แชร์

บทที่ 17

ผู้เขียน: Karawek House
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-21 14:14:33

“เช่นนั้น…ตอนนี้ข้าก็ไม่ต้องแต่งให้ท่านแล้ว?”

“ถูกต้อง” สำหรับตอนนี้น่ะนะ...

เสี่ยวเซียงหรงไม่รู้ถึงความคิดนั้น เพียงได้ยินว่าไม่ต้องแต่งให้พี่ชายตรงหน้าแล้วก็ถึงกับเผลอแย้มรอยยิ้มเจิดจ้า

“โล่งอกไปที...อ๊ะ!” นางรีบยกมือน้อยๆ ขึ้นปิดปาก

กล่าวออกมาเช่นนี้...นับว่าเสียมารยาทต่อพี่ชายจวิ้นหวังจ๋างจื่อผู้นี้เกินไปหน่อยกระมัง...

เซียงหรงรีบอธิบายให้พี่ชายจวิ้นหวังจ๋างจื่อเข้าใจทันที

“พี่ชาย...ไม่ใช่ว่าท่านไม่ดีหรอกนะ ท่านคือวีรบุรุษที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือข้าในยามยาก ทั้งยังรูปงาม สูงสง่า ทั้งยัง ทั้งยังมีฐานะสูงส่ง เป็นถึงจวิ้นหวังจ๋างจื่อ ท่าน...ท่านดีไปหมดทุกอย่าง ท่านดีมากๆ ข้าเพียงไม่อยากแต่งให้ท่าน ไม่อยากเป็นภรรยาของท่าน ไม่อยากคลอดบุตรชายบุตรสาวให้ท่าน ทั้งหมดก็มีเพียงเท่านั้นจริงๆ”

ยิ่งฟังนางพูด หลี่จือหลินก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด คันยิบๆ ในอก

ต่อให้เขาไม่มีความคิดอยากบังคับจับนางแต่งงานตั้งแต่ตอนนี้ แต่จู่ๆ มีเด็กน้อยอย่างนาง มาตอกย้ำว่าไม่อยากแต่งให้บุรุษที่สตรีมากมายล้วนยินดีทอดกายให้เช่นเขา ปากชื่นชมว่าเขาวิเศษเลิศล้ำ แต่กลับไม่อยากเป็นภรรยาของเขาอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ช่างน่าหงุดหงิดมากจริงๆ

เอาเถอะ...เอาไว้นางโตกว่านี้ค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน

“ข้าจะไปส่งเจ้ากลับบ้าน ทว่าก่อนหน้านั้น...ข้ามีบางอย่างอยากให้เจ้าได้ดู” ว่าจบหลี่จือหลินก็อุ้มร่างน้องสาวตัวน้อยขึ้นพาดบ่า พานางดีดปลายเท้าขึ้นไต่หลังคา ใช้วิชาตัวเบาพานางพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

เซียงหรงไม่เคยถูกท่านจอมยุทธ์อุ้มเหาะเหินเดินอากาศเช่นนี้มาก่อน แม้แรกเริ่มจะหวาดหวั่น ทว่าเพียงได้ลืมตาขึ้นมองภาพที่บุรุษผู้นี้ทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง ประกายระยิบระยับจากแสงโคมไฟนับหมื่นนับพันก็ทำให้นางถึงกับตาพร่า

ค่ำคืนนั้น เซียงหรงจ้องมองแสงโคมไฟและผู้คนด้านล่างที่คล้ายหดร่างเหลือเพียงเล็กจ้อย จ้องมองพลุไฟที่ถูกจุกขึ้นในวังหลวง ทั้งตื่นตาตื่นใจ ทั้งประทับใจกับภาพงดงามตระการที่ไม่คาดว่าชีวิตนี้จะได้เห็นเป็นอย่างยิ่ง

-----

สิ่งที่เคลื่อนไปข้างหน้าไม่หยุดยั้งก็คือวันเวลา และวันเวลาก็เปลี่ยนให้เสี่ยวเซียงหรงในอดีตเติบโตขึ้นมาเป็นสาวงามผู้หนึ่ง...หากท่านย่าของนางยังคงมีชีวิตอยู่ ท่านย่าของนางก็คงจะกล่าวเช่นนี้ น่าเสียดายที่ท่านย่าผู้แสนดีได้ตายจากไปหลังจากที่ในจวนจัดงานฉลองวันเกิดอายุครบห้ารอบให้ท่านย่าได้เพียงเจ็ดวันเท่านั้น

เซียงหรงแตะไล้ภาพใบหน้าตนเองในกระจกโลหะ...หนึ่งในสมบัติตกทอดที่ท่านแม่เหลือทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า แล้วทอดถอนใจ

หลายปีมานี้เกิดเรื่องราวไม่น้อย...ไม่น้อยเลย...

นับตั้งแต่มารดาของนางด่วนตายจากไป ไม่กี่ปีถัดมา ท่านย่าก็มาตายจากไปอีกคนอย่างไม่ทันตั้งตัว

นางยังจำงานฉลองวันเกิดครบห้ารอบของท่านย่าในปีนั้นได้

ปีนั้นพี่หญิงใหญ่และน้องหญิงห้านำผ้าเช็ดหน้าที่นางปักให้ มามอบให้ท่านย่าเป็นของขวัญ คาดไม่ถึงว่าเพียงท่านย่ามองผ้าปักทั้งสองผืนปราดเดียวก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ หลังจากจิบน้ำชาที่สาวใช้นำมาให้จิบแก้โมโหลงไป เพียงลุกขึ้นเดินได้สองก้าวก็หมดสติ ล้มลง จากนั้นก็นอนป่วยอยู่ราวเจ็ดวัน จึงจากนางไป ทิ้งไว้เพียงจดหมายคำสั่งเสียฉบับหนึ่งที่ป้าเหลียงสาวใช้คนสนิทของท่านย่าเป็นผู้เก็บรักษาเอาไว้

เพียงท่านพ่อได้อ่านจดหมายฉบับนั้น ก็กลายเป็นหมดอาลัยตายอยาก ยามว่างเว้นจากงานราชการก็เอาแต่ร่ำสุราแล้วก็ร่ำไห้ แม้ท่านพ่อจะกล่าวว่ามีเรื่องใดในจวนก็ให้ถามบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกอย่างนาง ทว่านางในยามนั้นยังเยาว์นัก สุดท้ายด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ จึงจำต้องส่งต่อจวนเฉินกั๋วกงทั้งจวนให้ผู้หลักผู้ใหญ่อย่างอนุหาน อนุซู และอนุจาง ช่วยกันดูแลไปโดยปริยาย 

สำหรับนางในยามนั้นแล้ว การจะให้เด็กอย่างนางดูแลปกครองจวนทั้งจวนก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่เกินตัวจนเกินไป อีกทั้งยังอาจเป็นการหาเรื่องใส่ตัว สร้างศัตรูตั้งแต่อายุยังน้อยทั้งที่ยังไร้เรี่ยวแรงกำลังปกป้องตนเอง ดังนั้น ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ นางหาได้ติดใจใดใดในเรื่องนี้ทั้งนั้น...

กลับเป็นอนุหาน อนุซู และอนุจาง ที่คอยประชดประชันทะเลาะเบาะแว้งกันเองไม่เว้นวัน ทว่าอนุหาน อนุซู และอนุจางนั้น ล้วนแล้วแต่มาจากตระกูลบัณฑิต แม้มีเรื่องบาดหมางกัน ต่อหน้าท่านพ่อก็ยังยอมสงบศึก เรียกขานกันและกันเป็นพี่หญิงน้องหญิงดังเดิม เดาว่าคงไม่ต้องการให้ท่านพ่อต้องวุ่นวายใจกระมัง...

ส่วนนางและพี่ชายน้องชายในยามนั้น...ด้วยหนังสือคำสั่งเสียของท่านย่า หลานสาวที่ยังเยาว์อย่างนางจึงได้อาศัยอยู่ในเรือนของท่านย่าต่อไป มีสาวใช้ บ่าวชาย ที่พี่ชายใหญ่กล่าวว่าล้วนไว้ใจได้ คอยดูแล มีป้าเหลียงคอยชี้แนะวิธีการปกครองเรือนให้ กลายเป็นว่าเด็กน้อยอย่างนางได้มีเรือนเป็นของตนเองตั้งแต่ยังเยาว์ ทั้งยังได้ศึกษาวิธีการครองเรือนจากป้าเหลียง รวมไปถึงจากเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในเรือนและในจวน ต่างจากพี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีโอกาสเช่นนี้

ฝ่ายพี่จิ้งอี้ของนางที่เริ่มจะเติบโตขึ้นมากแล้ว ก็ถูกท่านพ่อแยกให้ไปอยู่ที่เรือนอื่นตามความเหมาะสม

แน่นอนว่าพี่จิ้งอี้ที่รักและห่วงใยนางย่อมต้องคัดค้านหัวชนฝา

ทว่าด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่ท่านพ่อกล่าวมา สุดท้ายแล้วพี่จิ้งอี้ก็จำต้องยอมโอนอ่อนผ่อนผัน โดยยื่นข้อแม้ว่า หากจำเป็นต้องแยกเรือนกับน้องสาวร่วมครรภ์มารดา ก็ขอย้ายเข้าเรือนเหลียนฮวา...เรือนหลังเก่าของท่านแม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเรือนประธาน จากนั้นพี่จิ้งอี้ก็อาศัยคำสั่งเสียจากปากของท่านย่า กล่าวว่าจะรับน้องเล็กอย่างน้องจิ้งเสียนไปอยู่ด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องให้อนุหาน อนุซู หรืออนุจาง ที่ต่างขันอาสาว่าจะช่วยรับน้องเล็กไปดูแลต้องเหน็ดเหนื่อยวุ่นวายใจ แล้วหลังจากนั้นทั้งพี่จิ้งอี้และน้องจิ้งเสียน ของนางก็คร่ำเคร่งอยู่กับการศึกษาเล่าเรียน

พี่ชายใหญ่ของนางอายุไม่เท่าไหร่ก็สามารถสอบเป็นซิ่วไฉ่ได้สำเร็จสมความตั้งใจ ดังนั้นแม้พี่ชายใหญ่มีใจคิดอยากอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงาให้นางทุกวัน ก็ต้องไปศึกษาเล่าเรียนยังสำนักศึกษา ทั้งยังต้องเตรียมตัวสอบเคอจวี่[1]ลำดับต่อๆ ไป โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ตำแหน่งจ้วงเหยวียน[2] น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วพี่ชายใหญ่ของนางก็พลาดหวัง แต่ก็ยังได้เป็นถึงทั่นฮวา...บัณฑิตที่สอบจิ้นซื่อได้เป็นลำดับที่สามในแผ่นดินเทียนจิน นับว่ามีหน้ามีตาไม่น้อย น้องเล็กจิ้งเสียนของนางเองก็เดินตามรอยพี่ชายใหญ่ สอบได้เป็นซิ่วไฉ่ตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นกัน นับว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของจวนเฉินกั๋วกงเราโดยแท้

น่าเสียดายที่นางซึ่งเป็นสตรีไม่อาจสอบเข้ารับราชการเช่นพวกเขาเหล่าบุรุษ หนำซ้ำ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในงานเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ท่านพ่อก็สั่งห้ามนางก้าวขาออกจากจวนแม้เพียงครึ่งก้าว นางจึงได้แต่เฝ้ามองพี่หญิงน้องหญิงออกไปเที่ยวเล่น ออกไปร่วมงานพบปะพูดคุยต่างๆ ร่วมกับอนุหาน อนุซู และอนุจาง ทั้งยังได้ออกไปศึกษาเล่าเรียนในสำนักศึกษากลาง ซึ่งสำนักราชบัณฑิตเทียนจินก่อตั้งขึ้นโดยได้รับความอุปถัมภ์จากราชวงศ์สกุลหลี่ เพื่อให้ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศได้เข้ารับการศึกษาโดยไม่แบ่งแยกหญิงชายและชาติกำเนิด

พี่หญิงน้องหญิงได้เข้าเรียนในสำนักศึกษาอันยิ่งใหญ่ ทว่านางที่มีความผิดติดตัว กลับได้แต่ศึกษาเล่าเรียนอยู่ในเรือน ผู้ที่มาสอนสั่งก็ล้วนเป็นท่านอาจารย์ชายและอาจารย์หญิงสูงวัยซึ่งท่านป้าสะใภ้ของนางจัดหามาให้ทั้งสิ้น

ถูกแล้ว...ท่านพ่อของนางทั้งไม่เคยมาพบหน้าและไม่เคยเรียกนางไปพบ อีกทั้งยังปล่อยให้ท่านป้าสะใภ้ซึ่งนับว่าเป็นคนนอกจัดการเรื่องของนางเอาตามใจ ราวกับว่าท่านพ่อในยามนี้จะลืมเลือนบุตรสาวที่ไม่อาจพาไปออกหน้าออกตาอย่างนางไปแล้ว...

ก็น่าอยู่หรอก...

ที่จริงแล้ว เรื่องในงานเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น สร้างความวุ่นวายให้จวนเฉินกั๋วกงของพวกเราไม่น้อย ทั้งยังก่อให้เกิดข่าวเล่าลือว่าคุณหนูสามของจวนเฉินกั๋วกงถูกบุรุษลักพาตัวไปกระทำย่ำยี พรากชิงความบริสุทธิ์ทั้งที่ยังเยาว์

นางไม่รู้ว่าเกิดข่าวเล่าลือไร้เหตุผลเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร เดาว่าอาจเป็นเพราะคืนนั้น หลังจากที่รู้ว่านางหายตัวไป บิดาก็เกณฑ์คนทั้งจวนออกตามหาตัวนางในงานเทศกาลกันให้วุ่น ทว่าหลังตามหาตัวนางอยู่นานกลับมีบ่าวไปแจ้งข่าวกลางงานเทศกาลด้วยเสียงอันดังว่า

“คุณหนูสาม เฉินเซียงหรง กลับมาถึงเรือนแล้ว มีบุรุษผู้หนึ่งอุ้มร่างที่ไร้สติของนางกลับมาส่ง ก่อนจะหลบหนีไป!”

[1] คือการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการ การสอบทั้งหมดแบ่งเป็นสามรอบ ขั้นแรกคือการสอบคัดเลือกซิ่วไฉ่ ขั้นที่สองคือการสอบคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติให้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นจวี่เหริน และรอบสุดท้ายคือการสอบเพื่อเป็นจิ้นซื่อ ซึ่งจะเป็นผู้ที่จะได้รับคัดเลือกเข้ารับราชการ

[2] ผู้สอบได้อันดับหนึ่งของแผ่นดิน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 111

    ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 110

    “ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 109

    หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 108

    “หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 107

    ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั

  • ภรรยาห้าอีแปะ   บทที่ 106

    หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status