LOGINเอกขับรถกลับบ้านพร้อมฝน เมื่อเห็นป้ายงานผ้าป่าตามรายทาง เขาหันไปถามฝนที่นั่งข้างๆ "งานอะไรเหรอครับ"
ฝนยิ้ม "งานผ้าป่าค่ะ เป็นงานทำบุญใหญ่ของชุมชน" เธออธิบายรายละเอียดสั้นๆ "พ่อเองก็มีส่วนร่วมนะงานนี้...แต่ตอนนี้คงเป็นแม่แววดูแลแทน" ใบหน้าที่เคยสดใสของฝนกลับเศร้าลงทันที เอกรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เขารีบพูดขึ้นเพื่อปรับอารมณ์"พี่อยากมีส่วนร่วมด้วยได้มั้ย...ขอร่วมทำบุญในนามส่วนตัว" แววตาของฝนกลับมาสดใสอีกครั้ง "ได้สิคะ" เธอรับปากอย่างยินดี เอกรู้สึกโล่งใจ
วันงานผ้าป่า งานผ้าป่าจัดขึ้นที่วัดประจำชุมชน บรรยากาศคึกคักไปด้วยผู้คน เสียงเพลงดังกระหึ่ม มีการตั้งร้านค้าและซุ้มเกมต่างๆ เอกมองรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ "งานแบบนี้เขาจัดปีละครั้ง คนในชุมชนก็จะมารวมตัวกัน" ฝนพูดพร้อมกับพาเอกเดินชมงาน "อายุสามสิบกว่าแล้วยังไม่เคยมางานแบบนี้อีกเหรอ" ฝนถามแซว "ไม่เคยครับ...ไม่คิดว่าจะมีที่แบบนี้" เอกตอบตามตรง "รู้ไหม...วงดนตรีที่มาวันนี้ดังมากนะ จองคิวกันข้ามปีเลย" ฝนบอกด้วยน้ำเสียงภูมิใจ "นู่นไงป้ายชื่อวง" เอกมองตามแต่ก็ยังงงๆ "ไม่รู้จักเหรอ เล่นโซเชียลบ้างมั้ยเนี่ย" ฝนหัวเราะ ทันใดนั้น เสียงเพลงก็ดังกระหึ่มขึ้น " ว๋าน ว๋าน! วั๋น-ทู๋-ทรี๋-โฟ๋ร์-ไฟ๋ร์-6-7-8-9! ไปๆๆๆ!!!" ฝนคว้าแขนเอกแล้ววิ่งนำไปทันที "ไปกันเถอะ!" เอกถูกลากไปตามฝนอย่างงงๆ ภาพตรงหน้าคือกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังเต้นอยู่หน้าเวที มีลานเบียร์และร้านค้ามากมาย เอกมองฝนที่กำลังโยกตัวตามจังหวะเพลงอย่างเพลิดเพลิน เธอร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจว่าเอกจะเข้าใจเนื้อเพลงหรือไม่ เอกยืนมองเธอเหมือนโลกทั้งใบมีเพียงแค่เธอคนเดียว สักพักฝนวิ่งหายไป แล้วกลับมาพร้อมกับกระติกน้ำเล็กๆ "นี่แหละ...ของที่คนในงานต้องมี" เธอบอกพร้อมยกกระติกขึ้นดื่ม เอกมองเห็นคนอื่นๆ ก็มีกระติกแบบเดียวกัน ฝนยกกระติกขึ้นยื่นหลอดให้เอก "ดูดมั้ย" เอกส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ฝนจึงยัดหลอดใส่ปากเขาแล้วบังคับให้ดื่ม ใช่แล้ว...มันคือเบียร์ เอกรู้สึกประหลาดใจกับวัฒนธรรมการดื่มเบียร์จากกระติกน้ำแบบนี้ มันคือประสบการณ์ใหม่ที่น่าสนใจสำหรับเขา แม้จะฟังเนื้อเพลงไม่เข้าใจ แต่เขาก็สนุกไปกับบรรยากาศที่ครึกครื้นและเป็นกันเอง ฝนเริ่มมึนเมา เธอเต้นอย่างเมามันจนเซไปมา เอกรีบคว้าเอวบางของเธอไว้กันไม่ให้ล้ม แต่เธอก็ยังคงเต้นไม่หยุด ภาพของสาวน้อยที่ไร้เดียงสาทำให้เขานึกถึงวันที่เจอกันครั้งที่ยังไม่รู้จักกัน ที่งานสัมมนา และฝนก็ไปทำกิจกรรมกับกลุ่มเพื่อนในคณะฯ ที่ตอนนั้น ฝนยังเป็นนักศึกษา ในตอนนี้เขายิ้มอย่างมีความสุข แต่แล้วก็มีกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาเต้นแซะใกล้ๆ ฝนอย่างมีพิรุธ ทันทีที่เห็นสายตาเจ้าชู้ของพวกนั้น เอกก็รู้สึกเหมือนมีไฟลุกขึ้นในอก เขาไม่ชอบที่ใครก็ตามจะมามองฝนด้วยสายตาแบบนี้ เอกรีบดึงเธอเข้ามาชิดตัวทันที "ไปไหน...เต้นมั่วแล้ว" เขาดุเสียงเข้ม "ดูๆ ...มีผู้ปกครองมาคุมด้วยเว้ยเฮ้ย" หนึ่งในวัยรุ่นพูดขึ้นแล้วหันไปถามเอก "สวัสดีครับคุณอา...ขอยืมตัวหลานสาวไปเต้นด้วยแป๊บนึงได้มั้ยครับ" เอกจ้องหน้าวัยรุ่นคนนั้นด้วยแววตาดุดัน "ไม่ได้ครับ" เขาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังและเด็ดขาด วัยรุ่นกลุ่มนั้นพูดไปพร้อมกับเราะไป เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม พวกเขายังคงเต้นกันต่อไม่หยุด แต่ในอีกมุมหนึ่งของงานดวงตาของด้วงเต็มไปด้วยความกระหาย เขาหันไปคุยกับลูกน้องและวางแผนชั่วร้าย "บัดนี่ล่ะ...กูสิได้น้องฝนเป็นเมียกูแท่ล่ะ" (คราวนี้แหละ...กูได้น้องฝนเป็นเมียกูแน่ๆ) และแล้วก็เป็นไปตามแผน เมื่อเริ่มดึกคนก็เริ่มเมาและอารมณ์ร้อนขึ้น เพียงแค่สุมไฟไปนิดเดียวก็เริ่มมีเรื่อง วัดแกล้งไปเหยียบเท้าคนนั้น ผลักคนนี้ จนเกิดความชุลมุนวุ่นวายขึ้นหน้าเวที อย่างที่คาดไว้ เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้นมาจริงวๆตามแผนของด้วง ผู้คนวิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน เอกกับฝนที่กำลังสนุกกันอยู่ต้องแยกกัน เอกพยายามมองหาฝนแต่ด้วยความที่คนเบียดเสียดกันหนาแน่นและร่างเล็กของเธอ ทำให้เขาหาฝนไม่เจอ ทันใดนั้น เอกเหลือบไปเห็นวัดวิ่งหลบไปทางหลังเวที เขาเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงรีบวิ่งตามไป และเป็นอย่างที่คาด ด้วงกำลังฉุดกระชากลากฝนขึ้นรถไป เอกเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของชาวบ้านจอดอยู่ เขาไม่รอช้า ยื่นเงินปึกใหญ่พร้อมกับกุญแจรถตัวเองและนามบัตรให้เจ้าของรถ แล้วขับตามไปทันที ด้วยความที่ด้วงเพิ่งได้รถเก่าๆ คันนี้มาหมาดๆ และขับยังไม่คล่อง ทำให้รถกระตุกดับกลางทางเมื่อเอกตามมาทัน เอกจอดรถแล้วลงมาหาด้วงที่กำลังตกใจ วัดรีบเปิดประตูลงมายกมือไหว้ด้วยท่าทีเหมือนโจรกระจอกๆ เอกไม่สนใจ เขาเดินไปเปิดประตูอีกด้านของรถแล้วอุ้มฝนที่กำลังหลับใหลลงมา เขาพยุงเธอขึ้นรถมอเตอร์ไซค์แล้วโอบกอดเธอไว้แน่น ในช่วงเวลาที่เขาอุ้มเธอขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ เอกสัมผัสได้ถึงความรู้สึกห่วงใยและความรักที่ล้นออกมาในใจ เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เธอเป็นอะไรไปได้ ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วงที่เห็นเอกพาหญิงสาวไปก็ตะโกนด่าตามหลังด้วยความเจ็บใจ "โธ่เอ๊ย! แน่จริงกลับมาก่อนดิวะ" กลับถึงบ้าน เอกขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านด้วยความทุลักทุเล ฝนที่เมาไม่ได้สติ บวกกับเส้นทางที่มืดและเปลี่ยว แต่ในที่สุดเขาก็มาถึงบ้านพักอย่างปลอดภัย ขณะที่กำลังจะลงจากรถ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น "ฮัลโหลครับ...ใครครับ" เอกรับสายด้วยความงงงวย "ผมเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ที่คุณยืมไปไง" ปลายสายตอบกลับ "เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นครับ แล้วนี่กุญแจรถยนต์ของคุณ...ผมจะได้เอาไปเปลี่ยนคืน" "อ๋อ...ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมรีบจริงๆ เลยต้องเสียมารยาทเอารถของคุณมาใช้ก่อน" เอกกล่าวด้วยความรู้สึกผิด "รถผมจอดอยู่ที่เดิมใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมขับไปเปลี่ยน" "ไม่ต้องหรอกครับ ดูแล้วคุณน่าจะเป็นคนบริสุทธิ์ใจ ไม่งั้นคงไม่ทิ้งนามบัตรกับกุญแจรถไว้ให้ผม" เสียงปลายสายตอบอย่างใจเย็น "บ้านคุณอยู่ตรงไหนครับ ผมจะขับไปเปลี่ยนให้" "ผมเช่าบ้านอานพอยู่ครับ...ถ้าไม่รู้ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ผมจะเอาไปเปลี่ยนให้ครับ" เอกบอก "อ๋อ...บ้านคุณนพนี่เองที่เพิ่งเสียไปไม่นาน" ปลายสายตอบอย่างเข้าใจ "ใช่บ้านหลังข้างในที่ติดกับสวนใช่ไหมครับ...เดี๋ยวผมเอาไปเปลี่ยนให้" "ใช่ครับ...รบกวนคุณด้วยนะครับ แล้วต้องขอโทษอีกที" เอกกล่าวจบก็วางสายลง ความวุ่นวายที่รออยู่ เอกพยุงฝนเข้าไปนอนบนโซฟา พยายามเรียกสติเธอ "ฝน...ฝน..." แต่เธอกลับงัวเงียขึ้นมาโอบรอบคอเขาแล้วดึงเขาเข้าหาตัว เอกตกใจมาก...นี่มันไม่ปกติ เขาพยายามแกะมือเธอออกแต่ก็ไม่เป็นผล หญิงสาวตรงหน้ากลับรุกหนักขึ้นอีก เธอดึงเขาเข้ามาแล้วจูบเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เอกสับสนไปหมด...ฝนที่เขาเคยเจอไม่ใช่แบบนี้...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง "ฮัลโหลครับ...ผมเอารถมาเปลี่ยนครับ ตอนนี้ผมอยู่หน้าบ้านแล้ว" เอกแกะมือฝนออกแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้ว "นี่ครับกุญแจรถ" เขายื่นกุญแจให้ แต่แล้วฝนก็วิ่งตามออกมาจากบ้าน "พี่เอกคะ...มามะ มาเป็นของฝนซะดีๆ" เธอพูดพลางหัวเราะคิกคัก ภาพที่เห็นทำให้เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ "อ๋อ...ที่แท้ก็ลูกเขยคุณนพนี่เอง" "ไม่ใช่ครับ...ไม่ใช่แบบนั้น" เอกรีบปฏิเสธ "ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจแล้ว สงสัยเมียเด็กงอนเลยรีบตามเมีย" สมานหัวเราะ "เป็นธรรมดาครับ ผมเข้าใจ" เขายื่นกุญแจรถให้ "ค่อยๆ คุยกันนะครับ ใจเย็นๆ เด็กก็แบบนี้แหละ...ว่าแต่จะแต่งกันวันไหน? เชิญผมด้วยนะครับ" เขากล่าวทิ้งท้าย "ผมชื่อสมานนะครับ บ้านผมอยู่ท้ายหมู่บ้าน...ไปแล้วนะครับ" เขายังไม่วายพูดติดตลก "เบาๆ มือหน่อยนะครับ เมียเด็กก็แบบนี้แหละ" พูดจบสมานก็ขับรถออกไป ทิ้งให้เอกยืนอยู่คนเดียวอย่างงงงันความจริงที่น่าตกใจ เอกรีบวิ่งไปพยุงฝนเข้าบ้าน "ฝน...ตั้งสติหน่อยสิ คนเข้าใจผิดกันหมดแล้ว" "เข้าใจผิดอะไรคะ...หรือพี่ไม่ได้คิดอะไรกับฝน" เธอพูดพร้อมกับคลอเคลียและโอบกอดเขา ลมหายใจอุ่นๆ ของเธอที่เต็มไปด้วยกลิ่นเบียร์ทำให้เอกแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เขาก็พยายามตั้งสติ "ฝนเมามากรู้ไหม" "รู้สิ...ทำไมจะไม่รู้ว่าเมา" ฝนตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหมือนตัวเอง "แล้วพี่จะปล่อยให้คนเมาคนนี้หลุดมือไปจริงๆ เหรอ...ไหนบอกว่าจะเลี้ยงปลาน้อยตัวนี้ไว้ไม่ปล่อยให้ไปไหน" คำพูดนี้ยิ่งทำให้เอกแทบจะห้ามใจไม่ไหว "พี่จะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ" เอกมองไปที่ริมฝีปากชมพูอวบอิ่มกับแก้มที่แดงระเรื่อของเธอ แต่แล้วสติก็กลับมา...นี่มันไม่ใช่ฝนคนเดิมที่เขารู้จัก... เขาตั้งสติแล้วมั่นใจได้ทันทีว่าด้วงคงเอาอะไรให้ฝนกินแน่ๆ "ไอ้เลว...มันทำแบบนี้กับฝนได้ยังไง" ความโกรธพุ่งพล่านขึ้นในใจ เอกรู้สึกโมโหมาก...ที่พวกคนชั่วคิดจะทำอะไรต่ำๆ กับฝน เพราะคิดว่าเธอไม่มีใครปกป้องเพราะพ่อของเธอจากไป แต่ในขณะที่เอกกำลังสับสนกับความรู้สึกที่สลับไปมาระหว่างความหึงหวง ความโกรธ และความอยากควบคุมอารมณ์ตัวเอง เขาก็ต้องตกใจสุดขีดกับภาพที่อยู่ตรงหน้า!ฝนทำอะไรแบบนั้น...!!!นพพลเริ่มสงสัยตอนไหน?เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปในงานแต่งงานของฟ้า ลูกสาวคนกลางของนพพล ที่นั่นนพพลได้เจอกับเอกเป็นครั้งแรก และรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เมื่อได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดู เขาจึงแลกช่องทางการติดต่อกับเอกไว้เมื่อรู้ว่าเอกต้องย้ายมาทำงานที่สาขาต่างจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นพพลจึงชวนเอกให้มาเช่าบ้านใกล้ๆ ซึ่งในตอนนั้นเขายังไม่ได้มีความสงสัยใดๆจนกระทั่งวันหนึ่ง ท่อน้ำที่บ้านแตก เอกได้เข้ามาช่วยซ่อมจนเสื้อผ้าเปียก นพพลจึงให้ฝนนำเสื้อมาให้เอกเปลี่ยน ขณะที่เอกถอดเสื้อ นพพลได้เห็นปานรูปใบหม่อนใต้ราวนมของเอก ซึ่งทำให้เขาตกใจและเริ่มสงสัยในตัวเอกอย่างมากหลังจากนั้น ในวันที่ฝนหมดสติและเอกโทรศัพท์ให้นพพลไปหาที่บ้าน ขณะที่เอกกำลังอุ้มฝนไปวางบนที่นอน นพพลได้แอบเข้าไปในห้องน้ำและเก็บเส้นผมรวมถึงแปรงสีฟันของเอกมา เพื่อนำไปตรวจ DNAนพพลจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะเขาไม่อยากให้ประทินต้องผิดหวังหากผลตรวจออกมาไม่ใช่พ่อลูกกัน เขาอยากจะแน่ใจก่อนถึงจะบอกทุกคน เขาพยายามหาโอกาสให้ประทินได้พบกับเอกที่เขื่อน และตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ประทินฟัง แต่โชคร้ายที่นพพลกลับพลัด
บรรยากาศยามเช้าตรู่ ณ กระท่อมน้อยริมบึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แสงแดดสีทองสาดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ดอกบัวสีชมพูและขาวพากันชูช่อบานรับแสงอรุณราวกับกำลังยิ้มทักทาย สายลมพัดเอื่อยๆ พากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าลอยมาตามลม ผีเสื้อหลากสีโบยบินไปมาอย่างร่าเริง เถาไม้เลื้อยที่เคยดูโรยรากลับเขียวชอุ่มและมีดอกไม้เล็กๆ แซมอยู่ประปราย เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังแว่วมาจากป่า บรรยากาศโดยรอบอบอวลไปด้วยความสุขและความหวัง ราวกับธรรมชาติกำลังเยียวยาบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้บนเฉลียงไม้เล็กๆ ของกระท่อมกลางบึง ฝน นั่งอยู่คนเดียวในชุดสีขาวเรียบง่าย ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาของเธอมองไปยังผืนน้ำนิ่งๆ ที่สะท้อนเงาของท้องฟ้าสีคราม เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รับเอาความสดชื่นจากธรรมชาติเข้าสู่ปอดอย่างเต็มที่ในวินาทีนั้นเอง อ้อมแขนแกร่งก็โอบเข้าที่เอวของเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกลิ่นหอมสะอาดของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คุ้นเคย เอก ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสมบูรณ์แบบ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักที่ยากจะปิดบัง ทั้งคู่ทอดสายตามองยาวไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าพ
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆ ขยับ ก่อนที่นิ้วกลางจะกระตุกขึ้นอย่างแผ่วเบา พลอยใสที่นั่งอยู่ข้างเตียงรู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอกำลังจะฟื้น ฝนค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เห็นพลอยใสนั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบห้องด้วยความสงสัยและความงุนงง ในใจเธอยังคงตั้งคำถาม "ฉันยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันยังไม่ตายอีกเหรอ?" ภาพสุดท้ายที่จำได้ก่อนหมดสติคือภาพของเอกกับแม่ที่อยู่ข้างๆฝนหันไปถามพลอยใส "ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้วแกมาได้ยังไง?"พลอยใสไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นเสียงสั่นเครือ "ฝน แกเป็นอะไร ทำไมแกไม่บอกฉัน! ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ยังไง แกรู้ไหมว่าถ้าแกเป็นอะไรไป จะมีคนอีกตั้งหลายคนที่เสียใจ...ทำไมถึงคิดสั้นแบบนี้!" พลอยใสโผเข้ากอดเพื่อนรักที่กำลังอ่อนเพลียจนพูดอะไรไม่ออก มีเพียงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอย่างเงียบๆทันใดนั้น ฟ้าเปิดประตูเข้ามา "ฝน! เป็นยังไงบ้าง? พี่ได้ข่าวก็รีบมาเลย ทำไมทำแบบนี้ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!" ฟ้าโผเข้ากอดน้องสาวแล้วร้องไห้ ฝนร้องไห้ตามอีกครั้ง กอดพี่สาวด้วยความเสียใจกับเรื่องราวที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอได้แต่ร้องไห้โดยไม่พูดอะไร พลอยใสทำได้เพียงลูบหลังปลอบใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าด้วยความไม่เข้า
ฝนกอดรองเท้าข้างน้อยของพ่อไว้แน่น ความรู้สึกเดียวที่เหลืออยู่คือความเจ็บปวด ด้วยความสิ้นหวัง รู้ตัวอีกที เธอก็ไปยืนอยู่ริมตลิ่งของเขื่อนชลประทาน สายตาเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างที่นิ่งสงบ ราวกับกำลังรอคอยที่จะกลืนกินความเจ็บปวดทั้งหมดของเธอลงไป"พ่อ...หนูจะตามพ่อไป..." เธอพึมพำ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ความทรงจำที่เคยมีร่วมกับพ่อฉายชัดขึ้นในหัว ภาพที่พ่อเคยยิ้มให้เธอ เคยโอบกอดเธออย่างอบอุ่น และภาพที่พ่อบอกว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนแต่ตอนนี้...พ่อไม่อยู่แล้ว...และคนที่เธอรักก็กำลังทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดฝนค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปล่อยรองเท้าข้างน้อยของพ่อให้ร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำช้า ๆ ราวกับกำลังปล่อยความหวังสุดท้ายในชีวิตให้จมหายไปกับสายน้ำนั้น"ลาก่อน...ทุกอย่าง..."ในวินาทีนั้นเอง...เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนต่อความเจ็บปวดอีกต่อไป ร่างของเธอค่อย ๆ ก้าวเดินลงไปในน้ำอย่างเชื่องช้า น้ำที่เย็นเยียบไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่ร้อนรุ่มในหัวใจได้ เธอเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผืนน้ำค่อย ๆ กลืนร่างของเธอไปจนมิดและในตอนนั้นเอง...ทุกอย่างก็ดับลง...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายลอยเคว้งคว้
"ผมไม่เข้าใจเลยครับคุณอา ท่าทีของนวลในตอนนั้น..."นวล มองซ้ายมองขวา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ไม่ควรใช้เสียง นวลจึงรากเอกออกมา ยังบริเวณข้างนอกวอร์ด จาก สถานที่ ที่ห้ามรบกวนผู้ป่วยและ บุคลากรของโรงพยาบาลเอกมองหน้าอาด้วยความสับสน ทั้งที่เขาชื่อเอก แต่ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า 'นนท์' นนท์เป็นใคร แล้วเอกคือนนท์ นนท์คือเอกจริงหรือ? ความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ"ภาพความทรงจำเมื่อ 28 ปีก่อนย้อนกลับมาฉายซ้ำในหัวนวล"วันนั้น เอก หรือ นนท์ ในวัยเด็กกำลังจะไปเยี่ยมน้องสาวคนใหม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่เดือนพร้อมกับพ่อ ขณะที่พ่อกับอาขอตัวไปทำธุระ เอกจึงต้องอยู่กับนวลที่โรงพยาบาลนวลพาน้องสาวตัวน้อยมาฉีดวัคซีน เอกเลยตามมาด้วย แต่แล้วพ่อของเอกก็ขอตัวไปทำธุระอีก ปล่อยให้เอกอยู่กับนวลและน้องสาวตัวน้อยลำพังขณะที่นวลกำลังติดต่อชำระเงินค่าบริการโรงพยาบาล ก็มีหญิงสาวเสียสติคนหนึ่งเดินมาอุ้มน้องสาวตัวน้อยไป เธอคิดว่าเด็กคนนั้นคือลูกของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน เอกเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีแต่ในระหว่างที่กำลังวิ่งตามออกไปนั้นเอง รถคันหนึ่งก็เฉี่ยวเข้าที่ร่างของเอ
ฝนตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเอก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาที่ยังคงหลับใหลอย่างมีความสุข รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของเขาฝนเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังวิวทะเลที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุข ความรัก และความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ความเหงาที่เคยมีในใจมาตลอด ฝนยืนมองวิวอยู่นาน ก่อนที่วงแขนแข็งแรงของเอกจะเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตที่ท้ายทอยแผ่วเบา"ฝนไม่หนีไปจากพี่จริงๆ ด้วย..." เอกพึมพำด้วยเสียงแหบพร่าในยามเช้า ฝนจึงหันไปมองเขาแล้วซบหน้าลงกับแผงอกที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างออดอ้อน"จะให้ฝนหนีไปจากความโรแมนติกของพี่เอกได้ยังไงคะ" เธอกระซิบตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เอกหัวเราะในลำคออย่างพอใจ ก่อนจะกอดเธอไว้แน่นขึ้น"พี่รักฝนนะครับ""ฝนก็รักพี่เอกค่ะ...รักหมดหัวใจเลย"เอกก้มลงจูบฝนอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นที่แสนโรแมนติกของทั้งคู่"พี่เอกคะ... กลับจากที่นี่ เราเข้าไปหาแม่ของฝนดีไหมคะ"เอกที่กำลังกอดเธออยู่จากด้านหลังคลายอ้อมกอดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตาเธออย่าง







