Share

บทที่ 2 รอการมาเยือน

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-20 12:04:16

จวนผิงกั๋วกงตั้งอยู่ในตรอกสุ่ยอันของเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยียน ภายในตรอกสุ่ยอันแห่งนี้มีจวนขุนนางตำแหน่งสูงตั้งอยู่หลายจวน จวนขุนนางที่มีตำแหน่งสูงเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราวการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นอันซับซ้อนมากมายภายในเรือนหลังของจวน ยิ่งตำแหน่งสูงมากก็ยิ่งมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนของผู้คนภายในจวนมากยิ่งขึ้น แต่จวนผิงกั๋วกงแห่งนี้กลับไม่ได้มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนและยุ่งเหยิงดังเช่นจวนขุนนางจวนอื่น อาจจะเป็นเพราะผู้คนภายในจวนไม่มากอีกทั้งยังมีการปกครองภายในจวนอย่างเข้มงวดผู้คนภายในจวนจึงใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างสงบสุข

เฉินเจียวเจียวอยู่ในจวนแห่งนี้ในฐานะคุณหนูใหญ่ นางเป็นบุตรสาวคนเดียวของผิงกั๋วกงและหลินซื่อ มารดาของนางตายจากไปตั้งแต่นางยังเล็ก นางจึงได้รับการเลี้ยงดูจากฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฉิน ส่วนเฉียวซื่อผู้เป็นภรรยาที่แต่งเข้ามาใหม่ของบิดาก็นับว่าเป็นมารดาเลี้ยงที่ดีพอสมควรเพียงแต่ระหว่างพวกนางสองคนไม่ค่อยจะสนิทกันเท่าใดนัก อาจจะเป็นเพราะตอนที่เฉียวซื่อแต่งเข้ามาเฉินเจียวเจียวก็โตมากแล้วอีกทั้งยังมักจะอยู่ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้คนทั้งคู่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน

บ้านรองและบ้านสามนั้นก็อยู่กันอย่างปรองดอง อาสะใภ้ทั้งสองของเฉินเจียวเจียวต่างเป็นสตรีที่ชอบเก็บตัว อาสะใภ้รองหวงซื่อชื่นชอบดนตรีและบทกวีนางมักจะหมกตัวอยู่ในเรือนของตนทั้งบรรเลงพิณและร่ายบทกวีอยู่แต่ในเรือนของตนอย่างมีความสุข ลูกของบ้านรองมีสามคนเป็นชายสองหญิงหนึ่งซึ่งแต่ละคนล้วนได้รับความเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งเป็นท่านย่าของพวกเขา

เฉินเจียวมี่คือคุณหนูสามของจวนสกุลเฉินคือบุตรสาวจากบ้านรองมีอายุอ่อนกว่าเฉินเจียวเจียวถึงสองปีกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตนอีกทั้งยังน่ารักสดใสเป็นที่รักและเอ็นดูของทุกคนภายในจวนรวมทั้งเฉินเจียวเจียว ส่วนพี่ชายทั้งสองจากบ้านรองทั้งเฉินเจียวลู่และเฉินเจียวโจวในยามนี้ต่างก็ติดตามพี่ชายคนโตของนางเฉินเจียวจ้านไปเข้าร่วมกองทัพกับบิดาที่ชายแดน

ส่วนทางอาสะใภ้สามโม่ซื่อของเฉินเจียวเจียวกลับตรงกันข้ามนางเป็นหลงใหลในการต่อสู้ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนกับอนุทั้งสามของท่านอาสามของเฉินเจียวเจียว โม่ซื่อมีบุตรสาวเพียงคนเดียวมีนามว่าเฉินเจียวเหม่ยเป็นคุณหนูรองของจวนสกุลเฉินจากบ้านสาม

เฉินเจียวเหม่ยมีอายุอ่อนกว่าเฉินเจียวเจียวเพียงไม่กี่เดือนทั้งสองเป็นทั้งไม้เบื่อไม้เมาและสหายกันในบางครั้ง พวกนางทั้งสองมักชิงดีชิงเด่นกันเองยามที่อยู่ในจวน แต่กลับเข้าขากันดีและมักจะร่วมมือกันจัดการผู้อื่นในยามที่อยู่นอกจวน แม้ว่าจะดูเหมือนไม่ค่อยชอบกันนักแต่แท้จริงแล้วสำหรับเฉินเจียวเจียวนั้นเฉินเจียวเหม่ยเป็นทั้งสหายและญาติผู้น้องที่ไว้ใจได้ อย่างน้อยยามนี้เฉินเจียวเจียวก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดเฉินเจียวเหม่ยจึงได้เกลียดชังหลินชิงเหมยมาโดยตลอด

“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นหรือยังเจ้าคะ” เสียงร้องเรียกที่หน้าประตูของตงผิงทำให้เฉินเจียวเจียวพลันได้สติขึ้นมาในที่สุด นางค่อยๆ ขยับตัวถอยออกมาจากบานหน้าต่างแล้วหันไปเอ่ยยังทิศทางที่ตงผิงยืนอยู่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ข้าตื่นแล้ว เข้ามาเถอะ” เมื่อนางเอ่ยจบประโยคทั้งตงผิงและตงชิงก็เดินเข้ามาในห้อง พวกนางทั้งสองต่างมองไปที่หน้าต่างพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายตงผิงรับเดินตรงไปปิดบานหน้าต่างเอาไว้ในทันทีส่วนตงชิงก็เอ่ยกับเจ้านายเสียงเบา

“เหตุใดจึงเปิดหน้าต่างเล่าเจ้าคะ ข้างนอกอากาศหนาวมากหากคุณหนูต้องลมเย็นมากเข้าระวังจะล้มป่วยนะเจ้าคะ” คำพูดของตงชิงทำให้เฉินเจียวเจียวยิ้มออกมา

“ข้าไม่เป็นอันใดหรอก มีเรื่องให้ต้องคิดนิดหน่อย ก็เลยอยากทำให้ตนเองสดชื่น” เฉินเจียวเจียวเอ่ยพลางเดินไปนั่งลงบนที่นอนของตนเองและมองสาวใช้ช่วยกันจัดเตรียมข้าวของเพื่อเอาไว้ปรนนิบัตินางล้างหน้าและบ้วนปาก

“นี่ไม่ใช่แค่เพียงต้องการความสดชื่นธรรมดาแล้วกระมังเจ้าคะ เนื้อตัวเย็นเฉียบจนถึงขั้นนี้ คุณหนูมีเรื่องไม่สบายใจอันใดหรือเปล่าเจ้าคะ” ตงผิงเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สบายใจเมื่อสัมผัสพบไปความเย็นบนเนื้อตัวของเฉินเจียวเจียว แต่เฉินเจียวเจียวกลับยิ้มออกมาแล้วบอกกับสาวใช้ของตนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ข้าสบายดีพวกเจ้าไม่ต้องกังวลหรอก” เมื่อเจ้านายเอ่ยเช่นนี้สาวใช้ทั้งสองก็ไม่ได้เอ่ยถามอันใดออกมาอีกพวกนางช่วยปรนนิบัติเฉินเจียวเจียวล้างหน้าบ้านปากผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและจัดแต่งทรงผม เมื่อทำเสร็จก็ได้เวลาไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าที่โถงกลางของเรือนฝูอันแล้ว

ยามที่เฉินเจียวเจียวเดินเข้าโถงกลางก็พบว่าเฉียวซื่อมาถึงก่อนแล้วนางจึงส่งยิ้มให้มารดาเลี้ยงของตนเล็กน้อยแล้วจึงได้หันไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าและมารดาเลี้ยงตามลำดับ ยังไม่ทันได้พูดคุยอันใดกันหวงซื่อและโม่ซื่อก็พาคนจากบ้านรองและบ้านสามเข้ามาคารวะยามเช้าฮูหยินผู้เฒ่าด้วยสีหน้าแช่มชื่น

“อันที่จริงอากาศหนาวเย็นจนถึงขั้นนี้พวกเราไม่ต้องมากพิธีกันก็ได้ ปีนี้ไม่เหมือนปีก่อนๆ คนในจวนของพวกเรามีน้อยยิ่ง มิสู้ต่างอยู่ในเรือนของตนไม่ต้องเดินฝ่าอากาศหนาวมาที่นี่ไม่ดีกว่าหรือ” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้โม่ซื่อก็พลันส่ายหน้า

“สำหรับข้าแล้วการเดินมาที่นี่ในยามเช้าก็ไม่ได้ลำบากอันใดเจ้าค่ะ แถมเมื่อคารวะท่านแม่เสร็จแล้วข้ายังได้ฝากท้องกินอาหารเช้ากับท่านแม่ที่นี่ด้วย ทั้งสะดวกและอิ่มท้องข้าขอมาคารวะยามเช้าท่านแม่เช่นนี้ทุกวันดีกว่าเจ้าค่ะ” คำพูดของโม่ซื่อทำให้หวงซื่อและเฉียวซื่อหันไปสบตากันแล้วยิ้มออกมา พวกนางสองคนชินเสียแล้วกับคำพูดอันตรงไปตรงมาของน้องสะใภ้จากบ้านสามผู้นี้ มีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่คุ้นชินกับลูกสะใภ้ที่ชอบพูดจาโผงผางและตรงไปตรงมาเช่นนี้

“แทนที่จะพูดว่าอยากมาที่นี่เพื่อแสดงความกตัญญู แต่เจ้ากลับบอกว่ามาที่นี่เพราะอยากมากินข้าวที่เรือนข้า แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงแต่เจ้าช่วยเลือกสรรถ้อยคำที่จะทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้ไม่หรือไม่ เจ้านี่นะ…ช่างโชคดียิ่งนักที่เหม่ยเอ๋อของข้าไม่ได้เป็นเช่นเจ้า” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเหม่ยก็ย่อกายทำท่าคารวะขออภัยแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเอาอกเอาใจฮูหยินผู้เฒ่าอย่างอ่อนหวาน

“จริงๆ แล้วท่านแม่ก็แค่อยากให้ท่านย่าอารมณ์ดีมากขึ้นเท่านั้น มีลูกหลานนั่งกินข้าวพร้อมหน้าท่านย่าน่าจะเจริญอาหารดีมากยิ่งขึ้นนะเจ้าคะ”

“ยังคงเป็นเจ้าที่เข้าใจพูด เอาเถอะๆ พวกเราไปที่โต๊ะอาหารกันดีกว่า ได้กินมื้อเช้าร่วมกันเช่นนี้ทุกวันก็ทำให้ข้าเจริญอาหารมากขึ้นจริงๆ นั่นแหละ” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยพลางเดินนำลูกสะใภ้และหลานสาวไปรับมื้อเช้าร่วมกันด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

หลังจากกินมื้อเช้าร่วมกันเสร็จพวกนางก็มานั่งจิบชาช่วยย่อยด้วยกันอยู่ครู่หนึ่งทั้งเฉียวซื่อ หวงซื่อและโม่ซื่อก็ขออำลากลับเรือนโดยมีบุตรสาวของพวกนางติดตามกลับเรือนไปด้วย เหลือเพียงเฉินเจียวเจียวที่อาศัยอยู่ภายในเรือนเดียวกันกับฮูหยินผู้เฒ่ามาตั้งแต่เด็กจวบจนป่านนี้นางก็ไม่คิดจะแยกเรือนออกไปไหน ด้วยคิดว่าอีกไม่กี่ปีหลานสาวผู้นี้ก็จะแต่งงานออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจึงไม่ได้ให้นางย้ายออกไปด้วยคิดว่าอยู่ร่วมกันเช่นนี้ก็อบอุ่นดี

“วันนี้ญาติจากสกุลหลินของเจ้าส่งเทียบมาขอเยี่ยมเยียนข้าที่จวนข้าตอบรับเทียบเชิญพวกเขาไปแล้ว เจ้าเองก็รอพบพวกเขาอยู่กับข้านี่แหละ อันที่จริงแล้วคนที่พวกเขาอยากจะมาเยี่ยมก็คงจะเป็นเจ้า” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็พยักหน้าพลางขานรับออกมาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“เจ้าค่ะ” แล้วนางก็ยกถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมาจิบเพื่อปิดบังสีหน้าของตนเอาไว้

หากนางเดาไม่ผิดคนสกุลหลินที่มาในครั้งนี้น่าจะมีหลินชิงเหมยติดตามมาด้วย ได้พบกันในยามยังอ่อนเยาว์อีกครั้งเช่นนี้นางเองก็อยากรู้เช่นกันว่าแม่ดอกบัวขาวของนางในตอนนี้เริ่มมีพิษสงบ้างแล้วหรือยัง และนางเองก็อยากรู้เช่นกันว่าเพราะเหตุใดตนเองจึงไม่เคยเห็นญาติผู้น้องคนนี้อยู่ในสายตาเลยสักครั้ง กว่าจะรู้ตัวอีกทีญาติผู้น้องที่ชอบทำตัวเป็นแม่ดอกบัวขาวผู้นี้ก็เข้าไปทำลายชีวิตอันสงบสุขของนางเข้าเสียแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 10 ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

    หลายวันถัดมาเมืองหลวงแคว้นต้าเยียนก็มีเรื่องราวเล่าลืออันโด่งดังที่ทำให้ผู้คนต่างพากันพูดถึง อีกทั้งคราวนี้ยังเป็นเรื่องราวของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงอย่างโซ่วอ๋อง ต่อให้เป็นเรื่องพยายามปกปิดมากสักเพียงใดแต่หน้าต่างล้วนมีหูประตูล้วนมีช่องไม่อาจจะปกปิดความอยากรู้ของผู้อื่นได้ ยิ่งพยายามปกปิดก็ยิ่งก็กระตุ้นให้ผู้อื่นยิ่งอยากจะรู้เรื่องราวมากยิ่งขึ้นโซ่วอ๋องลักลอบนัดพบสตรีอื่นในวัดต้าฝูทำให้ฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยกับความประพฤติของโซ่วอ๋องเป็นอย่างมากจนต้องเรียกโซ่วอ๋องเข้าวังมาตำหนิ เรื่องนี้แม้แต่เต๋อเฟยเองก็ยังพลอยโดนหางเลขไปด้วย ในฐานะที่อบรมพระโอรสได้ไม่ดี การออกพระโอษฐ์ตำหนิในครั้งนี้ถือว่าสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวังหลังในทันที เต๋อเฟยจำต้องคุกเข่าสำนึกผิดหน้าพระตำหนักนานถึงสองชั่วยามกว่าจะทำให้ฝ่าบาททรงคลายความพิโรธลงได้เมื่อข่าวลือเอ่ยถึงวัดต้าฝูก็มีหลายคนเอ่ยปากออกมาว่าพวกเขาต่างก็เคยเห็นว่าโซ่วอ๋องมักจะมีสตรีอ่อนเยาว์ผู้หนึ่งอยู่เคียงข้างกายในวัดต้าฝูจริงๆ เมื่อมีการยืนยันหลายเสียงเช่นนี้หลายคนต่างพากันคาดเดากันใหญ่ว่าสตรีผู้นั้นคือผู้ใด เป็นคุณหนูจากสกุลไหนหรือเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้านธรร

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 9 เฉียวซื่อลงมือ

    เมื่อหลี่ไท่หยางเดินไปถึงโต๊ะที่สองแม่ลูกสกุลเฉินนั่งอยู่พวกนางสองแม่ลูกก็ลุกขึ้นมาแล้วย่อกายคารวะตามธรรมเนียมในทันที บรรดาสาวใช้และผู้ติดตามเองก็เช่นกันพวกเขารีบคารวะหลี่ไท่หยางด้วยท่าทีนอบน้อม“ไม่ต้องมากพิธีหรอก” หลี่ไท่หยางเอ่ยพลางโบกมือพวกเขาจึงได้ขยับตัวยืดกายขึ้นแล้วถอยออกไปทิ้งไว้เพียงเฉียวซื่อและเฉินเจียวเจียวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา“คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกันที่นี่ ผิงกั๋วกงฮูหยินสบายดีหรือไม่” หลี่ไท่หยางเอ่ยออกมาก่อนพลางจ้องมองเฉินเจียวเจียวอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ละสายตาไป สำหรับเขาแล้วอีกไม่นานสตรีที่มีรูปโฉมงดงามตรงหน้าอีกไม่นานก็จะต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันกับเขา ซึ่งเรื่องนี้นับได้ว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว เขาจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นที่ได้พบนางและไม่ได้รู้สึกผิดอันใดกับการที่นางพบว่าเขาอยู่กับสตรีอื่น เพราะสำหรับเขาแล้วในยามนี้หลินชิงเหมยเป็นเพียงเด็กสาวที่มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่น่าสงสารมากเท่านั้น เขาหาได้ทำผิดต่อว่าที่พระชายาในอนาคตผู้นี้ของเขาไม่“หม่อมฉันสบายดีเพคะ วันนี้อากาศดีก็เลยพาเจียวเจียวมาไหว้พระ คิดไม่ถึงว่าจะได้พบท่านอ๋องที่นี่ด้วย” เฉียวซื่อเอ่ยพลางส่งยิ้มให้เขา

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 8 ดอกบัวขาวของโซ่วอ๋อง

    หลี่ไท่หยางไม่ได้สนใจว่าจะมีผู้อื่นจ้องมองเขาหรือไม่ในยามนี้เขาคิดเพียงแค่การพาญาติผู้น้องที่น่าสงสารของตนเองมาผ่อนคลายจิตใจ อีกทั้งยามนี้ในใจของเขาที่มีให้แก่หลินชิงเหมยก็มีแค่เพียงความรู้สึกสงสารและเอ็นดูยังไม่ได้มีความคิดเกินเลยเนื่องจากเด็กสาวผู้นี้ยังเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งในสายตาของเขา เรื่องการเว้นระยะห่างระหว่างคนทั้งคู่เขาจึงคิดว่าไม่จำเป็นแต่ในสายตาของคนที่มองอยู่อย่างเฉียวซื่อและเฉินเจียวเจียวกลับไม่ใช่เช่นนั้น สำหรับเฉินเจียวเจียวเป็นเพราะมีความทรงจำของช่วงชีวิตที่แล้วมาเป็นบทเรียนจึงไม่คิดการที่สองคนนี้มีความสนิทสนมเป็นเรื่องปกติ ส่วนในสายตาของเฉียวซื่อนั้นนางคิดว่าต่อให้สตรีที่มาด้วยยังเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง แต่ก็ควรที่จะเว้นระยะห่างให้มากกว่านี้ แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกันอย่างเฉินเจียวจ้านและเฉินเจียวเจียวนางในฐานะมารดาเลี้ยงของพวกเขายังคอยดูแลจัดการให้พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างถูกต้องและเหมาะสมไม่ว่าอย่างไรเรื่องชื่อเสียงของบุตรชายและบุตรสาวย่อมสำคัญที่สุด เฉินเจียวจ้านนั้นก็ช่างเถิดเขาโตแล้วและไม่มีความผูกพันอันใดกับนาง ไม่ว่าอย่างไรบุตรชายและแม่เลี้ยงก็ไม่ควรจะข้องเกี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 7 ส่งคนไปสืบ

    เมื่อเฉินเจียวเจียวเดินกลับมาจนเกือบถึงบริเวณที่คนของตนรออยู่นางก็หันไปมองสาวใช้ที่รู้วรยุทธ์ของนางด้วยสีหน้าดุดัน สาวใช้นางนั้นรีบคุกเข่าและขอรับโทษในทันที“ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ บ่าวไม่สามารถปกป้องคุณหนูให้ดีหากคุณหนูจะลงโทษบ่าวก็พร้อมจะยอมรับโทษเจ้าค่ะ” เมื่อสาวใช้ผู้นั้นเอ่ยเช่นนี้เฉินเจียวเจียวก็ทอดถอนใจออกมาพลางเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“ตงจื้อ เรื่องในวันนี้ห้ามเจ้าบอกผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นตงผิง ตงชิงหรือว่าพี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ ของเจ้า หากผู้อื่นรู้เรื่องนี้ข้าไม่มีทางยอมปล่อยเจ้าไปแน่” เมื่อเจ้านายเอ่ยเช่นนี้ตงจื้อผู้เป็นสาวใช้ก็รีบรับคำในทันที“บ่าวไม่มีทางเอ่ยกับผู้ใดแน่นอนเจ้าค่ะ” ตงจื้อเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม“ส่วนเรื่องลงโทษเจ้านั้นคงไม่จำเป็น เรื่องนี้เป็นข้าที่ขาดความระมัดระวังเองแต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้เจ้าเองก็มีส่วนผิด มีคนอยู่ใกล้ข้าถึงเพียงนั้นแต่เจ้ากลับไม่รู้เรื่อง หากเป็นยอดฝีมือคนอื่นก็ว่าไปแต่คนที่จับข้าผู้นั้นไม่น่าจะมีฝีมือเหนือกว่าเจ้าไปได้” เมื่อเฉินเจียวเจียวเอ่ยเช่นนี้ตงจื้อก็อ้าปากตั้งใจว่าจะเอ่ยวาจาคัดค้านว่าคนที่จับคุณหนูของนางนั้นมีฝีมือดีกว่าคนที่จับตั

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 6 คนที่ไม่ควรพบ

    เช้าวันถัดมาเฉินเจียวเจียวก็ได้ติดตามเฉียวซื่อไปไหว้พระที่วัดสมใจ เพียงแต่เมื่อเดินทางมาถึงวัดเฉินเจียวเจียวก็ได้แต่ต้องลอบดุด่าตนเองอยู่ในใจ หลินชิงเหมยอายุไม่ถึงสิบสามปีดีนางจะยัดเยียดข้อหาหนุ่มสาวลักลอบนัดพบกันให้แก่เด็กสาวที่ยังไม่โตเต็มที่ได้อย่างไร แต่ไหนๆ ก็มาแล้วนางจึงคิดว่าควรจะสำรวจบริเวณรอบๆ อีกสักหน่อยหลังจากไหว้พระเติมตะเกียงแล้วเฉินเจียวเจียวก็ขออนุญาตเฉียวซื่อเพื่อไปเดินเล่นรอบๆ มากราบไหว้พระครั้งนี้เฉียวซื่อตั้งใจจะมาขอบุตร นางจึงรีบอนุญาตเฉินเจียวเจียวในทันที แม้ว่านางจะรู้ดีว่าเฉินเจียวเจียวย่อมสามารถคาดเดาจุดประสงค์ของนางได้อยู่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรการที่ไม่มีเฉินเจียวเจียวอยู่ด้วยก็ทำให้นางสามารถขอพรได้อย่างสะดวกใจมากกว่าวัดต้าฝูแห่งนี้ตั้งอยู่นอกเมืองใช้เวลาเดินทางพอสมควรกว่าจะเดินทางมาถึง แต่ข้อดีก็คือมีบรรยากาศอันเงียบสงบและทิวทัศน์งดงาม เฉินเจียวเจียวที่เดินไปเห็นทิวทัศน์ทางด้านหลังของวัดก็อดพยักหน้าให้แก่ตนเองไม่ได้ ช่างเหมาะแล้วที่พวกเขาจะใช้เป็นสถานที่นัดพบกัน ทิวทัศน์งดงามบรรยากาศเป็นใจเหมาะแก่การพูดคุยระบายความในใจต่อกันเป็นอย่างยิ่งเฉินเจียวเจียวเดินอย

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 5 วัดต้าฝู

    แม้ว่าศัตรูอันดับหนึ่งของเฉินเจียวเจียวคือหลินชิงเหมย แต่คนที่นางไม่อาจจะเพิกเฉยได้ก็คือหลี่ไท่หยาง การแต่งงานในครั้งนี้แม้จะดูเหมือนนางคือฝ่ายป่ายปีนขึ้นที่สูงได้แต่งเข้าราชวงศ์ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นหลี่ไท่หยางต่างหากที่ได้ประโยชน์ในครั้งนี้ ผิงกั๋วกงเฉินคังผู้เป็นบิดาของนางเป็นถึงแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนมีกองกำลังในมือหลายแสนนายส่วนสกุลหลินที่เป็นบ้านเดิมของมารดาก็มีท่านลุงที่ยามนี้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีฝ่ายขวา การได้เกี่ยวดองกับนางย่อมทำให้มีคนหนุนหลังเขาในราชสำนักมากขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความคิดจะแย่งชิงราชบัลลังก์ก็ตามที แต่หากเกิดเหตุพลิกผันอันใดขึ้น ในฐานะอ๋องที่มีกองกำลังหนุนหลังและมีขุมอำนาจในราชสำนักคอยคุ้มครอง ย่อมสามารถอยู่รอดปลอดภัยมากกว่าอ๋องคนอื่นๆแคว้นต้าเยียนแห่งนี้มีหลี่ไท่หลงเป็นองค์รัชทายาท ยามนี้ฝ่าบาทมักจะมีราชโองการให้องค์รัชทายาทออกว่าราชการแทนในท้องพระโรงอยู่บ่อยครั้ง ก่อนที่นางจะถูกสามีสั่งโบยแล้วแท้งบุตรจนตาย องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงก็ได้ครอบครองราชบัลลังก์อย่างมั่นคงแล้ว ท่านอ๋องหลายคนในยามนั้นล้วนถูกกำจัดมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รอดชีวิตและหนึ่งในนั้นก็มีโซ่วอ๋อง

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 4 ศัตรู

    เมื่อเฉินเจียวเจียวพาคุณหนูจากสกุลหลินทั้งสองกลับขึ้นเรือนมาฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังพูดคุยอยู่กับฟางเจียอีฮูหยินใหญ่จากสกุลหลินก็พลันเงียบเสียงลง แต่แล้วเมื่อคิดได้ว่าปีหน้าเฉินเจียวเจียวก็จะถึงวัยปักปิ่นอีกทั้งทางเต๋อเฟยเองก็มีรับสั่งเอ่ยถึงเรื่องนี้บ้างแล้วนางจึงคิดว่าให้เฉินเจียวเจียวรับรู้เรื่องนี้บ้างก็เป็นเรื่องดีนางจะได้เตรียมพร้อมเอาไว้“ทางข้าเองก็ไม่ได้คิดจะขัดข้องอันใด หากทางเต๋อเฟยอยากจะส่งปิ่นมาร่วมแสดงความยินดีก็ถือว่าเป็นเกียรติของเจียวเจียวเป็นอย่างยิ่ง แต่เรื่องพิธีปักปิ่นหากทางเต๋อเฟยอยากจะเป็นแม่งานก็คงไม่เหมาะ แม้ว่าจะทรงเอ็นดูเจียวเจียวมากเพียงใดแต่ไม่ว่าอย่างไรในตอนนี้นางก็ยังมีมารดาเลี้ยงของนางอยู่ แม้ว่าเฉียวซื่อจะไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแต่ไม่ว่าอย่างไรคำพูดของผู้อื่นก็อาจจะทำให้นางไม่สบายใจ” เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเช่นนี้ฟางเจียอีที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเต๋อเฟยก็พลันทอดถอนหายใจออกมา“ข้าเองก็คำนึงถึงเรื่องนี้จึงได้บอกกับพระนางว่าข้าจะขอมาปรึกษากับทางจวนผิงกั๋วกงก่อน” ฟางเจียอีเอ่ยพลางหันไปมองเฉินเจียวเจียวที่เดินนำหน้าบุตรสาวของนาง“ปีนี้เจียวเจียวโตขึ้นมาก ยังไม่ทันจ

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 3 หลินชิงเหมย

    ยามที่คนสกุลหลินมาเยือนที่จวนฮูหยินผู้เฒ่าและเฉินเจียวเจียวออกไปต้อนรับที่โถงหลักของเรือนชั้นในด้วยตนเอง ผู้ที่มาก็คือฟางเจียอีป้าสะใภ้จากจวนสกุลหลิน ป้าสะใภ้ผู้นี้มีความสัมพันธ์อันดีกับหลินซื่อมารดาของเฉินเจียวเจียวเมื่อหลินซื่อล่วงลับป้าสะใภ้ผู้นี้ก็หมั่นมาเยี่ยมเยียนนางที่จวนอยู่บ่อยครั้ง เฉินเจียวเจียวจึงได้มีความรู้สึกดีต่อป้าสะใภ้ผู้นี้มากเป็นพิเศษส่วนญาติผู้น้องร่างกายบอบบางและดูซูบผอมของนางนั้นกำลังนั่งอยู่เงียบๆ ทางด้านหลังของฟางเจียอี หลินชิงเหมยคือบุตรสาวที่ถือกำเนิดจากอนุภายในจวน แต่เพราะร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กป้าสะใภ้ของนางจึงรับหลินชิงเหมยมาดูแลด้วยตนเองและได้รับหลินชิงเหมยมาเป็นบุตรสาวภายใต้ชื่อทำให้หลินชิงเหมยขยับฐานะขึ้นมาเป็นบุตรสาวของภรรยาเอกแม้ว่าหลินชิงเหมยจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีแต่หากจะให้เทียบเคียงกลับหลินชิงหว่านบุตรสาวคนโตที่ถือกำเนิดจากป้าสะใภ้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ หลินชิงหว่านทั้งรูปโฉมงดงามกิริยาและวาจาก็ถูกอบรมมาเป็นอย่างดีแม้แต่เฉินเจียวเจียวเองก็ยังแอบยกย่องนางอยู่ในใจ เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดสตรีที่มีดีทั้งรูปโฉม ชาติกำเนิดและท่วงท่ากิริยาเต็ม

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 2 รอการมาเยือน

    จวนผิงกั๋วกงตั้งอยู่ในตรอกสุ่ยอันของเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าเยียน ภายในตรอกสุ่ยอันแห่งนี้มีจวนขุนนางตำแหน่งสูงตั้งอยู่หลายจวน จวนขุนนางที่มีตำแหน่งสูงเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราวการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นอันซับซ้อนมากมายภายในเรือนหลังของจวน ยิ่งตำแหน่งสูงมากก็ยิ่งมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนของผู้คนภายในจวนมากยิ่งขึ้น แต่จวนผิงกั๋วกงแห่งนี้กลับไม่ได้มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนและยุ่งเหยิงดังเช่นจวนขุนนางจวนอื่น อาจจะเป็นเพราะผู้คนภายในจวนไม่มากอีกทั้งยังมีการปกครองภายในจวนอย่างเข้มงวดผู้คนภายในจวนจึงใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างสงบสุขเฉินเจียวเจียวอยู่ในจวนแห่งนี้ในฐานะคุณหนูใหญ่ นางเป็นบุตรสาวคนเดียวของผิงกั๋วกงและหลินซื่อ มารดาของนางตายจากไปตั้งแต่นางยังเล็ก นางจึงได้รับการเลี้ยงดูจากฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเฉิน ส่วนเฉียวซื่อผู้เป็นภรรยาที่แต่งเข้ามาใหม่ของบิดาก็นับว่าเป็นมารดาเลี้ยงที่ดีพอสมควรเพียงแต่ระหว่างพวกนางสองคนไม่ค่อยจะสนิทกันเท่าใดนัก อาจจะเป็นเพราะตอนที่เฉียวซื่อแต่งเข้ามาเฉินเจียวเจียวก็โตมากแล้วอีกทั้งยังมักจะอยู่ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้คนทั้งคู่ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันบ้านรองและบ้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status