภวังค์ เขาก้มลงมองจาน...ลุงทินตักผัดเผ็ดปลาดุกมาให้ เอกถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยมีใครรู้ว่าเขาชอบกินสิ่งนี้ แต่ลุงทินที่เพิ่งรู้จักกันกลับตักสิ่งนี้ให้เขา... ความรู้สึกคุ้นเคยที่ทั้งสองมีให้กันกลับมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกันมากกว่าที่คิด หลังจากทานข้าวเสร็จ "มืดแล้ว ค้างที่นี่เลยไหมลูก" ป้าดวงเอ่ยขึ้น "ได้เสมอเลยค่ะ" ฝนหันไปมองเอก "แล้วพี่ล่ะ" เอกพยักหน้า "อยู่ได้ครับ ไม่มีงานด่วนอะไร" ลุงทินยิ้ม "งั้นเอกนอนห้องหมอกฤษณ์นะ ส่วนฝนเขามีห้องของเขาอยู่แล้ว" เอกแปลกใจ "มีห้องส่วนตัวด้วยเหรอครับ" ป้าดวงตอบอย่างภูมิใจ "มีสิ เขามาประจำก็ต้องมีห้องของเขาอยู่แล้ว" เอกถึงกับงงในคำพูดนั้น ความใกล้ชิดที่ฝนมีต่อครอบครัวนี้มันดูพิเศษเกินกว่าคำว่าหลานสาว ในคืนนั้น เอกนั่งมองพระจันทร์อยู่คนเดียวอยู่ตรงแคร่หน้าบ้าน "ยังไม่ง่วงเหรอเอก" เสียงลุงทินดังขึ้นจากด้านหลัง "ยังครับ บรรยากาศดี" ลุงทินมองแผ่นหลังของเอก แล้วนึกในใจ ถ้าลูกชายของเขายังอยู่ตอนนี้คงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเอก คิดแล้วน้ำตาเขาก็คลอ "ลมแรงเมื่อกี้คงฝุ่นเข้าตา" ลุงทินรีบแก้ตัวแล้วเดินกลับไปนอน ฝนที่กำลังจะเข้าห้องนอนเห็นเอกนั่งอยู่คนเดียวก็เดินลงมา "ยังไม่นอนอีกเหรอนะ" เธอถาม "ยังครับ บรรยากาศดี เลยนั่งรับลมซักหน่อย แล้วฝนล่ะ ทำไมยังไม่นอน" เอกถามกลับ "กำลังจะนอนแล้วค่ะ แต่เห็นคนบางคนกำลังนั่งอยู่ กลัวเหงาเลยมานั่งเป็นเพื่อน" เอกยิ้ม "เป็นห่วงพี่เหรอ" "ห่วงอะไร...แค่สงสาร" ฝนพูดติดตลก "วันนี้พี่บอกว่าไม่มีใครตัวคนเดียว หมายถึงครอบครัวอยู่ต่างประเทศเหรอ" "เปล่าครับ...คือ...จริงๆ แล้วพี่เป็นเด็กกำพร้า" เอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฝนฟังว่าเขาถูกครอบครัวนักธุรกิจชาวต่างชาติรับมาอุปการะ แต่ก็เกิดอุบัติเหตุจนพวกท่านเสียชีวิตไป "ญาติพี่น้องเขาก็ไม่ได้นับว่าพี่เป็นญาติอยู่แล้ว...พี่เลยไม่เหลือใคร" ฝนที่ได้ยินถึงกับอึ้ง ชายที่ดูภูมิฐานคนนี้กลับโดดเดี่ยวเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ "ไม่เป็นไรนะคะพี่เอก ฝนก็ลูกกำพร้าเหมือนกัน" ฝนพูดอย่างเห็นใจ "เห็นไหม...ฝนก็มาเติบโตที่นี่กับพ่อ...ถึงจะยังมีแม่นวลกับพี่ฟ้าแต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน และแม่แววท่านก็มีลูกสาวของท่านเอง ถ้าเทียบกันฝนก็ลูกครึ่งกำพร้าเหมือนกัน" เธอหัวเราะเบาๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ "แต่ก็ยังดีนะที่ฝนยังมีครอบครัวของลุงทิน ดูท่านรักและเอ็นดูฝนมากเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง" "ใช่แล้วค่ะ ลุงทินรักฝนมาก...สำหรับฝนแล้ว ลุงเป็นเหมือนญาติที่ยิ่งกว่าญาติเสียอีก" ฝนเว้นจังหวะก่อนจะเอ่ยถาม "แล้วพี่จำพ่อแม่แท้ๆ ได้มั้ยคะ" "ตอนนั้นเกิดอุบัติเหตุ...พี่ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็ที่โรงพยาบาลแล้ว จำได้แค่เหมือนมีผู้ชายคนนึงบอกให้รออยู่ตรงนี้" เอกตอบ "ส่วนคนที่พาพี่ไปโรงพยาบาลก็คือพ่อแม่ที่รับอุปการะนี่แหละ" ฝนอึ้งในเรื่องราวที่คล้ายกับในนิยาย เธอจึงพูดขึ้นว่า "ถ้าเรื่องราวของพี่เหมือนในนิยายขนาดนี้...ก็แสดงว่าตอนนี้พี่อยู่ใกล้ครอบครัวที่แท้จริงของพี่แล้วสิ" เธอพูดติดตลก แต่แววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความจริงจังและสงสัยที่ซ่อนอยู่ภายใน...นพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







