Share

บทที่ 4

Author: yourcaffeine
last update Last Updated: 2025-06-28 12:46:15

เงาแห่งราตรีทอดตัวยาวเหยียด กลืนกินทุกสรรพสิ่งไว้ในอ้อมกอดอันเยียบเย็น รัตติกาลคืบคลานเข้าสู่จวนเสนาบดีอย่างเงียบงัน ลบเลือนเส้นสายลายสลักและสีสันอันโอ่อ่าให้เหลือเพียงโครงร่างสีดำทะมึนภายใต้แสงจันทร์นวลจาง ในห้องพักของคุณหนูสาม บรรยากาศหนักอึ้งและสงบเยือกเย็น มีเพียงแสงเทียนที่วูบไหวบนเชิงเทียนทองเหลืองเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหว ประหนึ่งลมหายใจของห้องที่กำลังจะดับสูญ

จ้าวลี่อิงยังคงนั่งสงบอยู่บนเตียง ท่วงท่าของนางสงบนิ่งดุจผิวน้ำไร้ริ้วคลื่น แต่ภายใต้ความเรียบสนิทนั้นคือกระแสความคิดที่เชี่ยวกราก ประสาทสัมผัสทุกส่วนของนางตื่นตัวและแผ่ขยายออกไปในความมืด สดับฟังทุกความเคลื่อนไหวที่อยู่นอกบานประตู

กระทั่งเสียงจิ้งหรีดที่เคยกรีดร้องระงมเริ่มแผ่วเบาลง สรรพสำเนียงแห่งชีวิตในยามค่ำคืนได้จมลึกลงสู่การหลับใหลอย่างแท้จริง นางจึงขยับกายอย่างนุ่มนวล ทุกย่างก้าวที่เท้าเปล่าสัมผัสพื้นไม้เย็นเฉียบนั้นไร้สุ้มเสียง แฝงไว้ด้วยความหมายและความมุ่งมั่นที่แตกต่างจากคุณหนูสามผู้ป่วยไข้โดยสิ้นเชิง นางไปถึงบานประตู ใช้วัตถุเล็กๆ ขัดมันไว้กับวงกบ เป็นกลไกเตือนภัยอันเรียบง่ายทว่าเปี่ยมประสิทธิภาพ

เมื่อแน่ใจในปราการชั่วคราวของตนแล้ว นางจึงหวนกลับมายังโต๊ะเครื่องแป้ง ที่ซึ่งภารกิจที่แท้จริงของนางในค่ำคืนนี้รอคอยอยู่

มือเรียวขาวของนางล้วงหยิบเศษผ้าชิ้นเล็กออกจากแขนเสื้อ ในแสงเทียนสลัว คราบยาพิษที่แห้งกรังดูคล้ายรอยด่างดำธรรมดา ทว่าสำหรับนางแล้ว มันคือลายแทงมรณะ คืออักษรใบ้เดียวที่ฆาตกรทิ้งไว้ และคือกุญแจดอกเดียวสู่การไขปริศนาแห่งความตายของเจ้าของร่างคนเดิม

ความคิดของนางแล่นเร็วกว่าเงาเทียนที่เต้นระริก สมองที่หลอมรวมความรู้จากสองภพชาติเริ่มประมวลผลอย่างเฉียบขาด แม้ไร้ซึ่งเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ใดๆ แต่สิ่งที่นางมีคือสินทรัพย์อันประเสริฐที่สุด นั่นคือสติปัญญาและความช่างสังเกตที่ถูกขัดเกลามาอย่างดี

นางเริ่มต้นพิธีกรรมชันสูตรอันเงียบงันของนาง

นางนำกระจกทองเหลืองขัดเงามาวางราบ ใช้มันแทนจานทดลองอันบริสุทธิ์ แล้วบรรจงเคาะธุลีมรณะจากเศษผ้าลงไป อณูแห่งความลับนอนสงบนิ่งอยู่บนผิวโลหะสะท้อนแสงเทียนเป็นประกายเล็กละเอียด นางเพ่งพินิจมันอย่างถี่ถ้วน อนุภาคของมันหยาบละเอียดไม่เสมอกัน มีทั้งส่วนที่เป็นผลึกและส่วนที่คล้ายยางไม้แห้ง เป็นประจักษ์พยานว่ามันคือส่วนผสมอันซับซ้อน

จากนั้นนางหยิบปิ่นปักผมเงินแท้ออกมา จุ่มปลายแหลมของมันลงในธุลีพิษนั้นอย่างแช่มช้า เวลาผ่านไปเชื่องช้าทว่าหนักอึ้ง ปลายปิ่นเงินยังคงสุกใส เป็นคำตอบที่เยียบเย็นว่าพิษชนิดนี้ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยปัญญาที่เหนือกว่าความเชื่อพื้นบ้าน มันไม่ใช่สารประกอบของสารหนูหรือซัลไฟด์ที่ตรวจจับได้ง่ายดาย

ขั้นตอนต่อไปคือการทดสอบด้วยไฟ นางใช้ปลายเข็มเล่มเล็กที่สุดเกี่ยวอณูพิษขึ้นมาเพียงผงธุลี แล้วยื่นมันเข้าไปในเปลวเทียนที่กำลังลุกไหม้อย่างสงบนิ่ง

ทันใดนั้นเอง เปลวเทียนพลันแปรเปลี่ยนสีสันอย่างน่าพรั่นพรึง จากสีเหลืองนวลอันอบอุ่นกลับสว่างวาบขึ้นเป็นสีเขียวอมฟ้าอันวิปริต ประดุจดวงตาของอสรพิษร้ายในความมืด แสงสีนั้นปรากฏเพียงชั่วลมหายใจแล้วเลือนหายไป ทว่ากลิ่นฉุนแสบจมูกที่โชยมานั้นยังคงอยู่ เป็นกลิ่นขมขื่นของพืชที่ผสมปนเปกับกลิ่นคล้ายอัลมอนด์ไหม้ที่ผิดเพี้ยนไป

หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นหนึ่งจังหวะ ‘ไกลโคไซด์ที่ปลดปล่อยไซยาไนด์เมื่อถูกเผาไหม้ ผสมกับเกลือโลหะที่ให้เปลวไฟสีเขียว’ ความรู้จากอีกโลกหนึ่งก้องกังวานในความคิด ‘มันคือพิษที่ออกฤทธิ์ช้าแต่แน่นอน ทำลายระบบประสาทจากภายใน’

นางทดสอบขั้นสุดท้ายด้วยการละลายธุลีพิษในน้ำสะอาด แล้วหยดน้ำส้มสายชูลงไป ฟองอากาศเล็กละเอียดที่ผุดขึ้น เป็นการยืนยันถึงสถานะความเป็นอัลคาลอยด์ของมัน

บัดนี้ ภาพรวมของการลอบสังหารอันแยบยลก็ปรากฏขึ้นในมโนสำนึกของนาง แจ่มชัดดุจภาพวาดที่ถูกปัดฝุ่นออก มันคือพิษสั่งทำที่ปรุงขึ้นอย่างประณีตโดยผู้รู้แจ้งในศาสตร์แห่งความตายโดยแท้ ไม่ใช่ฝีมือของคนรับใช้หรือนางกำนัลทั่วไปเป็นแน่ ความคิดนี้ทำให้นางรู้สึกถึงไอเย็นที่วิ่งผ่านสันหลัง มันลึกซึ้งและอันตรายกว่าที่นางประเมินไว้แต่แรก

เมื่อสิ้นสุดการวิเคราะห์ จ้าวลี่อิงดับเปลวเทียนลง ปล่อยให้ความมืดเข้าครอบงำโดยสมบูรณ์ ในความเงียบสงัดนั้นเอง ที่นางเริ่มต้นกระบวนการชันสูตรสิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่า นั่นคือร่างกายของนางเอง

มือที่สั่นระริก อาการปวดตุบที่ขมับ ชีพจรที่แผ่วเบา ทุกสัญญาณทางกายภาพที่เคยคลุมเครือ บัดนี้มันคือหลักฐานมัดตัวฆาตกรที่เถียงไม่ได้ มันคือผลลัพธ์ของการทดลองอันเลือดเย็นที่ดำเนินมาเป็นอาจิณบนร่างกายของจ้าวลี่อิงคนเดิม

แล้วความรวดร้าวของจ้าวลี่อิงคนเดิมก็ซึมซาบเข้ามาในจิตวิญญาณของนาง ความทรงจำอันเจ็บปวดไหลบ่าเข้ามาเป็นระลอกคลื่น ความรู้สึกสับสน อ่อนแอ และถูกทอดทิ้งของเด็กสาวผู้ไม่เคยเข้าใจว่าเหตุใดร่างกายของนางจึงทรยศนางอยู่เสมอ ความทุกข์ทรมานก่อนสิ้นลมหายใจนั้นมากมายเพียงใด

หยาดน้ำใสหยดหนึ่งรินไหลจากหางตาของจ้าวลี่อิง มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความหวาดหวั่น แต่เป็นหยาดน้ำตาแห่งความเข้าอกเข้าใจและความเดือดดาลอย่างถึงที่สุด

นางลุกขึ้นเดินไปยังอ่างน้ำทองเหลือง ก้มลงมองเงาสะท้อนของตนเองภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องลอดเข้ามา ใบหน้านั้นซีดเซียวและเปราะบาง ทว่าเป็นดวงตาที่จ้องกลับมาต่างหากที่เปลี่ยนไป มันคือดวงตาของวิญญาณจากอีกโลกหนึ่งที่มาอาศัยในร่างนี้ คมกล้า เยือกเย็น และสว่างวาบด้วยเปลวไฟแห่งปณิธาน

"จ้าวลี่อิง" นางกระซิบคำสัตย์สาบานกับเงาของตนในผืนน้ำ เสียงของนางหนักแน่นและชัดเจนในความเงียบ "ข้าไม่ล่วงรู้ถึงเหตุผลที่นำพาข้ามาสู่ร่างของเจ้า แต่ข้าขอให้คำมั่น"

นางยกปลายนิ้วขึ้นสัมผัสเงาของตนบนผิวน้ำที่สั่นระริก

"ข้าจะมิตายอย่างเดียวดายเยี่ยงเจ้า ข้าจะใช้ร่างกายของเจ้า ใช้สติปัญญาของข้า เพื่อดำรงอยู่ และเพื่อกระชากหน้ากากของเหล่าปิศาจที่พรากลมหายใจของเจ้าไป"

สิ้นคำสาบาน เงาของเด็กสาวผู้อ่อนแอก็พลันสลายไป เหลือเพียงประกายตาอันแกร่งกร้าวของผู้ไม่ยอมจำนน

นางหันกลับมาจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้กลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็วและไร้ร่องรอย ประหนึ่งว่าค่ำคืนนี้มิได้มีสิ่งใดเกิดขึ้น แล้วจึงนำเศษผ้าชิ้นนั้นไปซ่อนไว้ในตะเข็บเสื้อคลุมตัวหนา รอคอยเวลาที่จะถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ

เวลานี้ นางไม่ใช่เหยื่อที่รอความตายอีกต่อไป

แต่เป็นผู้ล่าที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เพื่อรอเวลาพิพากษา...ด้วยตัวของนางเอง

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามภพมาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 9

    ราตรีนั้นในเรือนหนังสือของฉินอ๋องเจิ้งหยาง ยาวนานและเงียบงันกว่าทุกคืนที่ผ่านมา เขามิได้อ่านตำราพิชัยสงครามต่อ แต่กลับนั่งนิ่งอยู่บนรถเข็น ปล่อยให้เปลวเทียนสะท้อนประกายวูบไหวอยู่ในนัยเนตรอันลึกล้ำดุจห้วงเหวไร้ที่สิ้นสุด บรรยากาศรอบกายเขาเยียบเย็นลงจนน่าอึดอัด ประหนึ่งพญามังกรที่กำลังขดตัวนิ่งสงบ ทว่าแท้จริงแล้วภายในกำลังครุ่นคิดถึงพายุที่จะก่อตัวขึ้นคำถามนั้น... ‘เหตุใดคนที่ตกบ่อน้ำจึงไม่มีน้ำอยู่ในปอดเล่าเจ้าคะ’... ยังคงดังก้องอยู่ในมโนสำนึกของเขามันไม่ใช่คำถามธรรมดา มันคือความรู้ คือกุญแจ คือคำใบ้ที่ถูกส่งมาอย่างจงใจในรูปแบบที่วิปลาสที่สุด มันคือเสียงกระซิบจากปัญญาอันคมกริบที่ซ่อนกายอยู่ภายใต้หน้ากากของความโง่เขลาอันสมบูรณ์แบบจ้าวลี่อิง... พระชายาที่เขาได้รับมาดุจสินค้ามีตำหนิ สตรีที่ถูกส่งมาเพื่อเป็นเพียงหมากทางการเมืองและเป็นที่ดูแคลนของคนทั้งใต้หล้า บัดนี้นางได้เผยตัวตนอีกด้านหนึ่งออกมาอย่างแยบยล...ด้านที่น่าพรั่นพรึงและน่าสนใจในเวลาเดียวกันเขาไม่เชื่อในเรื่องบังเอิญ และไม่เคยเชื่อว่าความตายในจวนของเขาจะเป็นเพียงอุบัติเหตุ จวนฉินอ๋องคืออาณาจักรของเขา ทุกความเคลื่อนไหวอยู่ในสา

  • ข้ามภพมาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 8

    ราตรีนั้นในเรือนจื่อเวยยาวนานกว่าทุกคืนที่ผ่านมา จ้าวลี่อิงนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม้สลักลายอันวิจิตร ดวงตาของนางเปิดกว้างอยู่ในความมืดมิด ภาพของสาวใช้ผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกดึงขึ้นมาจากบ่อน้ำยังคงฉายชัดอยู่ในมโนสำนึกของนางราวกับถูกตีตราไว้ด้วยเหล็กร้อน...รอยช้ำที่ข้อมือ, รอยแดงที่ลำคอ, และมือที่กำแน่น...ความเงียบของจวนฉินอ๋องที่เคยทำให้นางรู้สึกถึงการถูกคุกคาม บัดนี้กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป มันคือความเงียบแห่งการสมรู้ร่วมคิด คือความสงบอันน่าสะพรึงกลัวที่ใช้กลบฝังเสียงกรีดร้องของผู้บริสุทธิ์ในฐานะแพทย์ผู้เคยให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะปกป้องชีวิต จิตวิญญาณของนางร่ำร้องโหยหวนต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ในฐานะจ้าวลี่อิงผู้ต้องเอาชีวิตรอดในรังอสรพิษแห่งนี้ สัญชาตญาณกลับกรีดร้องให้นางนิ่งเงียบเข้าไว้ การยื่นมือเข้าไปสอดส่องเรื่องนี้ไม่ต่างอะไรกับการเดินเข้าสู่ปากเหวด้วยตนเอง นางเป็นเพียงพระชายาที่ถูกทอดทิ้ง ถูกตราหน้าว่าโง่เขลา ไร้ซึ่งอำนาจและเส้นสายใดๆ ในจวนแห่งนี้ การเปิดโปงฆาตกรคือการท้าทายอำนาจมืดที่หยั่งรากลึกอยู่ ณ ที่แห่งนี้โดยตรง และผลลัพธ์ก็อาจหมายถึงความตายสถานเดียวนางหลับตา

  • ข้ามภพมาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 7

    เมื่อบานประตูไม้หนักอึ้งปิดลง เสียงของมันสะท้อนก้องอยู่ในความเงียบงันราวกับเสียงปิดฝาโลงศพ ตัดขาดโลกของห้องหออันโอ่อ่าออกจากทุกสิ่งภายนอกโดยสมบูรณ์ บัดนี้ เหลือเพียงจ้าวลี่อิงและเสี่ยวชุ่ยผู้กำลังตัวสั่นเทาอยู่กลางห้องที่เต็มไปด้วยสีแดงมงคลอันเยียบเย็น"คุณหนู... ฮือ... ที่นี่... ที่นี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน" เสี่ยวชุ่ยสะอื้นไห้ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวาดผวา "บ่าวได้ยินพวกเขาพูดกันว่า... พระชายาองค์ก่อนก็สิ้นใจในเรือนหลังนี้ ท่านอ๋องก็ไม่เคยเสด็จมาที่นี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว"จ้าวลี่อิงหันไปมองสาวใช้ผู้ภักดีของนาง นางมิได้เอ่ยวาจาปลอบโยน แต่ยื่นมือไปบีบแขนของเสี่ยวชุ่ยเบาๆ เป็นการส่งผ่านความมั่นคงที่ไร้คำพูด จากนั้นนางจึงหันกลับมาสำรวจสภาพแวดล้อมแห่งใหม่ของนางด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่ห้องหอสำหรับนาง แต่คือที่เกิดเหตุ คือห้องขัง และอาจเป็น...สุสานของนางในอนาคต หากนางประมาทแม้เพียงนิดเดียวนางค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนขอบเตียง ยกมือขึ้นถอดมงกุฎหงส์อันหนักอึ้งออกจากศีรษะอย่างช้าๆ แล้ววางมันลงบนโต๊ะข้างเตียง ความเงียบในห้องหอแห่งนี้ดังกว่าเสียงโห่ร้องใดๆ ที่นางเคยได้ยินมาทั้งชีวิต

  • ข้ามภพมาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 6

    กาลเวลาในจวนเสนาบดีดูจะบิดเบี้ยวและเชื่องช้าลงนับตั้งแต่วันที่จ้าวลี่อิงได้สนทนากับบิดาในเรือนหนังสือของเขา แต่ในที่สุด วันแห่งพิธีสมรสพระราชทานก็คืบคลานมาถึงราวกับพญามัจจุราชในอาภรณ์สีมงคลจ้าวลี่อิงถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ยามอิ๋น ท้องฟ้ายังคงเป็นสีน้ำหมึก เหล่านางกำนัลและบ่าวรับใช้ที่ฮูหยินรองส่งมาต่างกรูกันเข้ามาในห้องของนาง ประหนึ่งฝูงผึ้งที่กำลังรุมล้อมดอกไม้ที่ใกล้จะร่วงโรย พวกนางอาบน้ำขัดผิวให้นางด้วยเครื่องประทินผิวชั้นเลิศ อบร่ำร่างกายด้วยเครื่องหอมกำยานราคาแพง แล้วบรรจงสวมทับอาภรณ์สีแดงสดอันเป็นมงคลให้ทีละชั้นๆชุดวิวาห์นั้นงดงามและหนักอึ้งอย่างเหลือเชื่อ ผ้าไหมปักดิ้นทองเป็นลายหงส์คู่มังกรสยายปีก แขนเสื้อยาวลากพื้น ชายกระโปรงซ้อนทับกันถึงเก้าชั้น ทุกฝีเข็มเต็มไปด้วยความประณีต ทว่าสำหรับจ้าวลี่อิงแล้ว มันไม่ต่างอะไรกับโซ่ตรวนอันงดงามที่กำลังพันธนาการนางให้แน่นหนายิ่งขึ้น ศีรษะของนางถูกประดับด้วยมงกุฎหงส์ทำจากทองคำและไข่มุกจนหนักอึ้ง ใบหน้าถูกแต่งแต้มจนขาวผ่อง ริมฝีปากถูกแต้มด้วยชาดสีแดงสดดุจโลหิตเมื่อการแต่งกายเสร็จสิ้น นางถูกพยุงให้นั่งนิ่งๆ อยู่กลางห้อง รอคอยฤกษ์ยามมงคลเพื่อ

  • ข้ามภพมาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 5

    อรุณรุ่งของวันใหม่ทอแสงแรกจับขอบฟ้า ปลุกสรรพชีวิตในจวนเสนาบดีให้ตื่นจากนิทราอันยาวนาน ทว่าสำหรับจ้าวลี่อิงแล้ว นางไม่ได้หลับใหลเลยทั้งราตรี จิตวิญญาณของนางตื่นโพลงอยู่ในความมืด สดับฟังทุกความเคลื่อนไหว ทบทวนทุกร่องรอยแห่งความจริงที่เพิ่งค้นพบ โลกที่นางเห็นในยามนี้มิได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ทุกรอยยิ้มที่เคยดูอบอุ่นอาจซ่อนใบมีดไว้เบื้องหลัง ทุกถ้อยคำที่แสดงความห่วงใยอาจเคลือบไว้ด้วยยาพิษเมื่อเสี่ยวชุ่ยประคองชามยาถ้วยใหม่เข้ามาในยามเช้า สีหน้าของนางยังคงเปี่ยมด้วยความห่วงใยอันบริสุทธิ์ ช่างแตกต่างจากบรรยากาศอันหลอกลวงที่อบอวลอยู่ทั่วจวนแห่งนี้ จ้าวลี่อิงมองของเหลวสีนิลในชามนั้นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มันไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งความตายอีกต่อไป แต่บัดนี้มันคือเครื่องมือ คือบททดสอบ และคือเวทีที่นางต้องร่ายรำไปตามบทบาทที่ตนเป็นผู้กำกับนางตระหนักดีว่าการแสร้งทำยาหกหรือปฏิเสธอย่างเด็กๆ นั้นไม่อาจใช้ได้ตลอดไป มันจะสร้างความสงสัยโดยไม่จำเป็น กลยุทธ์ใหม่จึงถูกร่างขึ้นในมโนสำนึกอันเงียบงันของนางอย่างรวดเร็ว มันเป็นกลยุทธ์ที่เสี่ยงอันตราย ทว่าจำเป็นอย่างยิ่งยวด นั่นคือการควบคุมปริมาณพิษที่เข้าสู่ร

  • ข้ามภพมาเป็นชายาอ๋องพิการ   บทที่ 4

    เงาแห่งราตรีทอดตัวยาวเหยียด กลืนกินทุกสรรพสิ่งไว้ในอ้อมกอดอันเยียบเย็น รัตติกาลคืบคลานเข้าสู่จวนเสนาบดีอย่างเงียบงัน ลบเลือนเส้นสายลายสลักและสีสันอันโอ่อ่าให้เหลือเพียงโครงร่างสีดำทะมึนภายใต้แสงจันทร์นวลจาง ในห้องพักของคุณหนูสาม บรรยากาศหนักอึ้งและสงบเยือกเย็น มีเพียงแสงเทียนที่วูบไหวบนเชิงเทียนทองเหลืองเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหว ประหนึ่งลมหายใจของห้องที่กำลังจะดับสูญจ้าวลี่อิงยังคงนั่งสงบอยู่บนเตียง ท่วงท่าของนางสงบนิ่งดุจผิวน้ำไร้ริ้วคลื่น แต่ภายใต้ความเรียบสนิทนั้นคือกระแสความคิดที่เชี่ยวกราก ประสาทสัมผัสทุกส่วนของนางตื่นตัวและแผ่ขยายออกไปในความมืด สดับฟังทุกความเคลื่อนไหวที่อยู่นอกบานประตูกระทั่งเสียงจิ้งหรีดที่เคยกรีดร้องระงมเริ่มแผ่วเบาลง สรรพสำเนียงแห่งชีวิตในยามค่ำคืนได้จมลึกลงสู่การหลับใหลอย่างแท้จริง นางจึงขยับกายอย่างนุ่มนวล ทุกย่างก้าวที่เท้าเปล่าสัมผัสพื้นไม้เย็นเฉียบนั้นไร้สุ้มเสียง แฝงไว้ด้วยความหมายและความมุ่งมั่นที่แตกต่างจากคุณหนูสามผู้ป่วยไข้โดยสิ้นเชิง นางไปถึงบานประตู ใช้วัตถุเล็กๆ ขัดมันไว้กับวงกบ เป็นกลไกเตือนภัยอันเรียบง่ายทว่าเปี่ยมประสิทธิภาพเมื่อแน่ใจในปราก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status