ในคาบ
ทุกคนต่างนั่งคุยกับเพื่อนตัวเองตามปกติก่อนที่อาจารย์จะเข้ามา “เจสสิก้า!” อยู่ๆก็มีเสียงเรียกชื่อเธอขึ้นด้วยนํ้าเสียงดุดัน ทุกคนในห้องรวมถึงตัวเธอเองได้หันไปมองตามเสียง เสียงที่ได้ยินนั้นมาจากอาจารย์คนนึงที่เดินเข้ามายืนหน้าห้องพร้อมกับมองมาที่เจสด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ เจสมองอาจารย์ผู้ยืนเรียกเธอด้วยนํ้าเสียงอันแข็งกระด้างอยู่สักพักก่อนจะสวนตอบ “อาจารย์มีอะไรคะ?” “เธอยังมีหน้ามาถามอีก ดูสิ่งที่เธอทำกับเพื่อนสิ!” หลังอาจารย์พูดเสร็จก็มีหญิงสาวนํ้าตาคลอแล้วจับหน้าตัวเองเดินเข้ามายืนข้างๆครูพร้อมกับก้มหน้าลงสะอื้นเบาๆ ทุกคนในห้องต่างมองไปที่หน้าเด็กหญิงคนนั้นที่พวงแก้มแดงชํ้าไปด้วยรอยนิ้วมือ “นั่นมันยัยวิวนิ?“ ”คงจะไปฟ้องครูเรื่องตอนกลางวันล่ะสิ” ทั้งนักศึกษาชายและหญิงต่างซุบซิบนินทาวิว “นักศึกษาทุกคนเงียบค่ะ!!และเธอ เจส!ตามฉันมาที่ห้องผ.อ” อาจารย์พูดเสร็จแล้วเดินออกไปพร้อมกับวิว เจสมองตามหลังทั้งสองสักพักก่อนจะลุกขึ้นและเดินตามไป ห้องผ.อ เอี๊ยด~ เมื่อเจสเปิดประตูเข้ามาทุกคนในห้องก็ต่างจ้องมองมาที่เธอ เจสมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสักพักก่อนจะปิดประตูและเดินเข้าไปข้างใน เธอเดินไปนั่งบนเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะผ.ออย่างเคยชิน “ไม่มีมารยาท!” อาจารย์ที่ยืนอยู่ข้างๆพร้อมกับวิวเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง เจสเงยมองตามเสียงและมองหน้าครูสายตาเรียบนิ่ง “เจส..อย่ามองอาจารย์แบบนั้นสิ อาจารย์พูดก็ลุกมาเถอะ..” วิวที่ยืนอยู่ข้างๆแทรกขึ้นด้วยนํ้าเสียงอันแสนอ่อนโยน เจสไม่ได้สนใจอะไรทั้งสองและหันกลับมาทางผ.อก่อนจะยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างก่อนขะเอ่ยปากพูดพร้อมกับมองเล็บตัวเองเล่น “พูดมาเลยดีกว่าค่ะ” “นิ!ยัยเด____” ครูที่พูดด้วยใบหน้าโมโหอยู่นิดๆแต่ยังไม่ทันได้สิ้นบทพูดก็ถูกเสียงแทรกจากผ.อดังเข้ามาพูดตัดไปก่อน “เอาเถอะ อาจารย์หม่า เรามาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่าเพื่อที่จะไม่เป็นการเสียเวลา” สีหน้าอาจารย์ดูเหมือนจะหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดหลังได้ยินผู้เป็นผ.อพูดขึ้นแบบนั้น มือเหี่ยวกำแน่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากฟังและกัดฟันตอบรับ “ค่ะ!” “เอาหล่ะ! เจส ฉันได้ยินมาว่าเธอตบเพื่อนใช่มั้ย?” ผ.อมองหน้าเจสและถาม เจสไม่รีรออะไรหลังจากที่ได้ยินคำถามเธอก็ได้ตอบทันทีเสียงเรียบ “ใช่ค่ะ” ก็เธอทำจริงๆนี่ จะให้นั่งร้องไห้ฟูมฟายปฏิเสธว่าเจสไม่ได้ตั้งใจนะคะผ.อขางี้หรอ มันไม่ใช่เธอเลยสักนิด “เห็นมั้ยคะผ.อ ว่านางสาวเจสสิก้าทำร้ายเพื่อน!” อาจารย์ผู้ยืนอยู่รีบแทรกซํ้าทันที ปั้ง!!! !!! สองคนที่ยืนอยู่ถึงกับต้องสดุ้งตกใจเมื่อผ.อทุบโต๊ะเข้าด้วยแรงจนเกิดเสียงกระแทกดังสนั่นพร้อมมองไปที่อาจารย์หม่าตาเขียว “ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอพูด!” อาจารย์หม่ารีบก้มหน้าลงแล้วกล่าวขอโทษทันที “ขอโทษค่ะผ.อ…” ผ.อหันกลับมาทางเจสก่อนสั่งเธอเสียงเรียบ “เจส ครั้งนี้เธอผิด ขอโทษเพื่อนซะ!” เจสสิก้าผละขาที่ไขว่ห้างลงก่อนจะเอามือวางบนโต๊ะแล้วประชันหน้ากับผ.อด้วยแววตาไร้ซึ่งการเกร็งกลัวไดๆทั้งสิ้น “ไม่ค่ะ” ผ.อถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความหัวแข็งของเด็กคนนี้ “เจส” เสียงเรียบกล่างเรียกเธอขึ้นอีกครั้งดั่งว่าเป็นการเตือน ถึงจะยังไงก็เถอะใบหน้าของเจสยังคงนั้นบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเธอไม่มีทางที่จะเอ่ยปากพูดคำขอโทษเด็ดขาด “ม…ไม่เป็นไรค่ะผ.อ ถ้าเจสเค้าไม่อยากขอโทษก็ช่างเค้าเถอะค่ะ วิวให้โอกาสเพื่อนได้..” วิวจับมือตัวเองแน่นและก้มหน้าพูดด้วยถ้อยเสียงอ่อนหวานปนน่าสงสาร นำพาผ.อเงยหน้ามองเธอพร้อมตัดบทให้สิ้นเรื่อง “ถ้านางสาววิวเธอโอเคงั้นจบแค่นี้ละกัน” เมื่อได้ยินผ.อพูดแบบนั้นทั้งวิวและอาจารย์หม่าต่างสตั้น “ได้ยังไงคะผ.อ!!” อาจารย์หม่ากำมือแน่นพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจเลยแม้แต่น้อยแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ “เอาล่ะ เธอมีอะไรจะพูดมั้ยเจส ถ้าไม่มีก็แยกย้ายกันได้แล้ว” ผ.อทำเป็นไม่สนใจคำพูดของอาจารย์หม่าแล้วหันมาถามเจส “ไม่มีค่ะ งั้นไม่มีไรแล้วหนูขอตัวนะคะ” เจสสิก้าพูดเสร็จก็ลุกขึ้นแต่ก่อนที่เธอจะเดินออกไปนั้น ไม่ลืมที่จะหันไปเหลือบตามองทางสองคนที่ยืนกัดฟันอยู่และยิ้มมุมปากเยาะเย้ยเบาๆโดยที่สองคนทำอะไรเธอไม่ได้นอกจากยืนกำหมัด ด้านนอก “หึ… คิดจะมาปะทะกับเจสสิก้างั้นสิ รอให้แกตายเกิดใหม่ก่อนเถอะ” รอยยิ้มของผู้ชนะบ่งบอกอย่างชัดเจนบนไบหน้าเธอ เจสสิก้าเดินไปพร้อมกับยิ้มสะใจ พึมพำอยู่คนเดียว แต่เธอก็ต้องถูกขัดจังหวะ เมื่ออยู่ดีๆหัวของเธอก็ไปชนกับอกแกร่งของใครบางคน “โอ๊ะ!!“ คนสวยร้องอุทานพร้อมกับเงยมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ สิ่งที่เธอเห็นคือชายร่างสูงยืนอยู่ตรงหน้า แล้วเมื่อเทียบกับชายตรงหน้าแล้วเธอตัวเท่าหน้าอกเค้าเท่านั้น จนต้องเงยหน้ามอง ชายร่างสูงก้มลงมามองเธอก่อนจะยกยิ้มกล่าวถามเสียงละมุน “เจ็บรึเปล่าครับเนี่ย พี่ขอโทษนะ” ใบหน้ารู้สึกผิดแสดงอยู่บนใบหน้าหล่ออย่างเห็นได้ชัด “เจ็บสิ!!ชนมาขนาดนี้!” มือเล็กๆยกขึ้นมาถูหน้าผากตัวเองที่ชนเข้าอย่างจัง เธอมองเค้าตาแป๋วแล้วพูดด้วยนํ้าเสียงหงุดหงิดปนนิดๆ เหอะ! อย่าคิดว่าหล่อแล้วเจสสิก้าจะยอมอ่อนข้อให้! ฝันไปเถอะ ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กและลอดขำเบาๆในความน่าเอ็นดูของเธอ ตัวเล็กเท่ามดแต่ซ่าอย่างกับนักเล็ง “งั้นพี่ขอชดเชยด้วยการจีบน้องแล้วกันนะครับ” ชายหนุ่มโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเธอเบาๆ ก่อนจะอมยิ้มเดินออกไปหลังพูดเสร็จ ปล่อยให้อีกคนได้แต่ยืนกอดอกมองตามด้วยความไม่ชอบใจนัก แต่พอคิดได้เท่านั้นว่าเขาเป็นใคร… เริ่มจะสนุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น “หึ!คงจะเป็นพี่ปอร์เช่สินะ!” เจสมองตามหลังชายพิเรนที่เดินออกไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แหงสิเมื่อมีหนุ่มหล่อแถมยังฮ็อตมาจีบ คนอย่างเจสสิก้าน่ะหรอจะปล่อยโอกาสแบบนี้ไป แต่คิดไปคิดมา..เหมือนยัยวิวนั่นจะชอบพี่เค้าด้วยสิ หึ!งานนี้คงจะสนุกแน่!“คุณเจสครับ…” เสียงของชายหนุ่มร่างสูงในชุดบอดี้การ์ดดังขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังกอดร่างไร้วิญญาณที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนใหญ่แน่นจนตัวสั่นสะท้าน น้ำตาไหลพรากไม่หยุดราวกับจะขาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาทั้งน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้น “ใจเย็นก่อนเถอะครับ…คุณเจส” “ฮึก…จะให้ใจเย็นได้ยังไง!” เธอตะโกนเสียงสั่น “คนที่เป็นเหมือนทั้งชีวิตของฉันจากไปแล้ว…พวกนายยังมีหน้ามายืนอยู่เฉยๆ อีกเหรอ!” บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจแผ่ว ดวงตาเศร้าหมองไม่แพ้กัน “พวกเราก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าคุณหรอกครับ แต่ก่อนที่นายจะจากไป เขาฝากคำขอไว้ข้อหนึ่ง…คำขอสุดท้ายที่สำคัญมาก” หญิงสาวเงียบกริบ ก่อนถามทั้งน้ำตา “เขาขออะไรไว้…รีบไปทำสิ!” “ไม่มีใครทำได้หรอกครับ…นอกจากคุณเจสคนเดียว” “ทำอะไรล่ะ ก็รีบพูดมาสิ!” ชายลูกน้องสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ “นาย…อยากให้คุณเจสให้อภัยเขาครับ” เธอสะอื้นหนักกว่าเดิม หัวใจดวงน้อยบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออก “ฮึก…ฉันให้อภัยเขาไปตั้งนานแล้ว เรากำลังจะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อยู่แล้วแท้ๆ…ฮึก…ทำไมเขาต้องมาทิ้งฉันไปแบบนี้ด้วย…” เธอหันกลับไปมองร่างที่นิ่งสงบ ดวงตาแดงช้ำเต็มไปด้วยควา
หญิงสาวกลับมาถึงคอนโดหรูของตัวเอง ร่างเล็กไม่อาจอยู่นิ่งได้ เดินวนไปมารอบห้องอย่างกระวนกระวาย ใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ตีรวนอยู่ข้างใน มือที่กำโทรศัพท์ไว้แน่นถูกยกขึ้นมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่เธอจะตัดสินใจจะโทรออกไปยังหมายเลขที่ห่างหายจากการติดต่อมานาน ทว่าปลายนิ้วที่เตรียมจะกดโทรกลับต้องชะงัก เมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเบาๆ ตริ้ง! เธอแตะเข้าไปดูข้อความนั้น และถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาคล้ายคนที่ยังถูกความรู้สึกเก่าทำร้ายไม่เลิก “พี่ครับ ออกมาเจอผมที่ร้าน XXX หน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากเล่าความจริงทั้งหมดให้พี่ฟัง ผมขอร้องนะครับ” เอาเถอะ ในเมื่อปัญหาอย่างหนึ่งเพิ่งจะถูกคลี่คลาย เหลือเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ก็คงถึงเวลาต้องจัดการให้มันจบสิ้นเสียที ส่วนเรื่องที่เธอกำลังจะทำเมื่อครู่ ก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน ⸻ “พี่ครับ ทางนี้” เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูตามนัด เธอก็พบกับเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของข้อความนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้านใน เขาโบกมือเรียกเธอด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ หญิงสาวเดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าเรียบเฉยและไร้อารมณ์ “เข้าประเด็นเลยดีกว่า” เพิ่งจะนั่งลง เธอก็พ
“อีเจส มึงรู้ป่ะ กูโคตรเกลียดมึงเลย” “แต่ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ” “มึงโลกสวยไปป่ะ มึงมันอีตัวขัดขวาง… อีตัวทำลายชีวิตกู ถ้าไม่มีมึงเข้ามาในชีวิตกูตั้งแต่แรก กูคงจะมีแต่ความสุข!” “กูผิดขนาดนั้นเลยเหรอ…” “มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะ? ไร้ยางอายสิ้นดี! จำใส่หัวมึงไว้ด้วยว่ากูเกลียดมึงเข้าไส้เลย มึงมันอีเพื่อนทรยศ!!!” “ไม่จริง…” อีเพื่อนทรยศ “ไม่จริง!!!!” เฮือก!… แฮก… แฮก… หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ความฝันอันเจ็บปวดนั้นเหมือนจริงยิ่งกว่าความจริง เธอกวาดตามองไปรอบห้อง ก่อนพบว่าตนเองกำลังสวมชุดผู้ป่วย และอยู่ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล “เจส!! เป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงทุ้มด้วยความตระหนกทำให้เธอหันไปมองต้นเสียงทันที แล้วก็พบกับสีหน้าอันเต็มไปด้วยความกังวลของชายหนุ่มที่แม้เธอจะหลบซ่อนจากเขายังไง ก็ไม่มีวันรอดพ้นสายตาเขาได้… และครั้งนี้ก็เช่นกัน “เปล่า… แค่ฝันร้าย” “ดูสิ เหงื่อเต็มเลย” ปอร์เช่รีบยื่นมือมาแตะใบหน้าจิ้มลิ้มเพื่อเช็ดเหงื่อให้เธอ เจสไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด เพียงแต่นิ่งเฉย ปล่อยให้เขาทำไป “กอบัวล่ะ… กอบัวเป็นยังไงบ้าง?”
“เฮ้ย! จัดการดิ รออะไรอยู่ล่ะ? เหยื่อสวยๆ ขาวๆ อึ๋มๆ แบบที่พวกแกชอบเลยไม่ใช่เหรอ เอาให้เต็มที่เท่าที่พวกแกต้องการเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสียงหัวเราะสะใจดังลั่นจากริมฝีปากของ วิว เธอยืนกอดอกด้วยท่าทีพึงพอใจ มองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับเป็นฉากละครที่เธอรอคอยมานานแสนนาน “หึ ได้เลย แบบนี้แหละ…ของชอบ~” หนึ่งในชายร่างใหญ่กล่าวขึ้น พลางยักคิ้วให้พรรคพวกอย่างพออกพอใจ ก่อนที่ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนจะก้าวเท้าเข้าหาเหยื่อสาวสองคนอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวก่อน!!” เสียงหวานแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของ กอบัว ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เรียกความสนใจของพวกมันได้ทันที “อะไรวะ?” “ถ้าจะทำอะไร ก็แก้มัดฉันก่อนสิ! มัดไว้กับเก้าอี้แบบนี้ จะทำอะไรก็ลำบากมั้ยล่ะวะ!” “เออว่ะ จริงของมึง” หนึ่งในชายห้าคนเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวร่างเล็กด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือกับดัก เจส ที่อยู่ข้างกอบัวค่อยๆ ชักมีดพับขนาดเล็กซึ่งเธอซ่อนไว้บริเวณเอวอย่างแนบเนียน เธอเตรียมไว้ตั้งแต่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสถานที่นี่ “เฮ้ย! มันมีมีด!!” ชายที่กำลังจะเข้ามาแก้มัดรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ เมื่อเห็นมีดแหลมคมวาววับสะท้อนแสงในมือหญิงสาว
“เฮือก!” หญิงสาวสะดุ้งลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมหอบหายใจแรงเหมือนคนเพิ่งเผชิญกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัวสุดขีด เธออยู่ในสภาพเหมือนช็อก ความรู้สึกเหมือนจิตหลุดออกจากร่าง “นี่ฉันฝันไปเหรอเนี่ย…ฝันบ้าอะไรวะ” เธอยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ ราวกับจะเรียกสติกลับคืนมา หัวใจยังเต้นระรัวขณะที่เธอครุ่นคิดถึงภาพในฝันเมื่อครู่ มันทั้งน่าอาย น่าเวทนา และเหมือนจริงเสียจนเธอแทบแยกไม่ออก “พึมพำอะไรแต่เช้าครับ…ที่รัก” “เฮือก!!” เสียงทุ้มข้างๆเรียกคนตัวเล็กให้รีบหันควับไปมอง แล้วต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้เธอหยุดหายใจ ชายหนุ่มรูปร่างเซ็กซี่ หุ่นกำยำ นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างๆ ร่างกายเขาถูกคลุมไว้เพียงท่อนล่างด้วยผ้าห่ม บนใบหน้าประกบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มือขาวข้างหนึ่งยังโอบเธอไว้แน่นราวกับเธอเป็นของเขา “อร๊าย!!” เจสสิก้ากรี๊ดเสียงดังลั่นห้อง พร้อมดีดตัวลุกขึ้นทั้งที่ยังเอาผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ชายหนุ่มนอนยิ้มพอใจอยู่บนเตียงกับปฏิกิริยานั้นของเธอ “หึ…เด็กน้อย…” แกร๊ก! ไม่นานนัก ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ร่างเล็กเดินออ
“มันเรื่องบ้าอะไรอีกวะ ทำไมเรื่องบ้าพวกนี้ถึงต้องเกิดกับฉันด้วย ทำไมมันไม่จบไม่สิ้นสักที” ในที่ที่ดังไปด้วยเสียงเพลง เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แสงสีกระจัดกระจาย หญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวนั่งกระดกเหล้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่สนว่าคนรอบๆ จะมีใครมองหรือพูดจานินทา ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่นั่งดื่มมาตั้งแต่ช่วงเย็น หญิงสาวดื่มพลางถามคำถามตัวเองที่ตอบไม่ได้ “ชอบของขวัญสำหรับงานแต่งวันนี้มั้ยครับ ที่รัก…” ก่อนที่เธอจะกระดกเข้าปากอีกแก้วนั้น ได้มีเสียงชายรูปหล่อกระซิบเข้ามาในหูเธอเสียก่อน หญิงสาวหันไปมองก็พบกับชายหนุ่มคนนั้นอีกแล้ว… คนที่เธอแอบรอเขาอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่โผล่มา แต่มาตอนนี้กลับมาถามว่าชอบของขวัญที่เขาให้หรือเปล่า คนตัวเล็กหรี่ตามองใบหน้าหล่อเหลานั้น ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเธอ “หึ… เมื่อกี้คงเป็นแผนของนายสินะ” “เป็นไงครับ ชอบมั้ย” “ชอบหรอ… อืม… คงจะชอบมากกว่านี้ถ้าหากนาย—” ฟึบ! “อ้าว… ทำไมไม่พูดให้จบล่ะ” เมื่อเธอพูดยังไม่ทันจบก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะ ทั้งในมือยังคงถือแก้วเหล้าเอาไว้แน่น “พี่เธอมานั่งตั้งแต่ร้านเปิดเลยครับ เหล้าหมดไปเป็นเจ็ดขวดแล้วครับ” ชาย