ログインหลังจากกลับมาจากบ้านร้าง มู่ฟ่านปิงกินข้าวเช้ากับพี่ชายของเธอแล้วเข้าห้องนอนพักผ่อนเพราะเธอรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย พี่ชายเอายาให้น้องสาวกินวันนี้คงต้องขาดงานเพราะมันจำเป็น ถ้าเถ้าแก่ไล่ออกคงต้องหางานใหม่ทำเพราะเขาเองก็ไม่สามารถทิ้งน้องสาวเอาไว้คนเดียวได้เพราะเธอเจอเรื่องเลวร้ายมากมายในคืนเดียว
มู่หยางนั่งคิดเขามีกันกับน้องสาวสองคนตั้งแต่พ่อแม่เสียชีวิตไปสองพี่น้องดิ้นรนเอาตัวรอดมาโดยตลอด มู่หยางนั่งคิดคนเดียวเรื่อยเปื่อยและคอยมองเข้าไปประตูห้องที่น้องสาวนอนพักอยู่ เขาจึงตัดสินใจเดินไปที่หลังบ้านเอาอาหารไปให้ไก่และรดน้ำผักที่หลังบ้านแทนน้องสาวทุกอย่าง ที่ดินทำบ้านที่พ่อกับแม่ทิ้งเอาไว้ให้แบ่งออกเป็นที่บ้านสองหมู่ อีกสี่หมู่พ่อกับแม่ก็ล้อมรั้วเอาไว้ให้อย่างดีที่ติดกับที่ดินของบ้านแต่สองพี่น้องใช้เพียงพื้นที่หลังบ้านปลูกผักเอาไว้กิน นอกนั้นเป็นผลไม้ที่พ่อแม่ปลูกทิ้งเอาไว้ให้ก่อนที่ท่านทั้งสองจะเสียชีวิตไป เวลาวันหยุดสองพี่น้องจะช่วยกันตัดหญ้าอยู่เป็นประจำวันนี้รอบบ่ายมู่หยางจึงคิดจะเข้าไปตัดหญ้าเสียหน่อยไหนๆก็หยุดงานแล้ว มู่ฟ่านปิงเข้าห้องนอนหลับเป็นตายด้วยความเหนื่อยหล้า แม้มื้อเที่ยงเธอก็ไม่ตื่นขึ้นมากินเพราะตอนเช้าเธอกินไปเยอะมากพอนอนไปสักพักก็ฝันเห็นเจ้าของร่างเดิมมาลาและฝากให้ช่วยดูแลพี่ชายใหญ่ด้วยและบอกว่า "เราสองคนคือคนๆเดียวกันแต่อยู่คนละภพหมดเวลาของฉันแล้ว ต่อไปเป็นเธอนะพีระดาที่ต้องรักษาสิ่งที่พ่อแม่สร้างเอาไว้ให้นำความรู้ที่ติดตัวของเธอมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ร่างกายของเราอ่อนแอส่วนเธอแข็งแรงทุกอย่าง ฉันจะไปรออยู่กับพ่อแม่ก่อนนะฝากพี่ใหญ่ด้วย" พูดจบร่างของมู่ฟ่านปิงก็ยิ้มให้พีระดาก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป ทำไมต้องเป็นเราที่ตายแค่เหนื่อยที่ต้องไปทำงานนอกสถาณที่ติดกันหลายสิบวัน พีระดาเป็นนักออกแบบเครื่องประดับของบริษัทของพ่อแม่ตัวเองตั้งแต่ที่พวกท่านเสียชีวิตมาหลายปี ออกแบบให้กับบริษัทของตัวเองเธอมีคนงานที่ไว้ใจให้ดูแลและขายตามห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง การออกแบบที่ทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มเด็กวัยรุ่นทำให้แบรนด์ของเธอติดตลาดตีตลาดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายขายในออนไลน์อีก เรียกเธอได้ว่าสาวสวยร่ำรวยเป็นอย่างมาก ปีนี้เธออายุแค่ยี่สิบแปดที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยมีเงินในธนาคารเป็นร้อยๆล้านและชอบทำบุญแต่ยังโสดไม่มีเวลาให้กับคนรักจนเขาหนีไปแต่งงานหมดแล้ว นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปสักพัก "ขนาดในชีวิตของร่างเดิมเพียงแค่สิบแปดปีเต็มจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนที่จะถึง เหอะคนสมัยนี้เขาแต่งงานกันเร็วมิน่าลูกถึงโตทันใช้ยังไม่เห็นโลกภายนอกเลยต้องมาอยู่บ้านเลี้ยงลูกอยู่บ้าน หมดกันชีวิตที่เริดหรูของเรา แล้วเราตายแล้วก็ไม่มีอะไรติดตัวมาอีกนอกจากความทรงจำของตัวเอง นี้พวกท่านจะไม่ใจร้ายไปหน่อยหรือใครจะคิดว่านิยายที่เคยอ่านไปหน่อยหนึ่งที่นางร้ายตายตั้งแต่เริ่มเรื่องพออ่านถึงตอนที่นางร้ายตายไอ้เราก็โยนทิ้งทันทีจึงไม่รู้เนื้อเรื่องของนิยายว่าเดินเรื่องไปต่อเช่นไร แต่เราดันมาตายแล้วยังเข้าร่างนางร้ายนี้อีก ข้าไม่ยอมนะพวกท่านช่างไมยุติธรรมต่อวิญญาณของสาวสวยอย่างพีระดาคนนี้บ้างเลย เงินในบัญชีของหนูและสมบัติมากมายยังไม่ได้ใช้เลยนะคะท่านยม!!!" พีระดาร้องตะโกนโวายวายในความฝันของตัวเอง "เอาละนังหนูไม่ต้องบ่นข้ามากนักหรอก สมบัติเงินทองของหนู ฉันใส่มันเข้าไปไว้ในมิติให้เธอหมดแล้วแต่มันเป็นของยุคนี้ อะไรที่เธอเคยซื้อบริจาคทุกอย่างมันก็มาในมิติของเองหมดแล้ว เอาละข้ามาบอกเธอแค่นี้ละข้าไปก่อน " พอเสียงท่านยมเงียบสักพักก็ดังขึ้นอีก " อืมเกือบลืมดูปานรูปพระจันท์ที่หลังแขนของเอ็งนังหนูนั้นคือสื่อกลางของสมบัติมิติ ของในมิติเอาออกมาใช้ไม่มีวันหมดไม่เน่าเสียและข้ายังใจดีให้เจ้าพาคนที่ไว้ใจเข้าไปได้นะและไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยหรือความลับจะมีเพียงเธอคนเดียวที่มองเห็นและเข้าได้ ถ้าเอ็งไม่อณุญาตใครก็เข้าออกไม่ได้ เอาละถึงเวลาที่เราต้องไปแล้วใช้ชีวิตให้มีความสุขจนกว่าจะสิ้นอายุไขของร่างนี้ ตอนนี้พวกเจ้าหลอมรวมกันแล้ว" ท่านยมบอกเธอก่อนจะเสียงจะหายวับไปเรียกก็ไม่ออกมาอีกพีระดาตื่นขึ้นมาเหงื่อไหลเต็มหน้า พอตั้งสติได้เธอจึงลองมองหาปานรูปพระจันท์และก็มีจริงๆด้วยเพียงแค่คิดเข้าออกตามที่ท่านยมบอกพีระดาก็เข้ามาในมิติของตัวเอง "โอ๊ะแม่จ้าสมบัติของเราจาพภพเดิมเต็มไปหมด" สมบัติส่วนตัวของเธอมีเยอะมาก ทั้งคอนโดหรูของตัวเองที่มีทุกสิ่งทุกอย่างสามห้องนอน หนึ่งห้องทำงาน แม้แต่ห้องออกกำลังกายก็มี มันก็คือบ้านหลังใหญ่ดีๆนี้เอง เพราะเธอซื้อยกชั้นแลกกับความแพงหูฉี่ แต่สำหรับพีระดาชิลๆเพราะสมบัติของแม่กับพ่อเยอะมากเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวสมบัติมากมายจึงตกเป็นของเธอเพียงคนเดียวที่พวกท่านสร้างเอาไว้ให้ก่อนที่จะเสียไ เพราะเครื่องบินตกตอนไปดูงานที่ต่างประเทศตอนที่เธอพึ่งจะเรียนจบใหม่ จึงต้องออกมาดูแลต่อจากพ่อกับแม่จนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย พอสำรวจจนพอใจแล้วจัดการอาบน้ำกินข้าวจนอิ่มแล้วจึงออกมาจากในมิติ เรื่องนี้ค่อยบอกพี่ชายทีหลังก็แล้วกันนี้เรานอนยันค่ำเลยนะเนี้ย ออกไปทำอาหารให้พี่ชายกินรอบเย็นดีกว่า มู่ฟ่านปิงคิดก่อนจะเดินออกมาจากในห้องนอนเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว ส่วนมู่หยางที่กินตอนบ่ายและแบ่งให้น้องสาวเออาไว้ตอนที่เขาเคาะห้องเรียกน้องมากินข้าวเธอบอกไม่หิวจะออกมากินเองและไม่ต้องห่วงเธอ เธอไม่คิดสั้นอย่างแน่นอนแต่อยากนอนพักเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนเลย โดนไอ้บ้าเสิ่นเฉินซานรังแกทั้งคืนตื่นมายังปากหมาด่าให้เราอีก เธอคิดด้วยความโกรธตอนเข้าห้องไปนอนพักในห้องของตัวเอง ส่วนมู่หยางเดินออกจากตัวบ้านเปิดประตูไปก็ได้ยินเสียงเรียกจากหน้าบ้านจึงเดินไปดูเห็นเสิ่นเฉินซานยืนอยู่หน้าบ้านและเอาอาหารมาให้มู่ฟ่านปิงกับยา ถามหาน้องสาวของเขาเป็นอย่างไรบ้างเขาจึงบอกว่าเธอขอนอนพักเพราะเหนื่อยและขอบใจชายหนุ่มไป เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วและชายหนุ่มก็ขอโทษเขาแล้ว ติดที่น้องสาวของเขายังโกรธมาก มู่หยางรับเอาอาหารเข้าไปไว้ในตู้กับข้าวให้น้องสาว ส่วนเสิ่นเฉินซานที่ยืนอยู่หน้าบ้านถามอะไรมู่หยางไปเรื่อยเพื่อผูกมิตร "จะทำอะไรต่อหรือ" ชายหนุ่มจึงตอบไปว่า "จะตัดหญ้าที่สวนผลไม้เพราะไม่ได้ไปทำงานจะอยู่เป็นเพื่อนฟ่านปิงทั้งวัน" มู่หยางตอบเสิ่นเฉินซานชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงขอไปช่วยงานพี่ชายของมูฟ่านปิงด้วย มู่หยางก็ไม่ขัด "อยากช่วยก็ตามมา" สองหนุ่มจึงลงมือตัดหญ้าจนค่ำมืดทั้งสองคนทุกอย่างในชีวิตของฟ่านปิงในแต่ละวันนี้ผ่านมาได้เกือบหนึ่งเดือนในการย้ายเข้ามาในเมืองและตอนดึกหลังจากที่เข้าห้องนอนกับสามีฟ่านปิงปวดท้องตอนหกทุ่มเฉินซานรีบนำรถจากบ้านหลังจากที่อุ้มเมียขึ้นรถเรียบร้อยแม่เสิ่นเตรียมของจนครบทุกอย่าง ทุกคนรู้ว่าฟ่านปิงได้ลูกแฝดเพราะท้องใหญ่มากทุกคนในครอบครัวดูแลเธอเป็นอย่างดีคุณนายเจียงซินเย่วแวะเข้าไปหาลูกสาวบุญธรรมแทบจะทุกวัน หาของบำรุงมากมายไปให้ฟ่านปิงบำรุงหลานในท้องเพราะตอนนี้กิจการของร้านขยายไปอีกหลายเมืองเพราะแบบที่บุตรสาวบุญธรรมคนนี้ให้มาและงานประกวดที่มีขึ้นสองปีได้ที่หนึ่งสองปีซ้อนสร้างความโด่งดังไปทั่วปักกิ่งจนต้องเปิดสาขาในเมืองหลวงอีกที่หนึ่งเป็นร้านที่ใหญ่โตมากเพราะลูกค้ามากมายชอบในแบบสินค้าที่ทางร้านมีแทบจะทุกแบบ แถมมีห้องลองที่ทันสมัยมีนางแบบนายแบบโฆษณาแทบจะทุกสิ้นเดือนเลือกได้ว่าช่างนี้ตัดกันมือเป็นระวิงฟ่านปิงปวดท้องอยู่สองชั่วโมงคุณหมอจึงผ่าทำคลอด เฉินซานเดินจนมารดาเวียนหัวที่ห่วงเมียจนนั่งไม่ติดมู่หยางก็เดินทางมาพร้อมกันกับจื่อเซิ้นตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์แล้วรวมทั้งพี่สาวเจียงหยู่กับคุณแม่และพี่ชายที่พากันตามหลังมาติดๆในที่สุดคุณหมอก
วันเวลาหมุนเวียนผ่านไปสองปีตอนนี้ฟ่านปิงมีลูกให้กับเฉินซานสมใจ ทีแรกจนเขาแทบจะท้อใจคิดว่าตัวเองเป็นหมั่นแท้ที่จริงฟ่านปิงกินยาคุมเอาไว้ จนตอนนี้เธอท้องได้เข้าเดือนที่เก้า ฟ่านปิงในวันที่เธอท้องได้สองเดือนที่ตื่นขึ้นมาเวียนหัวจนลุกไม่ได้สามีวิ่งไปบอกให้พี่ชายเอารถออกไปโรงพยาบาลพอรู้ว่ามู่ฟ่านปิงท้องเฉินซานทั้งยิ้มและหัวเราะมาตลอดทางเหมือนคนบ้าจนจื่อเซิ้นกับมู่หยางได้แต่ส่ายหัวให้กับน้องเขยตั้งแต่นั้นมาเขาดูแลฟ่านปิงเหมือนไข่ในหินฟ่านปิงพอคุมได้สองปีเธอจึงปล่อยให้ท้องอะไรเชื้อจะแรงมากขนาดนั้นเพราะปล่อยสามเดือนท้องเลยต้องให้รางวัลของคนขยันที่สามีของเธอขยันปั้นลูกทุกคืนจนสมใจ ก่อนที่เธอจะท้องได้พาสามีเข้ามิติและบอกเรื่องกินยาคุมกับสามีเขางอนเธอไปหลายวันคิดว่าตัวเองจะเป็นหมั่นจนจะไปตรวจที่โรงพยาบาลฟ่านปิงจึงบอกความจริงให้ฟังและนั้นคือการทำโทษของสามีที่ตั้งใจตั้งปั้นใหม่และก็สมใจเขาถึงตอนนี้ซึ่งตอนที่เธอบอกเรื่องที่มีมิติและบอกว่าได้พรมาจากท่านตาเทพตั้งแต่ที่โดนเพื่อนรักอย่างเสี่ยวชิงชิงวางยาในคืนนั้น คิดว่าตัวเองตายไปแล้วท่านตาจึงพาไปที่โลกของอนาคตข้างหน้าและให้เรียนรู้สิ่งต่างๆในโลกใบนั
ทั้งห้าคนในบ้านมู่กินมื้อเช้าด้วยความสุขพอได้บอกเรื่องที่หนักลงจากบ่า สองหนุ่มคู่รักต่างก็มีสีหน้าของความสุขที่ไม่ต้องหลบซ่อนสายจากใครในครอบครัวหลังจากนั่งพักฟ่านปิงไปล้างถ้วยในครัวและบอกให้ทุกคนพักก่อนไม่ต้องตามมาช่วยเดี๋ยวเสร็จแล้วเธอจะออกไปช่วยที่โรงเรือนที่ทุกคนตักผักเองหลังนั่งย่อยอาหารไม่นานสามหนุ่มจึงชวนกันไปตัดผักต่อ แม่เสิ่นจะไปด้วยแต่ทุกคนบอกเหลือไม่เยอะ"แม่ปักผ้าไปเลยครับไม่ต้องห่วงงานผักผมกับพี่ภรรยาทำทันอย่างแน่นอนเพิ่มคุณจื่อเซิ้นไปอีกคนไม่นานก็เสร็จแล้วครับ" ก่อนจะไปเฉินซานที่ช่วยภรรยายกถ้วยให้ภรรยาล้าง เขาสวมกอดฟ่านปิงจากทางด้านหลังด้วยความรักก่อนจะกระซิบใส่เมียรักเบาๆ"ปิงเอ๋อร์เมื่อคืนน้อนร้อนแรงมากพี่เกือบตายคาอกเมียพี่ขอแบบนี้ทุกคืนนะครับ" พูดจบเฉินซานก็ก้มลงหอมทั้งสองงแก้มซ้ายขวาบอกรักฟ่านปิงแล้วรีบไปตัดผักต่อฟ่านปิงที่ยืนนิ่งเพราะมือไม่ว่างติดล้างถ้วยอยู่ได้แต่ส่งค้อนให้สามีที่ส่งเสียงหัวเราะออกไปจากครัวด้วยความสุขออกไปจากในครัวหลังจากได้รางวัลจากสองแก้มเธอนับวันเขายิ่งทำตัวหื่นไม่เลือกสถานที่ ตั้งแต่ที่เมื่อคืนที่ตัวเธอยอมขอโทษที่พูดให้สามีได้เอาเปรียบเธอแทบจ
"ก็ไม่เป็นอะไรนี้ครับปิงเอ๋อร์พี่รับได้คนเราเลือกเกิดไม่ได้ พี่อยู่ในเมืองใหญ่ในค่ายทหารมาหลายปีหนูคิดว่าพี่จะไม่พบเจอบ้างเลยหรือครับและมันกลับเป็นเรืองที่ดีที่พี่ชายของหนูจะได้อยู่ใก้ลหนูทั้งสองคนยังไงละครับ แม่ของพี่ท่านเป็นคนในเมืองมาก่อนและมีเหตุผลท่านใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนพวกเรา ท่านต้องเข้าใจมากมากกว่าและเห็นใจพี่ภรรยาทั้งสองคนอยู่แล้วครับ แล้วหนูจะมาขอหย่าพี่เรื่องแค่นี้หรือครับเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะครับ พี่เสียใจมากนะครับปิงเอ๋อร์ที่น้องไม่เคยมองพี่ในแง่ดีขึ้นมาบ้างเลยหรือครับ พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่ผิดจนหนูโกรธพี่มากพี่จะบอกน้องตรงนี้ต่อหน้าพี่ชายของน้องว่าพี่รักหนูมากเท่าชีวิตของพี่ครับ" เฉินซานบอกภรรยารักและมองหน้าเธอด้วยความเสียใจที่ภรรยาไม่เคยใจอ่อนให้เขาเข้าร่วมและขอความคิดเห็นเลยมีแต่อยากทิ้งเขาทั้งที่ไม่เคยถามสามีสักคำก่อนเลย ฟ่านปิงมองหน้าสามีและเดินเข้าไปจับมือของสามี"หนูขอโทษที่ยังไม่ได้ถามพี่แต่หนูก็คิดไปก่อนขอบคุณพี่ที่เข้าใจพี่ชายของหนูค่ะ" ฟ่านปิงบอกสามีเฉินซานเห็นภรรยาจับมือและขอโทษที่เธอทำผิดเพราะตลอดเวลาที่แต่งงานกันมาฟ่านปิงจะไม่เคยแตะต้องตัว
ฟ่านปิงมาส่งพี่ชายทั้งสองถึงบ้านและดึงพี่ชายทั้งสองคนเข้าห้องนอนของพี่ใหญ่ก่อนจะพูดให้ทั้งสองคนฟังชัดๆเพราะตอนนี้จื่อเซิ้นกับมู่หยางยังตกใจที่ฟ่านปิงรู้เรื่องของตัวเองได้ยังไง"ไม่ต้องตกใจหรอกค่ะพี่จื่อเซิ้นหนูรู้ว่าพี่ชอบพี่ใหญ่เกินคำว่าเพื่อนรัก เพียงแต่คนที่นี้ไม่ค่อยยอมรับเรื่องชายรักชายเท่านั้นเอง แต่สำหรับหนูไม่ว่าพี่ทั้งสองคนจะเป็นแบบไหนหนูก็รับได้ค่ะพี่ไม่ต้องตกใจหนูยินดีที่พี่ทั้งสองคนจะมีความสุขด้วยกันถึงแม้คนอื่นจะไม่ยอมรับแต่จะสนใจทำไมละคะ ในเมื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้หาข้าวให้เรากินหรือมารับเลี้ยงเรานี้คะทำตัวตามที่ใจพี่ทั้งสองคนต้องการเถอะค่ะ" ฟ่านปิงบอกพี่ชายที่เธอรักทั้งสองคน "ปิงเอ๋อร์" มู่หยางพูดเสียงเบาเขาพยายามที่จะหักใจมาตลอดว่าที่ผ่านมามีเพียงจื่อเซิ้นที่คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอดตั้งแต่ขาดพ่อกับแม่เค้าต้องเป็นเสาหลักให้น้องสาว จากที่เรียนมาด้วยกันและรับเข้าไปทำงานในร้านอาหารของพ่อตัวเองตอนเรียนจบ จื่อเซิ้นต้องปกปิดตัวตนทุกอย่างเพราะกลัวว่าบิดาจะเสียใจที่เขามีใจเป็นหญิงท่านพาไปดูตัวผู้หญิงที่ไหนเขาก็ปฎิเสธและขอแลกกับการทำงานแทนการแต่งภรรยาและบอกความจริงกับบิดาไปว่
อีกสองวันต่อมาพี่ชายจื่อเซิ้นก็มาค้างที่บ้านกับพี่ใหญ่เพื่อจะตกปลากัน หลังจากที่พากันตัดผักส่งให้คนรถนำกลับไปที่ร้านสามหนุ่มจึงพากันไปนั่งตกปลาที่ริมลำธารกันตั้งแต่ตอนกินมื้อเที่ยงอิ่มแล้วฟ่านปิงมีหน้าที่ทำอาหารให้กับสามหนุ่มวันนี้เธอจึงคิดจะกินหม้อไฟชาบูดีกว่าหลายคนดี จากนั้นรอบบ่ายฟ่านปิงจึงคลุกอยู่ในครัวปรุงน้ำซุปและหั่นหมูหั่นปลา แล่กุ้งทำกุ้งแช่น้ำปลาทำน้ำจิ้มรสเด็ดหอมหอมแห้งนำมาแช่น้ำรวมทั้งเห็ดหูหนูฟ่านปิงเดินไปที่โรงเรือนหลังจากที่ทำของสดครบทุกอย่าง ลูกชิ้นเธอก็ทำเองทั้งหมูทั้งปลาและกุ้งทำให้มีจานเนื้อหลากหลายจะเอาออกมาจากในมิติก็ไม่ได้ เพราะมันยังเป็นความลับสำหรับสามีรวมทั้งแม่เสิ่นที่ตอนนี้ฟ่านปิงยังไม่อยากเปิดเผยและรู้ว่าสามมีสงสัยของใช้ของเธอบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็น แต่เขาจะไม่ถามถ้าภรรยาไม่อยากให้รู้ ฟ่านปิงก็ไม่ได้รังเกียจสามีแต่ที่ผ่านมาเขาก็ยอมรับผิดทุกอย่างและแสดงให้เห็นว่ารักเธอและทำตามที่ลั่นวาจาเอาไว้ทุกอย่าง ฟ่านปิงถามว่ารักสามีไหมสำหรับเธอก็มีใจสั่นเวลาสามีออดอ้อนเหมือนลูกน้อยในห้องนอนทุกคืนและเธอคิดว่าคงไม่ยากที่จะเปิดใจยอมรับความรักของสามีอีกไม่นานเธอเลือกเอ







