Masukแม่ทัพเฉินมองเด็กสาวใบหน้าหวานปานจะล่มเมือง ที่เอ่ยเชิญชวนให้เขาดื่มน้ำแกงของนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวานเขาจึงอดใจอ่อนไม่ได้ ยอมดื่มน้ำแกงของนางขณะที่อิงฮัวเดินไปด้านข้างโต๊ะที่ท่านแม่ทัพกำลังนั่งอยู่นางยกโถเทน้ำแกงลงในถ้วยเพื่อจะให้ท่านแม่ทัพดื่มนั้น นางสะดุ้มล้มนั่งลงบนตักของเขา นางตกใจตะลึงงันอยู่อย่างนั้น
ฝ่ายแม่ทัพเฉินอึ้งงันเมื่อสัมผัสถึงสะโพกอวบอั๋นบนตักหนาของเขามันอ่อนนุ่มเย้ายวนน่าสัมผัสมันนัก ทั้งสองมองตากันและกันนิ่งอยู่นาน นางเห็นแววตาสั่นไหววูบหนึ่งของเขา เมื่อแม่ทัพเฉินระลึกบางอย่างขึ้นมาได้ มือหนาจึงยกร่างอวบออกไปจากตักของเขาทันที
“อิงฮัววันหลังอย่าทำแบบนี้อีก ถ้าผู้อื่นมาเห็นจะเข้าใจผิดเอาได้ อาไม่ชอบหญิงเจ้ามารยาชอบหว่านเสน่ห์บุรุษเช่นนี้ อย่าทำแบบนี้ให้เห็นอีกนะ ” แม่ทัพเฉินดุอิงฮัว
ใบหน้าหวานสลดลงทันตา นางมิได้ตั้งใจจะหว่านเสน่ห์เขาเลย นางตั้งใจจะเอาน้ำแกงมาให้เขาจริงๆเพียงแต่นางสะดุดขาโต๊ะเท่านั้นเอง เขาก็ดุนางเสียมากมายอย่างคิดว่านางจะหว่านเสน่ห์เขาเช่นนั้น นางจึงโมโหกรุ่นขึ้นมาทันทีตอบโต้เขาไว้ว่า
“ ข้าไม่ได้คิดจะหว่านเสน่ห์ท่านอาหรอกเจ้าค่ะ หากข้าคิดจะหว่านเสน่ห์ท่านอาจริงๆ ข้าจะปั่นหัวท่านอาให้หัวหมุนหลงไหลข้าจนโงหัวไม่ขึ้นเลย ไม่ทำเพียงเท่านี้หรอกเจ้าค่ะ”
แม่ทัพเฉินซึ่งโมโหกรุ่นเช่นกันตอบโต้ออกไปทันควันอย่างไม่ได้คิดว่า
“ ทุกวันนี้ข้าก็หัวปั่นเพราะเจ้าอยู่แล้วไม่รู้หรือไง ”
อิงฮัวอึ้งงันไปทันทีจากถ้อยคำของแม่ทัพเฉิน นางมองหน้าเขาอย่างตกตะลึงฝ่ายแม่ทัพเฉินก็ตกตะลึงกับวาจาของตนเองเช่นกัน จึงเอ่ยขึ้นว่า
“ เอาละเจ้าออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว ข้าจะรีบทำงาน ” อิงฮัวสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้องหนังสือทันที นางพยายามทำดีกับเขาแท้ๆเชียวก็ถูกต่อว่าเสียมากมายอย่างกับนางเป็นหญิงแพศยาร่านรักอย่างนั้น เที่ยวหว่านเสน่ห์ให้ชายไปทั่ว ดีล่ะถ้าเขาคิดว่านางเป็นหญิงแพศยาเที่ยวหว่านเสน่ห์ให้ชายไปทั่วล่ะก็นางจะทำให้เขาเห็นเองว่าหญิงแพศยาต้องทำตัวเช่นไร
หลังจากวันนั้นอิงฮัวไม่พยายามไปยุ่งเกี่ยวกับแม่ทัพเฉินอีกนางพยายามหักใจและทำเป็นลืมว่าเขาอยู่ที่จวนเดียวกันพยายามคิดเสียว่าเขาออกไปรบที่ชายแดนเหมือนปกตินางจะได้มิต้องคิดถึงเขาอีก รองแม่ทัพซ่งอู่หลงมาชวนนางไปเดินเที่ยวชมตลาด
นางก็รับคำชวนเขาอย่างง่ายดายซึ่งรองแม่ทัพซ่งก็อดแปลกใจนิดๆที่นางเปลี่ยนไปหน่อยๆที่ปกติเขาชวนนางมักบ่ายเบี่ยงแต่ครั้งนี้นางตกลงอย่างง่ายดาย และออกไปกับเขาทันที ทั้งสองเดินเที่ยวชมข้าวของที่วางขายสองข้างทางอิงฮัวซึ่งไม่ค่อยออกมาเดินตลาดนักอดตื่นตาตื่นใจไม่ได้กับข้าวของแปลกตาหลายๆอย่าง
นางหยุดเลือกผ้าปักลายแปลกๆที่ชนพื้นเมืองนำมาวางขายเลือกมาได้สองสามผืนรองแม่ทัพซ่งควักถุงเงินออกมาจ่ายให้นางจนได้แม้นางปฏิเสธไม่รับก็ตามเขาก็ยัดเยียดมันให้คนขายจนได้ อิงฮัวเดินต่อไปนางเลือกซื้อกำไลหยกราคาไม่แพงที่ลวดลายน่ารักมาสองอันส่ง ให้ซื่อหลันหนึ่งอันและนางลองใส่เองหนึ่งจากนั้นก็เดินชมข้าวของไปเรื่อย ๆ
จนถึงร้านเครื่องแต่งกายอิงฮัวเดินเข้าไปเลือกชุดสำเร็จรูปมาสองสามชุดเพราะนางไม่ค่อยได้ซื้อหามันมานานพักใหญ่แล้ว และให้ที่ร้านนำไปส่งที่จวนแม่ทัพเฉิน
จากนั้นก็พากันเดินไปที่ร้านขายเครื่องประทินผิวอิงฮัวมาสั่งเครื่องประทินผิวที่นางเคยใช้ประจำตอนนี้นางนึกได้ว่าหมดกำลังจะหมดแล้วจึงให้เขาไปส่งให้ที่จวนแม่ทัพเช่นกัน ทั้งหมดนี้รองแม่ทัพซ่งก็แย่งจ่ายเงินอีกเช่นเดิม จนอิงฮัวเกรงใจจึงเลิกจะซื้อข้าวของก่อนเพราะไม่อยากให้เขาแย่งจ่ายเงินอีก
จากนั้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีงิ้วมาแสดงที่หน้าศาลเจ้าท้ายตลาดจึงชวนรองแม่ทัพซ่งเดินไปดูงิ้วกัน เพราะนางไม่ได้ชมการแสดงเหล่านี้มานานแล้ว ทั้งหมดจึงพากันเดินไปดูงิ้วที่หน้าศาลเจ้าท้ายตลาดกัน ทั้งหมดพากันไปนั่งดูงิ้วที่รองแม่ทัพซ่งเองก็ไม่ค่อยได้ดู วันนี้งิ้วแสดงเรื่องรักที่ต้องต่อสู่ฝ่าฟันกว่าจะสมหวังของพระเอกนางเอก
ทั้งสามซาบซึ้งใจน้ำตาไหลไปกับตัวละครในเรื่องลุ้นให้พระเอกนางเอกที่จะได้สมหวังในรักกัน จนงิ้วจบการแสดงก็ล่วงเลยเข้ายามสวี (ช่วงหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่ม) แล้วจึงพากันเดินกลับบ้าน รองแม่ทัพซ่งเดินไปส่งทั้งสองถึงในจวนแม่ทัพแล้วเขาก็ลากลับไปเพราะมืดค่ำแล้ว อิงฮัวเดินนำหน้าซื่อหลันผ่านเรือนใหญ่ของแม่ทัพเฉินเพื่อตรงไปยังเรือนเล็กของตนเองที่ด้านหลัง
แม่ทัพเฉินยืนมองอิงฮัวตั้งแต่ที่รองแม่ทัพซ่งพานางมาส่งที่หน้าจวนแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงอย่างมากที่อิงฮัวไปเที่ยวเล่นกับบุรุษกลับเสียค่ำมืดจนเลยเวลาอาหารเย็นแล้ว นางชักจะทำตัวเหลวไหลขึ้นทุกวัน เขาอยู่ที่จวนแท้ๆนางยังไม่เกรงกลัว ยังทำตัวระริกระรี้ออกไปหว่านเสน่ห์บุรุษข้างนอกอีก ไม่สนใจคำเตือนของเขาเลยด้วยซ้ำ นางอยากจะลองดีกับเขาใช่ไหม
แม่ทัพเฉินเดินออกไปเรียกนางไว้ขณะที่นางกำลังจะเดินผ่านเรือนของเขาไป
“อิงฮัวอามีเรื่องจะพูดกับเจ้าไปพบอาในห้องหนังสือ ”
แล้วเขาก็หันหลังเดินกลับไปรอนางที่ห้องหนังสือ อิงฮัวหยุดชะงักนางรำพึงมีอะไรทำไมไม่พูดตรงนี้จะเสียเวลาไปพูดที่ห้องหนังสือทำไมกัน ปกติท่านอาก็ไม่อยากจะพูดคุยกับข้าอยู่แล้ว
จากนั้นนางก็เดินตามแม่ทัพเฉินไป ซื่อหลันเดินตามไปหยุดรอด้านนอกเช่นเคย อิงฮัวเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องหนังสือนั้น แม่ทัพเฉินยืนหันหลังรอนางอยู่ที่กลางห้อง อิงฮัวเมื่อเข้าไปในห้องนั้นแล้วจึงปิดประตูลง แล้วหันไปเผชิญหน้ากับเขา
“ท่านอามีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าหรือเจ้าคะ ” แม่ทัพเฉินหันมามองหน้าอิงฮัวตรงๆ
“ เจ้าก็เคยได้ยินที่ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ชอบหญิงเจ้ามารยาเที่ยวหว่านเสน่ห์ชายไปทั่ว นอกจากเจ้าไม่ฟังที่ข้าพูดแล้ว เจ้ายังทำตัวหนักข้อขึ้นไปอีก ออกไปเที่ยวเตร่กับชายกลับเสียมืดค่ำ หญิงดีๆเขาไม่ทำตัวเช่นเจ้าหรอกนะ ”
เขาเปิดฉากต่อว่านางทันที “
อิงฮัวโมโหกรุ่นที่เขาพูดจาว่าร้ายนางจนเกินความจริง
” ข้าแค่ไปเดินตลาดและไปชมงิ้วกับท่านรองแม่ทัพซ่งและยังมีซื่อหลันไปด้วย ไม่ได้ไปกันแค่สองต่อสอง ท่านอาพูดจาให้ร้ายข้าจนเกินไปหรือไม่เจ้าคะ "
แม่ทัพเฉินโมโหหนักขึ้นที่นางเถียงเขาฉอดๆ จึงจับบ่านางสองข้างแล้วประกบจูบนางทันที อิงฮัวไม่ทันตั้งตัวที่แม่ทัพเฉินดึงนางเข้ามาจูบจึงอ้าปากร้องประท้วงเขา แต่กลับเป็นโอกาสให้แม่ทัพเฉินสอดลิ้นสากเข้าไปในปากของนางอย่างง่ายดาย เมื่อลิ้นสากนั้นได้เข้าไปชิมความหวานในปากของอิงฮัวแล้วนั้นเขารู้สึกมันซาบซ่านอย่างบอกไม่ถูกลิ้นหนาของเขาเข้าพัวพันลิ้นเล็ก
ของอิงฮัวอย่างดูดดื่มอิงฮัวก็ส่งลิ้นเล็กของนางเข้าพัวพันกับชายในดวงใจอย่างไม่ยอมกัน ทั้งสองยืนบดจูบกันอย่างเร่าร้อนความปรารถนาลึกๆที่มีต่อกันมันถูกปลดปล่อยในทันทีแม่ทัพเฉินจูบนางยาวนานเหลือเกิน
มือหนาแหวกร่องอวบนั้นออกจนเห็นเนื้อสีชมพูด้านใน เขาอดใจไม่ไหวก้มลงเลียไล้มันไปมาแล้วดึงดูดเมล็ดดอกไม้ด่านล่างนั้นอย่างรุนแรงจนมันบวมเป่งทันที เขาดูดดึงจนร่างอวบเสียวซ่านจนทนไม่ไหว โยกสะโพกอวบนั้นเข้าใส่ใบหน้าคมคายเป็นจังหวะอย่างร่านร้อนแม่ทัพเฉินก็ดูดดึงไล้เลียอย่างเอร็ดอร่อยจนกระทั่งสะโพกอวบกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที ร่างหนาเห็นดังนั้นจึงผุดลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายชุดในของเขาออกจนหมดกายแล้วชักรูดลำกายใหญ่นั้นจนมันพรักพร้อมแล้วจึงสอดใส่เข้าไปในร่องอวบอิ่มนั้นอย่างช้า ๆ แล้วหยุดเพื่อให้นางปรับตัวด้วยเขารู้ว่านางยังมิเคยชาย และเขาเองก็ปวดลำกายอย่างมากที่ร่องอวบนั้นบีบรัดเขา จนเมื่อน้ำหวานเริ่มไหลชะโลมลำกายใหญ่ของเขาอีกครั้งจนทั่วเขาจึงค่อยๆดันมันเข้าไปจนสุดทาง คนใต้ร่างหวีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด“อ๊าย อ๊ายเจ็บจังเลย เจ็บ ท่านอาข้าเจ็บ อ๊าย ”แม่ทัพเฉินจุ๊ปากเบาๆปลอบโยนนาง เขาก้มลงบดจูบนางอย่างดูดดื่มจนนางเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบนั้นเขาจึงเริ่มขยับลำกายใหญ่เข้าออกช้าๆ เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเริ่มกระแทกนางอย่างรุนแรงเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้อง ตับ ตับ ตับ ตับ เตียงหนาหนักนั้น
จนอิงฮัวแทบจะขาดใจนางจึงเอามือบางตบไหล่เขาเบาๆจนเขาปล่อยปากอวบอิ่มของนาง แล้วดันร่างของนางไปที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้วเอามือกวาดที่สิ่งที่วางอยู่บนนั้นลงไปด้านล่างอย่างไม่อินังขังขอบมัน วางร่างนางลงบนโต๊ะนั้นกดตัวนางลงไป แล้วบดจูบนางต่ออย่างเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆมือหนาบีบเค้นอกอวบด้านนอกเสื้อของนางอย่างเมามันจากนั้นมือหนาสอดเข้าไปในสาปเสื้อของนางแล้วแหวกมันออกจากกันอย่างรุนแรงจนเห็นเอี๊ยมตัวบางๆข้างในนั้น อกอวบใหญ่ของนางปรากฏเต็มสองตาของเขา เขาก้มลงอ้าปากดูดดึงผลอิงเถาที่ดุนดันออกมาอย่างเห็นได้ชัดเขาดูดดึงมันอย่างเมามันดูดมันอย่างโหยหารุนแรงจนเสื้อเอี๊ยมสีขาวตัวบางของนางเปียกเป็นวงกว้าง จากนั้นเขาปลดสายคล้องคอของนางออกจนเอี๊ยมตัวบางหลุดออกจากอกอวบนั้น เขาอ้าปากไล้เลียมันอย่างลุ่มหลงเลียจนร่างอวบแอ่นอกเข้าหาปากรุ่มร้อนของเขา นางครวญครางกระเส่า มือบางเสยเข้าไปในเส้นผมของร่างหนากดศีรษะของเขาลงมาจนชิดอกอวบนั้น เขาดูดดึงมันจนร่องอวบของอิงฮัวตอดลมเบาๆอย่างร่านร้อน“อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ท่านอาเจ้าขา อ๊าย”นางร้องครวญครางปานจะขาดใจ ร่างหนาเมื่อได้ยินเสียงครวญครางของคนใต้ร่างและเอ่ยเรียกเขาว่าท่านอ
แม่ทัพเฉินมองเด็กสาวใบหน้าหวานปานจะล่มเมือง ที่เอ่ยเชิญชวนให้เขาดื่มน้ำแกงของนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวานเขาจึงอดใจอ่อนไม่ได้ ยอมดื่มน้ำแกงของนางขณะที่อิงฮัวเดินไปด้านข้างโต๊ะที่ท่านแม่ทัพกำลังนั่งอยู่นางยกโถเทน้ำแกงลงในถ้วยเพื่อจะให้ท่านแม่ทัพดื่มนั้น นางสะดุ้มล้มนั่งลงบนตักของเขา นางตกใจตะลึงงันอยู่อย่างนั้นฝ่ายแม่ทัพเฉินอึ้งงันเมื่อสัมผัสถึงสะโพกอวบอั๋นบนตักหนาของเขามันอ่อนนุ่มเย้ายวนน่าสัมผัสมันนัก ทั้งสองมองตากันและกันนิ่งอยู่นาน นางเห็นแววตาสั่นไหววูบหนึ่งของเขา เมื่อแม่ทัพเฉินระลึกบางอย่างขึ้นมาได้ มือหนาจึงยกร่างอวบออกไปจากตักของเขาทันที“อิงฮัววันหลังอย่าทำแบบนี้อีก ถ้าผู้อื่นมาเห็นจะเข้าใจผิดเอาได้ อาไม่ชอบหญิงเจ้ามารยาชอบหว่านเสน่ห์บุรุษเช่นนี้ อย่าทำแบบนี้ให้เห็นอีกนะ ” แม่ทัพเฉินดุอิงฮัว ใบหน้าหวานสลดลงทันตา นางมิได้ตั้งใจจะหว่านเสน่ห์เขาเลย นางตั้งใจจะเอาน้ำแกงมาให้เขาจริงๆเพียงแต่นางสะดุดขาโต๊ะเท่านั้นเอง เขาก็ดุนางเสียมากมายอย่างคิดว่านางจะหว่านเสน่ห์เขาเช่นนั้น นางจึงโมโหกรุ่นขึ้นมาทันทีตอบโต้เขาไว้ว่า“ ข้าไม่ได้คิดจะหว่านเสน่ห์ท่านอาหรอกเจ้าค่ะ หากข้าคิดจะหว่านเ
หลินอิงฮัวอายุได้เพียงสิบปีบิดาก็มาด่วนจากไปเพราะการออกไปรบคราหนึ่ง ด้วยสาเหตุที่เขาพุ่งเข้าไปรับลูกธนูแทนท่านแม่ทัพเฉินอี้หรานผู้บังคับบัญชาของเขาแล้วเสียชีวิตทันที ทิ้งหลินอิงฮัวเด็กอายุสิบปีไว้ผู้เดียวนางมีบิดาเพียงผู้เดียวเพราะว่ามารดาทิ้งนางและบิดาไปตั้งแต่ยังเล็กๆนางแทบจำมารดามิได้เลยด้วยซ้ำ มีเพียงบิดาที่เลี้ยงดูนางมา แต่บิดาเป็นทหารจึงมักจะออกรบครั้งละนานๆด้วยครานั้นมีศึกมาก จะหยุดพักกลับจากชายแดนมาอยู่กับนานเป็นบางครั้งคราวเท่านั้น นางอยู่กับแม่นมที่เลี้ยงนางมาแต่อ้อนแต่ออดแต่แม่นมฉินก็มาด่วนจากไปเมื่อคราวที่นางอายุได้เพียงสิบสองปีเมื่อมาอยู่ที่จวนแม่ทัพเฉินอี้หรานแล้ว แม่ทัพเฉินก็เช่นเดียวกับบิดาของนางท่ีมักไปรบแต่ในคราหลังๆก็มักอยู่จวนเพราะการศึกน้อยลงกว่าสมัยที่บิดาของนางยังมีชีวิตอยู่ นางว้าเหว่โหยหาความรักของบิดาเมื่อแม่ทัพเฉินเข้ามารับอุปการะนาง นางก็มองแม่ทัพเฉินอย่างเช่นมองบิดาของนางที่เลี้ยงดูนางเฉกเช่นเดียวกันแต่มันกลับกลายเป็นความรักเช่นหนุ่มสาวเมื่อนางล่วงเข้าสู่วัยปักปิ่น เขาดูแลนางอย่างดีให้นางเรียกเขาว่าท่านอา เพราะสงสารที่นางกำพร้าอีกทั้งนางเป็นบุตรสาวของผ







