ขณะนี้เป็นเวลาเกือบ ๆ เจ็ดโมงเช้า เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบของห้องนอน จึงส่งผลให้หญิงสาวที่ขดตัวอยู่บนเตียงนอนจำต้องขยับเขยื้อนร่างกายเล็กน้อยเพื่อเอื้อมมือไปปิดเสียงนั้น เพราะมีเสียงรบกวนนั้นดังมาจากบริเวณโต๊ะข้างหัวเตียงถ้ายังปล่อยให้ดังต่อไป เธอนอนต่อไม่ได้แน่
เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกเงียบลง เธอก็มุดตัวนอนอยู่ใต้ผ้าห่มต่อ
ด้วยความขี้เซาจึงทำให้ พายอาร์ เลือกที่จะหลับตานอนต่อโดยลืมไปว่าตัวเองจะไปตามนัดของเพื่อนสายได้ถ้ายังไม่ลุกขึ้นอาบน้ำตอนนี้ เธอยังนอนอย่างมีความสุขต่อไป แต่ทว่าอยู่ ๆ เสียงสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ครั้งนี้พายอาร์เริ่มที่จะหมดความอดทน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพื่อที่จะได้ต่อว่าได้ถูกคน ก่อนจะเห็นเต็มสองตาว่าต้นสายคือผู้เป็นแม่ จึงจำเป็นที่จะต้องตื่นขึ้นมารับสายอย่างปฏิเสธไม่ได้
“ว่าไงคะแม่...” น้ำเสียงงัวเงียของหญิงสาวร่างบางถามขึ้นด้วยความสงสัยว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้แม่โทรมาหาเธอได้แต่เช้าตรู่ขนาดนี้ ก่อนจะค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่ง เพื่อหวังให้ตัวเองตื่นตัวเสียที
[พาย ตื่นหรือยังลูก?] เสียงอ่อนโยนถามออกมาจากโทรศัพท์
“ตื่นพอดีค่ะแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงได้โทรมาหาพายเช้าขนาดนี้” หญิงสาวพยายามทำเสียงให้สดชื่นขึ้นเมื่อต้องคุยกับแม่
[แม่จะโทรมาบอกพายว่าวันพรุ่งนี้บ้านเรามีนัดทานข้าวกับผู้ใหญ่ช่วงเช้าน่ะลูก พายน่าจะว่างใช่ไหมลูก?] น้ำเสียงที่ถามมาเหมือนจะดูอ่อนโยนตามแบบฉบับคนเป็นแม่ แต่มีความกดดันอยู่ในนั้นด้วย
“จริง ๆ ก็น่าจะไม่ค่อยว่างนะคะแม่ พายกำลังจะยื่นเรื่องฝึกงาน ก็เลยมีหลายอย่างที่ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยน่ะค่ะ” พายอาร์เลือกที่จะปฏิเสธนัดในครั้งนี้อย่างไม่ลังเล เพราะเธอเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าการนัดทานข้าวแต่ละครั้งของผู้เป็นแม่ มักจะทำให้เธอหัวเสียแทบทุกครั้งเลยก็ว่าได้
[แวะมาแค่แป๊บเดียวเอง ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมายขนาดนั้นสักหน่อย อีกอย่างแม่รับปากผู้ใหญ่อีกฝั่งไว้แล้วด้วยว่าจะพาลูกไป จะให้เสียหน้าไม่ได้หรอกนะลูก] แม่ยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมต่อ
“ก็คือ...ยังไงพายก็ต้องไปใช่ไหมคะ?” พายอาร์คิดสักครู่แล้วถามออกไป เผื่อว่าจะมีทางเลี่ยงบ้าง
[ก็ใช่นั่นแหละ ทำเพื่อแม่หน่อยได้ไหม? นะพายนะลูก]
“ก็ได้ค่ะ งั้นไว้พรุ่งนี้ตอนเช้าเจอกันนะคะ” พายอาร์ตอบตกลงกลับไปที่จะไปพบแม่ที่บ้านใหญ่อยู่อีกฟากหนึ่งของกรุงเทพ เพราะตอนนี้เธอแยกออกมาอยู่คนเดียวที่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัยแทนเพื่อความสะดวก
[แม่ส่งแผนที่ไปให้ทางไลน์ แม่รอเจอลูกนะ] เสียงของแม่สดใสขึ้นมาทันทีที่ได้รับคำตอบที่ถูกใจจากลูกสาว
“ค่ะแม่” พายอาร์ตอบรับแม่ ก่อนจะตัดสายไป แล้วโยนโทรศัพท์ไปที่โต๊ะข้างเตียงอย่างไม่ไยดี
พายอาร์นั่งถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัด ใจจริงเธอเองก็ไม่ได้อยากไป แต่ด้วยความแม่บังคับและเธอเองก็ไม่อยากโต้เถียงไปมา เพราะรู้ดีว่าต่อให้เถียงไปก็เสียแรงเปล่า สุดท้ายไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องตามใจพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิดเหมือนอย่างที่ผ่านมา
หลังจากที่ได้คุยกับแม่ พายอาร์ก็หลับต่อไม่ลง เธอลุกออกมาจากเตียงนอน แล้วอาบน้ำแต่งตัว เตรียมจะออกไปพบปะกับเพื่อนสาวคนสนิทอย่างพราวมุกตามที่ได้นัดหมายกันเอาไว้ล่วงหน้าเมื่อวานนี้
ตอนพิเศษ 2 5 ปีผ่านไปตอนนี้สถานการณ์ครอบครัวของหลี่เหมยก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และตอนนี้ลูกฝาแฝดของเธออย่างหยางกวนโม่กับหยางเสี่ยวเหมยก็อายุครบห้าขวบในวันนี้ ดังนั้นวันนี้ที่บ้านตระกูลหยางจึงครึกครื้นมากเป็นพิเศษ เพราะสมาชิกทั้งสองครอบครัวลงไปจัดเตรียมสถานที่ตั้งแต่เช้ามืด แขกที่มาก็จะเป็นทั้งญาติพี่น้อง และคู่ค้าที่มีสัมพันธ์อันดีแต่ในห้องนอนของหยางอี้ข่ายนั้นมีแสงส่องผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามาเล็กน้อย และในห้องนั้นก็กำลังร้อนระอุกับบทรักยามเช้าที่สามีกำลังมอบให้ภรรยา“อา....เสียวมากครับอาเหมย ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปน้องก็ทำให้มีความสุขทุกครั้ง” หยางอี้ข่ายถึงกับแหงนหน้าครางออกมาอย่างสุขสม“ฮึก...ฉันก็เสียวและมีความสุขค่ะ แต่พี่ต้องทำเวลาหน่อยนะ ตอนนี้ทุกคนตื่นแล้ว ซี้ดดด!” หลี่เหมยที่ตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่าหันก้นให้สามีอัดกระแทกแก่นกายเข้าในร่องเสียว เธอครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อตอนนี้สะโพกหนากระแทกใส่เธอไม่ยั้งตับ ๆ ตับ ๆ ตับ ๆ“โอ้ววว พี่ก็พยายามอยู่ แต่พี่อยากมีความสุขกับอาเหมยนาน ๆ พี่รักอาเหมยที่สุด จุ๊บ!”ชายหนุ่มที่แหงนหน้าครางได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งจับเอ
ตอนพิเศษ 1 ตั้งแต่ที่รู้ว่าหลี่เหมยตั้งท้อง นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนจนเกือบจะคลอดอยู่แล้ว ทว่าทุกคนกลับดูแลเธอไม่ต่างจากตอนท้องสองเดือน จนหญิงสาวต้องบ่นออกมาว่าเธอแค่ท้องไม่ได้ป่วยสักหน่อย แล้วคุณหมอก็บอกแล้วว่าท้องนี้ของเธอแข็งแรงดีแม้ว่าจะท้องแฝดก็ตาม “อาเหมยเป็นอย่างไรบ้าง พี่ไม่อยากไปทำงานเลย”หยางอี้ข่ายรีบบอก พร้อมกับมีสีหน้าออดอ้อนภรรยา จนโม่ซือเจินต้องเบะปากใส่ลูกชายที่เสแสร้งจนเกินหน้าเกินตา“ฉันก็เหมือนเดิม วันนี้พี่มีประชุมสำคัญของสมาคมการค้า พี่อย่ามางอแงเหมือนเด็กเลยนะ งานนี้สำคัญนะคะ”หญิงสาวอยากจะขำกับท่าทางของเขา แต่ก็ไม่อยากหักหน้าสามีต่อหน้าคนรับใช้หยางอี้ข่ายถอนหายใจ หากวันนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเขาคงไม่ไปหรอก เพราะภรรยากำลังอยู่ในช่วงใกล้คลอด“ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ”“พ่อถามหน่อยเถอะ คุณชายแห่งตระกูลหยางผู้เหี้ยมโหดไปไหนแล้ว ทำไมพ่อเห็นแค่แมวน้อยเท่านั้นล่ะ” นายท่านหยางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อลูกชาย“โธ่ พ่อครับ ผมก็แค่คนที่รักลูกรักภรรยา งานก็ส่วนงานสิครับ หากมีคนมารังแก ผมก็พร้อมที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”ชายหนุ่มไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร
บทที่ 26 หยางอี้ข่ายเดินเข้ามาหาหลี่เหมยที่นั่งอยู่บนเตียง เขายิ้มให้อย่างอ่อนหวาน พร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ เจ้าสาว“ขอโทษนะครับที่พี่เข้ามาช้า พอดีมีแขกดึงไว้น่ะ” เขาพูดขึ้นและหอมแก้มเธอเบา ๆ“ฉันก็นึกว่าพี่จะปล่อยให้ฉันนอนหนาวอยู่คนเดียวในคืนเข้าหอซะอีก” หญิงสาวพูดอย่างหยอกล้อ และเริ่มมือไม้ซุกซนถอดเสื้อตัวนอกของเขาออก “ไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ”“พี่จะปล่อยให้คืนแต่งงานของเราไร้ความหมายได้อย่างไร ส่วนเรื่องอาบน้ำ เอาไว้อาบทีหลังได้ไหมครับ ตอนนี้ยังไม่มีเหงื่อเลยสักนิด เดี๋ยวเรามาเข้าหอกันดีกว่า” ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมกับเริ่มถอดเสื้อผ้าให้เธอทีละชิ้นเหมือนกำลังแกะกล่องของขวัญ“พูดแล้วก็ทำให้พี่คิดถึงคืนนั้น ที่เรามีอะไรกันครั้งแรก พี่อยากมีความรู้สึกแบบนั้นอีกจังเลย พี่ชอบมากที่ปากน้อย ๆ นี้สัมผัสกับแก่นกายของพี่ ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับพี่มาก่อน พี่ขอแบบนั้นอีกได้ไหมครับ”หยางอี้ข่ายพูดอย่างอ่อนหวาน เขาจูบลงที่ริมฝีปากบางในตอนที่พูดถึงปากของเธอ“งั้นถ้าฉันทำให้พี่ พี่ก็ต้องทำให้ฉันด้วยนะคะ เหมือนวันนั้น” หญิงสาวตอบกลับอย่างเขินอาย เมื่อคิดถึงคืนแรกของทั้งสองคน“ได้สิ เรามามีความสุขด้วยกันนะ”
บทที่ 25 หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยรีบห้ามซือถัวทันที“เธออย่าเห็นแก่ได้ไปหน่อยเลยซือถัว ก่อนหน้านี้บ้านใหญ่เคยให้อะไรกับบ้านรองบ้างล่ะ ตอนที่แยกบ้านและตัดขาดกัน บ้านรองแทบไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แม้ว่าตอนนี้ครอบครัวของหลี่กวงจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง แต่บ้านหลังนี้ก็ยังเป็นของเขาอยู่ และเขาจะให้ของในบ้านกับใคร หรือไม่ให้ใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของหลี่กวง เธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”“นี่มันเรื่องในครอบครัวของตระกูลหลี่ หัวหน้าหมู่บ้านนั่นแหละที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนี้ ฉันพูดกับน้องชายของสามี ไม่ได้พูดกับหัวหน้าหมู่บ้านสักหน่อย” เธอหันกลับมาตวาดใส่หัวหน้าหมู่บ้านอย่างโมโห และรู้สึกไม่พอใจที่หัวหน้าหมู่บ้านเข้ามายุ่งในเรื่องนี้แต่ในขณะนั้นเอง ลูกชายคนโตของซือถัวก็เดินเข้ามาด้วยความโมโห พร้อมกับพูดกับแม่อย่างฉุนเฉียวว่า“ผมบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าให้เลิกยุ่ง และวุ่นวายกับบ้านอารองเสียที ในเมื่อแม่ไม่เชื่อฟังผม และยังเห็นแก่ตัวอยู่แบบนี้ เห็นทีผมต้องแยกบ้านเสียแล้วล่ะ”พอเห็นว่าลูกชายพูดด้วยอาการโกรธจัด ท่าทีของซือถัว ก็สงบลง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ กับเขา“แม่ก็แค่อยากได้เครื่องเรือน และข้าวขอ
บทที่ 24 นายท่านหยางเห็นว่าครอบครัวของลูกสะใภ้ยังมีความเกรงใจตัวเอง และยังเรียกนายท่านอยู่จึงได้เอ่ยปากบอกออกมา“ไม่ต้องเรียกฉันว่านายท่านหรอก เราคนกันเองทั้งนั้นต่อจากนี้เรียกฉันว่าพี่หยางตงเถอะ”“เธอก็เหมือนกัน ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณนาย ต่อไปก็เรียกว่าพี่ซือเจิน เราสองครอบครัวตอนนี้เกี่ยวดองกันแล้ว”โม่ซือเจินพูดขึ้นมาบ้าง“ครับ / ค่ะ” ทั้งสองตอบรับอย่างยินดีเหมือนกัน ไม่คิดว่าคนยิ่งใหญ่อย่างนายท่านหยางจะไม่ถือตัวกับชาวบ้านแบบตนเอง“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ฉันจะพาเธอไปในเมืองเพื่อไปเลือกดูเสื้อผ้าและของใช้ในงานแต่งงาน เธออยากจะจัดงานที่ไหนเหรอ”โม่ซือเจินถามความคิดเห็น“ฉันอยากจะย้ายบ้านก่อนน่ะค่ะ ตอนนี้พ่อสามีให้บ้านมาแล้ว เลยตั้งใจว่าจะไปดูในวันพรุ่งนี้ เพื่อจะได้เตรียมงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า”หลี่เหมยตอบเอง เธอต้องการทำอย่างที่พูดก่อน ส่วนเรื่องจะเชิญใครไปงานแต่งงานนั้นค่อยว่ากัน หรือไม่ก็ค่อยเลี้ยงคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเธอ“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ อาเหมยก็ค่อยไปดูบ้านกับทุกคนก็แล้วกันว่าชอบหรือเปล่า หากไม่ชอบพ่อจะได้เปลี่ยนหลังใหม่ให้ แล้วจะได้ย้ายทะเบียนบ้านทุกคนเ
บทที่ 23 ครึ่งเดือนต่อมา...แม้ว่าจะผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แต่ตอนนี้ในหมู่บ้านก็ยังพูดคุยเรื่องของถังชุนเป้ยอยู่ เนื่องจากการกระทำของเธอมันโหดร้ายจนเกินไป แต่ก็ไม่มีใครไปโกรธหรือเกลียดคนบ้านถัง นั่นเพราะว่าทุกคนแยกแยะออก และรู้ว่าคนบ้านถังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้และที่ทุกคนแปลกใจก็เพราะว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ตัวของหร่วนเจินฮ่าวโดนคำสั่งย้ายอย่างกะทันหัน และเห็นว่าเงินเดือนที่ได้จากกองพลน้อยถูกสั่งหักไว้เพื่อชำระหนี้ให้กับหลี่กวงตามสัญญาที่เคยทำไว้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านไม่ต่างกันวันนี้หลี่เหมยตั้งใจจะเข้าเมือง เพราะอยากไปดูที่โรงขยะว่ามีสิ่งของน่าสนใจหรือไม่ อีกอย่างเธอได้ยินสามีพูดว่า พ่อกับแม่สามีใกล้จะกลับมาแล้ว เธอจึงอยากจะหาของเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าในระบบออกมาซึ่งในระบบพอมีเครื่องประดับบางอย่างที่ไม่ผิดกฎหมายในยุคนี้ ส่วนพ่อสามีก็คงจะให้เป็นนาฬิกาข้อมือ ที่หาไม่ได้จากในยุคนี้เหมือนกัน‘เจ้านาย ภาพวาดนั้นมีค่ามาก เจ้านายซื้อเก็บไว้ก่อนเถอะในอนาคต ซื้อขายเป็นร้อยล้านหยวนกันเลยนะ’ลี่ลี่รีบส่งเสียงบอกเมื่อเห็นภาพวาดโบราณที่แทบจะประเมินค่าไม่ได้ แต่ในยุคนี้นั้