Beranda / วาย / #ความลับของบอสเหนือ (HAREM) / บทที่ 10 - คุณหญิงเนตรศิตางศุ์

Share

บทที่ 10 - คุณหญิงเนตรศิตางศุ์

Penulis: baby_ferin
last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-10 17:38:24

[ บทที่ 10 ]

“คุณหญิงเนตรศิตางศุ์”

รถเบนซ์สีดำคันหรูแล่นเข้ามาจอดในบริเวณลานจอดรถ เสียงของเครื่องยนต์ดังอยู่อย่างนั้นสักพักหนึ่งก็ดับลง และในวินาทีต่อมา ร่างสูงกำยำของบอสเหนือก็ค่อยๆก้าวขาลงมาจากรถเบนซ์คันเดิม สองขายาวก้าวเดินไปตามทางเดินที่มีบรรดาลูกน้องในชุดสูทสีดำยืนก้มหัวให้ตลอดทาง ทว่าชายหนุ่มกลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง มีบางสิ่งบางอย่างที่ดูแปลกไปจากทุกวัน และความสงสัยนั้นก็ทำให้บอสเหนือเอ่ยปากถามบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังอยู่ไม่ห่างทันที

“มีแขกมาบ้านอย่างนั้นเหรอ โชน” เสียงทุ้มเข้มทรงอำนาจเอ่ยปากถามบอดี้การ์ดหนุ่มที่เดินตามหลังอยู่ไม่ห่างกาย

“ครับ พี่โรมโทรมาบอกผมแล้วว่าจะมีแขกมาหาบอสที่บ้าน” โชนตอบกลับคำถามนั้นแทบจะทันที ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายน้อยๆเพราะรู้ว่าแขกที่ว่านั้นคือใคร และถ้าหากบอสของเขาได้เจอกับแขกที่มาเยือนในวันนี้ แค่คิดมันก็ทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่

“ดูเหมือนว่าแขกคนนี้... กูจะเลี่ยงไม่ได้เลยสินะ” บอสเหนือหันไปมองรถยนต์คันหรูอีกหนึ่งคันที่จอดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ไหนจะลูกน้องที่แขกคนนั้นพกติดตัวมาด้วยก็ดูจะเป็นคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าแขกคนนั้นคือใคร

“ครับ” โชนเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเหือดแห้งบนใบหน้า ดวงตาคู่คมทอดมองแผ่นหลังกว้างของเจ้านายที่เดินเข้าไปภายในตัวบ้าน สองขายาวก้าวตรงไปยังห้องรับแขกที่มีร่างระหงส์ของใครบางคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เพียงแค่เห็นแผ่นหลังก็เรียกรอยยิ้มมุมปากจากนายเหนือหัวของบ้านในตอนนี้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

พรึ่บ!

“ผมค่อนข้างตกใจนะที่เห็นแม่มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าในตอนนี้” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นกับผู้ให้กำเนิดที่นั่งจิบน้ำชาอยู่ตรงหน้า มือเรียวสวยวางถ้วยชาลงบนโต๊ะตัวเตี้ยช้าๆ พร้อมเงยหน้าขึ้นมามองลูกชายสุดที่รักที่ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันเสียนาน

“ฉันก็ไม่คิดว่าแกจะต้อนรับแม่ของแกด้วยการให้บอดี้การ์ดออกมาต้อนรับแทนที่จะเป็นลูกชายอย่างแก”

คุณหญิงเนตรศิตางศุ์ คือนายเหนือหัวอีกคนของบ้านหลังนี้ เป็นคนที่คอยจัดการทุกๆอย่างภายในบ้าน ไม่ว่าจะเรื่องชื่อเสียงเงินทอง เรื่องอำนาจ เรื่องธุรกิจต่างๆภายในบ้านล้วนต้องผ่านมือเธอมาทั้งนั้น รวมถึงชีวิตของลูกชายเพียงคนเดียวเองก็เช่นเดียวกัน เพราะมีลูกชายเพียงคนเดียว เธอจึงค่อนข้างคาดหวังกับลูกชายคนนี้เอาไว้มาก และเธอก็หวังว่าลูกชายของเธอจะมีคู่ครองที่ดี คอยเกื้อหนุนกันและกัน เธอรู้ดีว่าถ้ารอให้ลูกชายของเธอหาคู่ครองดีๆมาให้เธอสักคนคงจะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร เพราะแบบนั้นเธอจึงได้ตัดสินใจค้นหาคู่ครองที่เหมาะสมและคู่ควรมาให้กับลูกชายของเธอด้วยตนเอง

และตอนนี้เธอก็หาคู่ครองที่ดีให้กับลูกชายของเธอพบแล้ว...

“ผมไม่คิดว่าแม่จะบินกลับมาวันนี้ก็เลยไม่ได้รีบกลับมาต้อนรับแม่ด้วยตนเอง”

“ช่างเถอะ ใช่ว่าฉันจะไม่รู้จักนิสัยของแก” คุณหญิงเนตรศิตางศุ์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ เธอเหลือบสายตามองไปรอบๆตัวของลูกชายแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อเห็นว่ามีบอดี้การ์ดที่ดูเหมือนว่าลูกชายของเธอจะให้ความสำคัญเสียเหลือเกินคอยวนเวียนอยู่รอบกาย

สงสัยเธอคงจะต้องจับตามองบอดี้การ์ดพวกนี้เป็นพิเศษแล้วสินะ

“แม่พูดธุระของแม่มาเลยดีกว่าครับ ผมกลับมาเหนื่อยก็อยากจะขึ้นไปพักผ่อนแล้ว” บอสเหนือรีบเอ่ยเข้าเรื่องทันทีที่เห็นสีหน้าและแววตาของมารดาที่จ้องมองไปยัง ‘คนของเขา’

แม่ของเขาเป็นคนฉลาด หากมีอะไรผิดสังเกตแม้แต่นิดเดียวก็คงจะเดาออกได้ในทันที

“ไม่คิดจะเชิญแม่ของแกทานข้าวเย็นด้วยกันสักหน่อยเหรอ”

“ผมรู้ว่าแม่ไม่ได้มาที่นี่เพราะอยากจะทานอาหารเย็นกับลูกชายคนนี้หรอกใช่มั้ยครับ”

“สมกับเป็นแกจริงๆ” หญิงสาววัยกลางคนหัวเราะออกมาเบาๆ ดูเหมือนว่าเธอจะต้องพูดเข้าเรื่องที่ทำให้เธอต้องดั้นดนบินกลับมาหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้แล้วสินะ

“แกก็อายุไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ เหนือ” คำพูดนั้นจากมารดา ทำให้คนฟังชะงักไปเล็กน้อย รู้ได้ในทันทีว่าสิ่งที่แม่ของตนเองต้องการจะพูดในวันนี้คือเรื่องอะไร

“จะนัดคู่ดูตัวให้ผมอีกแล้วหรือไงครับ”

“ไม่หรอก แกก็รู้ว่าแม่เจอคนที่เหมาะสมกับแกมากที่สุดแล้ว” บอสเหนือรู้ได้ในทันทีว่าคนที่มารดาเอ่ยถึงนั้นคือใคร

คงไม่มีใครที่ทำให้แม่ของเขาต้องตาต้องใจอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้นักหนาได้เท่ากับแก้วกานดาอีกแล้ว

“แม่กำลังหมายถึงแก้วกานดาอย่างนั้นเหรอครับ”

“ใช่ แกก็รู้จักกับน้องมาหลายเดือนแล้ว ไปมาหาสู่กันก็บ่อย น้องเองก็ใช่ว่าจะไม่ดี แกไม่รู้สึกอะไรกับน้องบ้างเลยหรือไง” บอสเหนืออยากจะหัวเราะออกมาดังๆให้กับคำถามนั้น เขารู้ดีว่าแม่พยายามยัดเยียดแก้วกานดาให้กับเขามากแค่ไหน คอยกรอกหูเช้าเย็นแทบทุกวันเรื่องแก้วกานดา เขาไม่ปฏิเสธว่าแก้วกานดาเป็นผู้หญิงที่ดีและเหมาะสมกับเขา แต่เขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าต่อให้เธอจะแสนดีมากแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันรู้สึกอะไรมากไปกว่าน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น

คนมันไม่ใช่... พยายามให้ตายยังไงก็ยังไม่ใช่อยู่ดี

“เหนือ!”

“ครับ”

“แกฟังแม่อยู่หรือเปล่าเนี่ย” คุณหญิงเนตรศิตางศุ์เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าคำพูดของเธอดูจะไม่เข้าหูลูกชายเลยแม้แต่น้อย

“ฟังอยู่ครับ”

“แกต้องเลิกนิสัยแบบนี้ของแกสักทีนะ ที่ผ่านมาไม่ใช่แม่ไม่รู้เรื่องที่แกชอบไปนอนกับใครต่อใคร ควงกับใครต่อใครให้เป็นข่าวอยู่บ่อยๆ แต่เพราะแม่รู้ว่าแกไม่เคยคิดจริงจังกับผู้หญิงพวกนั้น แม่ถึงไม่เคยว่าหรือห้ามปรามแกแบบจริงจังเลยสักครั้ง แต่แม่ก็ยังหวังให้แกเลิกนิสัยแบบนี้ของแก หวังให้แกคิดจริงจังและอยากสร้างชีวิตคู่กับใครสักคนจริงๆสักที” บอสเหนือยังคงตั้งใจฟังในสิ่งที่มารดาพูด ทว่าไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่ตั้งใจฟังในสิ่งที่มารดาพูด ดูเหมือนว่าบอดี้การ์ดรอบกายก็ดูจะตั้งใจฟังในสิ่งที่มารดาของเขาพูดอยู่เช่นเดียวกัน

“แม่ต้องการอะไร บอกผมมาตรงๆเลยดีกว่ามั้ยครับ” บอสเหนือตัดสินใจเอ่ยตัดบทในที่สุด หลังจากทนนั่งฟังในสิ่งที่มารดาพูดมาเกือบจะครึ่งชั่วโมง

“แม่ต้องการให้แกแต่งงาน”

“กับใคร”

“คงเป็นคนอื่นไปไม่ได้ นอกจากหนูแก้วกานดา” คำตอบนั้นไม่ผิดไปจากที่บอสเหนือคิดสักเท่าไหร่ เขารู้อยู่แล้วว่าคำตอบของแม่เขามันเป็นแก้วกานดามาตั้งแต่แรก

และมันไม่เคยมีคนอื่นเข้ามาแทนที่ตำแหน่งสะใภ้คนโปรดได้เลยสักคน

“แล้วถ้าผมไม่แต่งล่ะ”

“ฉันอดทนกับนิสัยเสเพลนอนกับคนอื่นเขาไปทั่วแบบแกมามากพอแล้ว และถ้าหากแกยังรั้นไม่ยอมแต่งงานกับหนูแก้วกานดาอีกก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายกับแกก็แล้วกัน”

“ใจร้ายอย่างนั้นเหรอ...” บอสเหนือเอ่ยพึมพำขึ้นมาเบาๆ ทว่าน้ำเสียงพึมพำของเขากลับทำให้ผู้เป็นมารดาจ้องมองมาด้วยแววตาที่แปลกไปจากเดิม ไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งและความถือดีอยู่ในแววตาคู่นั้นอีก

แต่บอสเหนือก็ไม่อาจคาดเดาและอ่านแววตาคู่นั้นของมารดาออกได้เลย เขาไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น

“ไม่ใช่ว่าแม่ใจร้ายกับผมมาโดยตลอดอยู่แล้วเหรอ” สิ้นประโยคนั้น ร่างระหงส์ของนายหญิงสินธวานนท์ก็ผุดลุกขึ้นจากโซฟาตัวยาวที่นั่งอยู่ทันที

“ฉันมาที่นี่เพื่อบอกให้แกรู้ว่าอีกสองวัน แกจะต้องไปลองชุดแต่งงานกับหนูแก้วกานดา”

“ถ้าผมไม่ไปล่ะ”

“แกน่าจะรู้น่ะว่านี่ไม่ใช่ประโยคขอร้องหรือประโยคบอกเล่า แต่มันคือประโยคคำสั่งต่างหาก” คุณหญิงเนตรศิตางศุ์ทอดมองร่างสูงใหญ่ของลูกชายที่นั่งก้มหน้าไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองตนเองด้วยซ้ำ

ใครจะหาว่าเธอใจร้ายหรือไม่รักลูกตัวเองก็ช่าง แต่เธอย่อมรู้ดีกว่าใครว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำก็เพื่อลูกชายเพียงคนเดียวของเธอทั้งนั้น

ไม่มีใครเหมาะสมและคู่ควรกับเหนือไปมากกว่าแก้วกานดาอีกแล้ว

ไม่มีแม้แต่คนเดียว!

“ในเมื่อแม่ว่ามาแบบนั้น แล้วลูกชายสุดที่รักคนนี้จะไปกล้าขัดคำสั่งได้ยังไงกันล่ะครับ”

“ก็ดี อีกสองวัน... ฉันก็หวังว่าฉันจะได้เจอแกที่ร้านลองชุดนะ” ทันทีที่พูดจนจบประโยค ร่างระหงส์ของนายหญิงสินธวานนท์ก็เดินจากไป เสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้นจากที่ไกลๆจนกระทั่งเงียบหายไปในที่สุด

แม้ว่าคุณหญิงเนตรศิตางศุ์จะออกจากบ้านไปแล้ว ทว่าร่างสูงกำยำของบอสเหนือยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าคมเข้มก้มมองแก้วสีใสที่บรรจุของเหลวสีใสที่ไม่ได้พร่องลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว ความใสของมันสะท้อนภาพใบหน้าของเขาที่ดูไร้ชีวิตชีวา ราวกับหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่มีหน้าที่ทำตามคำสั่งเจ้านายของมันเพียงเท่านั้น

และใช่... ชีวิตของบอสเหนือก็ไม่ต่างอะไรจากหุ่นยนต์ตัวนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

บอสเหนือมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อทำตามคำสั่งของคุณหญิงเนตรศิตางศุ์ เฉกเช่นเดียวกับหุ่นยนต์หนึ่งตัวที่มีชีวิตขึ้นมาได้เพื่อทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย

“บอสครับ” เสียงเรียกชื่อในระยะใกล้ ทำให้ชายหนุ่มพลันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความคิด หันไปมองรอบๆก็พบว่าตอนนี้นอกจากตนเองและพฤกษ์แล้วก็ไม่มีใครอยู่ในนี้อีก

“พฤกษ์... แล้วคนอื่นล่ะ หายไปไหนกันหมด”

“พวกนั้นไม่อยากรบกวนบอสน่ะครับ บอสในตอนนี้เหมือนต้องการจะอยู่คนเดียว” พฤกษ์เอ่ยตอบคำถามนั้น เพราะทุกคนรู้ดีว่าสีหน้าและแววตาของบอสในตอนนี้มันกำลังฟ้องว่าต้องการจะอยู่คนเดียว แต่ตัวเขาที่ทำหน้าที่ปลอบโยนและคอยอยู่เคียงข้างบอสได้ดีที่สุดจะปล่อยให้บอสอยู่คนเดียวในช่วงเวลาแบบนี้ได้ยังไง

“แล้วทำไมมึงถึงยังอยู่ล่ะ”

“เพราะผมไม่อยากปล่อยบอสไว้คนเดียวครับ อย่างน้อยให้ผมคอยอยู่ข้างๆบอสในตอนนี้ ให้บอสได้รู้ว่าบอสไม่ได้ไม่เหลือใคร แต่บอสยังมีผม ยังมีบอดี้การ์ดคนโปรดที่บอสเลือกมาเองกับมือคอยอยู่ข้างๆนะครับ” คำพูดนั้นเรียกเสียงหัวเราะในลำคอจากผู้เป็นนายได้อย่างง่ายดาย เขาไม่รู้สึกโกรธที่พฤกษ์มักจะชอบทำอะไรเกินหน้าที่ของตนเองอยู่เสมอ

ไม่ใช่แค่พฤกษ์ แต่บอดี้การ์ดคนโปรดที่เหลือเองก็เช่นเดียวกัน

พวกมันกำลังทำให้เขาเคยชินกับชีวิตที่ต้องมีพวกมันอยู่ข้างกายเสมอ และพวกมันก็กำลังทำให้เขาเคยชินกับชีวิตแบบนี้

ชีวิตที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มักจะเห็นพวกมันยืนอยู่ไม่ไปไหน แล้วจากนี้เขาจะใช้ชีวิตที่ไม่มีพวกมันได้ยังไง

เขานึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ

“พวกมึงกำลังทำให้กูเคยชินกับชีวิตที่ต้องมีพวกมึงอยู่เคียงข้างกายนะ เคยคิดบ้างมั้ยว่ากูจะใช้ชีวิตที่ไม่มีพวกมึงได้ยังไง” บอสเหนือเอ่ยขึ้นโดยไม่มองหน้าคู่สนทนา ทำให้ไม่ทันได้เห็นสีหน้าและแววตาของใครอีกคนยามเอ่ยคำพูดประโยคถัดมาออกมา

“นั่นแหละครับคือสิ่งที่พวกผมทุกคนต่างการจากบอส”

_

เสียงเปิดประตูร้านลองเสื้อดังขึ้น พร้อมๆกับที่ร่างสูงใหญ่ของนายเหนือหัวสินธวานนท์เหยียบย่างเข้ามาภายในร้าน การปรากฏตัวของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวที่มานั่งรออยู่ก่อนแล้วผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้มาใหม่พร้อมกับรอยยิ้มหวานหยด

“เหนือ! คุณมาแล้ว” แก้วกานดายิ้มหวานมาแต่ไกล ร่องรอยของความดีใจปรากฏอยู่บนใบหน้าสะสวยของเธออย่างไม่คิดปิดบัง แม้สิ่งที่ได้ตอบกลับมาจะมีเพียงความเย็นชาบนใบหน้าหล่อเหลาของบอสเหนือก็ตาม

“ดูเหมือนคุณจะมารออยู่นานแล้วนะ” เสียงเข้มเอ่ยถามขึ้น

“พอดีฉันตื่นเต้นน่ะค่ะก็เลยรีบมาก่อนเวลามากไปหน่อย” แก้วกานดาเอ่ยตอบคำถามนั้นด้วยท่าทีเขินอาย แน่นอนว่าคนอย่างบอสเหนือไม่คิดจะสนใจปฏิกิริยาแบบนั้นของเธออยู่แล้ว

แก้วกานดาเม้มริมฝีปากแน่นกับปฏิกิริยาแบบนั้นของชายหนุ่ม แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนอย่างบอสเหนือไม่มีวันยินยอมมาลองชุดแต่งงานกับเธอ หากไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับมา และคนที่จะทำแบบนั้นได้ก็มีเพียงคนเดียวนั่นก็คือคุณหญิงเนตรศิตางศุ์ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังหวังให้เขาแสดงสีหน้าแบบอื่นนอกจากความเย็นชาให้กับเธอบ้าง

แค่เพียงสักนิดก็ยังดี

“แล้วนี่คุณมาคนเดียวอย่างนั้นเหรอคะ” แก้วกานดาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เมื่อมองไปรอบกายชายหนุ่มแล้วไม่เห็นคนอื่นนอกจากตัวของบอสเหนือเอง

“คุณอยากให้ผมมากับใครอีกอย่างนั้นเหรอ”

“เปล่าค่ะ ฉันแค่แปลกใจที่ไม่เห็นบอดี้การ์ดมากับคุณด้วย”

“ผมให้รออยู่ในรถ แค่มาลองชุดแปบเดียวคงไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาลงมาด้วยหรอก” สิ้นคำพูดนั้น ชายหนุ่มก็หันไปหาพนักงานสาวที่ยืนฟังบทสนทนาของพวกเขาอยู่นานแล้ว

“ชุดที่จะให้ฉันลองอยู่ที่ไหนล่ะ”

“อยู่ทางนี้ค่ะ คุณเหนือตามดิฉันมาเลยค่ะ”

“แล้วของคุณแก้วกานดาล่ะ”

“เอ่อ คือ...” บอสเหนือขมวดคิ้วเล็กน้อยกับท่าทีอึกอักของพนักงานสาวในตอนที่เขาถามหาชุดของแก้วกานดา

“ฉันลองไปก่อนแล้วค่ะ เหลือแต่ของคุณ” สิ้นคำพูดนั้นของแก้วกานดา ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับคำเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามพนักงานสาวเข้าไปด้านในเพื่อไปลองชุดแต่งงาน

“ชุดที่คุณหญิงเนตรศิตางศุ์เลือกเอาไว้ให้อยู่ในห้องทางด้านในสุดแล้วนะคะ คุณเหนือเข้าไปลองชุดได้เลยค่ะ”

“อืม” บอสเหนือพยักหน้ารับ ก่อนที่พนักงานสาวคนเดิมจะค่อยๆเดินออกจากบริเวณนั้นเพื่อให้เขาได้เข้าไปลองชุดแต่งงานที่แม่ของเขาเป็นคนเลือกสรรเอาไว้ให้

ขนาดชุดแต่งงานของเขา ตัวเขายังไม่มีสิทธิ์ได้เลือกมันด้วยตนเองเลยด้วยซ้ำไป

ชีวิตของเขาคงไม่พ้นต้องเดินอยู่ในกรอบที่มารดาเป็นคนสร้างเอาไว้ให้ไปตลอดชีวิตอย่างนั้นสินะ

บอสเหนือใช้เวลาอยู่ในห้องลองชุดพักใหญ่เลยทีเดียว ดวงตาคมเข้มทอดมองเงาในกระจกที่ปรากฏภาพของตนเองในชุดของเจ้าบ่าวด้วยแววตาว่างเปล่า ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่นอกจากเจ้าตัวเพียงคนเดียว

“เหนือคะ คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ” ทว่าเสียงเรียกจากทางด้านนอกก็ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวหลุดออกจากภวังค์ของตนเอง

ดูเหมือนเขาจะเผลอคิดอะไรเพลินไปหน่อย จนไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตนเองอยู่ในห้องลองชุดมานานแค่ไหนแล้ว

คงจะนานมาก... แก้วกานดาถึงได้มาตามเขาด้วยตนเองถึงในห้องลองชุดแบบนี้

“ผมไม่ได้เป็นอะไร” เหนือเอ่ยถามคำถามนั้นกลับไป

“ฉันนึกว่าคุณเป็นอะไรไปเสียอีก เห็นคุณหายเข้ามาในนี้นานมากก็เลยเป็นห่วง ฉันเลยถือวิสาสะเข้ามาในบริเวณนี้ค่ะ” บอสเหนือสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงจากใจจริงของแก้วกานดา และเพราะแบบนั้น ชายหนุ่มจึงค่อยๆเปิดม่านที่กั้นระหว่างเขากับอีกฝ่ายอยู่ออก

“ผมโอเคดี ขอบคุณที่เป็นห่วง” บอสเหนือเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ทว่าแก้วกานดาก็ยังคงยืนนิ่งไร้ซึ่งการตอบสนองใด จนชายหนุ่มต้องขยับเข้าไปใกล้และยกมือขึ้นแตะไหล่ของเธอเบาๆ

“แก้วกานดา”

“ค่ะ! ขะขอโทษทีค่ะ เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ” แก้วกานดาสะดุ้งเฮือกกับเสียงที่เอ่ยเรียกในระยะประชิดและสัมผัสบางเบาบริเวณลาดไหล่บาง

“ผมบอกว่าผมโอเคดี ขอบคุณที่เป็นห่วง”

“มะไม่เป็นไรเลยค่ะ ยังไงเราก็กำลังจะกลายมาเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้วนี่คะ” คำพูดนั้นของแก้วกานดา ทำให้คนฟังชะงักไปเล็กน้อย ท่าทีที่แปลกใจของว่าที่สามี ทำให้เธอรู้ว่าเธอคงจะเผลอพูดอะไรไม่เข้าหูเข้าเสียแล้ว

“คุณในชุดนี้ดูดีมากเลยนะคะ คุณหญิงเนตรศิตางศุ์เก่งจริงๆที่เลือกชุดได้เข้ากับคุณขนาดนี้”

“ครับ แม่ของผมเก่งจริงๆนั่นแหละ” บอสเหนือยิ้มรับคำชมนั้นแทนมารดาของตนเอง ไม่ว่าจะเรื่องอะไร มารดาของเขาก็เก่งกาจอยู่เสมอ

ไม่อย่างนั้นพ่อของเขาคงไม่หลงหัวปักหัวปำจนยอมตายแทนมารดาของเขาหรอก

“แม่ของผมคงจะดีใจมากที่คุณเองก็ชอบชุดนี้”

“ชุดนี้เข้ากับคุณมากจริงๆนั่นแหละค่ะ”

“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะ ผมขอเข้าไปเปลี่ยนชุดคืนก่อน”

“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันไปรอข้างนอกนะคะ”

“ครับ”

ร่างบอบบางของแก้วกานดาเดินกลับออกไป บอสเหนือเองก็มองตามแผ่นหลังบอบบางของเธอไปจนสุดสายตาด้วยแววตาที่ผ่านไม่ออก ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องลองเสื้อเพื่อเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดเดิมก่อนหน้านี้

ครั้งนี้บอสเหนือใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้นในการเปลี่ยนชุด ก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมกับชุดเจ้าบ่าวในมือ พนักงานสาวที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วก็ยื่นมือมารับมันไปอย่างรู้หน้าที่

“ตกลงว่าฉันเอาชุดนี้”

“รับทราบค่ะ แล้วดิฉันจะให้คนไปส่งที่บ้านของคุณเหนือนะคะ”

“อืม แล้วเรื่องราคา...”

“คุณหญิงเนตรศิตางศุ์จัดการให้ผมแล้วค่ะ” สิ้นประโยคนั้น บอสเหนือก็พยักหน้ารับเล็กน้อย รู้อยู่แล้วว่าแม่ของเขาคงจะจัดการให้ทั้งหมด เพราะคนที่ต้องการให้เขาแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาก็คือมารดาของเขาเอง ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะจัดการทุกอย่างให้เขาจนหมดด้วยความรวดเร็วขนาดนี้

“อืม งั้นก็จัดการตามที่แม่บอกเลยก็แล้วกัน”

“ดิฉันจะรีบจัดการให้ค่ะ” พนักงานสาวก้มหัวรับคำสั่งนั้น ก่อนจะรีบไปจัดการตามที่ได้รับคำสั่งมาจากคุณหญิงเนตรศิตางศุ์อีกทีหนึ่ง ทำให้ในบริเวณนั้นเหลือเพียงบอสเหนือและแก้วกานดาสองคนเท่านั้น

“คุณจะไปไหนต่อรึเปล่าคะ เหนือ” แก้วกานดาเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เหลือเพียงเธอกับชายหนุ่มที่เธอหมายปองเพียงสองคน

“คุณมีอะไรรึเปล่า”

“เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่อยากจะชวนคุณไปทานข้าวด้วยกันเท่านั้นเอง” แก้วกานดาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ทว่าบอสเหนือกลับจ้องมองมาที่เธอด้วยแววตาเย็นชาเพียงเท่านั้น

“ผมมีธุระต้องไปจัดการต่อ”

“มีธุระต้องไปจัดการ หรือแค่ไม่อยากไปทานข้าวกับฉันกันแน่คะ” แก้วกานดาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เธอรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แค่ต้องการจะหลีกเลี่ยงการอยู่กับเธอสองคนเพียงเท่านั้น

“จะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ แต่วันนี้ผมคงไปทานข้าวกับคุณไม่ได้” สิ้นคำพูดนั้น ร่างสูงก็เดินออกจากร้านลองเสื้อเพื่อกลับไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ทว่าคำพูดถัดมาของแก้วกานดากลับทำให้ช่วงขายาวทั้งสองข้างหยุดลงอย่างง่ายดาย

“ฉันไม่อยากจะใช้วิธีนี้กับคุณหรอกนะคะ แต่แม่ของคุณเป็นคนสั่งเอาไว้ค่ะว่าต้องพาคุณไปทานข้าวด้วยกันให้ได้” คนฟังถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับว่าที่เจ้าสาวอีกครั้งหนึ่ง

“น่าแปลกใจนะที่คุณดูจะเชื่อฟังแม่ของผมขนาดนี้”

“เลือกเอาแล้วกันนะคะว่าจะยอมไปทานข้าวด้วยกันดีๆ หรือจะต้องให้ฉันต่อสายหาแม่ของคุณก่อน” ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยังหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเป็นการขู่ว่าหากเขายังดื้อด้านไม่ยอมไปกับเธอดีๆ เธอจะต่อสายหามารดาของเขาอย่างแน่นอน

“ผมไม่แปลกใจเลยสักนิดที่แม่ดูจะเข้ากับคุณได้ดีขนาดนี้” บอสเหนือพูดพร้อมหัวเราะเบาๆในลำคอ ลักษณะท่าทางและนิสัยที่เหมือนกันราวกับถอดแบบกันออกมา เขาไม่นึกแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียวว่าเพราะอะไรถึงต้องเป็นแก้วกานดา

“คำตอบล่ะคะ” แก้วกานดาไม่คิดจะสนใจคำพูดราวกับรังเกียจเธอนักหนาของบอสเหนือ เธอรู้ดีว่าอีกฝ่ายเกลียดเธอมากแค่ไหน

แต่บอสเหนือไม่มีวันหนีเธอพ้นหรอก ตราบใดที่เธอยังมีคุณหญิงเนตรศิตางศุ์ อีกฝ่ายก็จะไม่มีวันหนีไปจากเธอพ้น

เกลียดแล้วยังไง ? สุดท้ายเขาก็จะต้องเป็นของเธออยู่ดี!

บอสเหนือขบกรามแน่น ดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องไปยังคนตรงหน้าด้วยความเกลียดชังอย่างปิดไม่มิด ทว่าในตอนที่กำลังจะอ้าปากให้คำตอบที่เธอต้องการ ร่างของเขาก็ถูกดึงไปด้านหลังด้วยแรงมหาศาลที่ทำให้เขาเซถอยหลังไปได้อย่างง่ายดาย

และเขาก็รู้ดีว่าเจ้าของแผ่นหลังที่บดบังทัศนียภาพทั้งหมดของเขาในตอนนี้นั้นคือใคร

“ขอโทษด้วยนะครับคุณแก้วกานดา แต่บอสคงไปกับคุณไม่ได้หรอกครับ”

“ราม” บอสเหนือเอ่ยเรียกชื่อบอดี้การ์ดคนโปรดที่เขาหลงลืมไปแล้วว่าอีกฝ่ายนั่งรอเขาอยู่ในรถ และคงจะเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับแก้วกานดาทั้งหมด

“นายเป็นใคร”

“ผมเป็นบอดี้การ์ดของบอสเหนือครับ”

“ก็แค่ลูกน้องคนหนึ่ง ไม่รู้หรือไงว่าฉันคือใคร” แก้วกานดาเชิดหน้าขึ้น พร้อมกับจ้องมองคนมาใหม่ตรงหน้าด้วยแววตาหยามเหยียดอย่างเห็นได้ชัด

“รู้ครับ คุณคือคุณแก้วกานดา คนที่กำลังจะเข้ามาเป็นนายหญิงอีกคนหนึ่งของบ้าน”

“รู้ไว้ก็ดี เพราะฉะนั้นนายก็ควรจะรู้ว่าไม่ควรเข้ามายุ่งเรื่องของฉันกับบอสของนาย”

“คุณแค่คนที่กำลังจะเข้ามาเป็นนายหญิง แต่คุณยังไม่ใช่นายหญิงของบ้านสินธวานนท์ครับ”

“นี่นาย!” แก้วกานดาโกรธจนตัวสั่น เธอยกนิ้วขึ้นชี้หน้ารามทันที

“ผมกับบอสคงต้องขอตัวก่อนนะครับ คงต้องขอเสียมารยาทกับคุณแล้วครับ” สิ้นประโยคนั้น รามก็รีบดึงแขนเจ้านายให้เดินตามตนเองไปที่รถ โดยไม่คิดจะสนใจเสียงกรีดร้องหรือเสียงเรียกของแก้วกานดาอีก

ปัง!

“ราม... อือออออ!” ประตูรถยนต์ถูกปิดลง พร้อมกับร่างสูงของบอสเหนือที่ถูกผลักให้นอนราบลงบนเบาะหลังรถ โดยมีร่างสูงใหญ่ไม่แพ้กันของรามคร่อมทับอยู่ด้านบน ริมฝีปากสีคล้ำอ้าขึ้นหมายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกปิดกั้นด้วยอวัยวะเดียวกันของคนบนร่างที่บดเบียดลงมาอย่างร้อนแรงและดิบเถื่อนราวกับต้องการจะระบายอารมณ์หงุดหงิดทั้งหมดลงมากับจูบนี้

“ราม- อึก! เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน!” บอสเหนือเบิกตากว้าง เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวผละจูบออกไปซุกไซร้ลำคอของตนเองแทน มือแกร่งทั้งสองข้างไม่อยู่เฉย เอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อด้วยความรวดเร็ว จนคนเป็นบอสคว้ามือไว้ พร้อมส่งเสียงห้ามปรามออกไปแทบไม่ทัน

“ไม่ครับ ผมจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าบอสเป็นของใคร”

“แต่นี่มันบนรถ!”

“ครับ เอากันหนึ่งรอบบนรถก่อนแล้วค่อยไปต่อที่บ้านก็ยังไม่สาย”

“ไอ้ราม!” บอสเหนือตาลีตาเหลือกรีบปัดมือที่พยายามถอดเสื้อกับกางเกงของเขาอยู่ออก อีกทั้งยังต้องหันหน้าหนีจากริมฝีปากที่พรมจูบไปทั่วอีกต่างหาก

พรึ่บ!

“อย่าให้ผมต้องมัดมือบอสนะครับ” รามเอ่ยบอกเสียงเข้ม มือข้างหนึ่งกดข้อมือทั้งสองข้างของเจ้านายไว้เหนือหัวได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

“หงุดหงิดอะไร” บอสเหนือรู้ดีว่าอาการแบบนี้ของลูกน้องคงจะไปหงุดหงิดอะไรมา ถึงได้เอาความโกรธมาลงที่ตนเองแบบนี้

“ผู้หญิงคนนั้น”

“แก้วกานดา ?”

“ผมจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นได้รู้ว่าที่เขาจะได้ไปก็แค่สถานะนายหญิง แต่ร่างกายของบอส ทุกอย่างของบอสมันเป็นของพวกผม... เป็นของพวกผมทั้งหมด!” ร่างกำยำของเจ้านายถูกรวบไปกอดไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรงของบอดี้การ์ดคนโปรด ใบหน้าหล่อเหลาซุกซบลงบนลาดไหล่กว้าง พร้อมเอ่ยประโยคขอร้องที่บอสเหนือไม่คาดคิดว่าจะได้ยินมันจากปากของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

คนที่ไม่เคยร้องขออะไร ไม่เคยแสดงออกว่าต้องการอะไร แต่ตอนนี้กำลังขอร้องเขาอยู่อย่างนั้นเหรอ

“ผมขอร้องบอส... อย่าแต่งงานกับเขา อย่าแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเลยได้มั้ยครับ”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 16 - ล่มวิวาห์ (1)

    [ บทที่ 16 ]“ล่มวิวาห์ (1)”ศกุนตลาได้รับสายด่วนจากบอสเหนือว่าต้องการพบหน้าเขาโดยด่วน เพราะแบบนั้นเขาถึงต้องยกเลิกตารางชีวิตทั้งหมดเพื่อมาหานายเหนือหัวของตระกูลสินธวานนท์โดยเฉพาะ แม้จะไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายเรียกตัวเขาโดยด่วนแบบนี้มันเกิดจากอะไรกันแน่ก็ตาม“คุณศกุนตลา ทางนี้ครับ” ศกุนตลาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่มาต้อนรับตนเองก็คือหนึ่งในบอดี้การ์ดคนโปรดของบอสเหนือรู้สึกจะชื่อปราบล่ะมั้ง...“คุณเหนืออยู่ข้างในเหรอ”“ใช่ครับ บอสสั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณมาให้พาขึ้นไปหาบอสได้เลย”“ได้บอกหรือเปล่าว่าทำไมถึงเรียกพบศาโดยด่วนแบบนี้” ศกุนตลาเอ่ยถามคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า เผื่อว่าตนเองจะได้รับคำตอบที่ต้องการ“ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ รู้แค่ว่าถ้าคุณมาแล้วให้พาขึ้นไปหาบอสได้เลย”“งั้นเหรอ” คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆกับคำตอบที่น่าผิดหวัง สองขาก้าวเดินตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสนิทที่เดินนำอยู่ด้านหน้า มองจากด้านหลังยังเห็นถึงออร่าความหล่อเหลาที่แผ่กระจายออกมา ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เวลาอีกคนไปไหนมาไหนกับบอสเหนือแล้วมักจะมีสายตาจากบรรดาสาวสวยจ้องมองอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าเจ้าตัว

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 15 - พวกผมกลับมาแล้ว

    [ บทที่ 15 ]“พวกผมกลับมาแล้ว”เพล้ง!เสียงอะไรบางอย่างตกแตกดังออกมาจากห้องของเจ้านาย ทำให้ร่างสูงของโชนที่คอยเฝ้าอยู่หน้าห้องตลอดนับตั้งแต่ที่เขาสามารถพาบอสกลับมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัยรีบเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของบอสด้วยความเป็นห่วง สีหน้าและท่าทางของบอสดูไม่ดีเสียจนเขาไม่กล้าปล่อยบอสเอาไว้คนเดียว แต่จะให้เข้าไปเฝ้าในห้องก็ดูจะเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้นเขาจึงทำได้เพียงเฝ้าอยู่นอกห้องเท่านั้น“บอสครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ้มตะโกนถามเจ้านายด้วยความเป็นห่วง เขาแทบจะพังประตูห้องของบอสเข้าไปดูให้เห็นกับตาตัวเองแล้วด้วยซ้ำว่าบอสของเขาไม่ได้เป็นอะไร“บอสครับ” โชนร้องเรียกซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรกลับมาจากคนด้านใน“ถ้าบอสไม่ตอบ งั้นผมขออนุญาตเข้าไปนะครับ” โชนรั้งรอให้เจ้านายตอบกลับมาอยู่พักหนึ่ง พอไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาก็ตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูเข้าไปทันทีไม่ได้ล็อค ?บอดี้การ์ดหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เมื่อบิดกลอนประตูเข้าไปแล้วพบว่าประตูมันไม่ได้ล็อค ทั้งๆที่ปกติบอสของเขาระวังตัวเองและคอยล็อคประตูอยู่ตลอด“บอส...” ดวงตาคู่คมเบิกกว้างขึ้นน้อยๆเมื่อได้เห็นสภาพของคน

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 14 - จุดจบของคนทรยศ

    [ บทที่ 14 ]"จุดจบของคนทรยศ”“บอส... บอสครับ” แรงเขย่าเบาๆปลุกให้คนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนกว้างภายในห้องนอนขนาดใหญ่จำต้องเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นอย่างเชื่องช้า“อือ... เทียนเหรอ”“ครับ ตื่นมาทานข้าวทานยาก่อนนะครับ” เทียนเอ่ยบอกผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม“ปวดหัวจังวะ” บอสเหนือสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด นอกจากจะปวดเนื้อปวดตัวร้าวระบมไปทั้งร่างกายแล้ว เขายังรู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิดอีกต่างหาก“ครับ ดูเหมือนบอสจะมีไข้อ่อนๆด้วย” เทียนเอ่ยบอกเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิด ส่วนหนึ่งก็เพราะความเอาแต่ใจของเขากับครามที่ทำให้บอสต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้“กูไม่ได้โกรธ เลิกทำหน้าหมาหงอยสักที” บอสเหนือเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาหงอยๆของหมาเด็กข้างกายทำหน้าแบบนั้นแล้วเขาจะไปโกรธลงได้ยังไงกันล่ะ“ผมขอโทษนะครับ ส่วนหนึ่งก็เพราะความเอาแต่ใจของพวกผม”“บอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ จะโทษพวกมึงฝ่ายเดียวได้ยังไง” โทษแค่เทียนกับครามคงจะไม่ได้ เพราะเขาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่ยอมห้ามปรามแบบจริงๆจังๆ อีกทั้งยังคล้อยตามไปกับสัมผัสเร่าร้อนของพวกมันเมื่อคืนนี้ ถ้าจะโทษพวกมันก็ต้องโทษเขาด้วยที่ไม่รู้

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 13 - คนที่ไม่ควรแตะต้อง

    [ บทที่ 13 ]“คนที่ไม่ควรแตะต้อง”“อึก... เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน!” ทันทีที่เข้ามาในห้องส่วนตัว ร่างสูงกำยำของบอสเหนือก็ถูกวางลงบนเตียงนอนอย่างนุ่มนวล พร้อมกับการจู่โจมที่รวดเร็วของบอดี้การ์ดคนโปรดที่เฝ้ารอเวลานี้มานานใบหน้าของบอสหนุ่มถูกจับให้หันไปรับจูบที่ดุดัน ดิบเถื่อน และแฝงไปด้วยความเอาแต่ใจของเทียนที่บดเบียดริมฝีปากลงมาอย่างรุนแรงและเร่าร้อนราวกับจะแผดเผาร่างกายของเขาให้มอดไหม้เป็นจุล ในขณะเดียวกันครามเองก็มือไวพอๆกัน อีกคนอาศัยในตอนที่เขาถูกรสจูบของเทียนมอมเมาถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนหมดในระยะเวลาเพียงสั้นๆเท่านั้นเฮือก!กายแกร่งสะท้านเฮือกยามที่ยอดอกสีเข้มถูกดูดกลืนเข้าไปในโพรงปากของคราม เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากครางเบาๆในลำคอด้วยความเสียวซ่านเพียงเท่านั้นบอสเหนือจูบตอบกลับไปอย่างร้อนแรงและเร่าร้อนไม่แพ้กัน แผ่นอกเองก็แอ่นเข้าหาตอบรับสัมผัสจากบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่ง ลิ้นเปียกชื้นตวัดไล้เลียยอดอกข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกข้างก็ไม่ปล่อยให้ว่างเว้น มันถูกบดบี้ด้วยปลายนิ้ว สร้างความกระสันซ่านให้กับคนโดนกระทำจนต้องแอ่นหน้าอกเข้าหาอย่างเผลอไผล“อ๊า!” ทันทีที่ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ บอสเหนือก็ส่

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 12 - ชีวิตของพวกผมเป็นของบอส

    [ บทที่ 12 ]“ชีวิตของพวกผมเป็นของบอส”ภายในห้องวีไอพีที่แสนกว้างใหญ่และหรูหรากลับมีเพียงร่างสูงกำยำของนายเหนือหัวตระกูลสินธวานนท์นั่งอยู่เพียงลำพัง ในมือแกร่งปรากฏแก้วน้ำสีอำพันที่พร่องลงไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ดวงตาคมดุเย็นชาเอาแต่จับจ้องแก้วใสในมืออยู่อย่างนั้น ราวกับว่าการจ้องมองจะทำให้ของเหลวภายในแก้วลดน้อยลงชายหนุ่มเฝ้ามองของเหลวสีอำพันภายในแก้วสีใสราวกับกำลังจมลงไปในห้วงความคิดของตนเอง ทว่าเสียงฝีเท้าหนักๆที่ดังเข้ามาในระยะใกล้มากขึ้นเรื่อยๆก็ทำให้คนที่นั่งอยู่เพียงลำพังภายในห้องกว้างขวางนี้ดึงสติของตนเองกลับคืนมาได้บานประตูที่ปิดสนิทถูกเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของใครบางคนที่บอสเหนือคุ้นแคยและรู้จักเป็นอย่างดีศกุนตลา ตัวท็อปเบอร์หนึ่งที่เขามักจะเรียกมาใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คุณเหนือ” เจ้าของร่างบอบบางเอ่ยขึ้น มือข้างหนึ่งดันบานประตูให้ปิดลง ในขณะที่ขาทั้งสองข้างก็ก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยังโซฟาใกล้เคียงกัน“นั่นสินะ เราไม่ได้เจอกันมานานแค่ไหนแล้วนะ” แม้ปากจะเอ่ยพูดกับคนมาใหม่ ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา แต่ศ

  • #ความลับของบอสเหนือ (HAREM)   บทที่ 11 - อย่าแต่งงานกับเขาเลย

    [ บทที่ 11 ]“อย่าแต่งงานกับเขาเลย”“ผมขอร้องบอส... อย่าแต่งงานกับเขา อย่าแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นเลยนะครับ”บอสเหนือมองตอบสายตาคู่คมของบอดี้การ์ดหนุ่มที่จ้องมองมาด้วยสีหน้าและแววตาเว้าวอนอย่างไม่คิดจะปิดบัง น้ำเสียงที่เอ่ยออกมามันสั่นเครือเต็มไปด้วยคำขอร้องมากมายที่ส่งผ่านมาทางสีหน้าและแววตาทั้งหมด แล้วก็เป็นแววตาคู่นี้อีกเช่นกันที่ทำให้นายเหนือหัวสินธวานนท์ใจอ่อนยวบเป็นแววตาที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ในทุกๆครั้งที่ได้มองสบตาคู่นี้“กูไม่ได้บอกสักคำว่าจะแต่งกับเขา” จริงๆแล้วเขาอยากจะแกล้งลูกน้องของตัวเองอีกสักหน่อย แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าเขาไม่เคยเอาชนะสายตาคู่นี้ของรามได้เลยสักครั้งจากทึ่คิดจะแกล้งก็กลายเป็นว่าเขาใจอ่อนยวบแกล้งบอดี้การ์ดของตัวเองต่อไปไม่ลงจริงๆ“แต่บอสก็ยังมาลองชุดแต่งงานกับเขานี่ครับ” คนฟังแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว ใครมาเห็นเข้าคงยากที่จะเชื่อว่าบอดี้การ์ดตัวโตๆที่เก๊กขรึมทำหน้าเข้มอยู่ตลอดเวลาก็มีมุมน้อยอกน้อยใจเหมือนผู้หญิงแบบนี้ด้วยขนาดเขาเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเหมือนกัน“ก็แค่มาลองให้มันจบๆ แม่จะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับกูสักที” บอสเหนือตอบกลับไปเสียงเรี

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status