‘โคหนุ่มใหญ่กินหญ้าอ่อน’ปากก็บอกว่าไม่อยากกิน แต่ได้ชิมไปที ติดใจ! ก็ #หญ้าอ่อนขยันยั่ว ใครจะอดใจไหว กินไม่เหลือน่ะสิ #ยั่วมายั่วกลับไม่โกง! หล่อนเอื้อมมือไปด้านหลัง นิ้วมือแตะที่ตะขอ ค่อยๆ ปลดออกจนเนื้อลูกไม้ล่นขึ้นเหนือเนินอวบ จนหล่อนต้องห่อกายเข้าหากันเพราะเหน็บหนาวทั้งจากไอเย็นแล่นกระทบและจากหัวใจไร้ยางอายนี้ แต่หล่อนต้องไปต่อ ไม่มีอะไรที่จะเสียอีกแล้ว ต่อจากนี้หล่อนจะมีแต่ได้ ได้มอบสิ่งที่มีค่าสูงสุดในชีวิตให้ผู้ชายที่หล่อน ‘รัก’ เขาข้างเดียว
Lihat lebih banyakDecember 2002.
It is the time for presents - Christmas Eve. I am in Paris with family and friends. The kitchen’s buzzing with people, cooking. The family room is decorated with brightly colored lights. The gifts were over flowing under the lit Christmas tree. My favorite part of the house during Christmas time is the dining room where we sit down beside each other and enjoy the food with high spirits.
"Hey Anna. Could you pass the gravy boat please?" Stanley asks. He's my French cousin. He barely talks to me on ordinary days, but on Christmas Eve he's like Santa's little helper, always around to help with the preparations.
"Of course. Here you go, my dear little Stanley," smiling as I hand him the gravy boat. "And by dear, I mean deer, just like the ones on Santa's sled." I tease him, everyone laughed.
"Ha ha ha! Very funny, Anna Banana," Stanley sounded furious, but no one paid attention to him. "By the way, Anna, what's in your pocket?"
Everyone stayed quiet. As if waiting for something big to happen. We all knew that Stanley is a hardcore prankster. He will not stop at anything just to know everyone's weakness. I looked worriedly on my pocket. I started to reach my pocket when...
"BOO!" Stanley shouted. Everyone's startled, including myself.
Thinking that the prank was over, I reached into my pocket just to check. "Good thing there's nothing here Stanley or else I'll make you pay for it," I threatened him.
Stanley laughed. "How about your other pocket?" he asked sarcastically.
I reached in my other pocket and felt something soft and gummy. "A left-over gummy bear. Look." I took my hand out of my pocket and showed everybody.
"Ah, Anna? Are you sure it’s a gummy bear?" Aunt Rowena asked.
"Look again Anna." Stanley laughed.
"Yes. I'm sure of it. Look at it. Its sugary and gummy." I gave it a little pinch. "OH MY GOD!" I took my first glance and it was a baby lizard. I shook it off my hand and on to the floor. "You got me good Stanley." Everyone laughed at me. I'm a little embarrassed but that's not going to ruin my mood for Christmas.
Then my phone started to ring.
"Excuse me. I have to take this," I said while making my way out of the dining room. "Hello. This is Anna. How can I help you?"
"Jolly, little Anna. How are you?" Joshua, her fiancée, said on the other line.
"Hi, honey. I'm fine. How are you? Merry Christmas."
"I'm doing great. Merry Christmas, darling. I have a surprise for you."
"Really? What? What is it?" I asked. "Tell me. Tell me." I feel like a kid losing patience to see a Christmas present.
"Couldn't you wait any longer? It's supposed to be a surprise." He laughed. "Well, okay. Guess where I am."
"Well, I guess you're in New York, right?"
"Wrong!" He giggled.
"So, where are you?" I'm starting to get pissed off and I'm sure that he could tell just by my voice.
"I'm in a private plane."
"What? I thought you have a business meeting? Where are you going?" I know I sounded little angry.
"I'm going to see you. I'm going to spend a Farench Christmas with the woman I love."
"Wow! Really?"
"Yes. I feel so lonely when you're so far away. I miss you, honey."
"I miss you too. Arrive safely. I love you. Call me when you land. Okay?" I just felt the sudden urge to tell him to be safe.
"I love you too. See you soon." he answered.
คุณปูรณ์พาหล่อนก้าวเดินเข้ากระโจม ด้านในนั้นมีเตียงนอนสีขาวสะอาดตาถูกจัดเตรียมไว้ไม่ต่างจากที่หล่อนเคยเห็นตอนส่งตัวน้ำว้าเข้าหอ หมอนสองใบวางเคียงกัน บนเตียงมีกลีบกุหลาบสีชมพูตกแต่งเป็นรูปหัวใจจนทั่วทั้งห้องมีแต่กลิ่นกุหลาบ เจ้าบ่าวหล่อที่สุด ค่อยๆ วางหล่อนบนที่นอนก่อนที่เขาจะทาบทับลงมา และทำท่าจะ... “คุณปูรณ์คะ... แขกยังอยู่เลยนะคะ” หล่อนเอียงหน้าหลบจมูกโด่งที่ซุกไซ้ซอกคอ “อยู่แล้วยังไง เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวเข้าหอ ใครๆ เขาก็รู้ว่าจะทำอะไรกัน” จมูกโด่งซุกไซ้ข้างแก้ม ใบหู ไรผม ต้นคอ พร้อมริมฝีปากพูดแนบชิดจนหล่อนเริ่มหายใจติดขัด คุณปูรณ์กำลังปลุกอารมณ์หล่อน และหล่อนก็ร้อนง่ายเหลือเกิน “วันนี้เอื้อมเป็นของฉันจริงๆ แล้วนะ และฉันก็เป็นของเอื้อม เป็นของเอื้อมคนเดียวตลอดไป เข้าหอกันนะทูนหัว ไม่เช้าไม่ออก” ปูรณ์ยิ้มกับเจ้าของใบหน้าสวยที่ส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้ เพราะแปลว่าหล่อนยินยอม ริมฝีปากอุ่นจัดทาบลงบนกลีบปากบอบบางก่อนจะละเลียดปลายลิ้นเข้าชอนชิมความหวาน จากนั้นก็ไม่มีพื้นที่ใดทั่วทั้งร่างกายของเอื้อมดาวที่ร
สายตาร้อนแรงราวกับเป็นเอื้อมดาวคนละคนมองตรงไปยังกายแกร่งที่เดินไปนั่งพิงแผ่นหลังหน้าก้อนฟางอัดแน่นจนเป็นโซฟาตัวยาวบุเบาะนวมนุ่ม ดวงตาคมเข้มจ้องมองมาที่หล่อน มือก็สาวความแข็งแกร่งรอคอย เอื้อมดาวรู้หน้าที่ดี หล่อนคลานเข้าหา ลีลาไม่ต่างจากนางแมวยั่วสวาท ตาก็จองมองสิ่งนั้น สิ่งที่จะเติมเต็มความร้อนรุ่มรุนแรงของหล่อนให้บรรเทา สิ่งที่จะสอดแทรกสู่ร่างกายและทำให้หล่อนไม่ทรมาน แต่เมื่อมือน้อยๆ ไขว่คว้าได้ คุณปูรณ์กลับรั้งร่างหล่อนขึ้นมาจูบ “คุณปูรณ์ขา... ซี้ด... ขอหนูนะคะ หนูอยากได้ ซี้ด... ขอหนู... คุณปูรณ์ขา...” “อืม... ใจเย็นๆ นะเอื้อมจ๋า... ฉันยังเล็มหญ้าอ่อนไม่อิ่มเลย” เอื้อมดาวมองเขาฉงน เขาจะกินหล่อนต่อ... ยังไง และเขาก็บอกวิธีการกิน แต่หล่อนไม่กล้า แม้จะอยากจนกอหญ้าเต้นระริกคันยิบ “มาเถอะเอื้อมจ๋า... เอามาให้ฉันกิน” “มัน... เอ่อ... จะดีเหรอคะ หนู...” “เอื้อมรู้ว่ามันจะดี มาเถอะ ฉันหิว...” คำว่า ‘หิว’ มาพร้อมกับคุณปูรณ์แหงนศีรษะพาดไว้ที่เบาะนุ่ม ปลายลิ้นที่แลบออกมาส่ายร่อนอยู่เหนือริมฝีปาก
สิ่งแรกที่เห็นคือเขายิ้มกว้าง ดวงตาคมเข้มมีแววสนุกเหล่ตาไปข้างซ้ายข้างขวาคล้ายจะให้หล่อนมองตาม และสิ่งที่เห็นก็ทำให้หล่อนตื่นตะลึง มือป้องปิดริมฝีปากที่พร้อมจะเปล่งเสียงร้องไห้โฮ เพราะทั่วบริเวณคือสถานที่จัดงานแต่งงานขนาดย่อมท่ามกลางบรรยากาศของโรงนา มีเวทีขนาดเล็กอยู่สุดทางเดิน มีภาพของหล่อนกับเขาในหลากอิริยาบถประดับไปทั่ว “อยู่ที่นี่ด้วยกันนะเอื้อม อ้อมกอดนี้และหัวใจดวงนี้เป็นของเอื้อมจริงๆ” “คุณปูรณ์ล้อหนูเล่นหรือเปล่าคะ หรือหนูฝัน” เอื้อมดาวขยับยุกยิกเหมือนจะหยิกตัวเอง ทำให้ปูรณ์ยิ่งขำ เขากอดรัดร่างหอมกรุ่นแน่นขึ้น จดจมูกที่หน้าผากและเรือนผมนุ่ม อยากกอดรัดหล่อนแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน ไม่อยากให้เอื้อมดาวห่างหายไปไหน ช่วงเวลาเกือบ 1 เดือนที่มีร่างเล็กๆ นี้นอนแนบข้าง ไม่เคยมีค่ำคืนใดที่ว่างเว้น เรียกได้ว่าแค่ขอให้มีโอกาส เขาก็พร้อมจะพาเอื้อมดาวโลดแล่น และเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่หล่อนขอไปหาฟ้ารุ่งที่ร้าน เขาก็แทบจะขาดใจ แล้วเดือนหน้าหล่อนต้องไปเรียน เขาไม่ต้องตามไปเฝ้ากันเลยเหรอ เวลานี้เขารู้แล้วว่าความรักมันมีอานุภาพร้า
แม่เปิดปากเล่าเรื่องราวที่ทำให้พ่อลาออกจากงานที่ฟาร์มแล้วมาเปิดร้านวัสดุการเกษตร เพียงเพราะเพื่อนนินทาว่าพ่อเลี้ยงแม่เหมือนเมียเก็บ วันวันอยู่แต่ไร่แต่ฟาร์ม เพราะว่าแม่อายุห่างจากพ่อมาก แม่จึงร่ำร้องให้พ่อตามใจ เพราะอยากประกาศให้เพื่อนฝูงรู้กันให้ทั่วว่าแม่เป็นเมียของพ่อ เป็นเจ้าของร้านค้า โดยที่แม่ไม่คำนึงถึงความไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน “พ่อรักแม่มากเลยนะคะ” “ใช่ พ่อรักแม่มาก แต่แม่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง” “คะ...” “เพราะเอื้อมไงละ เอื้อมทำให้แม่เห็นว่าพ่อรักแม่มากแค่ไหน” เอื้อมดาวพยักหน้ารับทั้งน้ำตา “ตอนนั้นแม่เพิ่งสิบแปด ยังเด็กมาก มีลูกก็ไม่อยากจะเลี้ยงด้วยซ้ำ อยากแต่งตัวสวยๆ อยากให้คนมองอย่างชื่นชม แต่เอื้อมไม่เหมือนแม่นะ เอื้อมเป็นผู้ใหญ่กว่าแม่มาก เอื้อมเข้มแข็งและแม่มั่นใจว่าเอื้อมจะทำได้ดีกว่าแม่ ที่สำคัญคุณปูรณ์เขาไม่ได้เห็นเอื้อมเป็นเมียเก็บ เชื่อแม่” .. เอื้อมดาวกลับเข้ามาที่ฟาร์มช่วงบ่าย แต่ยังไม่ทันได้เข้าบ้านพัก คนงานก็มาบอกว่าคุณปูรณ์ให้หล่อนไปพบที่โรงนาหลังเก่าที่กำลังปรับปรุงไว้ส
แกร๊ก... ฟ้ารุ่งผินมองคนที่เปิดประตูห้องเข้ามา ก่อนจะหันไปสนใจเครื่องประทินผิวหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หล่อนต้องรีบแต่งหน้าให้เสร็จเร็วไว เพราะใกล้เวลาเปิดร้านเต็มที ทว่าคนที่เดินเข้ามาแล้วไม่พูดอะไรก็ทำให้ฟ้ารุ่งหงุดหงิด “แกจะพูดอะไรก็พูดมา ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังแกทั้งวันหรอกนะ” คำพูดห้วนจากน้ำเสียงหวานๆ ของแม่ทำให้เอื้อมดาวเม้มริมฝีปากแน่น ขอบตาร้อนผ่าว คงไม่มีวันที่จะพูดจาดีๆ กันอีกแล้ว แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมาเกือบเดือน จนแน่ใจว่าไอ้เสี่ยโบ้จะไม่มาวุ่นวายกับแม่กับหล่อนอีก คุณปูรณ์จึงอนุญาตให้แม่กลับมาดูแลร้านได้ และคุณปูรณ์ก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับแม่ เขาแค่ยั่วหล่อนเล่น แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนกับแม่ก็ยังเหมือนคนแปลกหน้ากันอยู่ดี หรืออาจเรียกได้ว่าตั้งแต่วันนั้นก็แทบเป็นคนไม่รู้จัก เพราะแม่ไม่เคยพูดกับหล่อนอีกเลย แต่หล่อนล่ะ หล่อนจะทนอยู่ในสภาพแบบนี้ได้เหรอ อยู่แบบไม่มีแม่ แม้แม่จะไม่เห็นว่าหล่อนเป็นลูก แต่แม่ก็เป็นแม่ของหล่อนเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ “แม่ยังโกรธหนูอยู่เหรอคะ” ฟ้ารุ่งชะงักมือท
เอื้อมดาวล่องลอยไปกับความปรารถนาเพราะทุกจุดสัมผัสบนร่างกายถูกจู่โจมพร้อมๆ กัน จนหล่อนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายยิ่งบดเบียดเสียดสีดอกไม้งามที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำหวานกับความแข็งแกร่งของเขา จนในที่สุด ทุกอย่างก็ถูกสอดใส่ ทั้งๆ ที่หล่อนและเขายังสวมใส่เสื้อผ้าครบ นั่นทำให้เอื้อมดาวได้อีกประสบการณ์ความเสียวที่เพียงแหวกช่องทาง ทุกอย่างก็สอดใส่เข้าหากันได้ “อ่ะ...” หล่อนชะงักร่าง เพราะสิ่งที่หล่อนนั่งทับให้สอดแทรกเข้าสู่ร่างกาย ใหญ่จนหล่อนไม่กล้าทิ้งตัวนั่งลงไปตรงๆ “เจ็บเหรอ” “ไม่ค่ะ หนู... หนูแค่ตกใจ... เอ่อ... คุณปูรณ์ใหญ่” หล่อนตอบแต่เขากลับหัวเราะ “คุณปูรณ์หัวเราะอะไรคะ” “ก็หัวเราะคนพูดตรง” “เอ่อ... ไม่ดีเหรอคะ หนู... ไม่ควรพูดเหรอคะ” “ไม่ใช่ไม่ควร ควรมากเลยละ เพราะยิ่งพูด... ฉันก็ยิ่งแข็ง” “ว้าย! คุณปูรณ์...” เอื้อมดาวผวาเพราะสิ่งที่แข็งเด้งสวนขึ้นมาพร้อมกับฝ่ามือแกร่งที่ขยับโขยกสะโพกของหล่อนเร็วรี่ จนเสียงร้องตกใจกลายเป็นเสียงครวญครางไม่ขาดปาก จากนั้นเสียงของเขาเสียงของหล่อนก็สอดประสาน เ
Komen